Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 59

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

 

 

 หลังจากคณะของอินกองกลับจากการสำรวจทางเหนือ พวกเขาก็ยุ่งวุ่นวายกับภารกิจในแต่ละวัน

 

 เฟลิซีกับดาฟเน่เข้าสำรวจวัดศิลา ทางด้านเฟโรเชียสอายก็รวบรวมทหารเพื่อเตรียมกวาดล้างเหล่าคาเซียทางเหนือ พวกมันคือเหล่าคาเซียที่แตกกระเจิงจากการตายของบาโคโรฟ

 

 เป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการปราบปรามคาเซียที่แท้จริง

 

 นี่เป็นโอกาสที่ดี อินกองตัดสินใจร่วมเดินทางไปกับเฟโรเชียสอาย

 

 แล้วเวลาก็ล่วงเลยไปสองสัปดาห์ หลังจากกวาดล้างเหล่าคาเซียเสร็จสิ้น อินกองก็กลับมายังวัดศิลาโดยมีเฟลิซีออกมาต้อนรับ

 

“เวลาผ่านไปไม่นานแต่… เธอแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว เธอนี่พัฒนาได้รวดเร็วจนน่าตกใจจริงๆ”

 

 เฟลิซีกล่าวออกมาพร้อมยิ้มแหยะ นางรู้สึกได้เลือนลางตั้งแต่ก่อนต่อสู้กับบาโคโรฟ อินกองแข็งแกร่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนที่เขาทำภารกิจปราบกบฏ และการเติบโตอันรวดเร็วนี้ ไม่สามารถที่จะเอาไวท์อีเกิ้ลมาเป็นข้ออ้างได้

 

 อินกองได้แต่ตอบนางไปด้วยข้ออ้างเดียวที่เขาคิดได้

 

“ผมก็แค่อยู่ในวัยกำลังโต”

 

 นั่นพอที่จะใช้เป็นข้ออ้างได้อยู่ มีพวกที่เติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเยอะมากในโลกมาร รวมไปถึงเหล่าลูกของจอมมารที่เกิดกับนางกำนัล

 

 การเก็บกวาดเหล่าคาเซียทำให้อินกองเลื่อนระดับขึ้นเป็นเลเวล 20 ทักษะพลังพระเอกของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นขั้น 3 แต้มทักษะถูกใช้ในการเพิ่มระดับให้ลมปราณและเคล็ดไอศวรรย์ทั้งสอง ทำให้ทักษะเหล่านี้เพิ่มระดับขึ้นมาหนึ่งถึงสองขั้น

 

 เวทมนตร์ที่ถูกใช้งานบ่อยครั้ง อย่างฮีลและไฟร์แอร์โรว์ก็เพิ่มระดับขึ้นด้วย

 

‘ถ้าสู้กับเคทลินตอนนี้ ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้อยู่?’

 

 อินกองไม่รู้ทักษะความสามารถทั้งหมดของคริสต์และเคทลิน เขาไม่เคยคิดจะเปรียบเทียบตัวเองกับทั้งสองเสียด้วยซ้ำ จนกระทั่งตอนนี้ แม้กับคริสต์จะยังเคลือบแคลงใจอยู่ แต่เขามั่นใจว่าตอนนี้เขาพอจะสูสีกับเคทลินได้

 

 อินกองหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตนลง ก่อนจะชำเลืองมองบริเวณโดยรอบ

 

“แล้วการสำรวจของนูนะเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

 

 ใบหน้าของเฟลิซียิ้มแย้มขึ้นมาทันที ก่อนนางจะกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ

 

“ทั้งหมดเป็นไปด้วยดี ยิ่งไปกว่านั้นฉันยังพบของบางอย่างอีกด้วย หนายยย ลองทายซิ? ว่าฉันพบอะไรเอ่ย?”

 

“อะไรหรือครับ?”

 

 เสียงอันตื่นเต้นของเฟลิซีทำให้อินกองอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา เฟลิซีพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะขยับเข้ามาใกล้เพื่อกระซิบบอกบางอย่างให้กับเขา

 

“พลังเวทในวัดศิลานี้เป็นของอันเคลไงละ พยานอันเคลผู้เป็นหนึ่งในหกมังกรบรรพกาลเชียวนะ!”

 

 เสียงของนางดังเกินกว่าจะเรียกว่ากระซิบ แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้น

 

 แววตาของนางรวมถึงเดเลียและดาฟเน่ที่อยู่ด้านหลัง ลุกโชติช่วงเป็นประกาย

 

 ความจริงเรื่องนี้สร้างความตื่นเต้นให้ทั้งสามเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะพวกนางไม่รู้ว่า เทพารักษ์กรีนวินด์ถือกำเนิดขึ้นมาจากเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของอันเคล และพลังเวทของอันเคลยังคงอยู่ในไวท์อีเกิ้ล

 

 อินกองอยากจะบอกความจริงกับทั้งสาม ทว่าสีหน้าอันตื่นเต้นของพวกนางทำให้เขาพูดไม่ออก

 

“โอ! ดีใจด้วยครับ!”

 

‘นายท่านดูไม่เป็นธรรมชาติเอาเสียเลย’

 

 เสียงของกรีนวินด์ทักขึ้นมา ก่อนอินกองจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นธรรมชาติขึ้น

 

“ถ้าอย่างนั้น ก็เป็นเหมือนกับทั่งวัชรกรสินะครับ?”

 

“ใช่แล้ว เรียกได้ว่าใกล้เคียงเลยทีเดียว นั่นก็เพราะทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นมรดกของเหล่ามังกรบรรพกาลที่ยังคงเหลืออยู่”

 

 เฟลิซียังคงตื่นเต้นกับการค้นพบ ทำให้นางไม่ทันสังเกตถึงความผิดปกติในน้ำเสียงและท่าทางของอินกอง

 

 นางยังคงพูดเพิ่มเติมโดยไม่มีทีท่าจะหยุด

 

“ฉันยังไม่รู้ถึงข้อเชื่อมโยงระหว่างอันเคลกับกรีนวินด์หรอกนะ แต่เท่าที่ฉันใช้เวลาหลายวันศึกษาดูกับดาฟเน่ ดูเหมือนพลังเวทที่ใช้ปลุกเหล่าทรีเอนท์ขึ้นมาจะเป็นพลังเวทของอันเคล และนั่นทำให้มันมีความเป็นไปได้ที่เราจะให้เหล่าทรีเอนท์คอยปกป้องวัดศิลาแห่งนี้ รวมไปถึงที่ราบอินคา”

 

“สุดยอดครับ เฟลิซีนูนะ”

 

“หืม แน่นอนอยู่แล้ว”

 

 เฟลิซีเงยหน้าแอ่นอกขึ้นมาอย่างยินดีกับคำชมเชย ลักษณะของนางดูไม่ต่างจากกรีนวินด์

 

 คารัคที่เฝ้ามองการสนธนาของเจ้านายทั้งสองอย่างเงียบเงียบ เอ่ยขึ้น

 

“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นงานที่นี่ก็เสร็จแล้ว องค์หญิงองค์ชายจะกลับวังกันเลยหรือเปล่า?”

 

 อินกองเก็บกวาดเหล่าคาเซียเสร็จเรียบร้อย ส่วนการสำรวจวัดของเฟลิซีก็ลุล่วงด้วยดี

 

 เฟลิซีพยักหน้า

 

“ถูกต้องแล้ว อันที่จริงก็ยังมีเรื่องที่ฉันอยากจะอยู่ค้นคว้าต่อหรอกนะ แต่ก็คงต้องปล่อยมันไว้ก่อน ตอนนี้ฉันต้องกลับวังเพื่อส่งรายงานการสำรวจให้ทางวังได้รับรู้”

 

 ปฏิบัติการปราบปรามคาเซียในครั้งนี้ต่างไปจากทุกปี ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการค้นพบวัดศิลาที่คาดว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับมังกรบรรพกาล นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก

 

“พวกขุนนางจะต้องตกใจกับรายงานครั้งนี้แน่ แล้วพวกนั้นก็จะได้รับรู้ว่า การที่อะบามามะขานชื่อของเธอในที่ประชุม มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”

 

 เฟลิซีตบไหล่อินกองในลักษณะเดียวกับที่คริสต์ทำประจำ เป็นการตบไหล่ที่แสดงออกถึงความเป็นกันเอง

 

 ในเช้าวันรุ่งขึ้น

 

 หลังจากเตรียมการสำหรับการเดินทางเสร็จสิ้น อินกองก็หันมาหาเฟโรเชียสอาย

 

 หัวหน้าเผ่าเซนทอร์จ้องตรงไปยังดวงตาของอินกอง ก่อนจะกล่าวออกมา

 

“ฟ้าเก้า ผู้ส่งสาส์นแห่งองค์กรีนวินด์ ผู้สืบทอดไวท์อีเกิ้ล เรียกขาน พวกข้าเคียงข้าง”

 

 แววตาของเฟโรเชียสอายยังคงดุดัน ทว่าอินกองเข้าใจในสิ่งที่เซนทอร์ตนนี้สื่อ เขายื่นมือออกจากบนหลังของเดรโก้ พร้อมกับตอบออกไป

 

“เราก็เช่นกัน ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง เฟโรเชียสอาย”

 

 เฟโรเชียสอายจับมือของอินกอง ในบทกวีแห่งผู้กล้า แม่ทัพเซนทอร์ตนนี้เป็นศัตรูกับเขามาโดยตลอด ทว่าในตอนนี้อินกองได้เฟโรเชียสอายมาเป็นพันธมิตรในที่สุด

 

 หลังจากการร่ำลาของเหล่าเซนทอร์ อินกองก็เดินทางออกจากหมู่บ้านเผ่ากูณฑ์ตรงไปยังค่ายกลเคลื่อนมิติ โดยมีเฟลิซี เดเลีย ดาฟเน่ คารัค กัมมะ และกรีนวินด์ร่วมเดินทางไปด้วย

 

 ทั้งหมดมีกัมมะเป็นผู้นำทาง กัมมะ ที่กลายเป็นผู้ติดตามตนที่สองของอินกองหลังจากคารัค

 

 ส่วนกรีนวินด์… ก็สร้างความหงุดหงิดให้กับอินกองเล็กน้อย

 

‘นายท่าน ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี’

 

‘นายท่าน ข้าหายใจไม่ออก’

 

‘พวกเราจะไปจากที่ราบอินคาจริงๆหรือนายท่าน?’

 

‘ตอบข้าด้วยนายท่าน’

 

 กรีนวินด์ถือกำเนิดและใช้ทั้งชีวิตของนางเฝ้าปกป้องที่ราบอินคาแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางกำลังจะออกจากแผ่นดินเกิด นางรู้สึกไม่ปลอดภัย วิตกกังวล และหวาดกลัวต่อสถานที่แห่งใหม่ที่นางกำลังจะไปสู่

 

 พวกเขาใช้เวลาในการเดินทางและปลอบประโลมกรีนวินด์สองวัน ขั้นตอนถัดไปหลังจากที่พวกเขามาถึงค่ายกลเป็นไปอย่างราบรื่น เข้าไปกลางค่ายกล หลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นมายังสถานที่แห่งใหม่

 

“เฟลิซี”

 

“องค์หญิง”

 

“เฟลิซีออนนี่!”

 

 สถานการณ์อันไม่แตกต่างจากเดิมเกิดขึ้นอีกครั้ง เหล่าผู้ติดตามของเฟลิซีต่างเฝ้ารอ ต้อนรับการกลับมาของนาง

 #ไอดอลเกาหลีเดินลงจากเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ

 

 เฟลิซียิ้มแย้มอย่างเป็นพิธีพลางโบกมือให้กับเด็กเด็กที่มารอต้อนรับนาง

 

 ทั้งหมดไม่ต่างจากเดิม จนกระทั่ง…

 

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบองค์ชาย”

 

“ข้าพระพุทธเจ้ามาเฝ้ารับเสด็จองค์ชายพระพุทธเจ้าข้า”

 

“เราได้ข่าวว่าท่านสร้างผลงานในภารกิจครั้งนี้มากมาย”

 

 ในการกลับวังครั้งที่แล้ว อินกองเสมือนไร้ซึ่งตัวตน

 

‘ว้าววว… ’

 

 ว่าบางอย่างได้เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะด้วยความจริงใจหรือประจบประแจง แต่ทั้งหมดก็ไม่สามารถมองข้ามฉัตรได้อีกต่อไป

 

 เฟลิซีหันมาขยิบตาให้กับอินกอง นั่นทำให้เหล่าผู้ติดตามของนางมองอินกองอย่างเคารพและเป็นมิตรมากขึ้น

 

 ดาฟเน่อยู่ไม่ห่างไปจากเฟลิซี นางเป็นผู้ติดตามของแซเฟียร์ในบทกวีแห่งผู้กล้า แต่ในตอนนี้นางยังคงรวมกลุ่มกับลูกนางกำนัลตนอื่น

 

“องค์ชาย”

 

 คารัคกระซิบบอกอินกองพลางชำเลืองมองสายตาไปยังมุมหนึ่ง และอินกองก็เข้าใจสาเหตุได้ไม่นาน

 

 ไม่ใช่ทั้งหมดที่ยินดีกับอินกอง มีบางส่วนที่มองมายังพวกเขาด้วยสายตาอันไม่เป็นมิตร

 

 นี่เป็นผลจากการที่จอมมารขานชื่อของฉัตรออกมาในที่ประชุม และก็เป็นสาเหตุให้เฟลิซีอาสาเป็นผู้ไปตรวจสอบที่ราบอินคาเอง

 

‘พวกนั้น… เหมือนจะเป็นฝ่ายของอนาสทาเชียหมดเลยปะเนี่ย?’

 

 เจ้าหญิงลำดับที่สี่ อนาสทาเชีย เนคริออน หรือที่เรียกกันในบทกวีแห่งผู้กล้าว่าแซเฟียร์หญิง ฝ่ายที่มีสมาชิกมากที่สุดในสามฝั่งขั้วอำนาจ

 

 แม้อินกองจะต้องการผูกมิตรกับบรรดาทายาทจอมมารที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกับแซเฟียร์ แต่ดูเหมือนโลกนี้จะโหดร้ายกว่าที่เขาคิด

 

 ที่ผ่านมา การที่ทายาทจอมมารตนอื่นเข้ามาญาติดีกับฉัตรล้วนไม่มีอะไรแอบแฝง เฟลิซีกับเคทลินไม่มีความคิดที่จะสืบบัลลังค์ แม้คริสต์จะทะเยอทะยาน แต่นั่นก็เป็นไปในฐานะกษัตริย์ของเผ่าไลแคนโทรปเผื่อปกป้องเผ่า

 

 ทั้งสามจึงไม่ได้อิจฉาฉัตรแต่อย่างใด ในทางตรงข้าม กลับร่วมแสดงความยินดีกับเขาเสียด้วยซ้ำ

 

 ทว่าอนาสทาเชียนั้นต่างออกไป นางเป็นผู้นำหนึ่งขั้วอำนาจ ฉัตรเปรียบเสมือนสิ่งกีดขวางที่ปรากฏขึ้นในเส้นทางของนาง ทายาทจอมมารที่โดดเด่นแต่ไม่ฝักฝ่ายใด เป็นได้แต่เพียงเหยื่อเท่านั้น

 #จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน

 

‘เอาวะ อย่างน้อยตอนนี้เฟลิซีก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายอนาสทาเชีย’

 

 ในเหตุการณ์วันล้างบาง ทั้งเฟลิซีและพี่ชายของนางต่างสังกัดฝ่ายของอนาสทาเชีย ทว่าอินกองไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าร่วมกับอนาสทาเชียตอนไหน

 

 ตอนนี้ยังคงเป็นปี 512 อยู่ และแน่นอนว่าเฟลิซียังไม่ได้สังกัดฝ่ายของอนาสทาเชีย

 

 หากเฟลิซีอยู่ฝ่ายเดียวกับอนาสทาเชียแล้ว นางคงไม่ยอมให้เฟลิซีเข้ามาสนิทสนมกับฉัตรแบบนี้เป็นแน่แท้

 

 อินกองหันกลับมาสนใจเฟลิซีอีกครั้ง รอบตัวนางรายล้อมไปด้วยเหล่าผู้ติดตามและลูกนางกำนัล ทว่าภาพที่เห็นดูเหมือนวัยรุ่นจับกลุ่มคุยกัน มากกว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพลทางการเมือง

 

‘ถึงจะไม่มาก แต่เราจะปั้นพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ได้มั้ยนะ?’

 

 สาวกทั้งสามผู้คลั่งไคล้เฟลิซี(?)

 

 ทั้งสามอายุน้อยกว่าเฟลิซี ยกเว้นฟอเล่นเบียริ่ง

 

 กุรปะ เผ่ายักษ์ที่ดูมีอายุรุ่นราวยี่สิบปี ทว่าความจริงเป็นเพียงหนุ่มน้อยวัยสิบห้าปี

 

 แอนนา โรส ลูกสาวราชินีเผ่าแฟรี่

 

 เบียริ่ง เผ่าฟอเล่นผู้มีผิวสีขาวซีดพร้อมปีสีดำ ชื่นชอบศิลปะและการดนตรี นั่นทำให้มีกลุ่มผู้เล่นชื่นชอบมากมายในบทกวีแห่งผู้กล้า ถึงแม้จะไม่สามารถทำประโยชน์ในการรบได้มากมายนัก

 

 กุรปะมีร่างกายบึกบึนเช่นเดียวกับคารัค แต่ด้วยสีผิวที่ออกแดงของเผ่ายักษ์ ทำให้มีภาพลักษณ์ดูน่ายำเกรงกว่า จุดเด่นก็คือกุรปะแข็งแกร่งมากกว่าที่เห็นเพียงผิวเผิน แต่จุดด้อยก็คือกุรปะในตอนนี้ยังไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์อะไรทั้งสิ้น

 

 ที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มก็คือแอนนา โรส สาวน้อยอายุสิบเอ็ดปี นางถือเป็นตัวเต็งด้วยศักยภาพของนาง แต่ด้วยอายุของนาง ทำให้นางมีบทบาทได้เพียงเล็กน้อยในตอนนี้

 

‘ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรละนะ ยังไงเราก็ยังเหลือดาฟเน่อยู่’

 

 อินกองมองดูเหล่าผู้ติดตามของเฟลิซีอย่างยินดี ก่อนกลุ่มของนางจะเริ่มพูดคุยซุบซิบ

 

“เฟลิซีออนนี่รู้หรือยังคะ? ในครั้งนี้ก็จะมีการจัดประชุมสภาพขึ้นด้วย”

 

 แอนนาพูดออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมขยับปีกที่คล้ายคลึงกับผีเสื้อของนาง นั่นทำให้เฟลิซีอดแปลกใจไม่ได้

 

“ฮะ? อีกแล้วหรือ?”

 

 ถึงแม้ว่าในภารกิจครั้งนี้ อินกองสร้างความดีความชอบมากกว่าปฏิบัติการปราบปรามคาเซียที่เคยมีมาอย่างเทียบไม่ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะเรียกประชุมสภา

 

 หรือว่าข่าวลือที่ว่าจอมมารโปรดปรานฉัตรจะเป็นเรื่องจริง?

 

 เบียริ่งหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเริ่มอธิบาย

 

“การประชุมครั้งนี้จัดเพื่อแสดงความยินดีให้กับองค์หญิงเฟลิซี องค์ชายฉัตร รวมไปถึงแขกอีกหนึ่งท่าน เป็นการจัดให้สำหรับผู้สร้างผลงานทั้งสาม”

 

 มีทายาทจอมมารสร้างผลงานใหญ่โตอีกหนึ่ง นั่นดูสมเหตุสมผล

 

 เฟลิซีรีบถามต่อ

 

“แล้วแขกอีกหนึ่งที่ว่านั่นเป็นใครกัน?”

 

 คำถามที่อินกองอยากรู้ถูกถามออกมา ก่อนเบียริ่งจะตอบพร้อมรอยยิ้ม

 

“องค์ชายสองกลับมาแล้ว”

 

 เจ้าชายลำดับที่สอง แซเฟียร์ แร็กนารอส

 

 คำตอบที่ทำให้อินกองได้แต่กลืนน้ำลาย

 

 

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท