บทที่ 726 ปิดฉากการต่อสู้ อาณาจักรทั้งปวงเข้ามาได้!
จักรพรรดินีคอยจับตามองสถานการณ์นอกอาณาจักรอยู่เช่นกัน นางได้ยินเสียงร้องเรียกจากเหล่ายอดฝีมือในแดนเซียน
จึงรู้ว่ายอดฝีมือแดนเซียนกำลังเรียกหายอดฝีมือจากแดนมรณาอยู่
“หาใช่เช่นนั้น! พวกเราไม่รู้จักพวกเขาสักหน่อย!”
หลังจ้าวมรณาได้ยินคำกล่าวของจักรพรรดินี ก็สะพรึงจนขนลุกขนพอง
เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดินีมีความเกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้น แม้จะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่เขาก็ไม่กล้ายั่วยุจักรพรรดินี ขืนทำให้ท่านผู้นั้นมาเยือนอีก เกรงว่าพวกเขาคงตายไม่รู้ตัว!
‘พวกเจ้าสู้ของพวกเจ้าไป เกี่ยวอันใดกับพวกเรา ไยต้องเรียกหาพวกเราด้วย!’
เขาก่นด่ายอดฝีมือแดนเซียนในใจ เขาเองก็จับตามองสถานการณ์นอกอาณาจักรอยู่เช่นกัน รู้ว่ายอดฝีมือแดนเซียนกำลังร้องเรียกพวกเขาอยู่
“ไปกันเถิด ในเมื่อพวกเขาร้องเรียกพวกเจ้า ก็ไปดูกันหน่อยเถิด”
จักรพรรดินียิ้มบาง ร่างของนางหายไปจากตรงนั้น เมื่อนางปรากฏกายออกมาอีกครั้ง ก็มาถึงนอกอาณาจักรแล้ว
อาจารย์ของนางและหยวนอีอยู่นี่กันหมด เวลานี้มาอยู่นอกอาณาจักรด้วย
“อยู่เฉย ๆ แท้ ๆ ความซวยยังดันมาหาเสียได้!”
จ้าวมรณาสบถเสียงเคียดแค้น มิกล้าลังเลชักช้า รีบนำทัพยอดฝีมือแห่งแดนมรณาไปยังนอกอาณาจักร
ไม่นานนักพวกเขาก็มาอยู่นอกอาณาจักร
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนนั้นอเนจอนาถเป็นที่สุด ถูกกำราบจนสะบักสะบอมไปหมด
อย่างไรพวกเขาก็สู้ไม่ไหว ไม่อาจเทียบชั้นกำลังซึ่งอยู่เหนือขอบเขตเซียนจริง ๆ ขึ้นไป ห่างกันไกลโข เมื่อต้องเผชิญกับการถล่มสังหารจากพวกตงฟางเวิ่น พวกเขาไม่อาจสกัดกั้นได้เลย
หลังพวกเขาเห็นยอดฝีมือจากแดนมรณามา ก็ตาลุกวาวกันในบัดดล
“ทุกท่านรีบมาร่วมต่อสู้กับพวกเรากันเถิด!”
“สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอย่างพวกเขาเกินไปจริง ๆ!”
“เหตุใดสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้ถึงแข็งแกร่งได้ถึงปานนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหลมหาศาล! พวกเราทั้งหมดผนึกกำลังจัดการพวกเขาแล้วต้องได้รับข้อมูลของแดนบรรพโกลาหลมากขึ้นกว่านี้แน่!”
พวกเขาตะโกนใส่ยอดฝีมือจากแดนมรณา
ในความคิดพวกเขา ฝ่ายแดนมรณาย่อมไม่ละทิ้งโอกาสร่วมมือกับพวกเขา ถึงอย่างไรแดนมรณาก็เป็นสิ่งมีชีวิตภายนอกเช่นกัน หากไม่ตอบโต้เสียบ้าง จักต้องอยู่ใต้บัญชาของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้
“ทุกท่านรึ ทุกกับย่าแก่สิ!”
จ้าวมรณาตะคอกเสียงเย็น “มาอยู่ในถิ่นผู้อื่น แล้วยังไม่คิดเคารพกฎเกณฑ์ในถิ่นผู้อื่นอีก พวกเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? ผยองถึงเพียงนี้ มัววางมาดอะไรอยู่! เป็นเพียงเซียนเทียมฝูงหนึ่งเท่านั้น เหตุใดถึงกำเริบสืบสานได้ปานนี้!”
จากนั้น เขากล่าวต่อ “อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากภพเซียนจริง ๆ มานี่ก็ต้องเคารพกฎเกณฑ์ที่นี่! นี่คือมารยาทที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดพึงมี!”
มารยาทหรือ?!
อะไรกันนี่!
เรื่องนี้เกี่ยวอันใดกับมารยาท!
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนก่นด่าในใจ สงสัยอย่างยิ่งว่าสิ่งมีชีวิตจากแดนมรณายังไม่ตื่นเต็มตา มิฉะนั้นไยจึงเอ่ยวาจาที่ดูไม่เกี่ยวข้องเช่นนี้
“ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ไม่มีมารยาท พวกเจ้าสมควรถูกอัด! อัดมันเลย!”
จ้าวมรณานำทัพยอดฝีมือจ้าวมรณาบุกเข้าไปทันที
บัดนี้ เขาสงสัยอย่างยิ่งว่าพวกตงฟางเวิ่นก็เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นเช่นกัน ถึงอย่างไร ท่านผู้นั้นก็เคยออกหน้าแทนสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้ และสิ่งที่พวกตงฟางเวิ่นทำในตอนนี้ก็เป็นเช่นนั้น
หากไม่มีความเกี่ยวข้องกันสิแปลก!
สถานการณ์ของเหล่ายอดฝีมือในแดนเซียนไม่ดีอยู่แล้ว เป็นฝ่ายถูกถล่มเพียงฝ่ายเดียว บัดนี้ จ้าวมรณานำทัพยอดฝีมือจากแดนมรณาบุกเข้ามา พวกเขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์อเนจอนาถยิ่งขึ้น ไม่อาจตอบโต้ได้เลย!
พวกเขาช้ำใจเป็นหนักหนา
เดิมตั้งใจเรียกยอดฝีมือจากแดนมรณามาช่วย ผลสุดท้าย ยอดฝีมือจากแดนมรณากลับเข้าข้างพวกตงฟางเวิ่น แล้วร่วมต่อกรกับพวกเขา!
หากรู้อย่างนี้ ให้ตายอย่างไรพวกเขาก็ไม่ขอเรียกยอดฝีมือจากแดนมรณามา!
นอกจากนี้ พวกเขาเองก็สะท้านใจเช่นกัน
เหตุใดฝ่ายแดนมรณาถึงยอมจำนนง่าย ๆ เป็นไปไม่ได้เลย!
ถึงอย่างไร ทันทีที่ถูกควบคุม พวกเขาจะพบกับข้อจำกัดหลายอย่าง สร้างความเสียเปรียบให้แก่ศึกแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหลของพวกเขาอย่างมาก
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายแดนมรณาคงเจอเหตุการณ์เช่นเดียวกับพวกเขา ถูกสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นบางจำพวกบุกไปหา และถูกกำราบลงทั้งหมด
มิฉะนั้น ฝ่ายแดนมรณาไม่มีทางอยู่ข้างเดียวกับพวกตงฟางเวิ่น
สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเหล่านี้น่าพรั่นพรึงถึงเพียงนี้จริงหรือ
พวกเขาตื่นตกใจจริง ๆ!
“แม่เจ้า ที่แท้เรื่องเหล่านี้มิได้เกี่ยวข้องกับ ‘พรสวรรค์’ ของข้าเลยสักนิด!”
อีกด้าน เริ่นลู่เข้าใจความจริงแล้วอย่างถ่องแท้
ที่ยอดฝีมือตระกูลฉีและตระกูลเริ่น รวมถึงเหล่าบรรพจารย์ถูกโยนออกมาหาได้เกี่ยวข้องกับ ‘พรสวรรค์’ ของเขาเลยสักนิด!
นี่เป็นเพราะพวกตงฟางเวิ่นแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก!
เขามิกล้าอยู่ที่นี่ต่อ คิดจะหนีไปเงียบ ๆ ทว่าสือเฟิงซึ่งจับตามองเขาอยู่ตลอดมิได้ลืมเลือนเขาแต่อย่างใด
“เจ้าชั่วช้าสามานย์ ปล่อยให้มีชีวิตต่อไปไม่ได้!”
สือเฟิงบุกเข้ามา สังหารเริ่นลู่ในทันที ตัวเขามีพลังหยินหยาง ทรงพลังเป็นที่สุด แม้ว่ากำลังรบระดับเริ่นลู่นั้นยากจะสังหาร แต่เขาก็ยังสังหารได้ง่ายดาย
“เจ้าก็เช่นกัน!”
ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนจับตาดูอวี๋ฮวนอยู่เช่นกัน เวลานี้เขาได้บุกเข้าไป ปลิดชีพอวี๋ฮวน!
ศึกนี้ดำเนินไปได้ไม่นานก็ปิดฉากลง บรรดายอดฝีมือในแดนเซียนถูกกำราบลงถ้วนหน้า ไม่เหลือท่าทียโสอีก
“เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้!”
เหล่ายอดฝีมือจากแดนเซียนต่างเจ็บใจอย่างยิ่งยวด พวกเขานั้นแกร่งกล้าปานใด สุดท้ายกลับถูกกำราบลงอย่างน่าสังเวชก่อนศึกแย่งชิงในแดนบรรพโกลาหลเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ ผลลัพธ์เช่นนี้เหนือการคาดการณ์ของพวกเขาไปมาก!
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรอื่น ๆ ก็สะท้านใจเป็นหนักหนา ไม่เคยคิดมาก่อนเช่นกันว่าสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรนี้จะดุดันน่าพรั่นพรึงเพียงนี้!
รู้หรือไม่ ก่อนมา พวกเขาไม่คิดเลยสักนิดว่าสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นจะน่าครั่นคร้ามถึงปานนี้
ในความคิดพวกเขา อาณาจักรนี้เป็นเพียงอาณาจักรระดับล่าง สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นภายในไม่มีทางเป็นภัยต่อพวกเขา
ทว่าความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขานั้นสายตาคับแคบเกินไป สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นในอาณาจักรนี้แข็งแกร่งจนจินตนาการไม่ออก!
“พวกเราจะแหวกพลังคุ้มกันอาณาจักรนี้ออกให้พวกเจ้าเข้ามา แต่พวกเจ้าต้องจำไว้ว่า พลังฝึกตนนั้นมิได้มีไว้ให้พวกเจ้าข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า! หากพวกเรารู้ว่าพวกเจ้าก่อกรรมทำเข็ญ พวกเราไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้แน่!”
เมิ่งจีก้าวออกมาพร้อมประกาศเสียงดัง
ปัญหาจากความพิศวงลางร้ายยังไม่คลี่คลาย นี่เป็นภัยร้ายที่ต้องปะทุออกมาไม่ช้าก็เร็ว เขาเองก็อยากให้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหล เช่นนี้แล้ว ยามความพิศวงลางร้ายปะทุ พวกเขาก็จะมีกำลังต่อกรกับความพิศวงลางร้ายที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ เขายังได้ยินจากตงฟางเวิ่นว่ามีกองกำลังและสถานที่ซึ่งน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าความพิศวงลางร้ายอยู่ นั่นคือภัยร้ายที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่า แม้แต่ต้นหลิวและก้อนหินยังเกือบเสียท่าในนั้น กลับมาไม่ได้!
หากมิใช่ว่าสุดท้าย ร่างภาพฉายของคุณชายปรากฏ ต้นหลิวและก้อนหินอาจตายอยู่ที่นั่นแล้ว!
เรื่องนี้ทำให้เขาต้องตรึกตรองอย่างหนัก
เหตุใดคุณชายถึงต้องสอนสั่งชี้แนะพวกเขาเช่นนี้ เป็นการกระทำโดยไม่คิดอันใดของคุณชายจริงหรือ
เขารู้สึกว่ามิใช่!
น่ากลัวว่าวันหน้าอาจมีภัยพิบัติที่แม้แต่คุณชายก็ต้องให้ความสำคัญอย่างเหลือแสน ที่คุณชายสอนสั่งชี้แนะพวกเขาก็เป็นการปูทางเพื่ออนาคต!
ต้นหลิวและก้อนหินแข็งแกร่งปานใด สุดท้ายเมื่อไปถึงที่นั่นก็ยังเกือบออกมาไม่ได้ เขาคิดว่า การที่สถานที่แห่งนั้นปรากฏออกมา เป็นลางว่าภัยพิบัตินั้นกำลังจะเกิดขึ้น!
เขายิ่งตระหนักถึงความสำคัญของพลัง และยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้น
แม้กระทั่งคุณชายยังต้องวางหมากไว้ก่อน ภัยพิบัตินั้นคงต้องน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งมียอดฝีมือมากเท่าไหร่ยิ่งดี
เพราะอย่างนั้น เขาไม่คิดจะหยุดตัวเองไว้เพียงเท่านี้ และตั้งใจให้สิ่งมีชีวิตจากทุกอาณาจักร รวมถึงแดนเซียนเข้ามาในอาณาจักรนี้ รอจนแดนบรรพโกลาหลปรากฏ แล้วค่อย ๆ แข็งแกร่งขึ้น
มีเพียงทำเช่นนี้ โอกาสผ่านพ้นภัยพิบัติระดับนั้นไปได้ถึงจะเพิ่มมากขึ้น
“เข้าใจแล้ว!”
“พวกเราจะกวดขันตัวพวกเรา และคนในตระกูลของเราอย่างเข้มงวด!”
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงพากันส่งเสียงตอบกลับ
“ดี!”
เมิ่งจีพยักหน้า ก่อนจะเรียกพู่กันออกมา
นี่คือพู่กันที่คุณชายประทานให้เขา เขาใช้พู่กันนั้นวาดภาพ สร้างเส้นทางขึ้นมาให้สิ่งมีชีวิตนอกอาณาจักรเข้ามาในอาณาจักรนี้ได้
“พวกเขาแข็งแกร่งเหลือเกิน!”
ชางเหยาเอ่ยเสียงตื่นเต้น “มิหนำซ้ำพวกเรายังได้รอเวลาเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลอีกด้วย!”
“เป็นเรื่องดี!”
จักรพรรดิชางพยักหน้า “หากเป็นเช่นนี้ อาณาจักรนี้กลับกลายเป็นอาณาจักรที่ปลอดภัยที่สุด”
หลังจากนั้น พวกเขาตามสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงเข้าไปในอาณาจักรนี้
“พวกเราหาที่พำนักกันก่อน”
พวกเขาแล่นนาวาโบราณตามหาสถานที่พักพิงอันเหมาะสม
สุดท้ายก็เจอสถานที่พักพิงอันเหมาะสม จึงจัดตั้งที่พำนัก
“เรียบร้อย ต่อไปนี้ ที่นี่คือฐานทัพของเราในอาณาจักรนี้!”
จักรพรรดิชางเอ่ยยิ้ม ๆ
สิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรทั้งปวงต่างพากันมายังอาณาจักรนี้ พวกเขาสมัครสมานเป็นที่สุด มิมีผู้ใดกล้ากำเริบสืบสาน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการข่มขวัญ
หากว่าพวกตงฟางเวิ่นมิได้ก่อศึกนอกอาณาจักร เวลานี้คงไม่มีทางสมานฉันท์กันเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตจากนอกอาณาจักรย่อมต้องรบราฆ่าฟันเพื่อแย่งชิงสถานที่พำนัก
และอาจถึงขั้นแย่งชิงที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอีกด้วย
ทว่าบัดนี้หาได้มีปัญหาเช่นนั้นไม่ ผู้ใดมาถึงก่อนได้เป็นเจ้าของ สิ่งมีชีวิตที่มาทีหลังย่อมไปหาที่พำนักอื่นแต่โดยดี และมิมีสิ่งมีชีวิตตนใดหาญกล้าหมายหัวสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น
“เสด็จพ่อ ลูกขอออกไปเชยชมรอบ ๆ เสียหน่อย!”
ชางเหยาทนอยู่ว่าง ๆ ไม่ได้เลย นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ออกจากอาณาจักรอวี้ซวี จึงสนใจใคร่รู้ไปเสียทุกอย่าง
“รออีกหน่อยเถิด!”
จักรพรรดิชางกล่าว กลัวจะเกิดเรื่องกับชางเหยา
“ไม่เป็นไรเพคะเสด็จพ่อ มีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้ากำแหงบ้าง เป็นเช่นที่เสด็จพ่อตรัสไว้ก่อนหน้า ที่นี่คืออาณาจักรที่ปลอดภัยที่สุด!”
ชางเหยาเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
“จริงอย่างที่ว่า”
จักรพรรดิชางไม่ห้ามปรามชางเหยาอีกต่อไป ถึงอย่างไรก็มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าผลีผลามกระทำการใด
ไม่รู้ว่าแดนบรรพโกลาหลจะปรากฏออกมาเมื่อไร ใช่ว่าชางเหยาจะไปเที่ยวเล่นรอบ ๆ ไม่ได้ การได้เปิดประสบการณ์บ้างก็ถือเป็นเรื่องดี
โดยเฉพาะหลังจากนี้พวกเขายังต้องเข้าไปในแดนบรรพโกลาหล และสถานการณ์ในแดนบรรพโกลาหลนั้นไม่แน่ไม่นอน อาจเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ทุกเมื่อ เขาเองก็ไม่อาจปกป้องชางเหยาไปได้ตลอด
ชางเหยาสามารถสั่งสมประสบการณ์ส่วนตัวและได้พลังเพิ่มขึ้นบ้างก่อนเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลนั้นยิ่งดี!
“ได้ เจ้าไปเที่ยวเล่นเถิด จำไว้ว่ายังต้องระวังตัวให้มาก และห้ามทำอะไรตามอำเภอใจในอาณาจักรนี้เด็ดขาด!”
จักรพรรดิชางกำชับชางเหยาไม่หยุด อีกทั้งมอบของวิเศษรักษาชีวิตให้ชางเหยาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วถึงวางใจปล่อยชางเหยาไป
สุดท้าย ชางเหยาไปจากที่นี่
นางเหาะเหินเดินอากาศ ทุกสิ่งทุกอย่างในอาณาจักรนี้ล้วนแปลกใหม่สำหรับนาง นางเดินทางไปไกลหลายลี้โดยไม่รู้ตัว
“นั่นอะไร!”
ทันใดนั้น ดวงตากลมโตของนางเป็นประกาย ขณะทอดมองไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง