”ปัญหาใหญ่แล้ว”เหอเฟิงพึมพำด้วยความตึงเครียด
ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นที่เขาจะต้องบอกกับทุกคนในที่นี้ รวมถึงนายทหารจากหน่วยข่าวกรองลับที่มารายงานสถานการณ์ให้ทุกคนฟังว่าปัญหาในตอนนี้มันร้ายแรงมากขนาดไหน ทุกคนล้วนเข้าใจชัดเจนว่ามันจริงจังและตึงเครียดมากเพียงใด
สามกิโลเมตร…กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ทันเตรียมตัวเลยแม้แต่ทีมลาดตระเวนที่เคลื่อนที่ได้ราวผีที่หายวับไปมา รวดเร็วดั่งสายลมยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แท้จริงได้!
ช่องว่างที่ใหญ่เกินไปทำให้ทุกคนเกิดความกลัวขึ้นในใจ
”หรือเป็นทหารจากค่ายอื่น?”หลิวยู่ติงเงยหน้าขึ้นมาพูดเป็นครั้งแรก สายตาเต็มไปด้วยความอึดอัดทรมาน ราวกับหายใจไม่ออก”ไม่แน่ ช่วงเวลาตี 5 อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลอบโจมตี พวกมันคงคิดว่าเวลาแบบนี้คนปกติที่เฝ้ายามมาตลอดคืนคงเหนื่อยล้าอ่อนแรงกันหมด พวกมันคงคิดว่าพวกเราอาจจะอยู่ในช่วงที่การระวังภัยต่ำที่สุด คงอยากจะโจมตีเราในตอนที่อ่อนแอที่สุด แต่โชคร้ายสำหรับพวกมันที่กลอุบายแบบนี้พวกเราเบื่อจะเต็มทีแล้ว!”
”กลอุบายนั้นไม่ได้ผลกับพวกเราจริงเหรอ?”เจียงเทียนชิงค่อนข้างสับสนเล็กน้อย “ปัญหาก็คือพวกเราทั้งหมดไปกังวลกับเรื่องเวลา แม้แต่ในตอนตี 4 ที่พวกเรามานัดประชุมกันที่นี้ อีกฝ่ายกลับเดินทัพเข้ามาใกล้เราที่ระยะห่าง 20 กิโลเมตรแล้ว จากนั้นก็ 10 กิโลเมตร และ 5 กิโลเมตร โดยที่ทีมลาดตระเวนของเราไม่สามารถตรวจจับได้!”
ซูเฟิงที่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก็รีบโพล่งออกมาให้ทุกคนฟัง”หรือจะเป็นหัวหน้า? เทคนิคการพรางตัวที่เหนือชั้นจนขนาดที่ทีมลาดตระเวนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถตรวจจับได้ ในทั่วทั้งเมืองอันลู…มีเพียงแค่หัวหน้าเท่านั้นที่ทำได้!”
”ไม่มีทาง”เหอเฟิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แววตาเต็มไปด้วยความระมัดระวังและคิดวิเคราะห์
”ชูฮันน่าจะใช้เวลาเดินทางมาถึงนี้อย่างน้อยที่สุดหนึ่งวันเท่าที่ฉันรู้มันยังมีปัญหาเรียงเป็นแถวรออยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่า ชูฮันเป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบ เขาจะไม่ทิ้งความกังวลไว้ในใจตัวเอง เขาจะต้องจัดการทุกอย่างออกไปให้หมด เพราะฉะนั้นทันทีที่ชูฮันไปถึงค่ายเขี้ยวหมาป่า เขาจะต้องจัดการปัญหาเรื่องหนอนบ่อนไส้ภายในค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อนเป็นอันดับแรก”
”ตามข่าวที่เราได้รับมาชูฮันพึ่งจะเดินทางมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าในช่วงระหว่างวันที่ผ่านมาเอง ดังนั้นเขาไม่น่ามาถึงที่นี้เร็วขนาดนี้ได้ ทุกคนเองก็ได้ยินเรื่องหนอนบ่อนไส้ในค่ายเขี้ยวหมาป่า ซางจิ่วตี้ไล่ตรวจสอบหามาเป็นสิบกว่าวันแล้วแต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย ชูฮันเองก็คงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวัน ไม่แน่อาจจะสองวัน? และถ้าตามวิธีการของชูฮันแล้ว ถ้าชูฮันจะมาเขาน่าจะพาทหารมาด้วยมากกว่าพันคน”
ความกังวลในสายตาของเหอเฟิงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”ชูฮันไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องมีคนติดตามเยอะแยะ และต่อให้เขาพามาด้วยจริงๆ แค่กลุ่มคนที่มีความสามารถในการพรางตัวจนหลบหลีกหน่วยลาดตระเวนของเราไปได้ก็หาตัวได้ยากแล้ว แล้วด้วยขนาดกองกำลังเป็นร้อยเป็นพันคน ชูฮันจะไปหามาจากไหน? ตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่าแบ่งออกเป็นสองส่วน 800คนอยู่ที่นี้ ส่วนอีก 500คนประจำการอยู่ที่ถนนระหว่างเมืองอันลูและค่ายเขี้ยวหมาป่าเพื่อป้องกันซอมบี้ 300,000 ตัวที่จะโจมตีใส่เมือง”
”พวกเราต่างรู้ดีถึงความสำคัญของเพื่อนพ้อง500 คนที่ประจำการอยู่ที่ถนน และแน่นอนว่าชูฮันเองก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโอนถ่ายพวกเขามาจากที่ตั้งมั่น” พูดมาถึงตรงนี้ เหอเฟิงก็เริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ ยิ่งเขาวิเคราะห์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดและรุนแรงของสถานการณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น “และกลุ่มคนหลายร้อยที่กำลังเข้ามาใกล้เราตอนนี้ ดูท่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถรอบด้านไม่แพ้กองทัพเขี้ยวหมาป่า อาจจะเป็นกองทัพที่พวกลูกผสมส่งมาลอบโจมตีเรา หรือเป็นพวกกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่อยากจะล้มกองทัพเขี้ยวหมาป่าเพื่อสร้างชื่อเสียง!”
คำพูดของเหอเฟิงทำให้หลายคนตัวแข็งทื่อเพราะการวิเคราะห์เมื่อครู่นี้ ทุกอย่างมันฟังดูสมเหตุสมผล และทุกคนก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าฝ่ายที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกเขาคือศัตรูอย่างแน่นอน!
”ด้วยความเร็วของพวกมันพวกเราต้องเตรียมพร้อมเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า! ไปเตรียมพร้อมทุกทีมเดี๋ยวนี้!” เหอเฟิงเหงื่อตก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดัน
”ฉันจะไปรวบรวมคนในทีมเดี๋ยวนี้”ซูเฟิงชูหอกด้ามสีทองของเขาขึ้นมาและเตรียมจะวิ่งออกไปทันที
”ไม่จำเป็นหรอก”จู่ๆก็มีเสียงแปลกๆที่ไม่ใช่คนในเต้นท์ดังขึ้นมา
”กึก!”ซูเฟิงที่วิ่งออกไปยังไม่ทันพ้นทางเข้าเต้นท์ดีหยุดชะงักฝีเท้าทันที เหงื่อเริ่มซึมตามกรอบหน้าด้วยความตึงเครียด เขารีบกลับหลังหันไปมองตามที่มาของเสียงทันทีและทันใดนั้นซูเฟิงก็ได้พบกับชายแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามายืนอยู่ ไม่มีใครในเต้นท์รู้เลยว่าผู้บุกรุกคนนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายแปลกหน้าที่สามารถลักลอบเข้ามาโดยต้องผ่านเหล่าทหารเฝ้ายามทั้งหลาย จนเข้ามาถึงในด้านเต้นท์ที่พวกเขาใช้ประชุมกัน โดยที่ทุกคนในนี้ไม่มีใครสัมผัสถึงการมีตัวตนของชายแปลกหน้าคนนี้ได้เลย
สิ่งที่ทำให้ซูเฟิงช็อคมากที่สุดคือตัวเขาเองเป็นถึงวิวัฒนาการระยะ6 ระดับสูงสุดที่ใกล้จะเข้าสู่ระยะ 7 แล้ว เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพเขี้ยวหมาป่า เป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดระดับโลกเลยด้วยซ้ำ
แต่การที่ชายแปลกหน้าคนนี้ปรากฏตัวขึ้นโดยที่แม้แต่ซูเฟิงไม่สามารถจับสัมผัสได้เลยแม้แต่ปลายก้อย มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าชายแปลกหน้าคนนี้มีระดับพลังที่เหนือยิ่งกว่าซูเฟิง
ในจังหวะที่ซูเฟิงตรวจจับการมีตัวตนของชายแปลกหน้าได้แล้วนั้นทุกคนในเต้นท์เองก็สัมผัสได้เหมือนกัน ทันทีที่ทุกคนเห็นผู้บุกรุกที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจกันและกันเพียงมองตาก็พร้อมใจกันหยุดนิ่งอยู่กับที่ รอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อให้คนที่มีอำนาจสูงสุดในขณะนี้ซึ่งก็คือเหอเฟิงเป็นคนเจรจากับผู้บุรุกเอง
ทว่าโดยไม่คาดคิดทันทีที่ทุกคนมองไปที่เหอเฟิง พวกเขากลับพบว่าเหอเฟิงมีสีหน้าแตกตื่น แววตาที่เคยคมกริบและดุดันไม่ต่างจากหัวหน้าชูฮัน ในเวลานี้ยามที่จ้องไปที่ผู้บุกรุก สายตาที่สื่อออกมากลับเป็นสายตาตกใจและมีความหวาดกลัวผสมอยู่อย่างเห็นได้ชัด
นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเหอเฟิงมีปฏิกิริยาเช่นนี้!
”อึก!”
ทุกคนชะงักอย่างไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรสถานการณ์ในตอนนี้มันล้มเหลวสิ้นดี
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบที่แปลกประหลาดจู่ๆชายผู้บุกรุกที่หลบอยู่ในความมืดก็เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นและเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ที่หัวโต๊ะ แสงจากตะเกียงไฟทำให้ทุกคนมองเห็นใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์และเส้นผมที่เมื่อสะท้อนกับแสงจนเป็นสีเหลืองทองประกาย รวมไปถึงนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน
ซึ่งก็คือ…เกาช้าวฮุ่ยนั่นเอง!
”เหอเฟิง…มีความสามารถในการวิเคราะห์อย่างที่ได้ยินมาจริงด้วยค้นหาข้อมูลได้ดีและก็สมเหตุสมผล” เกาช้าวฮุ่ยสบตากับเหอเฟิง “ถ้าเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ ชูฮันไม่มีทางมาถึงที่นี้ในเวลานี้ได้ถูกมั้ย?”
”นาย?”เหอเฟิงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พึมพำกับตัวเองอย่างไปต่อไม่ถูก การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของเกาช้าวฮุ่ยทำให้เหอเฟิงกลายเป็นใบ้
สมาชิกตระกูลลึกลับที่เคยทำลายอาคารทั้งหลังในซางจิงเพื่อระบายอารมณ์…ตอนนี้กลับมาอยู่ที่เมืองอันลูแถมยังปรากฏตัวในตำแหน่งที่ตั้งของกองทัพเขี้ยวหมาป่าและยังพูดถึงชูฮันอีก?
คนอื่นในเต้นท์ได้แต่มองผู้บุกรุกและเหอเฟิงสลับไปมาพวกเขาค่อนข้างสับสนกับสถานการณ์ระหว่างทั้งสองคน…ผู้ชายคนนี้รู้จักเหอเฟิงแถมยังพูดถึงหัวหน้าชูฮันอีก?
ที่จริงแล้วเขาไม่จำเป็นที่เขาจะต้องบอกกับทุกคนในที่นี้ รวมถึงนายทหารจากหน่วยข่าวกรองลับที่มารายงานสถานการณ์ให้ทุกคนฟังว่าปัญหาในตอนนี้มันร้ายแรงมากขนาดไหน ทุกคนล้วนเข้าใจชัดเจนว่ามันจริงจังและตึงเครียดมากเพียงใด
สามกิโลเมตร…กองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่มีแม้แต่เวลาจะได้ทันเตรียมตัวเลยแม้แต่ทีมลาดตระเวนที่เคลื่อนที่ได้ราวผีที่หายวับไปมา รวดเร็วดั่งสายลมยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แท้จริงได้!
ช่องว่างที่ใหญ่เกินไปทำให้ทุกคนเกิดความกลัวขึ้นในใจ
”หรือเป็นทหารจากค่ายอื่น?”หลิวยู่ติงเงยหน้าขึ้นมาพูดเป็นครั้งแรก สายตาเต็มไปด้วยความอึดอัดทรมาน ราวกับหายใจไม่ออก”ไม่แน่ ช่วงเวลาตี 5 อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลอบโจมตี พวกมันคงคิดว่าเวลาแบบนี้คนปกติที่เฝ้ายามมาตลอดคืนคงเหนื่อยล้าอ่อนแรงกันหมด พวกมันคงคิดว่าพวกเราอาจจะอยู่ในช่วงที่การระวังภัยต่ำที่สุด คงอยากจะโจมตีเราในตอนที่อ่อนแอที่สุด แต่โชคร้ายสำหรับพวกมันที่กลอุบายแบบนี้พวกเราเบื่อจะเต็มทีแล้ว!”
”กลอุบายนั้นไม่ได้ผลกับพวกเราจริงเหรอ?”เจียงเทียนชิงค่อนข้างสับสนเล็กน้อย “ปัญหาก็คือพวกเราทั้งหมดไปกังวลกับเรื่องเวลา แม้แต่ในตอนตี 4 ที่พวกเรามานัดประชุมกันที่นี้ อีกฝ่ายกลับเดินทัพเข้ามาใกล้เราที่ระยะห่าง 20 กิโลเมตรแล้ว จากนั้นก็ 10 กิโลเมตร และ 5 กิโลเมตร โดยที่ทีมลาดตระเวนของเราไม่สามารถตรวจจับได้!”
ซูเฟิงที่นึกบางอย่างขึ้นมาได้ก็รีบโพล่งออกมาให้ทุกคนฟัง”หรือจะเป็นหัวหน้า? เทคนิคการพรางตัวที่เหนือชั้นจนขนาดที่ทีมลาดตระเวนของกองทัพเขี้ยวหมาป่าไม่สามารถตรวจจับได้ ในทั่วทั้งเมืองอันลู…มีเพียงแค่หัวหน้าเท่านั้นที่ทำได้!”
”ไม่มีทาง”เหอเฟิงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แววตาเต็มไปด้วยความระมัดระวังและคิดวิเคราะห์
”ชูฮันน่าจะใช้เวลาเดินทางมาถึงนี้อย่างน้อยที่สุดหนึ่งวันเท่าที่ฉันรู้มันยังมีปัญหาเรียงเป็นแถวรออยู่ในค่ายเขี้ยวหมาป่า ชูฮันเป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบ เขาจะไม่ทิ้งความกังวลไว้ในใจตัวเอง เขาจะต้องจัดการทุกอย่างออกไปให้หมด เพราะฉะนั้นทันทีที่ชูฮันไปถึงค่ายเขี้ยวหมาป่า เขาจะต้องจัดการปัญหาเรื่องหนอนบ่อนไส้ภายในค่ายเขี้ยวหมาป่าก่อนเป็นอันดับแรก”
”ตามข่าวที่เราได้รับมาชูฮันพึ่งจะเดินทางมาถึงค่ายเขี้ยวหมาป่าในช่วงระหว่างวันที่ผ่านมาเอง ดังนั้นเขาไม่น่ามาถึงที่นี้เร็วขนาดนี้ได้ ทุกคนเองก็ได้ยินเรื่องหนอนบ่อนไส้ในค่ายเขี้ยวหมาป่า ซางจิ่วตี้ไล่ตรวจสอบหามาเป็นสิบกว่าวันแล้วแต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย ชูฮันเองก็คงต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งวัน ไม่แน่อาจจะสองวัน? และถ้าตามวิธีการของชูฮันแล้ว ถ้าชูฮันจะมาเขาน่าจะพาทหารมาด้วยมากกว่าพันคน”
ความกังวลในสายตาของเหอเฟิงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ”ชูฮันไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องมีคนติดตามเยอะแยะ และต่อให้เขาพามาด้วยจริงๆ แค่กลุ่มคนที่มีความสามารถในการพรางตัวจนหลบหลีกหน่วยลาดตระเวนของเราไปได้ก็หาตัวได้ยากแล้ว แล้วด้วยขนาดกองกำลังเป็นร้อยเป็นพันคน ชูฮันจะไปหามาจากไหน? ตอนนี้กองทัพเขี้ยวหมาป่าแบ่งออกเป็นสองส่วน 800คนอยู่ที่นี้ ส่วนอีก 500คนประจำการอยู่ที่ถนนระหว่างเมืองอันลูและค่ายเขี้ยวหมาป่าเพื่อป้องกันซอมบี้ 300,000 ตัวที่จะโจมตีใส่เมือง”
”พวกเราต่างรู้ดีถึงความสำคัญของเพื่อนพ้อง500 คนที่ประจำการอยู่ที่ถนน และแน่นอนว่าชูฮันเองก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะโอนถ่ายพวกเขามาจากที่ตั้งมั่น” พูดมาถึงตรงนี้ เหอเฟิงก็เริ่มมีเหงื่อซึมตามขมับ ยิ่งเขาวิเคราะห์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดและรุนแรงของสถานการณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น “และกลุ่มคนหลายร้อยที่กำลังเข้ามาใกล้เราตอนนี้ ดูท่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีความสามารถรอบด้านไม่แพ้กองทัพเขี้ยวหมาป่า อาจจะเป็นกองทัพที่พวกลูกผสมส่งมาลอบโจมตีเรา หรือเป็นพวกกลุ่มมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่อยากจะล้มกองทัพเขี้ยวหมาป่าเพื่อสร้างชื่อเสียง!”
คำพูดของเหอเฟิงทำให้หลายคนตัวแข็งทื่อเพราะการวิเคราะห์เมื่อครู่นี้ ทุกอย่างมันฟังดูสมเหตุสมผล และทุกคนก็เชื่ออย่างสนิทใจว่าฝ่ายที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้พวกเขาคือศัตรูอย่างแน่นอน!
”ด้วยความเร็วของพวกมันพวกเราต้องเตรียมพร้อมเดี๋ยวนี้! เร็วเข้า! ไปเตรียมพร้อมทุกทีมเดี๋ยวนี้!” เหอเฟิงเหงื่อตก น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดัน
”ฉันจะไปรวบรวมคนในทีมเดี๋ยวนี้”ซูเฟิงชูหอกด้ามสีทองของเขาขึ้นมาและเตรียมจะวิ่งออกไปทันที
”ไม่จำเป็นหรอก”จู่ๆก็มีเสียงแปลกๆที่ไม่ใช่คนในเต้นท์ดังขึ้นมา
”กึก!”ซูเฟิงที่วิ่งออกไปยังไม่ทันพ้นทางเข้าเต้นท์ดีหยุดชะงักฝีเท้าทันที เหงื่อเริ่มซึมตามกรอบหน้าด้วยความตึงเครียด เขารีบกลับหลังหันไปมองตามที่มาของเสียงทันทีและทันใดนั้นซูเฟิงก็ได้พบกับชายแปลกหน้าที่บุกรุกเข้ามายืนอยู่ ไม่มีใครในเต้นท์รู้เลยว่าผู้บุกรุกคนนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายแปลกหน้าที่สามารถลักลอบเข้ามาโดยต้องผ่านเหล่าทหารเฝ้ายามทั้งหลาย จนเข้ามาถึงในด้านเต้นท์ที่พวกเขาใช้ประชุมกัน โดยที่ทุกคนในนี้ไม่มีใครสัมผัสถึงการมีตัวตนของชายแปลกหน้าคนนี้ได้เลย
สิ่งที่ทำให้ซูเฟิงช็อคมากที่สุดคือตัวเขาเองเป็นถึงวิวัฒนาการระยะ6 ระดับสูงสุดที่ใกล้จะเข้าสู่ระยะ 7 แล้ว เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพเขี้ยวหมาป่า เป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดระดับโลกเลยด้วยซ้ำ
แต่การที่ชายแปลกหน้าคนนี้ปรากฏตัวขึ้นโดยที่แม้แต่ซูเฟิงไม่สามารถจับสัมผัสได้เลยแม้แต่ปลายก้อย มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าชายแปลกหน้าคนนี้มีระดับพลังที่เหนือยิ่งกว่าซูเฟิง
ในจังหวะที่ซูเฟิงตรวจจับการมีตัวตนของชายแปลกหน้าได้แล้วนั้นทุกคนในเต้นท์เองก็สัมผัสได้เหมือนกัน ทันทีที่ทุกคนเห็นผู้บุกรุกที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ทุกคนในกองทัพเขี้ยวหมาป่าซึ่งมีความสามารถในการเข้าใจกันและกันเพียงมองตาก็พร้อมใจกันหยุดนิ่งอยู่กับที่ รอคอยอย่างเงียบๆ เพื่อให้คนที่มีอำนาจสูงสุดในขณะนี้ซึ่งก็คือเหอเฟิงเป็นคนเจรจากับผู้บุรุกเอง
ทว่าโดยไม่คาดคิดทันทีที่ทุกคนมองไปที่เหอเฟิง พวกเขากลับพบว่าเหอเฟิงมีสีหน้าแตกตื่น แววตาที่เคยคมกริบและดุดันไม่ต่างจากหัวหน้าชูฮัน ในเวลานี้ยามที่จ้องไปที่ผู้บุกรุก สายตาที่สื่อออกมากลับเป็นสายตาตกใจและมีความหวาดกลัวผสมอยู่อย่างเห็นได้ชัด
นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเหอเฟิงมีปฏิกิริยาเช่นนี้!
”อึก!”
ทุกคนชะงักอย่างไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรสถานการณ์ในตอนนี้มันล้มเหลวสิ้นดี
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบที่แปลกประหลาดจู่ๆชายผู้บุกรุกที่หลบอยู่ในความมืดก็เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นและเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ที่หัวโต๊ะ แสงจากตะเกียงไฟทำให้ทุกคนมองเห็นใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์และเส้นผมที่เมื่อสะท้อนกับแสงจนเป็นสีเหลืองทองประกาย รวมไปถึงนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน
ซึ่งก็คือ…เกาช้าวฮุ่ยนั่นเอง!
”เหอเฟิง…มีความสามารถในการวิเคราะห์อย่างที่ได้ยินมาจริงด้วยค้นหาข้อมูลได้ดีและก็สมเหตุสมผล” เกาช้าวฮุ่ยสบตากับเหอเฟิง “ถ้าเป็นภายใต้สถานการณ์ปกติ ชูฮันไม่มีทางมาถึงที่นี้ในเวลานี้ได้ถูกมั้ย?”
”นาย?”เหอเฟิงพูดอะไรไม่ออก ได้แต่พึมพำกับตัวเองอย่างไปต่อไม่ถูก การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของเกาช้าวฮุ่ยทำให้เหอเฟิงกลายเป็นใบ้
สมาชิกตระกูลลึกลับที่เคยทำลายอาคารทั้งหลังในซางจิงเพื่อระบายอารมณ์…ตอนนี้กลับมาอยู่ที่เมืองอันลูแถมยังปรากฏตัวในตำแหน่งที่ตั้งของกองทัพเขี้ยวหมาป่าและยังพูดถึงชูฮันอีก?
คนอื่นในเต้นท์ได้แต่มองผู้บุกรุกและเหอเฟิงสลับไปมาพวกเขาค่อนข้างสับสนกับสถานการณ์ระหว่างทั้งสองคน…ผู้ชายคนนี้รู้จักเหอเฟิงแถมยังพูดถึงหัวหน้าชูฮันอีก?