สวัสดีค่ะ มาฮินะค่ะ
รู้จักคำว่าสมาชิกชมรมเงามั้ยคะ
หมายถึงคนที่เข้าชมรมแต่ไม่ร่วมกิจกรรมเลยยังไงละคะ
คำคำนี้จะผิดหรือไม่ผิด คงจะแตกต่างไปกันตามแต่ละสถานการณ์ หากเป็นชมรมที่ตั้งขึ้นมาอย่างจริงจัง ในโรงเรียนที่ตั้งเป้าหมายและแบ่งงบประมาณให้ชมรมอย่างเต็มเหนี่ยว คงจะผิดอยู่หลายกระทง.. แต่ถ้าเป็นโรงเรียนที่ทุกคนไม่แคร์อะไรทั้งนั้น หรือมีเรื่องอื่นที่’สำคัญ’ กว่าคงจะไม่ผิดอะไรใช่ไหมละคะ ถ้าทุกคนในโรงเรียนมองว่าชมรมไม่ใช่อะไรที่สำคัญขนาดนั้น ..
แบบโรงเรียนชั้นละมั้งคะ ?
ในห้องชมรมที่ไม่มีใครเลยสักคน เด็กสาวเลื่อนเปิดประตูเหล็กออก ที่นี่คือสถานที่อันแสนสงบสุขในการรับประทานอาหารกลางวัน พร้อมกับอ่านหนังสือเล่มหนาสำหรับเธอ
ห้องชมรมห้องเดิมปรากฏอยู่ตรงหน้าสายตา โต้ะตรงกลางไม่มีผู้ใดจับจอง แสงอาทิตย์ในเวลาเที่ยงวันส่องผ่านผ้าม่านสีขาว ผนังห้องถูกทดแทนด้วยตู้หนังสือมากมาย ในตู้เหล็กเหล่านั้นมีหนังสือพฤกษศาสตร์และหนังสือภาพมากมายวางสลับปะปนกับหนังสือเรียนชั้นมัธยมปลาย นอกจากตู้หนังสือแล้ว ยังมีชั้นวางต้นไม้ในอาคารที่ชูก้านน้อยๆ อยู่ในห้องอีกด้วย
เบื้องหน้าของเด็กสาวคือเพื่อนร่วมชั้นผมดำสั้น เจ้าของแว่นตากลมในเครื่องแบบนักเรียนชาย ซึ่งกำลังจ้องมองมาทางเธออยู่
โรงเรียนมัธยมปลายสึบากิ เป็นโรงเรียนมัธยมปลายที่มุ่งเน้นสำหรับด้านการเรียนต่อในระดับชั้นมหาวิทยาลัยเป็นหลัก ทั้งนักเรียนและอาจารย์จึงไม่ซีเรียสอะไรกับกิจกรรมชมรมมากนัก การเรียนการสอนต่างๆ มุ่งเน้นไปที่การสอบเข้าของนักเรียน อัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคสูงที่สุดในเขต และไม่น้อยหน้าใครในจังหวัด เด็กนักเรียนส่วนใหญ่จะใช้เวลาตอนเย็นไปกับการเรียนพิเศษมากกว่ากิจกรรมชมรม หรือไม่ก็เป็นสมาชิกเงาในชมรมเอา
ซึ่งนั่นนับรวมชมรมพฤกษศาสตร์ที่ ‘ชิมาซากิ มาฮินะ’ สังกัดอยู่ด้วย
‘ชิมาซากิ มาฮินะ’ เด็กสาววัยมัธยมปลายปีที่ 2 ผมลอนเล็กน้อยแต่กำเนิด ดวงตากลมโต หางตาชี้ขึ้น เป็นเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง ผลการเรียนค่อนไปทางดีสำหรับการจัดอันดับในโรงเรียน แต่หากเป็นระดับจังหวัด ก็เรียกได้ว่าพวกหัวกะทิ เรียนพิเศษติวทุกวันยกเว้นวันอังคารและพฤหัส ในสองวันนั้นเธอจะมานั่งอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ ที่ห้องชมรมพฤกษศาสตร์
ชมรมพฤกษศาสตร์นั้นมีสมาชิกอยู่ประมาณ 5 คน เป็นประธานชมรม 1 คน สมาชิกเงาอีก 3 คน และมาฮินะ แต่ในทางปฏิบัติแล้ว ประธานชมรมที่อยู่ปีที่ 3 กำลังวุ่นวายกับการเตรียมสอบ และเธอที่เข้าห้องชมรมในวันที่ไม่มีเรียนเพื่อมาทำงานเอกสาร ดูแลต้นไม้ประปราย รับประทานอาหารกลางวัน และอ่านหนังสือ ก็เรียกได้ว่าเป็นกึ่งสมาชิกเงาได้เช่นกัน แต่แรกเริ่มเดิมทีชมรมก็ตั้งมาเพื่อให้อาจารย์ในหมวดวิทยาศาสตร์มีโรงเพาะชำเสียด้วย สมาชิกจึงน้อยเพราะขาดการโปรโมทใดๆทำให้มีแต่สมาชิกเงาที่ลงชื่ออยู่ชมรมไว้แต่ไม่เคยร่วมกิจกรรมชมรมใดๆ หรือกล่าวสั้นๆ ได้ว่า
ชิมาซากิ มาฮินะ คือสมาชิกคนเดียวของชมรมนั่นเอง
ซึ่งเป็นชมรมที่อาจารย์ที่ปรึกษาไม่ได้วางแผนกิจกรรมอะไรไว้เลยด้วย
และเธอก็ถือสิทธิพิเศษนั้นในการ’ยึด’ห้องชมรมเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียว
ทั้งกาน้ำชาที่แอบเอามาตั้ง ขนมที่แอบเอามาวาง หมอนและผ้าห่มเล็กๆ รวมถึงหนังสือส่วนตัวของเธอบางส่วย มาฮินะยึดชมรมเป็นห้องอ่านหนังสือและห้องพักของตนเองโดยที่ไม่บอกใคร
แต่ตอนนี้ดูท่าว่าห้องชมรมอันแสนสงบสุขของเธอจะมีผู้มาเยือนเสียแล้ว
‘เอาล่ะ ? ผู้ชายตรงหน้าเธอคือใครกันเนี่ย ?’ มาฮินะสับสนอยู่ในใจ
‘เอ้ะ หรือว่าจะเป็นแบบว่า นักเลง? แบบในมังงะที่เคียวคุงให้อ่านบางที !? แบบพวกที่บุกเข้าห้องชมรมคนอื่นและยึดมาเป็นฐานของตนเอง แต่โรงเรียนมีนักเลงด้วยหรอ ?’ เด็กสาวลนลานซึ่งตรงข้ามกับความนิ่งสงบของชายตรงหน้าเธออย่างสิ้นเชิง
ผมของเขากระเซอะกระเซิงเล็กน้อย สวมแว่นกลม หางตาชี้ขึ้นเหมือนกับเธอ เสื้อเชิ้ตที่ยับเล็กน้อยถูกสวมทับด้วยเบลเซอร์ ไม่มีไทค์และสเวตเตอร์ ซึ่งออกจะผิดระเบียบเสียนิดหน่อย
“เอ่อ.. ที่นี่เป็นห้องชมรมพฤกษศาสตร์ .. เพราะงั้น..” มาฮินะใจดีสู้เสือแต่อีกฝ่ายก็ขัดมาเสียก่อน
“ฮิบิยะ คาสึโอะ ปี 2 ห้อง B สมาชิกชมรมพฤกษศาสตร์ครับ คุณชิมาซากิ.. ปี2 ห้องA สินะครับ” เสียงนุ่มทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ‘คาสึโอะ’ เอ่ยชื่อของมาฮินะออกมา ซึ่งทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย ดูเหมือนคนคนนี้จะรู้จักเธอ
“สมาชิกชมรม..หรอคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัย สำหรับเธอที่เป็นคนดูแลเอกสารหลักของชมรม ไม่ควรจะพลาดเรื่องสำคัญอย่างการลืมสมาชิกชมรมไปได้
“ครับ เพิ่งตัดสินใจเข้าโดยตรงจากการชักชวนของอาจารย์ที่ปรึกษา ..ขอโทษที่ทำให้ตกใจด้วยนะครับ” อีกฝ่ายอธิบายสาเหตุอย่างเรียบง่ายแต่ตรงประเด็น กับอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมที่บางทีก็ป้ำๆเป๋อๆ มาฮินะไม่แปลกใจอะไรกับเหตุผลที่อีกฝ่ายอธิบายมา
‘เอ๋ ..แต่ว่ารู้จักเราด้วยสินะ ..’
“ออ คุณฮิบิยะเพิ่งเข้าชมรมตอนปี 2 แล้วก็ไปแลกเปลี่ยนมา 1 เดือนก่อนหน้านี้สินะคะ อย่างนี้นี่เอง..” มาฮินะนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างโต้ะตัวกลางในห้องชมรม กำลังทบทวนเหตุการณ์ที่คาสึโอะอธิบายมาเพิ่ม
แต่โรงเรียนเราก็ให้อิสระเรื่องชมรมมากๆ จริงๆแหละนะ ไม่สิ ต้องพูดว่าไม่ใช่กิจกรรมหลักที่สำคัญ เลยไม่ค่อยตรวจสอบอะไรเท่าไหร่มากกว่า
คาสึโอะนั่งอยู่ตรงข้ามเธอ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ให้ความรู้สึกลึกลับและดูมึนๆ เล็กน้อย แต่แอบน่าสงสัยว่ากำลังหงุดหงิดอยู่หรือเปล่าพอสมควร ตามที่เขาเล่ามาดูเหมือนว่าเขาจะเพิ่งเข้าชมรมตอนปี 2 ส่วนสาเหตุที่ 1 เดือนแรกของปี 2 นั้นไม่พบเขาเลยนั่นเพราะว่าเขากำลังไปแลกเปลี่ยนระยะสั้นที่ต่างประเทศอยู่
‘แลกเปลี่ยนระยะสั้นที่กินเวลาเปิดเทอมช่วงแรกของปี 2 สุดยอดไปเลยแฮะ..’ มาฮินะคิดในใจ สำหรับคนที่ลงเรียนพิเศษเกือบเต็มสัปดาห์แบบเธอนั้น การยอมเสียเวลาเรียนไปเกือบเดือนถือว่าน่าทึ่ง
“ก็.. ประมาณนั้นครับ” คาสึโอะตอบสั้นๆ ตลอดการสนทนาเขาแทบไม่ได้มองมาที่มาฮินะเลย
“อะ อื้อ” และมาฮินะเองก็ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากตอบกลับไปสั้นๆ เช่นกัน
‘อุหวา .. ดูไม่อยากคุยกับเราเท่าไหร่เลยแฮะ’ เด็กสาวคิดในใจด้วยความกังวลเล็กน้อย บรรยากาศอึดอัดดำเนินต่อไปเมื่อทั้งสองคนไม่มีการต่อบทสนทนาอะไรอีก เด็กสาวเหลือบไปมองกล่องข้าวของตนเองที่หมายมั่นปั้นมือจะกินประทังความหิวในวันนี้
‘ลาก่อนเซฟโซนของฉัน .. สถานที่ในการทานข้าวกลางวันอันแสนสงบสุข’ มาฮินะโอดครวญในใจ อย่างนี้เธอก็ทำเนียนกินข้าวในห้องต่อไปไม่ได้แล้วซินะ ลาก่อนเบนโตะที่เอามาในวันนี้
ก็แหม ว่ากันตามจริง มันก็ไม่สมควรใช่ไหมละการแอบเอาข้าวกลางวันมากินในห้องชมรมแบบนี้เนี่ย ?
ในฉับพลันที่เธอกำลังกังวล เด็กหนุ่มตรงหน้าก็หยิบข้าวปั้นขึ้นมากินไปครึ่งลูกแล้ว
“อ้ะคุณชิมาซากิ เชิญรับประทานอาหารกลางวันได้เลยนะครับ” และเหมือนราวกับอ่านใจมาฮินะได้ อีกฝั่งก็พูดขึ้นมาทันทีที่มาฮินะเงยหน้าขึ้นไปมองกลายเป็นคอมโบบรรยากาศอึดอัดที่สุดประหลาดไป เด็กสาวเหงื่อตก เหลือบมองกล่องข้าวในผ้าห่อสีฟ้าอ่อนที่ตัวเองพกมาด้วย อีกใจก็รู้สึกไม่อยากทานต่อหน้าคนที่เพิ่งเคยเจอเมื่อสามวินาทีที่แล้ว แต่อีกใจก็เสียดายกล่องข้าวที่ตนอุตสาห์ทำขึ้นมา
ผ่านไปซักพักก็เป็นมาฮินะที่อดทนไม่ได้ เธอหยิบกล่องข้าวของตนเองออกมา ความพยายามในการตื่นเช้า 30 นาทีของเธอจะต้องไม่สูญเปล่า
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน .. เดินเข้ามาในห้องชมรม เจอใครไม่รู้ ละก็นั่งกินข้าวแบบมึนๆ
‘แต่ก็ดีแล้วละเนอะ ถ้าอย่างงั้นจะขอไม่เกรงใจแล้วนะคะ เจ้าเบนโตะของชั้น’ เธอคิดในใจ มือเรียวบางอันเต็มไปด้วยบาดแผลเล็กๆ คลี่ผ้าสีฟ้าอ่อนออกมา ภายในมีกล่องข้าวสีสวยอยู่ข้าวสวยถูกปั้นเป็นก้อนห่อด้วยสาหร่ายทรงยาว เมนูหลักวันนี้เป็นไก่ส่วนสะโพกหมักเกลือ เครื่องเขียงคือสลัดมันฝรั่งที่ทำเก็บไว้สำหรับ 1 อาทิตย์ ไข่ม้วนที่ออกจะมากเกินพอดีสำหรับ 1 คน และแตงกวาดอง
“อุหว้า..” มาฮินะอุทานเบาๆ วันนี้ทำออกมาได้น่ารักจัง ไข่หวานของวันนี้ก็เพอเฟค ถึงจะเป็นคนทำเอง แต่พอเปิดกล้องออกมาแบบนี้ก็ดีใจ
ชิมาซากิ มาฮินะเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายชั้นปีที่ 2 ของโรงเรียนเด็กหัวกะทิ ที่มีการเรียนเข็มเข้นและตารางเรียนพิเศษแน่นเอี๊ยด.. ที่ดูแลงานบ้านเองซะส่วนใหญ่
คุณพ่อคุณแม่ทำวานที่จำเป็นต้องไปต่างประเทศและภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศบ่อย เธอจึงเป็นคนดูแลบ้านและน้องสาวตัวน้อยคนเดียว จริงๆ ตั้งแต่เธอขึ้นมัธยมปลายมา น้องสาวที่อายุน้อยกว่า 3 ปีก็ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนประจำที่เจ้าตัวเป็นคนอยากเข้าเอง เธอจึงไม่ต้องดูแลทำอาหารให้อีก ยกเว้นแต่ตอนที่น้องสาวกลับมาบ้าน มาฮินะนั้นทำงานบ้านได้ดีและทำกับข้าวได้ดีด้วยเหตุจำเป็น แต่เธอเองก็คิดว่ามันกินเวลาเธอไม่มากก็น้อย เพิ่งจะมาเอนจอยกับการจัดเบนโตะสุดๆ ก็ตอนน้องสาวไปเรียนโรงเรียนประจำได้ซักพัก ทำให้เธอพอมีเวลามากขึ้นบ้าง
เสียก็แต่ว่า อาหารหลายๆ อย่างนั้นไม่คุ้มที่จะทำกินคนเดียวซักเท่าไหร่
ตัวอย่างก็เช่นไข่หวาน จะใช้ไข่ฟองเดียวทำก็ม้วนลำบาก จะใช้สองฟองก็มากเกินไป วันนี้ไข่หวานที่ม้วนแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นมีไม่พอ จึงต้องจำใจทำเกินมาเสียหน่อย ข้าวกล่องวันนี้จึงอัดแน่นเล็กน้อย
“ทานแล้วนะคะ” มาฮินะเอ่ยเบาๆ แต่ในพริบตาที่กำลังลิ้มรสข้าวกล่องทำมือ(ของตนเอง) เธอก็เงยหน้าไปเห็นบุคคลตรงข้ามพอดี
ที่กำลังจ้องมองข้าวกล่องของเธอตาเป็นประกาย
ฮิบิยะ คาสึโอะ เด็กหนุ่มลึกลับที่ดูจะไม่อยากมองตัวเธอเท่าไหร่กำลังมองไข่หวาน สะโพกไก่ทอดเกลือ ข้าวสวย แตงกวาดองและสลัดมันฝรั่งของเธอตาเป็นประกาย
‘ไม่อยากมองหน้าของฉัน แต่มองเบนโตะได้งั้นหรือคะ !?’ มาฮินะคิดในใจ บรรยากาศตอนนี้จะว่าอึดอัดก็ไม่ใช่ ภูมิใจในเบนโตะของตัวเองก็ไม่เชิง ปฎิกริยาที่หักมุมกระทันหันนั้นทำให้เธอสงสัย
คาสึโอะยังนั่งจ้องกล่องข้าวอยู่ตรงนั้น และด้วยสัญชาตญาณของพี่สาวคนโตหรืออะไรก็แล้วแต่ มาฮินะจึงยื่นข้าวกล่องของตนเองออกไปด้านหน้าพร้อมกับเอ่ยถามอีกฝั่ง
“เอ่อ.. คุณฮิบิยะ.. อยากกินไหมคะ ?”
ฮิบิยะ คาสึโอะพยักหน้าอย่างรวดเร็ว จากแมวที่ดูจะขู่แง่งๆ ใส่ทุกคนที่เดินผ่านมา ก็กลายเป็นหมาโกลเด้นส่ายหางทันที