บทที่ 727 หากมิใช่ว่ามีใจให้ผู้อื่นไปแล้ว ข้าคงเลือกท่านมาเป็นสามี!
“ช่างเป็นจิ้งจอกน้อยที่งดงามเหลือเกิน!”
เริ่มแรก ชางเหยามองไม่ชัดเท่าใด ต่อมาเริ่มเห็นชัดขึ้นว่าเป็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงงามสะพรั่ง โลดแล่นอยู่ระหว่างผืนป่า
นางไม่มีภูมิต้านทานต่อสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยน่ารักเช่นนี้ ไล่ตามเข้าไปในบัดดล
“อ๊ะ มีเจ้าของแล้วหรือ…”
หลังนางไล่ตามเข้าไป ก็เห็นจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงกระโดดโลดเต้นเข้าไปในอ้อมอกของเด็กหนุ่มผู้หนึ่ง นางผิดหวังในใจนิดหน่อย เดิมคิดว่าจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงนั้นไม่มีเจ้าของ จึงต้องการนำมาเลี้ยง
“เด็กหนุ่มผู้นี้หล่อเหลายิ่งนัก!”
หลังชางเหยาเห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มแล้วก็เอ่ยออกมาอย่างอดมิได้
เด็กหนุ่มมีรูปโฉมงดงาม เรือนร่างสูงโปร่งล่ำสัน บุคลิกดูดีเป็นหนักหนา ต่อให้นางพบเจอบุรุษรูปงามมามากแล้ว กระนั้นดวงหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังชวนให้นางตาลุกวาว
“หากมิใช่ว่าข้ามีใจให้ผู้อื่นไปแล้ว ต้องการเพียงท่านพี่ชวน ข้าต้องทำให้เขามาเป็นสามีของข้าให้ได้!”
นางเอ่ยหน้าแย้มยิ้ม ดวงหน้าเด็กหนุ่มตรงกับความชอบของนาง นางพิสมัยหน้าตาอย่างเด็กหนุ่มมาก
‘ในหมู่ปุถุชนมีผู้ที่โดดเด่นเตะตาเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ ข้าคิดไม่ถึงจริง ๆ!’
นางเอ่ยในใจ สัมผัสคลื่นพลังปราณจากตัวเด็กหนุ่มไม่ได้เลย เด็กหนุ่มคือปุถุชนธรรมดาอย่างแท้จริง
แต่นางก็ไม่ได้ดูแคลนเด็กหนุ่มเพราะเหตุนี้ ตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ยิ่งเลอค่าขึ้นไปใหญ่
ในหมู่ผู้ฝึกตนมีผู้ที่รูปลักษณ์หล่อเหลาเช่นนี้อยู่ไม่น้อย ทว่าถึงอย่างไรคนเหล่านั้นก็เป็นผู้ฝึกตน ผิวพรรณรูปโฉมต่างดีขึ้นเพราะการฝึกฝนอยู่ไม่มากก็น้อย
เพราะอย่างนั้น ในหมู่ผู้ฝึกตนจึงยากจะหาผู้ใดที่อัปลักษณ์
ทว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นปุถุชน รูปโฉมบุคลิกกลับยังโดดเด่นเช่นนี้ มิได้ด้อยไปกว่าบรรดาผู้ฝึกตนเลย เด็กหนุ่มผู้นี้จึงล้ำค่าอย่างแท้จริง!
“สวัสดี!”
นางเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มร่าพร้อมกล่าวทักทายเด็กหนุ่ม
เด็กหนุ่มได้ยินเสียงของชางเหยา จึงเงยหน้ามอง และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี”
ช่วงนี้เขาได้ข้องแวะกับผู้ฝึกตนมากขึ้นเรื่อย ๆ มองดูก็รู้ว่าชางเหยาเป็นผู้ฝึกตนคนหนึ่ง ผิวของชางเหยาเปล่งประกายวาววามราง ๆ นี่มิใช่เรื่องที่ปุถุชนทำได้
เรื่องนี้กลับสร้างความประหลาดใจให้เขา
ผู้ฝึกตนอย่างชางเหยามาหาเขาด้วยเรื่องอันใด
หากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจรู้สึกประหม่า กังวลว่าชางเหยาอาจทำร้ายเขา
ทว่าบัดนี้ เขากลับมิได้ประหม่าเช่นนั้นแล้ว และมิได้มีความกังวลในใจแต่อย่างใด
ในมือเขามีของวิเศษที่ผู้ฝึกตนใช้อยู่ไม่น้อย ไม่ต้องกลัวว่าชางเหยาจะทำร้ายเขา อีกอย่าง เซี่ยเหยียนก็อยู่ไม่ไกล หากเกิดอันตรายอันใดขึ้นนางสามารถมาได้ทันท่วงที
ใช่แล้ว เขามิใช่ใครอื่น หลี่จิ่วเต้านั่นเอง
“นี่คือจิ้งจอกน้อยที่ท่านเลี้ยงไว้หรือ งดงามยิ่งนัก! ข้าขอ…อุ้มมันหน่อยได้หรือไม่”
ชางเหยามองจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงในอ้อมอกหลี่จิ่วเต้า ก่อนจะถามออกมาอย่างนอบน้อม
ที่แท้ถูกจิ้งจอกน้อยดึงดูดมาหรือนี่!
หลี่จิ่วเต้านึกในใจไปว่าชางเหยามาเพราะถูกเขาดึงดูดเสียอีก
“ได้แน่นอน”
เขาคลี่ยิ้ม ส่งจิ้งจอกน้อยในอ้อมอกไปให้ชางเหยา
“ขอบคุณ ขอบคุณ!”
ชางเหยารีบกล่าวขอบคุณ แล้วรับจิ้งจอกน้อยมาไว้ในอ้อมกอด
ดวงตากลมโตของจิ้งจอกน้อยวาววามสุกสกาว หัวใจนางแทบละลายกับความแบ๊วของจิ้งจอกน้อย จะน่ารักเกินไปแล้ว!
“คือว่า…ข้ารู้ว่าข้าพูดเช่นนี้ออกจะเสียมารยาทไปหน่อย แต่ข้าก็ยังอยากถามสักประโยค จิ้งจอกน้อยตัวนี้ ขายให้ข้าได้หรือไม่”
นางถามหลี่จิ่วเต้า ชอบจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงตัวนี้มากจริง ๆ นางอยากเลี้ยงจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไว้
หลี่จิ่วเต้ามองออกว่าชางเหยาชอบจิ้งจอกน้อยจากใจจริง ทว่าเขาตั้งใจเก็บไว้เป็นของขวัญให้ซี ไม่มีทางยกให้ผู้อื่น
“ขออภัยด้วย ข้าไม่คิดขาย” เขาเอ่ย
การระวังผู้อื่นมิควรขาด
เขาได้ยินเรื่องราวที่ผู้ฝึกตนฆ่าปุถุชนชิงทรัพย์มามาก แม้ว่าชางเหยาวางตัวอย่างมีมารยาท ไม่เหมือนคนเลว กระนั้นเขาก็มิได้เบาใจ ลอบระแวงอยู่ตลอด
หากว่าชางเหยามีท่าทีมุ่งร้ายจริง ๆ เขาจักเรียกเหล่าของวิเศษออกมาในทันทีเพื่อกำราบชางเหยา
เขาใช้ของวิเศษเหล่านี้มาหลายครั้งแล้ว ฤทธิ์เดชร้ายกาจยิ่ง เขามั่นใจว่าจัดการชางเหยาได้
ต่อให้จัดการชางเหยาไม่ได้จริง ๆ เขาก็เอาตัวรอดได้ไม่มีปัญหา ประวิงเวลาจนกว่าเซี่ยเหยียนจะมาถึงได้แน่
“เช่นนั้นก็…ได้!”
ชางเหยาผิดหวังนิดหน่อย กระนั้นก็มิได้มีความคิดอยากชิงมาเป็นของตน
แม้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา นางสามารถชิงตัวจิ้งจอกน้อยมาได้ง่ายดาย กระนั้นนางก็ไม่มีความคิดเช่นนั้น
นี่มิใช่เพราะพวกตงฟางเวิ่นเคยออกคำเตือนมาแล้วว่า ห้ามมิให้สิ่งมีชีวิตนอกอาณาจักรอย่างพวกเขาก่อกรรมทำเข็ญในอาณาจักรนี้ จะต้องอยู่กันอย่างเจี๋ยมเจี้ยม
แต่เพราะเดิมทีตัวนางเองนั้นมีจิตใจโอบอ้อมอารีอยู่แล้ว มิเคยทำเรื่องชั่วช้าสามานย์
“ข้าคืนให้…”
นางยื่นจิ้งจอกน้อยคืนให้หลี่จิ่วเต้าอย่างอาลัยอาวรณ์
กลับเป็นหลี่จิ่วเต้าที่เห็นแล้วอดใจอ่อนมิได้ เขาเอ่ย “ไม่เป็นไร หากเจ้าชอบอุ้มนาน ๆ ก็ได้ จริงสิ ข้ามีจิ้งจอกขาวเลี้ยงไว้อีกตัว เจ้าอยากไปดูหรือไม่”
นิสัยใจคอของชางเหยาไม่เลวจริง ๆ หากเป็นผู้ฝึกตนนิสัยไม่ดีคนอื่น เมื่อหมายตาทรัพย์สมบัติของปุถุชน น่ากลัวว่าคงลงมือแย่งมาแล้วกระมัง
ทว่าชางเหยามิได้ทำเช่นนั้น บ่งบอกว่าชางเหยาเป็นผู้มีคุณธรรม มิใช่คนชั่วประเภทนั้น
“มีจิ้งจอกขาวด้วยหรือ”
ดวงตากลมโตของชางเหยาลุกวาว นางชื่นชอบของสีขาวเช่นกัน อย่างเช่นตัวนางในตอนนี้ก็สวมกระโปรงสีขาวหิมะ นางสนใจในจิ้งจอกขาวที่หลี่จิ่วเต้ากล่าวถึงอย่างมาก
“สะดวกหรือไม่ หากว่าสะดวก ข้าอยากไปดูจิ้งจอกขาวตัวนั้นหน่อย” นางบอก
“สะดวก” หลี่จิ่วเต้ายิ้ม “จิ้งจอกขาวอยู่ห่างไปไม่ไกล เราไปกันเถิด”
“ได้เลย!” ชางเหยาพยักหน้า
ชายหนุ่มนำทางอยู่ด้านหน้า ไม่นานนัก พวกเขาก็กลับมาถึงรถลาก
“คุณชาย!”
ที่นี่มีเพียงเซี่ยเหยียนอยู่ หลังนางเห็นคุณชายกลับมาก็รีบเข้าไปต้อนรับ
ลั่วสุ่ยกับพวกอ้ายฉานไปตกปลา หลิงอิน เสี่ยวหยา และพี่ชายเสี่ยวหยาไปฝึกวิชาเพลงฉินในละแวกใกล้ ๆ ฉินหวายเฟิงมิได้ไปไหน ติดตามทุกคนมานี่ บัดนี้ออกไปชมทิวทัศน์รอบ ๆ
‘นี่ก็ปุถุชนเหมือนกันหรือ’
เมื่อชางเหยาได้เห็นเซี่ยเหยียน อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นในใจ ‘นางงามเฉิดฉันเหลือเกิน! ปุถุชนเดี๋ยวนี้ยอดเยี่ยมกันถึงเพียงนี้เลยหรือ’
เซี่ยเหยียนสะกดพลังปราณ ซ้ำยังมีขอบเขตพลังเหนือกว่าชางเหยามาก ชางเหยาจับสัมผัสอะไรในตัวเซี่ยเหยียนมิได้ ทำให้ในสายตาชางเหยา เซี่ยเหยียนเป็นเพียงปุถุชนธรรมดาเท่านั้น
“ข้าขอแนะนำ”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว “ผู้นี้คือเซี่ยเหยียน อ้อ จริงสิ ยังมิได้ถามเลยว่าเจ้าชื่ออะไร”
“ข้าชื่อชางเหยา” ชางเหยาตอบเสียงสุภาพ
“ชางเหยา ฮ่า ๆ ชื่อนี้ไพเราะยิ่ง ข้าชื่อหลี่จิ่วเต้า”
หลี่จิ่วเต้าแนะนำตัว ก่อนจะชี้ไปด้านข้าง “จิ้งจอกขาวนอนอยู่ตรงนั้น นางต่างจากเสี่ยวหง นิสัยค่อนข้างเย็นชา เข้าใกล้ยาก”
ชางเหยามองตามนิ้วหลี่จิ่วเต้า ปราดเดียวก็หลงเสน่ห์จิ้งจอกขาวเข้าเต็มเปา
จิ้งจอกขาวงามเหลือเกิน ขนทั้งตัวขาวผุดผ่องดุจหิมะ ปราศจากสีอื่นคอยปะปน ตาจิ้งจอกคู่นั้นเปล่งประกายเย็นเยียบ เป็นดั่งที่หลี่จิ่วเต้าว่า ดูก็รู้ว่าเข้าใกล้ยาก
กระนั้นนางมิได้ใส่ใจ ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้ฝึกตนซึ่งพอมีพลัง จิ้งจอกขาวธรรมดาตัวหนึ่งยังจัดการมิได้หรือ
นางมีวิธีทำให้จิ้งจอกขาวสนิทสนมกับนางตั้งมากมาย
กับเรื่องแค่นี้นางยังพอมีความมั่นใจอยู่!
ใช่แล้ว ในสายตาของนาง จิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวล้วนเป็นจิ้งจอกธรรมดา ไร้ซึ่งขอบเขตพลัง
หากเป็นเมื่อก่อน ชางเหยายังพอมองจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวออก ทว่าจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวในเวลานี้หาได้เป็นดั่งเก่า พวกนางติดตามข้างกายหลี่จิ่วเต้ามาระยะหนึ่งแล้ว ขอบเขตพลังต่างยกระดับขึ้นมาก ในสถานการณ์ที่พวกนางสะกดพลังปราณ ชางเหยาไม่มีทางจับสัมผัสอันใดได้
“ได้พบกันนับเป็นวาสนา ฮ่า ๆ มิสู้อยู่กินข้าวด้วยกันเถิด!”
หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ ก่อนจะกล่าวกับชางเหยา
“ได้เลย!”
ชางเหยาพยักหน้าอย่างปลื้มปีติ ไม่รู้ว่าการถูกเชิญให้กินข้าวด้วยกันหมายความถึงสิ่งไหน นางเพียงต้องการอยู่กับจิ้งจอกน้อยสีแดงเพลิงและจิ้งจอกขาวให้นานกว่านี้เท่านั้น
“มิได้ออกล่าตั้งนาน ข้าจะออกไปล่าสัตว์กลับมากินเสียหน่อย!” หลี่จิ่วเต้าบอก
ผ่านไปแล้วตั้งหลายวัน วัตถุดิบในตู้เย็นโดนกินไปมากแล้ว เห็นพวกอ้ายฉานยังเด็กอยู่อย่างนั้น กลับกินจุมาก กินเก่งกันถ้วนหน้า!
โดยเฉพาะต้าเต๋อ เรียกได้ว่ายึดถือคติสุรามังสาผ่านลำไส้ พุทธะยังอยู่ในใจจนถึงที่สุด กินเยอะกว่าพวกอ้ายฉานเป็นไหน ๆ
ไหนจะพวกเซี่ยเหยียนอีก
ในสถานการณ์ปกติ เด็กผู้หญิงมักกินน้อย ทว่าหาใช่กับพวกเซี่ยเหยียน พวกเซี่ยเหยียนกินไม่น้อยเลย!
เป็นเรื่องที่หลี่จิ่วเต้าตกตะลึงยิ่ง
เซี่ยเหยียน ลั่วสุ่ย และอันหลานเสวี่ยไม่เท่าไหร่ พวกนางอยู่ในเส้นทางฝึกตน กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนก็พอเข้าใจได้
แต่หลิงอินและเสี่ยวหยามิได้ฝึกตน กินมากเท่าใดก็ไม่อ้วน สุดยอดยิ่งนัก!
นี่คือสภาพร่างกายผอมง่ายที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนอย่างนั้นหรือ
ฮ่า ๆ หากได้อยู่ที่ดาวเคราะห์สีฟ้า บรรดาเด็กผู้หญิงในดาวเคราะห์สีฟ้าคงอิจฉาริษยาแทบแย่ เด็กผู้หญิงมากมายในดาวเคราะห์สีฟ้ามิกล้ากินเยอะแม้แต่น้อยเพราะต้องรักษาหุ่น!
จากนั้น เขาไปจากที่นี่ เข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขา
ที่นี่มีเซี่ยเหยียนอยู่ ปลอดภัยแน่นอน ไม่มีทางเป็นอันใด
“สวัสดี!”
ชางเหยาเดินไปหาจิ้งจอกขาวด้วยรอยยิ้มร่า กล่าวทักทายจิ้งจอกขาว
“จิ้งจอกนั้นฉลาดเฉลียวมาแต่กำเนิด ข้าดูแล้วเจ้าเองก็ไม่ธรรมดา คิดแล้วคงเข้าใจถ้อยคำของข้า”
นางเอ่ยยิ้ม ๆ “ข้าคือผู้ฝึกตนที่ก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้ว เจ้าอยากก้าวสู่เส้นทางฝึกตนหรือไม่ ข้าสอนเจ้าได้นะ ช่วยให้เจ้าก้าวสู่เส้นทางฝึกตน”
จิ้งจอกขาวเย็นชาสุด ๆ นางคิดจะใช้เรื่องนี้กระชับความสัมพันธ์กับจิ้งจอกขาว ให้จิ้งจอกขาวยอมแยแส
นางรู้สึกว่าจิ้งจอกขาวคงต้องสนอกสนใจในการฝึกตนอยู่กระมัง
หารู้ไม่ จิ้งจอกขาวเพียงแต่ปรายตามองนางนิ่ง ๆ แล้วไม่สนใจนางอีก นอนหมอบด้วยความเย็นชาต่อไป
“การฝึกตนนั้นสนุกมาก มีเรื่องเพลิดเพลินให้ทำหลายอย่าง อย่างเช่นแบบนี้…”
ชางเหยาไม่ยอมแพ้ ตั้งใจสาธิตด้วยตนเอง ให้จิ้งจอกขาวได้รู้ถึงข้อดีในการฝึกตน
นางยื่นมือเรียวขาวผ่องออกไป จิ้งจอกขาวน่ารักตัวหนึ่งพลันหลอมรวมขึ้นที่ฝ่ามือ หน้าตาเหมือนจิ้งจอกขาวตัวนี้ทุกประการ
“เจ้าดูสิ น่าสนุกมากใช่หรือไม่ หากเจ้าต้องการฝึกตน ข้าช่วยสอนเจ้าได้”
นางกล่าวยิ้ม ๆ
“แม่นางผู้นี้นี่…”
อีกด้าน เซี่ยเหยียนเห็นแล้วนึกขัน
ชางเหยาน่ารักจริงเชียว สอนจิ้งจอกขาวฝึกตนอย่างนั้นหรือ นางมองปราดเดียวก็เห็นขอบเขตพลังของชางเหยา ห่างชั้นจากจิ้งจอกขาวตั้งไกล
ขอบเขตของจิ้งจอกขาวเหนือกว่าชางเหยามากนัก!