เกิดใหม่อยากเป็นขุนนางร้ายเเต่ทำไมดันกลายเป็นนักบุญ – ตอนที่ 1 ชีวิตเริ่มต้นใหม่จากที่นี่

เกิดใหม่อยากเป็นขุนนางร้ายเเต่ทำไมดันกลายเป็นนักบุญ

บทที่ 1 [ชีวิตเริ่มต้นใหม่จากที่นี่]

 

 

 

วลีที่ว่า “ชัยชนะในชีวิต” นั้นมันหมายความว่าอะไร?

 

 

 

 

 

มันหมายความว่าผู้ที่มีความสามารถในการเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้ไงล่ะ

 

 

 

 

 

และผมก็เป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

เกิดมาในฐานะลูกชายคนโตของดยุค ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดในประเทศ และตัดสินใจว่าจะเข้าเรียนที่ สถาบันเวทมนตร์แห่งชาติริชเบิร์กในอีกหนึ่งเดือน

 

 

 

 

 

「แน่นอนว่าผมเข้าโรงเรียนด้วยผลการเรียนที่ไม่ต้องทำให้ชื่อเสียงของทางบ้านต้องอับอาย」

 

 

 

 

 

“ความใฝ่ฝันของผมนั้นชัดเจนนั่นคือกลายเป็นดั่งสิ่งที่ชั่วร้าย”

 

 

 

 

“ผมไม่ได้มีเเนวคิดเช่นไอ้เรื่องความยุติธรรมเเละกลายเป็ฯเหมือนฮีโร่”

 

 

 

 

 

 

ทำไมผมต้องควรใช้ชีวิตอันแสนสั้นเพื่อผู้อื่นกันล่ะ?

 

 

 

 

 

ผมจะไล่ตามความต้องการของตัวเองใช้ชีวิตตามใจปราถนา เเละไม่ยอมให้ใครอื่นมาขวาง

 

 

 

 

 

ผมปรารถนาใช้ชีวิตแบบเดียวกับจอมมารผู้เป็นศัตรูกับมนุษยชาติ

 

 

 

 

 

 

 

วันนี้จะเป็นวันแรกที่น่าจดจำของชีวิตที่แสนวิเศษนี้

 

 

 

 

 

“ขออภัยที่ให้รอครับท่านพ่อ”

 

 

 

 

 

“เอาล่ะลูกชายข้า การพัฒนาตัวเองต่อไปนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ข้ารู้ว่าเจ้าเพียรหนักกับการเรียนขนาดไหน”

 

 

 

 

 

“ขอบคุณครับ.”

 

 

 

 

 

พ่อของผม Gordon Verret (กอร์ดอน เวอร์เลต) มองมาที่ผมตอนที่ผมกำลังขอบคุณและลูบเคราของตัวเองอยู่

 

 

 

 

 

 

เขามีรูปลักษณ์ที่เคร่งครัดและมีบรรยากาศที่เข้มงวด ซึ่งทำให้เขาดูแข็งแกร่งเมื่อมองแวบแรก และยังเป็นพ่อที่ดีเอาใจใส่ครอบครัว ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นพวกตามใจลูกมากไปก็ไม่เกินจริงนัก

 

 

 

 

 

ถ้าอยากเรียนรู้อะไร เขาจะจัดหาครูชั้นยอดมาให้

 

 

 

 

 

เขาเป็นพ่อที่ดีที่สุดที่มอบสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุด

 

 

 

 

 

 

“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันก่อน เริ่มต้นปีหน้า ออก้า(ogre) เจ้าจะต้องเข้าเรียนที่ ลิชเบิร์ก รู้ไหมว่าที่นั่นจำเป็นต้องนอนในหอพัก?”

 

 

 

 

 

“เเน่นอน นั่นก็เพื่อให้สามารถทุ่มเทเวลาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อฝึกฝนเวทมนตร์ใช่ไหมครับ?”

 

 

 

 

 

“ใช่. เจ้าสามารถนำผู้ดูแลหนึ่งคนไปที่หอพักด้วยได้ จงเลือกใครสักคนภายในหนึ่งเดือนซะ”

 

 

 

 

 

“ถ้าเป็นคนที่ผมเลือกเอง จะเลือกใครก็ได้ใช่ไหมครับ”

 

 

 

 

 

“ใช่แล้ว นี่เป็นการทดสอบเพื่อวัดสายตาในการมองคนของเจ้าด้วย จะเป็นสาวใช้ในบ้านก็ได้ หรือจะซื้อทาสสักคนก็ได้หากต้องการ แค่นำคนที่สามารถช่วยเหลือเจ้าที่โรงเรียนไปด้วย”

 

 

 

 

ผมกำลังรอโประโยคแบบนี้อยู่เลย

 

 

 

 

โอกาสที่จะได้ลูกน้องสุดยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องจ่ายด้วยตังค์ตัวเอง

 

 

 

 

คนที่ผมเลือกน่ะนะไม่เพียงแต่อาศัยอยู่ด้วยกันในหอพักเท่านั้นหรอก แต่ผมยังวางแผนที่จะให้ทำงานให้ผมไปตลอดชีวิตไปเลย

 

 

 

 

นั่นหมายความว่าเจ้านั่นจะต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับการกระทำอันชั่วช้าของเรา

 

 

 

 

หากอยากได้คนที่มีประโยชน์ ผมแค่ไปหาพ่อค้าทาสและซื้อคนที่มีความสามารถสูงๆมา  

 

 

 

 

เเต่นั่นมันไม่น่าสนใจหรอก

 

 

 

 

ผมคิดถึงเรื่องเล่าในนิทานมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผู้กล้าของเรื่องที่ไม่เคยสูญเสียจิตใจที่ดีแม้เขาจะถูกหลอกมากี่ครั้งก็ตาม

 

 

 

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากดันไปเข้าไปพัวพันกับการกระทำผิด หรือได้ไปยุ่งเกี่ยวกับความชั่วร้ายเป็นเวลานานนานๆล่ะ ?

 

 

 

 

 

“ผมมีคนที่จับตามองอยู่ไว้อยู่ครับ”

 

 

 

 

 

“โห่…อย่างที่คาดไว้ มาดูกันว่าเจ้าจะพาคนแบบไหนมา”

 

 

 

พ่อยิ้มอย่างชั่วร้าย

 

 

 

 

งั้นผมขอตัวก่อน”

 

 

 

 

หลังจากโค้งคำนับและออกจากห้อง ผมก็รีบแต่งตัวและมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง

 

 

 

 

 

“คุคุคุ…ฮ่าๆๆๆ…!”

 

 

 

 

 

ยุคของฉันมันได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 

 

 

 

นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่แสนวิเศษ

 

 

 

 

“ไปรับผู้สมรู้ร่วมคิดคนแรกของเรากันเถอะ”

 

 

 

 

 

◇ ◇ ◇ ◇ ◇

 

 

 

สุดขอบเมืองหลวง คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า วาชัว เป็นเมืองสกปรกที่แยกตัวออกจากเมืองหลวง

 

 

 

 

ยาเสพติด ค้ามนุษย์ การพนัน

 

 

 

 

เป็นเมืองเน่าๆ เเละน่าเกลียดสุดในโลกนี้

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ฉันอยู่ในเวทีใต้ดินของเมืองนี้ ที่ซึ่งความมืดมิดของเมืองหลวงถูกรวบไว้

 

 

 

 

“เอาเลย!! ฆ่ามัน!!”

 

 

 

 

“!เล่นเเม่ง แทงมัน! ฟันมันให้ยับ!”

 

 

 

 

“คำหยาบที่ไร้สิ้นจิตสำนึกปลิวผ่านหัวฉันไป”

 

 

 

 

ข้างหน้าฉันมีชายคนหนึ่งสูงประมาณ 2 เมตร

 

 

 

 

ใส่หมวกกันน็อคมีเขา มีขวานเล่มใหญ่เเละเกราะเหล็กหนาๆ

 

 

 

 

นี่คือคู่ต่อสู้ของฉันในนัดนี้

 

 

 

“ข้าไม่รู้หรอกนะว่าน้องหนูชนะติดต่อกันมากี่ตา เเต่อย่ามาทำซ่าให้มากนักนะสาวน้อย”

 

 

 

 

ชายผู้ส่งเสียงกรรโชกอยู่เป็นเบอร์อันดับต้นๆ ของสนามประลอง

 

 

 

 

ฉันเดาว่าเขาคงไม่ชอบที่ฉันซึ่งเป็นผู้หญิงแซงหน้าเขาไป

 

 

 

 

“การต่อสู้นี้เกิดขึ้นมาเพราะโดนฝ่ายตรงข้ามบังคับให้มาเป็ฯคู่ต่อสู้”

 

 

 

 

“…หุบปาก เเล้วเข้ามาซะ”

 

 

 

 

ฉันคิดว่าได้ยินปรอทเเตก

 

 

 

 

ชายคนนั้นโดนยั่วยุอย่างง่ายดายเเละเหวี่ยงขวานด้วยกำลังทั้งหมดลงมา

 

 

 

 

มันเป็นการโจมตีที่โง่เง่าโดยอาศัยเเค่ความโกรธ

 

 

 

 

จนถึงตอนนี้เขาใช้เเค่กำลังอย่างเดียว

 

 

 

 

ถึงกระนั้น มันอาจจะได้ผลกับคู่ต่อสู้ที่ไม่มีทักษะ

 

 

 

 

แต่ฉันแตกต่างออกไป

 

 

 

 

“――ความบ้าคลั่งแห่งดาบ]” 「――【刀線狂い】」

 

 

 

 

 

“……?”

 

 

 

 

พลังที่ใช้ต่อสู้กับศัตรูจะถูกส่งกลับคืนสู่ตัวเองเสมอ

 

 

 

 

หลังจากหลบขวานแล้ว ฉันก็กระเเทกแขนของเขาเพื่อให้มีแรงตีกลับมากขึ้น

 

 

 

 

จากนั้นขวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็ตัดแขนของชายคนนั้นออกอย่างง่ายดาย

 

 

 

 

“อ้าาาาาาาา!?”

 

 

 

 

“…สู่สุขคติ”

 

 

 

 

“เอ๊ะ!? โอ้… โอ้…”

 

 

 

 

ดาบแทงเข้าไปในปากของชายคนนั้น

 

 

 

 

ปลายดาบทิ่มคอของเขา ทำให้พื้นเปื้อนเลือด

 

 

 

 

ฉันเช็ดเลือดดาบอันเป็นที่รักของตัวเองและใส่มันไว้ในฝัก และเมื่อฉันออกจากเวทีที่ผู้คนยังตื่นเต้นกันอยู่ ฉันก็เห็นผู้จัดการยืนอยู่ที่ทางเข้า

 

 

 

 

“เฮ้ คริส มีคนกำลังรอเธออยู่”

 

 

 

 

“…ฉันไม่ยักรู้ว่านัดใครไว้ “

 

 

 

 

“เอาล่ะ ตามมา! ถ้าไม่ขยับเดี๊ยวก็เเบนเเม่งทิ้งจากสนามซะหรอก!”

 

 

 

 

“……เข้าใจแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

โดนพูดใส่ด้วยความหยาบคายแต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟัง

 

 

 

 

เมื่อสูญเสียชื่อเสียงและสถานะในอดีต หนทางเดียวสำหรับฉันที่จะมีชีวิตอยู่คือการทำให้ดาบของฉันเปื้อนเลือดเข่นฆ่ากันทุกวันที่นี่

 

 

 

 

นั่นเป็นเรื่องที่น่าขัน

 

 

 

 

เพราะความชั่วร้ายที่ฉันเกลียดชังคือสิ่งที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ในตอนนี้

 

 

 

 

ตามผู้จัดการไป ฉันถูกพาเข้าไปที่ห้องวีไอพี

 

 

 

ห้องที่มีการตกแต่งที่ไม่ง่ายในสายตาคนรวย คนที่นั่งบนเก้าอี้หนังตรงกลางคือ…

 

 

 

 

“……เด็กหรอ?”

 

 

 

 

“คริส! ระวังปากหน่อย!”

 

 

 

 

“ผมไม่รังเกียจหรอก. เรื่องเเค่นั้นไม่กังวล ที่สำคัญกว่านั้นคุณผู้จัดการ ขอให้ผมอยู่กับเธอตามลำพังได้ไหม”

 

 

 

 

“โอ้ ใช่ ได้แน่นอนขอรับ! อ่า ผมจะกันคนไม่ให้เข้ามาใกล้ห้องนี้ให้ ดังนั้นอย่ากังวลไปทำทุกอย่างที่คุณต้องการเลยขอรับ … ถ้าอย่างนั้น…”

 

 

 

 

ผู้จัดการตบหลังฉันแล้วก็รีบออกจากห้องไป

 

 

 

 

…ฉันไม่เคยเห็นท่าทีโอนอ่อนเช่นนี้จากเขามาก่อน

 

 

 

 

เด็กคนนี้มีตำแหน่งสูงขนาดนั้นเลยเหรอ?

 

 

 

 

เมื่อฉันหันไปสนใจเขา ฉันพบว่าเขาถอนหายใจด้วยความโกรธเคือง

 

 

 

 

“ไร้สาระ ไม่มีทางที่เธอคนนั้นจะมาทำงานในที่แบบนี้หรอก”

 

 

 

 

 

“นั่นหมายความถึงอะไร?”

 

 

 

 

“ชายคนนั้นเข้าใจผิดว่าผมมาซื้อเธอเพราะผมต้องการผู้หญิงที่อดีตเป็นผู้บัญชาการของอัศวินศักสิทธ์…คริส รัคนิก้า Chris Ragnica”

 

 

 

 

 

 

“…!?”

 

 

 

 

ฉันอดไม่ได้ที่จะแปลกใจกับชื่อที่ชวนให้คิดถึง

 

 

 

 

แม้ว่าฉันจะดำรงตำแหน่งนั้นมาหลายปีแล้ว แต่ฉันก็ยังจำมันได้ดี

 

 

 

 

เด็กชายขอให้ฉันนั่งลงบนเก้าอี้

 

 

 

 

“ผมชื่อ อ้อก้า เวอเล็ท เป็นลูกชายคนโตของตระกูล ดยุค เวอเล็ท”

 

 

 

 

“ว่าไงนะ!? จริงเหรอ!?”

 

 

 

 

“อา นอกจากนี้ยังมีกริชที่มีตราประจำตระกูลสลักไว้เป็นหลักฐานด้วย”

 

 

 

 

ขณะที่เขาพูดอย่างนั้น เขาแสดงมีดสั้นที่สลักสัญลักษณ์ของตระกูล เวอเล็ท ให้ดูซึ่งฉันจำมันได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

 

 

 

การโกหกเกี่ยวกับตราประจำตระกูลของขุนนางถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ไม่มีทางที่เด็กแบบนี้จะใช้ของปลอมเเน่ๆ

 

 

 

 

นอกจากนี้ มันสมเหตุสมผลแล้วที่คนที่เกี่ยวข้องกับตระกูล เวอร์เล็ท จะสามารถหาฉันเจอได้่

 

 

 

 

พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการรวบรวมข่าวกรองและรับผิดชอบด้านการทูตเป็นหลัก

 

 

 

 

ด้วยความฉลาดนั้น คนอย่างฉันก็หาเจอได้อย่างง่ายดาย

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าจะมีคนโง่ที่ดันใช้มันกับผู้หญิงที่น่าหดหู่ที่สุด

 

 

 

 

“…แล้วตระกูลเวอร์เล็ท ต้องการอะไรจากฉันล่ะ? เเต่ขอโทษด้วยแต่ฉันไม่มีความตั้งใจที่จะให้สิ่งที่นายต้องการได้หรอก ฉันเกลียดพวกขุนนาง คงไม่จำเป็นต้องบอกว่าทำไมใช่ไหม?”

 

 

 

 

“แน่นอน มันเป็นพวกขุนนางที่ลงโทษเธอและไล่เธอออกจากการเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์”

 

 

 

 

“ถูกต้อง พวกเขาเป็นขุนนางเน่าเฟะที่ซ่อนการกระทำชั่วร้ายและโกงกินจนตัวเองอ้วนฉุ!”

 

 

 

 

ในฐานะผู้นำของ อัศวินศักสิทธ์ ฉันได้ประณามความชั่วร้าย

 

 

 

 

เพราะเชื่อว่ามันจะทำให้เกิดตวามสงบสุขแก่ประชาชน

 

 

 

 

ขณะที่ฉันกำลังตามสืบ ก็ได้ข้อมูลมีการค้ามนุษย์เกิดขึ้น เเละได้รวบรวมพยานหลักฐาน เข้าจับกุมที่เกิดเหตุ และทูลพระราชาให้จับกุมขุนนางทันที

 

 

 

 

กษัตริย์ไม่เคยเลือกหนทางที่ผิด

 

 

 

 

ฉันเชื่ออย่างสนิทใจว่ามันจะทำให้ความชั่วร้ายจะหายไปจากประเทศอีกครั้ง…!

 

 

 

 

เเต่เเล้วฉันนี่เเหละที่เป็นคนถูกเนรเทศ

 

 

หลักฐานทั้งหมดถูกซ่อนไว้และฉากการค้ามนุษย์กลายเป็นการให้ยืมเเทนการค้าทาสเป็นผลให้ฉันถูกกล่าวหาว่ารายงานเท็จ

 

 

 

หลังจากถูกปลดออกจากตำแหน่งอัศวินศักดิ์สิทธิ์และไม่มีที่อยู่อาศัย ฉันก็ลงเอยที่สนามประลอง

 

 

 

 

ช่างเป็นชีวิตประจำวันที่น่าอับอายจริงๆ ที่เธอใช้ทักษะดาบที่ฝึกฝนมาเพื่อความยุติธรรม กลับต้องใช้มันเพื่อหาเลี้ยงตัวเองเเละส่งเสริมระบบอันชั่วร้ายนี้ต่อไป…!

 

 

 

 

ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้น ก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ความน่าสงสารเข้ากัดกินหัวใจผม

 

 

 

 

“ผมได้ก็ได้รับรู้เรื่องนี้มาบ้างเเล้ว ยังไงก็เเล้วเเต่ถ้าหากในเวลานั้น หัวหน้าตระกูลแวร์เล็ต…พ่อของผมทำงานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าพ่อของผมอยู่ที่นั่นล่ะก็ เธอจะไม่มาอยู่ที่นี่เเน่ ”

 

 

 

 

“ฮึ่ม แล้วเป็นไงล่ะ สบายใจเเล้วหรือยัง มันสายไปแล้ว ตอนนี้ฉันเป็นแค่คริสที่โง่เขลา…”

 

 

 

 

“…บอกตามตรงว่าผมผิดหวังนะคริส”

 

 

 

 

……อะไร?

 

 

 

 

ผู้ชายคนนี้พูดว่าอะไรนะ…? ผิดหวังเหรอ…?

 

 

 

 

ฉันตบกำปั้นที่กำแน่นไว้บนโต๊ะแล้วจ้องมองเขา

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มองไปทางอื่นเลย และไม่ขยับแม้โต๊ะจะหักและเศษไม้กระจัดกระจาย

 

 

 

 

ตรงกันข้าม เขาถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

 

 

 

“เธอกำลังใช้พลังของตัวเองตามอารมณ์ ความภาคภูมิใจของในฐานะอัศวินศักดิ์สิทธิ์หายไปไหนเเล้วล่ะ?”

 

 

 

 

“…หุบปาก! ฉันไม่ใช่อัศวินศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปเเล้ว”

 

 

 

 

“–เเต่ผมชอบเธอเมื่อตอนเป็นอัศวินศักดิ์สิทธิ์นะ”

 

 

 

 

“――――”

 

 

 

 

“ฉันเคารพ คริส รัคนีก้า ผู้ที่เป็นกำลังใจเพื่อน ๆ ไม่เคยยอมแพ้ต่อกองทัพของ จอมมาร และไม่เคยก้มหัวให้ใคร”

 

 

 

 

“…อา…อา ยะ ยะย ะ หยุดเถอะ…”

 

 

 

อย่าพูดถึงฉันด้วยคำพูดที่วาบหวานเลย

 

 

 

นายกำลังพูดถึงตัวตนในอดีต เเละฉันทิ้งคนนั้นไปแล้ว ฉันละทิ้งคนแบบนั้นไปแล้ว

 

 

 

 

ฉันทิ้งมันไว้ในอดีตเพื่อเตือนตัวเองถึงตัวตนที่น่าสังเวชในปัจจุบัน

 

 

 

 

“ฉันกลับไปไม่ได้แล้ว…! คริส แรคนิก้าได้ตายลงไปแล้ว…!”

 

 

 

 

“ถ้าได้ละทิ้งทุกสิ่งไป งั้นเธอก็สามารถเริ่มใหม่ก็ได้”

 

 

 

 

“เอ๊ะ……”

 

 

 

 

“เริ่มต้นใหม่จากที่นี่ ที่ซึ่งเธอได้ยอมแพ้ทุกอย่างเพราะได้ตายไปแล้ว”

 

 

 

 

มืออันอบอุ่นของเขาสัมผัสแก้มของฉัน

 

 

 

 

ใบหน้าที่ตกต่ำของตัวเองหันขึ้นไปหาเขา

 

 

 

 

“ตามผมมา ผมจะแกะสลักสถานที่ที่ความยุติธรรมของเธอได้เปล่งประกาย”

 

 

 

 

น้ำตาไหลอาบแก้มฉัน

 

 

 

 

ฉันไม่สามารถหยุดเขาได้ มันเหมือนกับว่าเขากำลังล้างสิ่งสกปรกในตัวฉันออกไป

 

 

 

 

มันน่าสมเพชและน่าอนาถ แต่เธอก็ไม่หยุดร้องไห้

 

 

 

 

เขาใช้นิ้วเช็ดมันเบาๆ และเอามือทั้งสองข้างโอบรอบตัวฉันไว้

 

 

 

 

“แสดงให้ฉันเห็นถึงความรุ่งโรจน์นั้นอีกครั้งข้างๆผมนะ อัศวินคริส รัคนิก้า”

 

 

 

 

ในขณะนั้นชีวิตของฉันก็เบ่งบาน ใจฉันสั่นเทาด้วยความยินดี

 

 

 

 

ฉันเข้าใจมันโดยสัญชาตญาณ คนนี้เองที่เป็นคนที่ฉันควรรับใช้  

 

 

 

ไม่ใช่ประเทศ

 

 

 

“–ฉันสาบานว่าจะควงดาบเพื่อท่าน โอก้าซามะ”

 

 

 

 

เกิดใหม่อยากเป็นขุนนางร้ายเเต่ทำไมดันกลายเป็นนักบุญ

เกิดใหม่อยากเป็นขุนนางร้ายเเต่ทำไมดันกลายเป็นนักบุญ

Status: Ongoing
เหล้า! ผู้หญิง! เงิน! ผมควรจะได้มันทั้งหมดและใช้ชีวิตตามที่พอใจ!… หรืออย่างที่ผมคิด ออก้า เวอร์เล็ท ลูกชายคนโตของตระกูล ดยุค เวอร์เล็ท เป็นบุคคลที่กลับชาติมาเกิดใหม่ ในตระกูลขุนนางร้ายผู้โด่งดัง หลังจากทำงานในบริษัทเเบล็คคอมปานี และเสียชีวิตจากการทำงานหนัก เขาก็นึกหวนถึงความฝัน “เพื่อสร้างฮาเร็มน่ารักๆและกินอาหารอร่อยๆ มีชีวิตที่เรียบง่ายและไร้กังวลด้วยภาษีของพวกประชาชน!” เขาเริ่มทำงานเพื่อมุ่งสู่ความฝันที่จะมีชีวิตอันแสนวิเศษในอีกโลกหนึ่งที่ใฝ่ฝัน ช่วยเด็กธรรมดาสามัญที่ถูกรังแก นำเข้าฮาเร็มและได้รับการปรนนิบัติตอบกลับ เเละยังได้รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเพื่อมาเป็นเเรงงานเเถมยังให้การศึกษาอีก และเพื่อปราบการกบฏ เขาได้เข้าเรียนที่สถาบันเวทมนตร์เพื่อเชี่ยวชาญด้านศาสตร์เวทมนตร์ “คุคุคุ… ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น! อนาคตที่สดใสรอฉันอยู่!” อย่างไรก็ตาม ออก้ายังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การกระทำของเขาในการใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและไร้ความกังวลจะได้รับการชื่นชมจากสังคม และเขาจะได้รับการยกย่องว่าเป็น “นักบุญ” จากมวลชนในอนาคต

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท