กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ – ตอนที่ 44 อู่ซานเหอมาแล้ว

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

        สิ่งที่ตรงข้ามกับความยินดีของผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลอวิ๋นก็คือสีหน้าของคนตระกูลหวังทั้งสองซึ่งดำได้เท่าไรก็ดำเท่านั้น เดิมทีคิดว่าแค่แสดงพลังอำนาจของตระกูลหวังออกมาก็สามารถกดดันให้ตระกูลอวิ๋น ‘ร่วมมือ’ ได้โดยง่าย คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

        ในเมื่อต้องการขยายกิจการที่เมืองกวนซานเจิ้น พวกเขาย่อมศึกษาข้อมูลของยอดฝีมือในเมืองกวนซานเจิ้นมาแล้ว พวกเขาเคยได้ยินชื่อผู้เฒ่ากัวมาบ้าง และยิ่งรู้จักชื่อของโรงประมูลอินทรีเพลิงมากกว่า นั่นเป็นกลุ่มอำนาจที่มียอดฝีมือระดับท่องพันลี้ สำนักงานใหญ่ของพวกเขายังยิ่งใหญ่กว่าเมืองฉยงอวี่ โรงประมูลอินทรีเพลิงไม่ว่าตั้งอยู่ในเมืองใดล้วนเป็นขุมกำลังชั้นเลิศ

        “เฮอะๆ ตระกูลอวิ๋นยอดเยี่ยม โรงประมูลอินทรีเพลิงของเราตัดสินใจจะตกลงความร่วมมืออันแน่นแฟ้นกับพวกเขา ดังนั้นคนที่กล้าข่มเหงตระกูลอวิ๋นก็ถือเป็นศัตรูกับโรงประมูลอินทรีเพลิงด้วย!” ผู้เฒ่ากัวยิ้มตอบ สายตามองไปยังหวังลั่วเหิง คนทั้งหมดเข้าใจในทันทีว่าเขากำลังกล่าวกับตระกูลหวัง

        “บัดซบ!” หวังจิงอวิ๋นกัดฟันด้วยความแค้น เขารู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้เกินกำลังของตัวเองแล้ว

        “ผู้เฒ่ากัว นี่หมายความว่าอะไร พวกเรากับตระกูลอวิ๋นจะร่วมมือกัน ไม่มีเรื่องกดขี่พวกเขา” หวังลั่วเหิงเอ่ย เขารู้สึกว่าเรื่องราวชักจะไม่เข้าท่า ทำไมช่างตีเหล็กฟางและผู้เฒ่ากัวถึงได้ห่วงใยตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอวิ๋น หากพวกเขาต้องการความร่วมมือ มาร่วมมือกับตระกูลหวังไม่ใช่เรื่องที่ดีกว่าหรือ

        “ฮ่าๆ เมื่อครู่น้องชายแซ่ฟางเล่าสถานการณ์โดยรวมแก่ข้าแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นกิจการของตระกูลอวิ๋นแท้ๆ แต่พวกเจ้ากลับบีบบังคับเข้าร่วม ทั้งยังตักตวงผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไป นี่เรียกว่าร่วมมืออย่างนั้นหรือ หากโรงประมูลของข้าร่วมมือกับตระกูลอวิ๋นจะต้องมอบผลประโยชน์ส่วนใหญ่ให้พวกเขา” ผู้เฒ่ากัวพูดพลางหัวเราะอย่างไม่หวาดกลัวตระกูลหวังแม้แต่น้อย

        “ขอบังอาจถามผู้เฒ่ากัว ท่านเป็นตัวแทนของสำนักงานใหญ่โรงประมูลอินทรีเพลิง หรือสาขาในเมืองกวนซานเจิ้น” หวังลั่วเหิงเอ่ยถาม หากเป็นแค่ตัวแทนโรงประมูลในเมืองกวนซานเจิ้นก็ไม่จำเป็นต้องกลัวแล้ว

        “ใช่แล้ว หากตระกูลหวังมายังเมืองกวนซานเจิ้นก็สามารถร่วมมือกับโรงประมูล” หวังลั่วเหิงเอ่ยเสริม คิดจะใช้ผลประโยชน์ชักจูงผู้เฒ่ากัว ตระกูลเล็กๆ อย่างตระกูลอวิ๋นจะเทียบกับตระกูลหวังได้อย่างไร มันเชื่อว่าผู้เฒ่ากัวจะต้องไม่ปฏิเสธผลประโยชน์นี้แน่

        แต่ว่าสถานการณ์กลับตรงกันข้าม

        “แม้ข้าจะไม่ใช่ตัวแทนของสำนักงานใหญ่ แต่หากข้าชี้แจงสถานการณ์ให้ทางนั้นทราบ ทางสำนักงานใหญ่จะต้องสนับสนุนข้า พูดถึงความร่วมมือ ข้ายังพอใจจะร่วมมือกับตระกูลอวิ๋นมากกว่า”

        ม่านตาหวังลั่วเหิงหดลง เขารู้สึกว่าตนเองตรวจสอบตระกูลอวิ๋นมาไม่ดีพอ ดูจากปฏิกิริยาของผู้เฒ่ากัว ตระกูลอวิ๋นจะต้องมอบผลประโยชน์ให้เขาได้มากกว่าที่ตระกูลหวังต้องการเสียอีก

        ‘ที่จริงแล้วมีอะไรกระตุ้นความสนใจของช่างตีเหล็กฟางและผู้เฒ่ากัวกันแน่’ ตอนนี้หวังลั่วเหิงรู้สึกเหมือนคนส่วนใหญ่ในตระกูลอวิ๋น ตระกูลอวิ๋นจะต้องมีอะไรไม่ธรรมดาดึงดูดความสนใจของคนทั้งสอง ‘หรือจะค้นพบสายแร่พิเศษ’ 

        โทษไม่ได้ที่เขาจะคิดเช่นนี้ ช่างตีเหล็กฟางเป็นอาจารย์หลอมอาวุธ สิ่งที่ทำให้เขาและโรงประมูลต้องการร่วมมือสมควรเกี่ยวข้องกับการหลอมอาวุธเสียส่วนใหญ่ บางทีเป็นไปได้ว่าตระกูลอวิ๋นค้นพบสายแร่บางอย่าง พอคาดเดาได้เช่นนี้แล้ว ใจของหวังลั่วเหิงก็ยิ่งร้อนรน อยากทำเรื่องนี้ให้สำเร็จมากกว่าเดิม จะได้ช่วงชิงโชคลาภของตระกูลอวิ๋น

        ตอนนี้ผู้คนในตระกูลอวิ๋นกำลังมึนงง คิดไม่ออกว่าทำไมสองท่านนี้จึงออกหน้าช่วยเหลือ ว่ากันตามเหตุผล ตระกูลอวิ๋นไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจของคนทั้งสองได้เลย

        “ฮ่าๆ ทุกท่านไม่ต้องตื่นเต้นไป ในเมื่อเป็นการร่วมมือก็สามารถเจรจากัน หากตระกูลอวิ๋นเห็นว่าส่วนแบ่งผลประโยชน์นี้ไม่ดีพอ พวกเราก็สามารถหารือรายละเอียดได้” หวังลั่วเหิงยิ้มต่อ คิดขับไล่ช่างตีเหล็กฟางและผู้เฒ่ากัวออกไปก่อนค่อยบีบคั้นตระกูลอวิ๋น หากตระกูลอวิ๋นมีสองคนนี้คอยสนับสนุน มันก็ไม่กล้าเรียกส่วนแบ่งมากเกินไป

        ทางลงที่หวังลั่วเหิงเสนอ คิดไม่ถึงว่าช่างตีเหล็กฟางและผู้เฒ่ากัวจะไม่เล่นด้วย ช่างตีเหล็กฟางเอ่ยเสียงเย็น “เมื่อครู่ข้าก็บอกว่าให้สลับส่วนแบ่งของพวกเจ้ากับตระกูลอวิ๋นจึงจะได้ หากไม่เต็มใจก็ไม่ต้องคุยเรื่องความร่วมมือแล้ว รีบไสหัวกลับเมืองฉยงอวี่เสีย!”

        “เจ้า!” หวังลั่วเหิงแสดงสีหน้าไม่พอใจ “อาจารย์ฟางท่านแทรกแซงเรื่องผู้อื่นเช่นนี้ใช่วางอำนาจเกินไปหรือไม่”

        “วางอำนาจหรือ เปรียบเทียบกับตระกูลหวังแล้วไม่อาจนับเป็นอะไรได้” ช่างตีเหล็กฟางจ้องกลับไป ทำเอาหวังลั่วเหิงโมโหกว่าเดิม

        ผู้เฒ่ากัวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ไม่ผิด ข้าเห็นด้วยกับความคิดของอาจารย์ฟาง หากตระกูลหวังไม่เห็นด้วยกับการสลับส่วนแบ่งผลกำไรกับตระกูลอวิ๋น เช่นนั้นพวกเจ้าก็กลับไปเถอะ”

        ความจริงแล้วผู้เฒ่ากัวและช่างตีเหล็กฟางกำลังยิ้มเย็นอยู่ในใจ ตระกูลหวังหาเรื่องตายเข้าแล้ว กล้ามาหาเรื่องตระกูลที่มีคนคุ้มครอง การที่พวกเขาสอดมือเข้ามา หากมองอีกมุมหนึ่งถือว่าช่วยเหลือตระกูลหวังเสียด้วยซ้ำ

        “ดี! ดีมาก!” หวังลั่วเหิงหัวเราะเสียงเย็นยาวต่อเนื่อง สถานการณ์ในตอนนี้เขาเองก็จัดการไม่ได้แล้ว แต่ว่าเขาไม่มีทางยอมแพ้ เขามั่นใจว่าตระกูลอวิ๋นจะต้องมีของดี เขาจะต้องคว้าเอามาให้ได้

        ‘ช่างตีเหล็กฟางฐานะไม่ต่ำต้อย ผู้เฒ่ากัวที่อยู่ในโรงประมูลก็มีฐานะไม่ธรรมดา แต่แล้วอย่างไรเล่า ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ขุมกำลังของตนเอง แต่ใช้สถานะพิเศษมาอวดอ้างเท่านั้น รอให้ยอดฝีมือระดับก่อจิตของตระกูลหวังมาถึงก็ต้องแตกพ่ายเตลิดเปิดเปิง!’ หวังลั่วเหิงยิ้มเย็นอยู่ในใจ ถึงตอนนั้นมันจะใช้พลังอำนาจมากดหัวตระกูลอวิ๋น คิดว่าสองคนนี้คงไม่ยอมตกตายไปด้วยแน่

        อย่างมากถึงตอนนั้นค่อยให้ประโยชน์พวกเขาสักหน่อย คิดว่าคนทั้งสองพอได้ลิ้มรสหวานก็คงไร้วาจาใดแล้ว

        “จิงอวิ๋น พวกเราไป!” หวังลั่วเหิงคำราม หันกายเดินออกไป หวังจิงอวิ๋นและคนตระกูลฉินติดตามอยู่ด้านหลังหวังลั่วเหิง คนตระกูลฉินอย่างฉินเหอหลินเป็นเพียงผู้ชมมาตลอด พวกเขาต้องประหลาดใจมาก เดิมทีคิดว่าสามารถจัดการตระกูลอวิ๋นได้อย่างง่ายดาย นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายจะลงเอยเช่นนี้

        “ท่านลุงอู่ คนตระกูลหวังอยู่ที่หอประชุมใหญ่จริงๆ ด้วย!” ทันใดนั้นเสียงใสดั่งนกน้อยก็ลอยเข้ามา

        หวังลั่วเหิงสีหน้าหมองคล้ำ หรือว่ายังจะมีคนมาอีก

        ส่วนคนตระกูลอวิ๋นในใจพลันตื่นเต้น หากมีผู้ยิ่งใหญ่เดินเข้ามา เช่นนั้นตระกูลอวิ๋นก็สามารถต้านทานตระกูลหวังได้แล้ว

        “แต่ว่าทำไมคนเหล่านี้จึงให้ความช่วยเหลือตระกูลอวิ๋น” ผู้คนยังคงขบคิดอย่างไม่เข้าใจ

        เมิ่งเอ๋อร์พุ่งเข้ามาด้วยความร่าเริง คว้าแขนของอวิ๋นโม่แน่น ส่งเสียงหัวเราะรื่นเริง “พี่ใหญ่”

        “อย่าเพิ่งพูดมาก!” อวิ๋นโม่ส่งเสียงเบาๆ ขณะลูบหน้าผากเมิ่งเอ๋อร์ เตือนไม่ให้นางเปิดเผยความลับ

        “น้องชายแซ่อู่!”

        “พี่อู่!”

        ผู้เฒ่ากัวและช่างตีเหล็กฟางคำนับผู้มาใหม่ด้วยความเคารพพร้อมกัน นี่ทำให้คนไม่น้อยต้องประหลาดใจ คนที่มาดูเหมือนมีฐานะสูงกว่าสองคนนี้ แต่พอได้เห็นคนชัดๆ คนส่วนมากล้วนทำสีหน้าไม่เข้าใจ พวกเขาไม่รู้จักชายคนนี้

        “คนผู้นี้เป็นใครกัน ฐานะจะต้องไม่ธรรมดา แต่ทำไมข้าจึงไม่รู้จัก”

        “ข้าเองก็ไม่รู้จัก ดูจากปฏิกิริยาของช่างตีเหล็ก ผู้อาวุโสท่านนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!”

        “ข้ารู้แล้ว นี่ไม่ใช่เจ้าของร้านขายอาวุธที่อยู่ท้ายถนนอาวุธหรือ” บางคนจดจำอู่ซานเหอได้ ระบุฐานะของเขาออกมา ทำเอาคนไม่น้อยหน้าคล้ำลง ที่แท้ก็เป็นแค่เจ้าของร้านขายอาวุธคนหนึ่ง! 

        เจ้าของร้านอาวุธคนหนึ่ง ฐานะยังเทียบไม่ได้กับผู้อาวุโสในตระกูลอวิ๋นเสียด้วยซ้ำ เมื่อครู่ทุกคนยังคิดว่าฐานะของเขาต้องไม่ธรรมดา แต่ว่าความจริงช่าง…

        หลายคนพูดไม่ออก

        “ฮ่าๆ! แค่เจ้าของร้านอาวุธเล็กๆ คนหนึ่งก็คิดเป็นศัตรูกับตระกูลหวังของข้า หาเรื่องตายงั้นหรือ” หวังจิงอวิ๋นหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าจองหอง ตระกูลหวังไม่ใช่ใครก็สามารถล่วงเกินได้! 

        แต่ว่าผู้เฒ่ากัวกับช่างตีเหล็กฟางต่างทำสีหน้าพิกล ส่วนหวังลั่วเหิงเองก็สีหน้าเปลี่ยนไปกะทันหัน

        ฟิ้ว!

        อู่ซานเหอกวาดสายตาเย็นชาไปทางหวังจิงอวิ๋น ทำเอาเด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า แววตาหวาดผวา ตัวแข็งขึ้นมาทันที

        “อาจารย์อู่ จิงอวิ๋นอายุยังน้อยไม่รู้ความ ขออาจารย์อู่อย่าได้ถือสาผู้เยาว์!” หวังลั่วเหิงเอ่ยเสียงสั่นขอร้องแทนหวังจิงอวิ๋น ขณะเดียวกันหวังจิงอวิ๋นรู้สึกตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิม เมื่อกี้เขาเห็นอะไร ท่านลุงผู้เย่อหยิ่งของเขากำลังตัวสั่นด้วยความกลัว! 

        “นี่มัน…” คนที่เมื่อครู่รู้สึกผิดหวังตอนนี้ต่างประหลาดใจแล้ว เถ้าแก่ร้านขายอาวุธคนนี้ดูเหมือนไม่ใช่คนธรรมดา

        “ท่านแม่ พี่ใหญ่ นี่คือท่านลุงอู่ ท่านลุงอู่เป็นคนดีมาก เล่าเรื่องสนุกๆ ให้ข้าฟังตั้งมากมาย” เมิ่งเอ๋อร์ลากหลีเยียนและอวิ๋นโม่ไปข้างหน้า เด็กหญิงตัวน้อยแสนเฉลียวฉลาด กลบเกลื่อนฐานะของอวิ๋นโม่อย่างแนบเนียน

        อวิ๋นโม่รู้สึกพิกลอยู่บ้าง แต่ยังคงเรียกท่านลุงอู่อย่างขัดเขิน แต่แล้วก็ต้องประหลาดใจ หลีเยียนรู้จักกับอู่ซานเหอ

        “อาจารย์อู่ ท่านหายแล้ว… งั้นหรือ” หลีเยียนร้องถามอู่ซานเหอเสียงเบา  พริบตานั้นนางคิดอะไรมากมาย ถึงจะไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง แต่ก็ยังปิดบังเรื่องทั้งหมดเอาไว้ก่อน

        “อืม ข้าหายดีแล้ว” อู่ซานเหอผงกศีรษะด้วยรอยยิ้ม “เด็กหญิงผู้นี้ก็คือบุตรสาวของเจ้าหรือ มีลักษณะของเทพธิดาหลีเยียนในตอนนั้น งดงามมาก”

        นัยน์ตาของหลีเยียนปรากฏสายหมอกจางๆ นางในตอนนี้ไม่ใช่เทพธิดาหลีเยียนแล้ว หลังจากค่อยๆ ปรับความรู้สึก หลีเยียนก็ยิ้มเอ่ย “ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์อู่ที่ฟื้นคืนพละกำลัง ภายหน้าต้องมีอนาคตโชติช่วง!” 

        “ฮ่าๆ สมพรปากเจ้า!” อู่ซานเหอดีใจมาก “บุตรธิดาทั้งสองคนของเจ้าล้วนไม่เลว ภายหน้าจะต้องมีอนาคตไกล หากว่า… เอาเถอะ เจ้าไม่ต้องกังวลไป สามารถเลี้ยงดูบุตรธิดาที่ไม่ธรรมดาถึงสองคน ภายหน้าจะต้องมีคนอิจฉาเจ้ามากมาย”

        เดิมทีเขาคิดจะพูดว่า หากมีโอกาส เขาก็เต็มใจจะไปขอให้แพทย์โอสถผู้นั้นมารักษาหลีเยียน แต่พอคิดได้ว่าท่านผู้นั้นมีความสัมพันธ์กับตระกูลอวิ๋นอยู่แล้ว หากสามารถรักษาได้ก็คงรักษาหลีเยียนแต่แรกแล้ว ตอนนี้หลีเยียนยังคงเป็นเช่นเดิม แสดงว่าผู้อาวุโสท่านนั้นคงไร้หนทาง จึงรีบยั้งปากเอาไว้ ไม่ได้กล่าวออกไป

        ………………………………………

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

กำเนิดใหม่ : ปรมาจารย์เทพโอสถ

Status: Ongoing
ถูกศิษย์รักทรยศ! แพทย์โอสถอันดับหนึ่งในใต้หล้าไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกหักหลัง! ทั้งเคี่ยวเข็ญ ผลักดัน คอยหลอมสมุนไพรเพิ่มพูนกำลังตลอดหลายร้อยปี บัดนี้.. เด็กไร้ค่านั่นได้ใช้นาม “จักรพรรดิลั่วเทียน” ผู้ยิ่งใหญ่ แต่เขากลับกลายเป็นเพียงเสี้ยนหนามที่ต้องถูกกำจัด! ฉับพลัน การจุติครั้งใหม่จึงอุบัติขึ้น.. ในร่าง “อวิ๋นโม่” จุดด่างพร้อยของตระกูลที่ถูกทารุณอย่างโหดร้ายจนตายอย่างไร้ทางสู้ แม้เป็นร่างใหม่ ภพชาติเปลี่ยนไป แต่ไฟบรรลัยกัลป์แห่งความเจ็บแค้นนั้นยังคุกรุ่น ครานี้หรือ.. จักยอมให้เหยียบย่ำ ทั้งโอสถตำรา.. คาถา.. สมุนไพร.. หม้อหลอมยา.. และพละกำลัง จากคนธรรมดาจึงทะยานขึ้นเหนือใต้หล้า.. ในฐานะปรมาจารย์เทพโอสถ! “ข้าทุ่มเทชีวิตจิตใจ ดูแลดั่งลูกในไส้ เจ้ากลับสังหารอาจารย์ จักทุ่มเทฝึกฝนสุดกำลัง ให้ไอ้ศิษย์ทรยศนั่นต้องจ่ายค่าตอบแทน”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท