“ลำดับสุดท้าย ขอเชิญ ยูนะ ขึ้นมาบนแท่นพิธีด้วย”
ชื่อของเด็กสาวได้ถูกเอ่ยขึ้นมา เธอลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้
“พร้อมแล้วค่ะ!”
เด็กสาวกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและเดินตรงไปยังแท่นพิธี เมื่อเธอก้าวขึ้นไปยังแท่นพิธี เธอก็ได้นำมือขึ้นมากุมกันไว้ตรงบริเวณกลางหน้าอกของตัวเองเพื่อตั้งจิตและเจตจำนงของตนเองให้แน่วแน่ที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็ได้มีแสงสว่างเปล่งประกายออกมาจากตัวของเด็กสาว สิ่งที่ผู้คนรอบข้างได้เห็นนั้นราวกับเทพธิดานางฟ้าลงมาจุติยังพื้นโลก ภาพขอเด็กสาวที่เปล่งแสงอยู่นั้นงดงามราวกับนางฟ้าจากสวรรค์ ทุกคนที่ได้เห็นภาพของเด็กสาวเมื่อครู่ต่างพากันตกตะลึงกับความงดงามเบื้องหน้า
นักบวชหญิงที่เปรียบเสมือนพี่สาวของเด็กสาวได้หลุดออกจากภวังค์ก่อนใครในที่นั้นได้เข้ามาสอบถามเรื่องอาชีพของเด็กสาว
“ยูนะ… เธอได้อาชีพตรงกับที่หวังไว้หรือปล่าว?”
นักบวชหญิงได้เอ่ยคำถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“อืม! หนูได้รับอาชีพ นักจดบันทึก มาน่ะค่ะ ได้ยินมาว่าอาชีพนี้ต้องไปทำหน้าที่เกี่ยวกับการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ หรือไม่ก็คอยช่วยจดบันทึกให้กับสำนักงานต่างๆสินะคะ?”
เด็กสาวได้ตอบกลับไป พร้อมกับตั้งคำถามใหม่เกี่ยวกับอาชีพที่ตนได้รับ
“อืม ใช่แล้วจ๊ะ ว่าแต่ เธอพอใจกับผลการประเมินหรือปล่าว?”
“นั่นสินะคะ… หนูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะตรงกับสิ่งที่หนูต้องการล่ะมั้งคะ?”
เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความประหม่าปนอยู่เล็กน้อย
“งั้นหรอ? คงไม่เป็นอะไรหรอกถ้านั่นเป็นเธอแล้วก็อีกเดี๋ยวเธอจะได้เข้าโรงเรียนสำหรับฝึกงานแล้วนะ ถ้าไม่พอใจกับผลการประเมินในคราวนี้งั้นก็ค่อยมาใหม่ในอีกสามปีข้างหน้าก็แล้วกันนะจ๊ะ”
นัดบวชหญิงได้ตอบกลับเด็กสาวพร้อมกับมอบคำแนะนำเล็กน้อยให้กับเด็กสาว
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เด็กสาวพยักหน้าให้กับความพูดของผู้ที่เปรียบเสมือนพี่สาวของตน
“อืม งั้นก็เป็นเด็กดีต่อไปนะจ๊ะ พี่เชื่อว่าสิ่งที่หนูต้องการจะมาหาหนูในสักวันอย่างแน่นอน”
นักบวชหญิงได้ให้กำลังใจเด็กสาว
“ค่ะ!”
และเด็กสาวก็ได้ตอบกลับนักบวชหญิงด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ทุกคนรอบข้างก็ได้หลุดออกจากภวังค์และรอให้ทั้งสองพูดคุยกันให้เสร็จ หลังจากที่เด็กสาวและนักบวชได้พูดคุยกันเสร็จแล้ว เด็กสาวก็ได้กลับบ้านไปพร้อมกันกับบิดาของตน กระทั่งช่วงใกล้ถึงบ้านพักของตนเด็กสาวก็ได้เอ่ยคำถามที่ค้างคาอยู่ในใจตลอดออกมา
“คุณพ่อคะ หน้าต่างสเตตัสของหนูมันทำไมมันถึงเป็นแบบนี้เหรอคะ?”
“มันไม่เป็นอย่างที่หนูต้องการเหรอ?”
ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวได้ย้อนคำถามกลับไป
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ แบบว่า มันดูไม่เหมือนกับของที่คุณพ่อให้หนูดูก่อนหน้านี้เลย”
“ฮะฮะ มันก็ต้องไม่เหมือนอยู่แล้วสิ พ่อกับลูกไม่ใช่คนเดียวกันสักหน่อย แถมเลเวลของพ่อก็สูงกว่าของลูกในตอนนี้อยู่หลายขุมเลยล่ะ”
ผู้เป็นบิดาได้ตอบคำถามของเด็กสาวกลับไปด้วยอารมณ์ขบขัน พร้อมๆกันกับเด็กสาวที่ได้เอ่ยบางอย่างขึ้นมา
“เปล่าค่ะ คือมันเป็นแบบนี้…”
จากนั้นเด็กสาวก็ได้กล่าวพึมพำคำว่า『สเตตัส』ออกมา ช่วงพริบตาหลังจากที่เด็กสาวกล่าวคำพูดเสร็จก็ได้ปรากฏภาพหน้าต่างโปร่งใสออกมาลอยอยู่เบื้องหน้าของเด็กสาวพร้อมกับข้อความต่างๆที่ประกอบอยู่ข้างในกรอบที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ
—
// ข้อมูล //
ชื่อ : ยูนะ
เพศ : หญิง
อายุ : 12 ปี
อาชีพ : นักจดบันทึก
เลเวล : 1
พลังชีวิต : 100
มานา : 23
สเตตัส :
ความแข็งแกร่ง : 12 ความว่องไว : 7
ความทนทาน : 3 โชค : 5
พลังกาย : 8 โชคชะตา : 56 (สามารถเพิ่มได้)
สกิล : ช่วยจำ , ทักษะการเขียนบันทึก , (ไม่สามารถอ่านได้) , (ไม่สามารถอ่านได้) , (ไม่สามารถอ่านได้)
ฉายา : (ไม่สามารถอ่านได้)
—
นักจดบันทึก
– ช่วยในการจดบันทึก ความสามารถในการจดบันทึกเรื่องราวต่างๆ ออกในรู้แบบของตัวอักษรหรือรูปภาพ ช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำสิ่งต่างที่พบเห็นหรือพบเจอ
เขียนโดย เทพแห่งโชคชะตา
—
เด็กสาวได้เปิดหน้าต่างสเตตัสของตนเองให้ผู้เป็นบิดาได้ดู ความผิดปกติบางอย่างได้แฝงอยู่ในหน้าต่างสเตตัสของเธอ ค่าความสามารถบางอย่างได้ปรากฏออกมา และบางอย่างไม่สามารถมองเห็นได้ ความผิดปกตินั้นทำให้ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวตกตะลึง
“นี่มันอะไรกัน…? ค่าโชคชะตา? ไม่สามารถอ่านได้? เทพแห่งโชคชะตา? แถมยังมีฉายาที่ถูกซ่อนไว้อีก!? ทำไมสเตตัสของลูกถึงเป็นแบบนี้เนี่ย!?”
ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวได้จับไหล่ของเด็กสาวโยกกลับไปกลับมาด้วยความแรงทำให้ร่างกายของเด็กสาวอ่อนระทวยและทรุดตัวลงไปที่พื้นหลังจาดที่บิดาของตนปล่อยมือ
“คุณพ่อคะ! อย่าทำแบบนี้สิคะ หนูเจ็บไหล่นะ!”
หลังจากที่โดนลูกสาวของตนเองตวาดใส่ดูเหมือนว่าสติของผู้เป็นบิดาจะได้กลับมาแล้ว เขารู้สิ่งที่ตัวเองกระทำกับลูกสาวไปเมื่อครู่ทำให้เขาต้องขอโทษขอโพยเด็กสาวเป็นการใหญ่
“อา… คือ… พ่อขอโทษนะลูก… มาๆ กลับบ้านเรากันเถอะ วันนี้เป็นวันเกิดของลูกด้วยนี่เนอะ พ่อซื้อของกินมาเตรียมไว้เพื่อลูกเยอะเลยนะ”
บิดาของเด็กสาวได้จับมือของเด็กสาวและพยุงตัวเธอลุกขึ้นมาจากพื้น
“ฮึ่ม!”
เด็กสาวได้ดึงมือของตัวเองออกจากผู้เป็นบิดา แล้วนำมือทั้งสองข้างมาวางไขว้กันไว้บริเวณหน้าอก หันหน้าหนีไปด้านข้างเล็กน้อย หลับตาทั้งสองข้างของตัวเองลงพร้อมกับทำแก้มป่อง ในหน้าด้านข้างนั้นงดงามหมดจด แก้มกลมๆที่คล้ายกับลูกซาลาเปา พอผสมกับการกระทำของเด็กสาวแล้วจึงได้บังเกิดเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นอย่างมาก
“คิดว่าของที่พ่อซื้อมาให้ จะทำให้หนูยอมยกโทษให้พ่อได้เหรอ?”
เด็กสาวได้ลืมตาข้างหนึ่งของตัวเองขึ้นมา เพื่อสังเกตท่าทีของผู้เป็นบิดาของตน
“แต่ว่าพ่อซื้อพวกของหวานกับเค้กสตอเบอรี่มาด้วยนะ…?”
ครั้นเมื่อเด็กสาวได้ยินสิ่งที่บิดาของตนกล่าวก็ได้เกิดความตกใจจนลืมตัวไปชั่วขณะ
“จริงเหรอคะ!?”
เด็กสาวได้ตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้คนที่สัญจรอยู่บริเวณโดยรอบต่างพากันหันมามองที่ตัวเธอ แม้ว่าเธอจะคุ้นชินกับสายตาของผู้คนแล้วแต่บางครั้งเธอก็ไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกเขินอายของตัวเองเอาไว้ได้ บัดนี้ใบหน้าของเด็กสาวค่อยๆเริ่มถูกย้อมด้วยสีแดงแล้ว พอถูกย้อมด้วยสีแดงไปทั้งใบหน้าแล้วเด็กสาวก็เริ่มทำตัวเลิ่กลั่กขึ้นมา ถึงกระนั้นสำหรับคนแถวนั้นแล้ว ภาพของของเด็กสาวที่กระทำแบบนี้ถือว่าเกิดขึ้นได้บ่อยๆ และท่าทางเลิ่กลั่กของเด็กสาวก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูด้วยจึงทำให้บรรยากาศรอบข้างผ่อนคลายไปในตัวและถือเป็นเรื่องบรรเทิงอย่างนึงของคนบริเวณนี้
“ยูนะจังๆ มานี่หน่อยสิ วันนี้เป็นวันเกิดอายุครบสิบสองใช่ไหมจ๊ะ? รับนี่ไปด้วยสิพึ่งจะเก็บสดๆจากในสวนเมื่อเช้าเลยนะ”
คุณป้าจากร้านแผงขายผลไม้ข้างทางได้เรียกชื่อเด็กสาวให้มารับผลไม้สดของตนไปหนึ่งตะกล้า
“แม่หนู มาทางนี้ด้วยสิ เดี๋ยวลุงจะให้ของขวัญด้วย”
คุณลุงจากร้านขายของเล่นได้เรียกเด็กสาวให้มารับของขวัญจากร้านของตน
“นี่ๆ ยูนะจัง มาทางนี้ด้วยสิ!”
“ค่าาา~”
เด็กสาวคนนี้ได้ถูกร้านค้าต่างๆในบริเวณนั้นเรียกตัวทันทีที่เดินผ่านมาบริเวณด้านหน้าร้านของตนเอง หลังจากที่เด็กสาวรับของขวัญมาก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยคำขอบคุณทุกครั้ง
จากนั้นไม่นานในอ้อมอกของสาวน้อยคนนี้ก็เต็มไปด้วยของขวัญจากร้านค้าต่างๆมากมาย และแน่นอนว่าผู้เป็นบิดาของเธอก็ต้องเป็นคนแบกของขวัญทั้งหมดที่ลูกสาวของตนเองได้รับมาอยู่แล้ว
“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ!”
เด็กสาวได้เอ่ยคำขอบคุณให้แก่ทุกคนที่มอบของขวัญให้เธอด้วยร้อยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปิติ และเนื่องด้วยร้อยยิ้มน้อยๆของเธอนั้นเอง ทำให้ยอดขายของร้านค้าต่างๆในบริเวณใกล้เคียงที่ให้ของขวัญกับเด็กสาวพุ่งขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน นี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้คนรอบตัวของเด็กสาวมองมาที่ตัวเด็กสาวด้วยความรักความเอ็นดูและมักจะมอบของขวัญให้แก่ตัวของเด็กสาวฟรีๆก็เป็นได้ แต่ตัวของเด็กสาวที่เป็นสาเหตุนั้นกลับดูเหมือนจะไม่ได้รับรู้เรื่องนั้นเลย…
—
ในเช้าของอีกหลายวันต่อมา ณ บ้านของเด็กสาว ได้มีจดหมายฉบับนึงมาส่งผ่านนกพิราบสื่อสาร โดยที่ชื่อของผู้รับสารนั้นก็คือตัวของเด็กสาวนั่นเอง ผู้เป็นบิดาที่ได้เห็นจดหมายฉบับนั้นก่อนจึงได้รับจดหมายมาพร้อมกับอ่านเนื้อความของจดหมาย สรุปเนื้อความได้ว่า
“จดหมายฉบับนี้มาจากเมืองหลวงของประเทศ และได้ขอเชื้อเชิญตัวของ ยูนะ ให้ไปเรียนที่โรงเรียนฝึกงานในเมืองหลวงของประเทศภายใน 1 เดือนนับแต่ได้รับจดหมายฉบับนี้ และให้นำจดหมายฉบับนี้มาเพื่อยืนยันตัวตนและมอบตัวที่โรงเรียนด้วย จากวิหารศักดิ์สิทธิ์”
ดูเหมือนว่าจดหมายฉบับนี้จะมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวง เป็นจดหมายเชิญตัวแบบพิเศษที่รับรองโดยวิหารศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ได้รับจดหมายฉบับนี้นับว่าเป็นบุคคลที่มีความพิเศษกว่าคนทั่วไป
“แต่ทำไมยูนะถึงได้รับจดหมายฉบับนี้ได้กันล่ะ ตัวของยูนะเองก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่นา อาชีพที่ได้รับมันก็ปกติดีด้วย เพราะอะไ…”
บิดาของเด็กสาวได้นึกอะไรบางอย่างออกว่า ก่อนหน้านี้บุตรสาวของตนเองได้แสดงอะไรให้ตนเห็น
“เป็นเพราะว่า สกิลของยูนะมันถูกปิดไว้เหรอ? หรือเป็นเพราะค่าสถานะแปลกๆนั่นกัน?”
ค่าสถานะในโลกนี้ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์เลยที่พบว่าถูกปิดไว้จนไม่สามารถมองเห็นได้ กรณีของยูนะถือเป็นกรณีแรก ผู้เป็นบิดาที่ได้เห็นสิ่งแปลกประหลาดนี้จึงได้ตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาว่า อาจจะเป็นเพราะ สกิลที่ถูกปิดไว้นั้นมันทรงพลังเกินไป ทรงพลังเกินกว่าที่ผู้ใช้จะรับไหว ทำให้สกิลนั้นถูกปิดกั้นไว้เพื่อป้องกันตัวของผู้ใช้เอง หรือต้องอาศัยวิธีการบางอย่างเพื่อที่จะสามารถเปิดเผยข้อมูลของสกิลพวกนั้นได้
ส่วนเรื่องของค่าสถานะแปลกๆนั้น สมัยก่อนก็เคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นมาแล้วถึงแม้จะมีแค่ไม่กี่ครั้งก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ต่างสร้างวีรกรรมต่างๆทิ้งไว้ในหน้าประวัติศาสตร์กันทั้งนั้น
“ฮะฮะ… แม่กับลูกคู่นี้นี่มันช่าง… เหมือนกันซะจริงๆ”
ดังที่ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวได้กล่าว คุณแม่ผู้ล่วงลับไปแล้วของเธอนั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีค่าสถานะแปลกๆเพิ่มมาในหน้าต่างสเตตัสด้วยและเธอก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ทิ้งชื่อของตัวเองไว้ในประวัติศาสตร์ของประเทศและยังเคยเรียนอยู่ที่เมืองหลวงอีก เกรงว่าอาจเป็นเพราะเหตุนั้นเองจึงทำให้บุตรสาวเพียงคนเดียวของเธอผู้นั้นตกเป็นเป้าหมายของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่จะให้บุตรสาวของเธอผู้นั้นเข้ามาศึกษาในระบบของตัวเองเพื่อเพิ่มพูนอำนาจของตน
“เฮ้ออ… เอาอย่างไงดีล่ะทีนี้จะปฏิเสธไปก็ไม่ได้ แถมสถาบันของวิหารศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นสถาบันการศึกษาที่ดีที่สุดในประเทศอีก…”
บิดาของเด็กสาวได้ทำท่าทางวิตกกังวลว่าจะทำเช่นไรดีกับเนื้อความในจดหมาย
“ในจดหมายเขียนว่าอะไรเหรอคะ? ทำไมคุณพ่อถึงต้องทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้ด้วย”
เด็กสาวที่ได้เข้ามายืนอยู่ด้านหลังบิดาของตนตั้งแต่เมื่อไรก็มิทราบได้ได้ตั้งคำถามขึ้นมา
“ลูกทำพ่อตกใจนะ… รู้ไหม?”
“ขอโทษเรื่องนั้นด้วยนะคะ ว่าแต่เนื้อความในจดหมายคืออะไรเหรอคะ? ทำไมคุณพ่อถึงได้ทำท่าทางเคร่งเครียดแบบนั้น?”
“อา นี่น่ะเหรอ? จดหมายเชิญตัวไปที่โรงเรียนของลูกน่ะ”
ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวได้ยื่นกระดาษจดหมายให้กับเด็กสาว
“นี่มัน… จดหมายเชิญตัวไปที่เมืองหลวงเหรอคะ?”
เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงคล้อยต่ำลงเล็กน้อย
“ใช่แล้วล่ะ ลูกต้องไปเรียนที่นั่นเป็นเวลาสามปีจนกว่าจะจบการศึกษาจากที่นั่น พอจบการศึกษาแล้วลูกก็จะได้รับใบประกาศนียบัตรและสามารถหางานต่างๆที่เหมาะสมกับอาชีพของหนูเองได้แล้ว”
ผู้เป็นบิดาของเด็กสาวกล่าวเสริมเพิ่มเติมเล็กน้อย
“แล้วคุณพ่อจะมาด้วยกันไหมคะ?”
เด็กสาวได้ตั้งคำถามกับบิดาของตนกลับไป ว่าเขานั้นสามารถเดินทางไปอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศกับเธอได้หรือไม่
“ขอโทษด้วย… แต่พ่อไม่สามารถไปอยู่เมืองหลวงเป็นเพื่อนลูกได้หรอกนะ มีบางคนที่พ่อไม่อยากเจออยู่ที่เมืองหลวงน่ะ”
ผู้เป็นบิดาได้ตอบกลับคำถามของเด็กสาวด้วยท่าทางวิตกกังวล ดูเหมือนว่าเขานั้นจะมีบางที่เขาไม่อยากที่จะต้องไปพบเจอที่เมืองหลวง จึงทำให้เขาต้องปฏิเสธคำขอของลูกสาวกลับไป
“งั้นเหรอคะ…”
เด็กสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงผิดหวังกับคำตอบของผู้เป็นบิดาของตน
“ถึงอย่างนั้นก็เขียนจดหมายมาหาพ่อบ้างนะ แล้วพ่อก็จะเขียนจดหมายตอบกลับลูกเหมือนกัน”
บิดาของเด็กสาวกล่าวออกมาด้วยความห่วงใย เพื่อให้เด็กสาวไม่ตกอยู่ในอารมณ์เศร้าหมองเนื่องจากต้องจากครอบครัวของตนเองไปยังเมืองหลวง เขาจึงอยากให้เด็กสาวเขียนจดหมายมาหาตนบ้างเวลาที่เด็กสาวรู้สึกโดดเดี่ยวหรือต้องการคำแนะนำปรึกษา เพราะว่าตัวเขาเองเมื่อยามที่เด็กสาวไม่อยู่ที่นี่ก็คงจะเกิดความรู้สึกเหงาเหมือนกัน
“ค่ะ!”
เมื่อเด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็ได้ตอบบิดาของตนกลับไปด้วยน้ำเสียงกระจ่างใส
จากนั้นตัวของเด็กสาวและผู้เป็นบิดาของตนก็ได้จัดการเตรียมตัวเตรียมความพร้อมต่างๆภายในเวลาหนึ่งเดือนที่เหลืออยู่เพื่อให้เด็กสาวนั้นอยู่ในสภาพที่เพียบพร้อมที่สุด ทั้งเรื่องอุปกรณ์ เรื่องพื้นทั่วไปอย่างงานบ้าน เรื่องเงิน ฯลฯ จนเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ
———
หลังจากเวลาล่วงเลยมาหนึ่งเดือนเด็กสาวก็ได้เตรียมตัวไปที่เมืองหลวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“จะไปแล้วนะคะ!”
เด็กสาวที่กำลังนั่งอยู่ภายเกวียนยื่นใบหน้าแล้วตะโกนออกมาเพื่อบอกลากับบิดาของตน ที่ตนเองนั้นต้องจากที่แห่งนี้ไปยังเมืองหลวงเป็นเวลาสามปีต่อจากนี้
“ไปดีมาดีล่ะ! ยูนะ!”
และผู้เป็นบิดาของเด็กสาวก็ได้ตะโกนตอบกลับไปเพื่อส่งลูกสาวเพียงคนเดียวของตนไปยังเมืองหลวงของประเทศ
จากนั้นรถเกวียนก็เริ่มเคลื่อนที่ออกจากตัวเมือง มุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของประเทศ ณ สถานที่ที่เรื่องราวบทต่อจากนี้จะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง!
———
ผมอาจจะลงเรื่องนี้ได้แค่ 1 ตอน/สัปดาห์นะครับ เนื่องจากงานล้นมือมาก ทั้งเรื่องเรียน โครงงาน เข้าค่าย ฯลฯ แต่ถ้าโชคดีหน่อยไม่มีงานเพิ่มเติม อาจจะเขียนตอนใหม่ได้ 2 ตอน/สัปดาห์ครับ ขอบคุณทุกคนที่อ่านนะครับ เนื้อเรื่องต่อจากนี้มันจะค่อนข้างเร็วนิดหน่อยเพราะผมพยายามรีบเขียนให้มันเข้าเส้นเรื่องหลักสักที สามารถติดตามข่าวสารใหม่ได้ที่หน้าเพจผมเลยนะครับ เพราะผมจะแจ้งข่าวที่หน้าเพจของตัวเองก่อนที่จะลงผลงาน หรือติดปัญหาอะไรสักอย่างที่ทำให้ลงช้า
เพจเฟสบุ๊คน้อยๆของผม :Facebook