บทที่ 725 เจ้าดูสิ พวกเขากำลังร้องเรียกพวกเจ้าอยู่!
ร่างสูงใหญ่มากมายตระหง่านอยู่นอกอาณาจักร ปะทุแสงเจิดจ้าไปทั่วทั้งร่าง ส่องสว่างทั้งนอกอาณาจักรจนสว่างไสว จรัสแยงตาเสียยิ่งกว่าดวงดารา
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนมาอยู่นอกอาณาจักรกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น เตรียมพร้อมรับศึก!
เมื่อคราวตระกูลเริ่นและตระกูลอวี๋ถูกขับไล่ออกไป พวกเขาเห็นกันทั้งหมด พลังระดับนี้สร้างความตะลึงแก่พวกเขาจริง ๆ และทำให้พวกเขารู้ว่านี่มิใช่สิ่งที่พวกเขาต่อกรได้ไหวตามลำพัง
เพราะอย่างนั้น พวกเขาจึงคอยจับตามองสถานการณ์นอกอาณาจักร อยากรู้ว่าเหตุใดตระกูลเริ่นและตระกูลอวี๋ถึงถูกขับไล่ แล้วเหตุผลที่สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้ถึงเลือกลงมือกับตระกูลเริ่นและตระกูลอวี๋
บัดนี้ พวกมันกระจ่างแจ้งกันหมดแล้ว
สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้ตั้งใจข่มขวัญสิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนอย่างพวกเขา!
เชือดไก่ให้ลิงดู!
ต่อหน้าเหมือนต้องการจัดการตระกูลเริ่นและตระกูลอวี๋ แท้จริงแล้ว ลับหลังต้องการเตือนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจากแดนเซียนอย่างพวกเขา
พวกเขาตระหนักถึงข้อดีนี้ เพราะอย่างนั้น จึงมาที่นี่อย่างพร้อมเพรียงโดยมิต้องหารือ
พวกเขาไม่มีทางยอมให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นกลุ่มนี้ข่มเหงพวกเขาง่าย ๆ
“ข้าบอกแล้วว่าหากตัดทางกันเกินไปจะต้องเกิดเรื่อง! พวกเจ้าดันไม่ฟัง ดื้อดึงจนถึงที่สุดจนได้!”
บรรพจารย์ตระกูลเริ่นหันมองประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิง หัวเราะเย็น ๆ พลางกล่าว “คราวนี้กลับกลายเป็นพวกเจ้า! บัดนี้ พวกเจ้าอยากจะทำข้อตกลงก็เป็นไปไม่ได้แล้ว!”
เขาคาดการณ์ถึงตอนนี้ไว้แต่แรกแล้ว
หากว่าประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงดื้อด้านจนถึงที่สุด เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนจะต้องออกโรงอย่างแน่นอน
และทันทีที่เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนออกโรง เรื่องนี้ก็ไม่มีทางจบกันด้วยดีแน่!
“ผู้ใดอยากจะตกลงกับพวกเจ้ากัน?!”
สีหน้าสือเฟิงราบเรียบ ปราศจากความกังวล
เขาติดต่อกับผู้เฒ่าเมิ่งจีอยู่ตลอด
ที่บรรดายอดฝีมืออย่างผู้เฒ่าเมิ่งจียังไม่มาอยู่นอกอาณาจักรเสียทีก็เพราะต้องการรอให้เหล่ายอดฝีมือกองกำลังจากแดนเซียนโผล่ออกมาเสียก่อน!
พวกเขาก็รู้ดีว่ายอดฝีมือกองกำลังอื่น ๆ ในแดนเซียนต่างจับตามองสถานการณ์ด้านนี้อยู่ และรู้ว่ายอดฝีมือกองกำลังอื่น ๆ ในแดนเซียนจะต้องลงมือแน่นอน
ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนของพวกเขา
“ผยองนัก!”
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเจ้าจะโอหังขนาดนี้!”
บรรดายอดฝีมือจากแดนเซียนหัวเราะเสียงเย็น พากันเดินออกมาหนึ่งก้าว เปล่งพลังปราณสยดสยองออกมาเต็มที่ เล็งเป้าไปยังประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิง
ท้ายที่สุดแล้ว ศึกนี้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง และศึกนี้ยังสำคัญอย่างยิ่งยวด พวกเขาต่างให้ความสำคัญอย่างมาก มิได้ชะล่าใจแม้แต่น้อย ต่างเค้นพลังทั้งหมดในตัวออกมา
“ที่นี่เป็นถิ่นของเรา พวกเราย่อมต้องโอหัง! หากไม่เต็มใจอยู่ก็กลับไปเสีย!”
ร่างอีกหลายร่างเหินออกจากอาณาจักร มายังที่นี่
ตงฟางเวิ่น ผู้เฒ่าเมิ่งจี จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงมากันหมด
“หากยังอยากอยู่ในแดนดินพวกเรา จำต้องเคารพกฎของเรา เก็บหางที่ผงาดอยู่ของพวกเจ้าเสีย ระวังคำพูดคำจาและการกระทำด้วย!”
ตงฟางเวิ่นก้าวออกมาอยู่ด้านหน้าสุด ทอดมองเหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนพลางกล่าว
ยามนี้ เขาสะท้อนใจเหลือคณา
ในอดีต เขาเป็นเพียงตัวละครต่ำต้อยไร้ความสำคัญ ตัวเขาเองถูกควบคุมโดยกองกำลังฮวงเฉวียน ไม่มีแม้แต่อิสรภาพ
ทว่าเขาในยามนี้ แม้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนก็มิต้องเกรงกลัวอันใด มีพลังพอจะเข้ากำราบ
นี่เพิ่งผ่านไปนานเท่าใดเอง
เขาก็มีพลังระดับนี้แล้ว!
จะมิให้เขาสะท้อนใจได้อย่างไร
คุณชาย!
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีล้วนเป็นพรประทานจากคุณชาย!
เขาช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ได้พบคุณชายผู้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาทั้งชีวิตของเขาไป!
“เหลวไหล!”
ยอดฝีมือแดนเซียนตนหนึ่งยิ้มเย็น จิตสังหารในตัวพลุ่งพล่าน จ้องมองตงฟางเวิ่นด้วยสายตาโหดเหี้ยม “รากฐานของแดนเรามิใช่สิ่งที่สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอย่างพวกเจ้าจะจินตนาการออก ริอ่านให้เรายอมฟังคำสั่งพวกเจ้าเชียวหรือ พวกเจ้าควรค่าที่ไหน!”
มันแหงนหน้าคำราม คลื่นพลังน่าครั่นคร้ามซัดสาด สะเทือนจนดวงดาราทั้งหมดในระบบดวงดาวนี้สั่นไหวรุนแรง
มันคือหมีดำตัวหนึ่ง หลังส่งเสียงคำราม ร่างของมันก็ขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียว มันก็ตัวใหญ่เสียยิ่งกว่าดาวดวงหนึ่ง!
นี่คือจ้าวอสูรตนหนึ่ง พลังแกร่งกล้าเป็นพิเศษ ถือเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ ในแดนเซียน!
“รนหาที่ตายนัก ศึกนี้จะให้พวกเจ้าได้เห็นความเก่งกาจของแดนเซียนเรา!”
อสูรอีกตนหนึ่งคำราม ร่างอสูรขยายใหญ่อย่างรวดเร็วเช่นกัน ตัวนี้คือวานรมาร เทียบกับหมีดำแล้วมีแต่จะทรงพลังกว่า!
มันยื่นมือใหญ่ข้างหนึ่งออกไป กระบอกเหล็กดำมหึมาแท่งหนึ่งปรากฏ เพียงโบกเบา ๆ ก็มีคลื่นพลังน่ากลัวซัดสาดออกไป ดวงดาวรอบ ๆ ระเบิดแหลกลาญในบัดดล
ว่ากันตามระดับพลังโดยรวม เผ่าอสูรนั้นมิสู้มนุษย์ แต่หากว่ากันตามกำลังรบส่วนบุคคล เผ่าอสูรย่อมต้องดุดันกว่า กำลังรบระดับแนวหน้าในแดนเซียนมาจากเผ่าอสูรอยู่มาก
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
ประกายเย็นยะเยือกสาดส่อง บรรพจารย์แดนเซียนตนหนึ่งเรียกกระบี่สวรรค์ออกมาขวางอยู่เบื้องหน้า นี่คือบรรพจารย์ตระกูลอู่ พลังน่าครั่นคร้ามอย่างยิ่งยวด ตระกูลอู่เป็นอันดับหนึ่งในแดนเซียน มีกำลังรบโดยรวมเป็นที่หนึ่ง!
“วันนี้ข้าจะฆ่าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอย่างพวกเจ้าให้เกลี้ยง!”
สายตาของเขาทอประกายดุดัน เสียงเย็นยะเยือก ฟังแล้วรู้สึกเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง หนาวไปถึงกระดูก
สิ้นเสียงเขา ยอดฝีมือตระกูลอู่ตนอื่นพากันเรียกอาวุธเซียนออกมา เล็งไปที่พวกตงฟางเวิ่น
ตระกูลอู่นั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง มีบรรพจารย์อยู่แปดท่านด้วยกัน พลังของบรรพจารย์ทุกท่านล้วนเหนือกว่าบรรพจารย์ตระกูลเริ่น อยู่ในขั้นเซียนจวิน!
“ไม่เลว!”
“บังอาจคิดสั่งสอนพวกเรา พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าความตายเป็นอย่างไรใช่หรือไม่!”
“ดินแดนของพวกเราคือแดนเซียน หากไม่มีความสามารถติดตัวบ้าง ไฉนเลยจะกล้าเรียกขานตนว่าแดนเซียน!”
ยอดฝีมือตนอื่น ๆ จากแดนเซียนพากันหัวเราะเสียงเย็น ต่างเรียกอาวุธเซียนซึ่งแกร่งกล้าที่สุดที่พวกเขามีออกมา เค้นพลังพวกเขาให้ถึงจุดสูงสุด เตรียมรับศึกนี้
“!!!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอื่น ๆ กลัวจนตัวสั่นระริก พวกเขาหนีห่างจากที่นั่นนานแล้ว แต่ก็ยังไม่ไหว คลื่นพลังที่แผ่กระจายออกจากเหล่ายอดฝีมือแดนเซียนยังเกินกว่าที่พวกเขาจะต้านไหว พวกเขาไม่เคยพบเจอขบวนทัพเช่นนี้มาก่อน!
จะให้แย่งชิงกันอย่างไรไหว?!
พวกเขาต่างภาวนาให้พวกตงฟางเวิ่นกำราบเหล่ายอดฝีมือแดนเซียนไว้ได้ มิฉะนั้น ด้วยนิสัยของเหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียน พวกเขาคงไร้วาสนากับแดนบรรพโกลาหลแล้ว
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนไม่มีทางยอมให้พวกเขาเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล
“นี่มัน…เกิดอันใดขึ้น?!”
เวลานั้น นาวาโบราณลำหนึ่งแล่นมา หลังได้เห็นเหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียน พวกเขาต่างตกตะลึง หยุดนาวาโบราณไว้ทันที
“พวกนั้นเป็นตัวอะไรกันนี่!”
บนนาวาโบราณ เด็กสาวผู้หนึ่งกะพริบตากลมโต ยากจะปิดบังสีหน้าขวัญผวาไว้ได้เช่นกัน
คลื่นพลังปราณที่แผ่ซ่านออกจากตัวเหล่ายอดฝีมือแดนเซียนต่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงขีดสุด คนเหล่านั้นเป็นตัวตนเหนือเซียนอย่างนั้นหรือ?
“นี่คือสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนั้นหรือ พวกเขาก็กลับมาด้วย! แต่หากลองคิดดูแล้ว พวกเขาไฉนเลยจะไม่กลับมา! แดนบรรพโกลาหลใกล้จะปรากฏออกมาแล้ว พวกเขาย่อมต้องกลับมาแย่งชิงแน่!”
บิดาของเด็กสาวเอ่ยอยู่ข้างกายนาง เห็นได้ชัดว่าเขารู้อะไรต่อมิอะไรมากกว่า ทราบถึงภูมิหลังของยอดฝีมือแดนเซียนทั้งหลาย
เขาคือจักรพรรดิชาง เด็กสาวคือชางเหยา
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา ชางเหยาอยากรู้อยากเห็นในเรื่องราวนอกอาณาจักรเหลือแสน เที่ยวเล่นไปทั่วจึงได้เพิ่งถึงเอาป่านนี้
หากมิใช่เช่นนั้น พวกเขาคงมาถึงนานแล้ว
“หา มีพวกเขาอยู่ พวกเรายังจะมีโอกาสได้อะไรจากแดนบรรพโกลาหลอีกหรือ”
ชางเหยาคอตก นางยังหวังจะเก็บเกี่ยวบางอย่างจากแดนบรรพโกลาหลแล้วไปกำราบมัจฉาสัตมายา ให้มัจฉาสัตมายายอมเป็นสามีของนางแต่โดยดี
ทว่าบัดนี้ดูแล้ว ฝันของนางคล้ายว่าใกล้จะสลาย…
“พูดยาก…”
จักรพรรดิชางตอบด้วยสีหน้าหนักใจ “พวกเราคอยดูสถานการณ์ไปก่อนเถิด หากไม่ไหวจริง ๆ พวกเราคงได้แต่ถอนกำลังกลับ”
‘ขอโอกาสให้ข้าสักคราเถิด! ข้าต้องไปกำราบท่านพี่ชวนอีก!’
ชางเหยากะพริบตากลมโต ภาวนาในใจเงียบ ๆ
ชีวิตนี้ของนาง นางไม่ต้องการอย่างอื่น นอกจากให้มัจฉาสัตมายามาเป็นสามีของนาง และการเดินทางไปยังแดนบรรพโกลาหลในครานี้เป็นโอกาสสูงสุดของนาง นางไม่อยากพลาดไปจริง ๆ!
ขณะเดียวกัน เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนก้าวออกไปทีละก้าว พลังปราณทั้งหมดล้วนเล็งเป้าไปที่พวกตงฟางเวิ่น
พวกตงฟางเวิ่นหาได้เกรงกลัวไม่ สีหน้าราบเรียบกันถ้วนหน้า ปราศจากความกังวล
“ในเมื่อพวกเจ้าอยากสู้ เราก็มาสู้กันสักตั้ง!”
ตงฟางเวิ่นเดินอยู่ด้านหน้าสุด พลังของเขาแข็งแกร่งดุดันเป็นที่สุด ย่อมต้องเป็นแนวหน้าสุดเพื่อฝ่าทะลวง
เสียงดังฟึ่บ เขายกมือเรียกคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเล่มหนึ่งออกมา เสี้ยวพริบตานั้น ปรมัตถ์วิถีหมากล้อมสูงส่งหลั่งไหลออกมา แม้กระทั่งเหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนยังสะท้านใจเหลือคณา
ครานั้น ยามตงฟางเวิ่นต่อกรกับเหล่าบรรพจารย์จากตระกูลเริ่นและตระกูลฉีก็ได้ใช้คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเล่มนี้
ทว่าครานั้น พวกเขามิได้อยู่ตรงนั้น แม้จะสัมผัสถึงปรมัตถ์วิถีหมากล้อมสูงส่งที่แฝงอยู่ในคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม กระนั้นก็ไม่สะท้านใจเท่าการได้เผชิญหน้าตรง ๆ!
ปรมัตถ์วิถีหมากล้อมสูงส่งที่ไหลเวียนออกมาเหนือกว่าขอบเขตการรับรู้ของพวกเขาไปไกล นี่คือคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมที่รั่วไหลออกจากแดนบรรพโกลาหลหรืออย่างไร
พวกเขาต่างรู้สึกว่าคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมเล่มนี้เกี่ยวข้องกับแดนบรรพโกลาหล
“ฆ่า!”
“ลุยเข้าไปด้วยกัน!”
พวกเขามิได้ตื่นกลัว ต่างบุกทะลวงไปข้างหน้า ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาไม่ยอมถอยในศึกนี้แน่!
ตงฟางเวิ่นบุกเข้าไป จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงก็บุกเข้าไปเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างได้รับการชี้แนะด้านหมากล้อมจากคุณชาย มีความเข้าใจในวิถีหมากล้อมสูงส่ง
จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงในตอนนี้ก็มิได้ด้อยนัก ลำพังพรสวรรค์ด้านหมากล้อม เขาเก่งกาจกว่าตงฟางเวิ่นเสียอีก ต่อมา หลังเขาจัดการเรื่องราวในแดนสังสารวัฏเรียบร้อยแล้วก็อยู่ข้างกายต้นหลิวมาตลอด
ต้นหลิวคอยชี้แนะเคี่ยวกรำเขาเช่นกัน ขอบเขตพลังของเขาก็บรรลุขึ้นไปอย่างรวดเร็วด้วย บัดนี้เป็นจ้าวแห่งเซียนตนหนึ่งแล้ว ขอบเขตเทียบเท่าตงฟางเวิ่น
นี่ก็สะท้อนให้เห็นถึงพรสวรรค์หมากล้อมอันเก่งกาจของเขา
หากมิใช่ว่าเขามีพรวสวรรค์ด้านหมอกล้อมเยี่ยมยอด เขาไม่มีทางไล่ทันขอบเขตพลังของตงฟางเวิ่นแน่
เขาเองก็ใช้คัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อมได้ กำลังรบที่สำแดงออกมานั้นมิได้ด้อยไปกว่าตงฟางเวิ่นเท่าใด
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลังพวกเขาสองคนบุกสังหารเข้าไป เสียงระเบิดดังตูมตามไม่หยุด พวกเขาสองคนยืมพลังจากคัมภีร์กลยุทธ์หมากล้อม ดุดันไร้เทียมทาน ทลายแนวทัพยอดฝีมือแดนเซียนได้ในพริบตา!
“พวกเราก็ลุยด้วย!”
“ไปกันเถิด!”
พวกสือเฟิงเข้าร่วมการต่อสู้ เลือกคู่มือที่พวกเขาสู้ไหวแล้วเริ่มการปะทะ
“อ๊ากกก! สหายด้านใน พวกท่านยังไม่คิดออกมาอีกหรือ”
“พวกท่านไม่ออกมารบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเรา ร่วมต่อกรกับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในตอนนี้ ต่อไปคงถึงคราวพวกท่านแน่!”
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนคำรามลั่น
พวกเขาเรียกหายอดฝีมือจากแดนมรณา!
คราวยอดฝีมือจากแดนมรณาเข้ามา พวกเขาสัมผัสกันได้หมด
แม้ว่าพวกเขามิสู้จะทราบภูมิหลังของแดนมรณาเท่าใด ทว่าแดนมรณาถือเป็นสิ่งมีชีวิตภายนอกเช่นกัน พวกเขาเชื่อว่าแดนมรณาก็จับตาดูสถานการณ์ด้านนี้อยู่เช่นกันแน่นอน พวกเขาต่อกรกับพวกตงฟางเวิ่นไม่ไหว จึงต้องการให้ยอดฝีมือจากแดนมรณาร่วมรบกับพวกเขาด้วย
…
สถานที่สักแห่งในอาณาจักรนี้
“พวกเขากำลังเรียกพวกเจ้าอยู่นะ…”
จักรพรรดินีมองจ้าวมรณาพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบาบาง