Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก – ตอนที่ 132

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

 

“ระบบกำลังอยู่ในการจัดตั้งข้อมูลฝัน คุณต้องการเริ่มต้นเลยหรือไม่?”

 

  เสียงสตรีนิรนามเฉกเช่นที่อินกองได้ยินในทุกครั้งทีเขาเพิ่มระดับเลเวล ทว่าเสียงนี้ต่างไปจากสตรีนิรนาม เสียงนี้ไร้ซึ่งลักษณะบุคลิกตัวตน เป็นเพียงเสียงที่จิตใต้สำนึกของอินกองเลือกใช้

 

  หากเปรียบเทียบกับเกม เสียงนี้ก็คือตัวละครประกอบฉาก

 

‘ก็พอเข้าใจอยู่ละนะว่าเป็นแค่เสียง’

 

  ถึงอย่างไรก็ตาม เสียงที่ไม่ต่างจากสตรีนิรนามส่งผลให้อินกองรู้สึกราวกับว่าสตรีนางนั้นกำลังเข้ามาดูอยู่ในฝันของเขา

 

‘อายชิบหาย’

 

  ด้วยความที่เป็นฝันอินกองจึงไม่สามารถเล่าเหตุการณ์ให้ผู้อื่นฟังได้ นอกจากนี้เสียงที่ได้ยินย่อมต่างไปตามแต่ผู้ฝัน

 

‘นี่มันบทลงโทษชัดๆ’

 

  หรือในอีกนัยหนึ่งก็คืออินกองเป็นฝ่ายถวิลหาเสียงของสตรีนางนี้ 

 

  อินกองรวบรวมสมาธิก่อนมองไปรอบตัว โลกที่ขาวโพลนมีแต่ความว่างเปล่า ไร้ซึ่งทิศทาง ไร้ซึ่งท้องฟ้าผืนดิน ราวกับผืนผ้าใบก่อนที่จิตรกรจะเริ่มบรรเลงพู่กัน

 

‘เอาละ เริ่มจากแบ็คกราวด์ก่อนละกัน’

 

  นี่มิใช่ครั้งแรกที่อินกองใช้หมอนจำลองฝัน ถึงกระนั้นขั้นตอนแรกเริ่มก็ทำให้เขาอัศจรรย์ใจทุกครั้ง

 

  อินกองใช้หมอนในครั้งแรกเมื่อคราวที่ไล่ตามราชาชนเถื่อนจากป้อมปราการที่สอง การบันดาลฝันได้ดั่งใจนึกย่อมช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจได้ดี อินกองจึงใช้หมอนเพื่อจุดประสงค์นี้ระหว่างการเคลื่อนทัพ

 

‘นึกดูแล้วเราก็ยังไม่ได้ลองอะไรมากเลยนี่นะ’

 

  ด้วยระบบความคิดของอินกองไม่ต่างไปจากนักเล่นเกม ทำให้จิตสำนึกอินกองเลือกจดจำการตั้งค่ารายละเอียดในลักษณะเกม แบ่งแยกเป็นช่องสำหรับบันทึกการตั้งค่าหลายช่อง ในครั้งนี้อินกองเลือกบันทึกช่องที่สอง

#save slot

 

“กรุณาจินตนาการถึงพื้นหลังที่ต้องการ”

“คุณสามารถเปิดปิดระบบเสียงช่วยเหลือได้ทุกเมื่อ”

 

  อินกองหลับตาลง แน่นอนว่าภาพที่คุ้นตาที่สุดก็คือห้องนอนของเขา

 

  ไม่ใช่ห้องนอนคฤหาสน์ที่วังจอมมาร ไม่ใช่สถานที่หลับนอนในกระโจม

 

  พื้นหลังที่นึกถึงคือห้องนอนของมนุษย์ที่ชื่อจู-อินกอง สถานที่ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับคนธรรพ์ที่มีนามว่าฉัตร อิกษณา

 

  อินกองลบความคิดนั้นทิ้ง เขามั่นใจว่าหากลืมตาแล้วพบภาพห้องนอนของเขาอีกครั้ง กำลังใจที่เขามีอาจพังทลายลง เขาถอนหายใจรวบรวมสมาธิอีกครั้งเพื่อนึกถึงสวนในวังจอมมาร

 

  แต่สวนนี่ก็ต่างไปจากทุกที บริเวณของมันกว้างขวางเชื่อมต่อทั้งคฤหาสน์ของเขา เฟลิซี ซิลวาน คริส และเคทลิน นอกจากนี้ที่มุมหนึ่งก็เป็นโรงหลอมที่มีแรคคูนตัวน้อยกำลังตีเหล็ก

 

‘อมิตาภากลายเป็นพื้นหลังไปซะแล้ว’

 

  อินกองหัวเราะก่อนมองไปด้านบน ท้องฟ้าสีครามมีเมฆเบาบาง ท้องฟ้าในลักษณะที่ตัวเขาชื่นชอบ

 

  ในส่วนสภาพอากาศอินกองเลือกอากาศที่แห้งและมีอุณหภูมิหนาวเล็กน้อย

 

‘รายละเอียดเยอะขนาดนี้ สมแล้วที่ต้องมี save slot แยกหลายอัน’

 

  อินกองสามารถเลือกปรับเปลี่ยนรายละเอียดปลีกย่อยทุกอย่างที่เขาสามารถนึกคิด สร้างความเพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ไม่จำกัดแค่เพียงพื้นหลังเท่านั้น

 

“กรุณากำหนดตัวละคร”

“ตัวละครเหล่านี้จะมีบุคลิกกับความสามารถตามที่ผู้ฝันกำหนด”

 

  เสียงจากระบบช่วยเหลือดังขึ้นแนะนำขั้นตอนให้กับอินกอง เขาสามารถสร้างตัวละครใดใดตามที่เขานึกคิด สามารถกำหนดบุคลิก ประวัติภูมิหลังความเป็นมา เผ่าพันธ์ รายละเอียดปลีกย่อยอันหลากหลายทำให้อินกองไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถกำหนดเอกลักษณ์ให้กับตัวละครทั้งหมดได้

 

‘แต่ว่านะ…’

 

  อินกองเลือกที่จะทดสอบบางสิ่ง

 

  ผู้ที่คอยช่วยเหลืออินกองในทุกสิ่งอย่างนับตั้งแต่ที่เขาย่างกายเขามาในดินแดนปริศนานี้ เสียงที่ดังขึ้นช่วยเหลือเขามาตลอด

 

  อินกองลืมตาขึ้นพบสตรีสีขาวตรงหน้า ชุดคลุมสีขาวในลักษณะเช่นเหล่านักบวชพร้อมมงกุฏทองประดับศีรษะ ดวงตาสีแดงข้างหนึ่งสีน้ำเงินในอีกข้าง แววตาที่เต็มไปด้วยความโหยหา

 

  เนื่องจากอินกองยังมิได้กำหนดบุคลิก นี่จึงเป็นเพียงรูปลักษณ์เปลือกนอกเท่านั้น อินกองพยักหน้าพึงพอใจก่อนจะหลับตาอีกครั้ง

 

  ในครั้งนี้อินกองนึกถึงพยานอันเคล เมื่อเขาลืมตาก็ได้แต่ตกตะลึง

 

  สิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่โต มังกรรรพกาลที่มีเกล็ดสีเขียวมรกต รูปลักษณ์ที่อินกองเห็นในยามที่เขาดูดซับแก่นมังกรของอันเคล อินกองลองปรับเปลี่ยนรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนร่างมังกรของอันเคลหดเล็กลงกลายเป็นร่างที่คล้ายคลึงกับกรีนวินด์

 

‘โฮ่’

 

  เขาทั้งสองที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับเขากวาง เส้นผมสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับเกล็ดมังกร ใบไม้กิ่งไม้ที่ถักทอขึ้นเป็นชุดเครื่องนุ่งห่ม แววตาอันเร้นลับ ทั้งหมดให้ความรู้สึกอันศักดิ์สิทธิ์ งดงาม และสูงส่ง เฉกเช่นเมื่อยามแรกพบกรีนวินด์

 

  ต่อมาก็มีกรีนวินด์ปรากฏขึ้นข้างอันเคล น่ารักน่าเอ็นดูและขี้อ้อน เป็นกรีนวินด์ที่อินกองรู้จัก

 

  แม้รูปลักษณ์ทั้งสองจะเรียกได้ว่าเหมือนกันทุกประการ แต่ความรู้สึกที่แผ่ออกมาช่างแตกต่างกัน โดยเฉพาะกรีนวินด์ให้ความรู้สึกราวกับลูกแมวที่พร้อมจะเข้ามาเคล้าแข้งเคล้าขาทุกเมื่อ

 

  ความคิดของอินกองส่งผลให้มีหางแมวผุดขึ้นบริเวณสะโพกของกรีนวินด์ พร้อมด้วยถาดอาหารแมวห่างออกมาเล็กน้อย

 

  อินกองหัวเราะออกมา แน่นอนว่ากรีนวินด์ดูน่ารักมากขึ้นแต่อินกองก็ขอขมากรีนวินด์ในใจ

 

‘นี่มันสนุกเกินคาดแฮะ’

 

  ผู้เคราะห์ร้ายรายถัดไปก็คือเฟลิซี นางปรากฏกายขึ้นในชุดรัดรูปพร้อมด้วยแว่นตากรอบดำ อายุของนางเทียบเท่านักเรียนมัธยมปลาย แต่ภาพลักษณ์ของนางกลับไม่ต่างไปจากอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย

 

  คารัคโผล่พร้อมชุดสูทพ่อบ้านพร้อมด้วยผ้าสีขาวคล้องแขน

 

  ถัดมาก็คือนาตาช่า อินกองเหลียวซ้ายแลขวาพบกับสายตาตำหนิของอาณัติกับอันเคล อย่างไรเสียนาตาช่าในชุดพยาบาลเรียกได้ว่าเหมาะสมเหนือความคาดหมาย

 

  อินกองเพลิดเพลินกับการเล่นแต่งตัวตุ๊กตาก่อนท้ายที่สุดจะลบตัวละครทั้งหมดเหลือเพียงอาณัติกับอันเคล

 

  อินกองรวบรวมสติอีกครั้ง จุดประสงค์การใช้หมอนในครั้งนี้คือเพื่อเตรียมตัวสำหรับการดวลกับแวนเดล เขานึกถึงราชาเคราโตสกับแวนเดล สร้างตัวละครทั้งสองขึ้นในทันที

 

‘ที่นี้ก็ขอบเขตความสามารถ’

 

  ถ้าอินกองปรับแต่รายละเอียดทั้งหมดตามความพึงพอใจของเขาก็คงมิใช้การฝึก ฉะนั้นอินกองจึงปรับแต่งค่าสถานะให้สูงกว่าตนเอง

 

‘จะว่าไปแล้ว เราน่าจะจำลองตัวเองได้ด้วยสิ?’

 

  การจำลองค่าสถานะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่นักเล่นเกมคำนึงถึง เพื่อวางแผนในการคัดเลือกทักษะกับสถานะในรูปแบบที่เหมาะสมกับตนเองในระยะยาว

 

‘ไม่ว่าจะมองมุมไหน หมอนนี่มันสูตรโกงชัดๆ’

 

  การทดสอบเช่นนี้ไม่อาจทำได้ในความเป็นจริง แม้หมอนจำลองฝันอาจไม่มีมูลค่าใดในการรบ แต่ความสามารถในการจำลองทุกสิ่งอย่างทำให้เรียกว่าหมอนนี้มีมูลค่ามากมหาศาลในการศึกสงคราม

 

  เมื่ออินกองตระหนักถึงความสำคัญของหมอนนี้ ยิ่งทำให้เขาซาบซึ่งในตัวเฟลิซีกับเคทลินมากยิ่งขึ้น

 

‘เอาละ เถลไถลมากพอแล้ว ถึงเวลาจริงจัง’

 

“ยังไม่มีการกำหนดสถานการณ์กับเรื่องราว”

“คุณต้องการเริ่มฝันเลยหรือไม่?”

“คำเตือน หากฝันเริ่มดำเนินการแล้วจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนรายละเอียดอะไรได้อีก ฝันจะดำเนินต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง ยกเว้นมีเหตุปัจจัยอื่นที่ทำให้ผู้ฝันไม่สามารถฝันต่อไปได้”

“ตัวอย่างเหตุปัจจัยที่ทำให้ผู้ฝันไม่สามารถฝันต่อไปได้: มีการกระทบกระเทือบจากโลกความเป็นจริง,ความเสียหายต่อจิตใจของผู้ฝัน, ตัวหมอนได้รับความเสียหาย, พลังเวทมนตร์ในตัวหมอนหมดสิ้น, เป็นต้น”

 

  อินกองตกลงเริ่มดำเนินการ เขาได้บอกให้กรีนวินด์ในโลกจริงปลุกเขาหากเกินเหตุฉุกเฉิน

 

  เนื่องจากอินกองต้องการซ้อมต่อสู้กับแวนเดลและราชาเคราโตส เนื้อเรื่องหรือสถานการณ์เพิ่มเติมจึงไม่จำเป็น

 

“ความฝันจะเริ่มดำเนินการใน 10 วินาที ขอให้เพลิดเพลินกับความฝัน”

 

  สิ้นสุดเสียงรอบตัวอินกองเกิดความเปลี่ยนแปลง แม้ไม่อาจเห็นได้ด้วยตาแต่อินกองรับรู้ได้

 

  หลังสิบวินาทีพ้นผ่าน ทุกสิ่งทุกอย่างก็เคลื่อนไหว

 

  อินกองหันไปมองอาณัติ แน่นอนว่าไม่มีถ้อยคำใดเอื้อนเอ่ยออกมา มีเพียงสายตาอันเศร้าสร้อย

 

  สายตานั่น เพราะเหตุใดกัน? อินกองรู้เพียงนางบอกว่าตัวเขาเป็นความหวังหนึ่งเดียวของนาง

 

  ทั้งทุพภิกขภัยกับอาสัญต่างแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับนาง ส่วนรณการต่างไปจากทั้งสองตรงที่นางไม่แสดงถึงความรู้สึกโกรธเกลียด

 

  อินกองอยากจะพูดคุยกับนาง แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้

 

  อินกองหันไปมองทางอันเคล นางจ้องเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นครู่หนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมา นางขยับนิ้วสร้างบางสิ่งก่อนนั่งลงบนเก้าอี้สายลม

 

“หมอนจำลองฝันสินะ เป็นหมอนที่น่าสนใจใช้ได้เลย อ๊ะ แต่ข้าไม่บอกหรอกนะว่าใครเป็นคนสร้าง นั่นเป็น ความ~ลับ (o˘◡˘o)”

 

  อินกองไม่ได้กำหนดบุคลิกทั้งสิ้นแต่อันเคลกลับแสดงอาการที่เหนือความคาดหมายออกมา ที่สำคัญคำพูดของนางไม่ใช่สิ่งที่อินกองรับรู้

 

  นางรู้ว่าใครเป็นผู้สร้างหมอนแต่ไม่บอกเขา นี่ไม่ใช่ข้อมูลที่อินกองรับรู้ บ่งบอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่จิตใต้สำนึกอินกองสร้างหรือกำหนดขึ้น

 

“อัน… เคล?”

 

“ปิ๊งป่อง… ผิด! ข้าไม่ใช่อันเคลหรอก เรียกว่าเป็นหนึ่งในเศษเสี้ยวชิ้นส่วนของนางเสียมากกว่า เศษเสี้ยวชิ้นสุดท้ายเลยละ เป็นผลึกความทรงจำและบุคลิกของนางที่หลงเหลืออยู่ยังไงละ ถ้าให้พูดตรงๆ ข้านะใกล้เคียงกับกรีนวินด์ที่น่ารักของเจ้ามากกว่าอันเคลแหละ (´꒳`)♡”

 

  อินกองเข้าใจในที่สุด นั่นเพราะในตัวเขานอกจากจะมีความเชื่อมโยงกับอาณัติแล้ว ยังมีเศษเสี้ยวแห่งอันเคลที่เขาดูดซับพร้อมกับแก่นมังกรของนางอยู่

 

  อินกองหันไปมองทางอาณัติอีกครั้ง ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรให้เขาสามารถสังเกตเห็นได้

 

  อันเคลยังคงเล่าต่อ

 

“หมอนจำลองฝันใช้ได้หลากหลายก็จริงแต่มันมีข้อจำกัดอยู่น้า เพราะทั้งหมดนี้สร้างจากเธออะไรที่เธอไม่รู้หรือคาดเดาไม่ถึงมันก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ยังไงละ ที่ข้าโผล่มาได้เป็นข้อยกเว้น เพราะเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวยังไงละ (⁄ ⁄>⁄ ▽ ⁄<⁄ ⁄) แต่ก็นะถึงหมอนช่วยให้ออกมาได้ ก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้มากหรอกนะ ข้าพูดได้แค่ในสิ่งที่เธอรับรู้อยู่แล้วเท่านั้นแหละ”

 

  อินกองพอทำความเข้าใจได้ในระดับหนึ่ง ก่อนตัดสินใจถามตรงตรง

 

“อันเคล การตายของท่าน… เกี่ยวข้องกับอาณัติ รณการ ทุพภิกขภัยและอาสัญใช่มั้ย?”

 

“จะว่างั้นก็ได้เนอะ”

 

  เป็นคำตอบที่เขาพอคาดเดาไว้อยู่ก่อนแล้ว หรือก็คือสมมติฐานที่เขาตั้งไว้ยังไม่มีปัจจัยอะไรให้ต้องเปลี่ยนแปลง

 

  แทนที่จะยืนยันในสิ่งที่เขารู้ อินกองเลือกที่จะถามในสิ่งที่เขาไม่รู้เสียดีกว่า

 

“อันเคล ผมอยากจะไปยังหุบเหวมังกรเพื่อนเรียนรู้เวทมนตร์มังกร พอจะบอกทิศทางหรือบอกตำแหน่งได้มั้ย?”

 

“เหหห เธอน่าจะรู้อยู่แล้วนา ในหัวเธอนี่รู้เรื่องอะไรที่ไม่น่าจะรู้ได้อยู่เยอะเลยละ แต่ก็ว่าแหละนั่นเลยทำให้เธอมองข้ามในบางเรื่อง จะบอกเลยก็ไม่สนุกเอางี้ดีกว่า ‘คำใบ้: หาวิธีใช้ประโยชน์จากเศษเสี้ยวของข้า’ อื้มถ้าแบบนั้นข้าน่าจะบอกอะไรได้อีกเยอะ ( ̄ω ̄;)”

 

  แน่นอนว่าอินกองย่อมเคยอ่านผ่านข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่ตั้งของหุบเหวมังกรจากเนื้อเรื่องในเกมบทกวีแห่งผู้กล้ามาแล้ว แต่ด้วยความที่สมัยเล่นเกมเขารับรู้เพียงแค่ว่าเป็นเนื้อเรื่องเสริมบทให้ตัวละครจึงไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียด ยิ่งไปกว่านั้นแซเฟียร์ในเกมไม่สามารถใช้เวทมนตร์ปฐมภูมิได้ จึงไม่มีเหตุอะไรให้เขาต้องไปยังสถานที่นั้น

 

  ข้อมูลอธิบายหุบเหวมังกรเท่าที่อินกองจำได้คือเป็นสถานที่ฝึกสอนที่มังกรอาวุโสถ่ายทอดศาสตร์หลากหลายให้มังกรเยาว์วัย

 

  อันเคลดึงภาพแผนที่ย่อในหัวของอินกองออกมาเพื่อระบุอาณาบริเวณโดยคร่าว เป็นภาพในลักษณะเดียวกับภารกิจค้นหา ไม่มีพิกัดระบุตายตัว

 

  แต่นั่นก็ช่วยให้อินกองรับรู้ทิศทางที่เขาต้องมุ่งไปหาเป้าหมายในระดับหนึ่ง 

 

“เอาละถึงจะแค่แป๊ปเดียว แต่ข้าขอตัวก่อนนะ ได้แต่หลับมานานออกมายืดเส้นสายบ้างก็ไม่เลวแฮะ ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า”

 

  อินกองรู้สึกเสียดายโอกาสแต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีออกมา

 

“เอ้ออาชาอาณัติ ‘ช่วยดูแลข้าให้ดีๆกว่านี้ด้วยสิ นายท่าน(҂ `з´ )’ ข้าไปละ”

 

  สิ้นคำพูดอันเคลก็หลับตาลง นางไม่ได้สลายกายเนื้อหายไปกับสายลม แต่อินกองรับรู้ได้ว่างร่างตรงหน้าเป็นเพียงหุ่นเปล่า

 

  อินกองจ้องมองร่างอันเคลที่กลับมาแสดงถึงความศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งผิดกับเมื่อครู่ เขาชำเลืองมองไปยังอาณัติอีกครั้งแต่ก็ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว

#อันเคลเป็นงี้ กีวี่จะเป็นแบบนั้นก็ไม่แปลกใจแล้วนะครับ 〜〜(/ ̄▽)/ 〜ф

 

“โอเค ทีนี้ก็กลับมาจุดประสงค์หลักอีกรอบ”

 

  อินกองมองไปยังแวนเดลกับเคราโตส ทั้งสองจ้องมองกลับมาทีเขา

 

  โลกของหมอนจำลองฝันเป็นเพียงความฝัน นั่นทำให้เขาไม่สามารถเพิ่มระดับเลเวลจากการต่อสู้ในโลกแห่งนี้ อย่างไรเสียประสบการณ์ตรงที่เรียนรู้จากร่างกายเป็นหนึ่งสิ่งที่เขาสามารถสั่งสมได้จากการต่อสู้ เขาสามารถทดลองประยุกต์ใช้ทักษะในหลายรูปแบบได้โดยไม่ต้องกลัวข้อผิดพลาด

 

  อินกองถอนหายใจ เขาสวมพสุธากัมปนาท โล่ชีวาตม์ ผ้าคลุมฮูกคุ้มภัย เตรียมพร้อมการฝึก

 

“ลุยโลดดดด”

 

  อินกองตะโกนร้องพร้อมกระโจนเข้าหาเคราโตสที่ถือกระบองบดกระโหลกในมือ

 

  ห่างออกไปร่างของอาณัติขยับเขยื้อนเล็กน้อย นางมองอินกองพร้อมพึมพำออกมาก่อนจะส่ายหน้าและแน่นิ่งอีกครั้ง

 

  แปดชั่วโมงถัดมาหลังจากความฝันสิ้นสุด อินกองเสียชีวิตในความฝันรวมทั้งหมดสามสิบสองครั้ง

 

 

#บทพูดอันเคลไม่มีการเติมแต่ง ⊂( ´ ▽ ` )⊃ แต่ทางผู้แปลใส่ อีโมจิ เข้าไปเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นเล็กน้อยครับ

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Breakers (브레이커즈) หยุดลิขิตฟ้า ต่อชะตาช่วยโลก

Status: Ongoing
จู-อินกอง เกมเมอร์หนุ่มผู้กำลังกระดี้กระด้าเนื่องจากเกมโปรดของเขาได้รับการนำกลับมาทำใหม่ให้ไฉไลยิ่งกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี VR  แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันทำให้เขาหลุดเข้ามาเผชิญกับเรื่องต่างๆ ราวกับเข้ามาอยู่ในเกมโปรดที่ว่า เคราะห์ซ้ำกรรมซัดบทบาทของเขาดันเป็นตัวประกอบกระจ้อยร่อยที่จะถูกฆ่าตายกลางเกม  จู-อินกองจึงต้องใช้ประสบการณ์เกมที่เขาสั่งสมเอาไว้หาหนทางเอาตัวรอดจากความตายที่กำลังมาเยือน โดยหารู้ไม่ว่าเขามิเพียงกำลังเปลื่ยนโชคชะตาตัวเอง แต่ยังรวมไปถึงชะตาตัวละครรอบข้างและโลกทั้งใบ  นี่คือเรื่องราวของจู-อินกอง ผู้เป็นพระเอกของโลกใบนี้(?)

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท