เช้าวันนั้นเป็นวันที่อากาศเย็นลงนิดหน่อย
ผมขี่จักรยานของตัวเองผ่านเส้นทางเดิมๆ ที่สัญจรในทุกๆ วัน เบื้องหน้าคือถนนและบ้านเรือนสีเทา อากาศเย็นตีเข้าใบหน้า แต่ร่างกายที่คุ้นชินกับอากาศหนาวในตอนเช้าไม่ได้รู้สึกมีปัญหาอะไรมากนัก
ฉับพลันสายตาของผมก็เหลือบมองไม่เห็นผลไม้สีแดงสดที่มุมของสายตา ผมเบรกกะทันหัน ทำให้มีปัญหาเล็กน้อยจนเกือบล้มจากจักรยาน ก่อนจะหันกลับไปข้างหลัง
มะเขือเทศสีแดงสุกชูลูกเด่นท่ามกลางสวยสีเขียวอ่อนๆ หยดน้ำใสบนลูกนั้นยิ่งขับให้ผิวของมะเขือเทศดูเต่งตึงมากขึ้นไปอีก
คนที่ปลูกคงปลูกด้วยความใส่ใจเหลือคณานับ ฮิบิยะนึกถึงต้นมะเขือเทศต้นน้อยในโรงเพาะชำที่โรงเรียน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะขี้นคร่อมจักรยานก่อนจะถีบตัวออกไปเพื่อไปรดน้ำต้นไม้ต้นน้อยของตนเอง
“ไงฮิบิยะคุง ! กิจกรรมชมรมสนุกดีหรือเปล่า ?”
เสียงร่าเริงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น เสียงของเขาฟังแล้วก็ทราบว่าไม่ใช่ช่วงวัยรุ่นแล้ว แต่ทั้งน้ำเสียงและภาษาช่างดูให้ความรู้สึกเหมือนเด็กวัยรุ่นเสียจริง
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ฮิบิยะตอบสั้นๆ แต่สุภาพตามนิสัยของตน แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจก่อนเขาเบนหน้าหนีจากเจ้าของเสียง ก่อนจะจดบันทึกผลการเจริญเติบโตของต้นไม้ต้นน้อยของเขาต่อไป
“ไรเนี่ย” เสียงของชายคนเดิมบ่นอุบอิบ เขาเดินเข้ามาข้างฮิบิยะ ก่อนที่ฮิบิยะจะหยิบบัตรแข็งบัตรนึงยื่นให้กับอีกฝั่ง
“ลืมบัตรอีกแล้วนะครับอาจารย์” ฮิบิยะพูดเสียงราบเรียบ ในมือของเขามีบัตรประจำตัวใบนึงอยู่
‘ทัตสึกิ ทาคุยะ’ ถูกเขียนไว้บนบัตรแข็งใบนั้น อาจารย์สอนวิชาชีววิทยาคนนี้มีใบหน้ายิ้มแย้มเหมือนกับเจ้าตัว ชายหนุ่มร่างสูงมีผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าแอบย้อมผมหรือว่าเป็นสีผมธรรมชาติ แต่เขาที่ไหลลื่นนั้นและเป็นที่รักของอาจารย์ท่านอื่นนั้นคงสามารถแถเนียนไปได้อยู่แล้ว การแต่งตัวของเขานั้นเรียกได้ว่ามีภูมิฐานแต่ก็ทันสมัย ฮิบิยะนึกสงสัยในความสามารถในการดูแลตัวเองอันน่าทึ่งของอีกฝั่ง
“โอ้ เก็บไว้ให้ด้วย ยังเป็นเด็กดีเหมือนเดิมเลยนะฮิบิยะคุง” อีกฝั่งตอบ ซึ่งทำให้ฮิบิยะยิ่งไม่อยากคุยกับเขาขึ้นไปอีก ส่วนปฏิกิริยาโต้ตอบหลังจากเห็นท่าทีของเด็กหนุ่มนั้นคือการหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ในมือของเขาเองก็มีใบบันทึกผลเหมือนกับเขา แต่ดูท่าจะทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ถ้าทำงานเสร็จได้ไวขนาดนั้นก็ช่วยทำงานเอกสารกับธุรการด้วยได้ไหมละครับ”
“อันนั้นน่ะเด็กคนนั้นเขาเต็มใจจะทำเองนา”
“พอเป็นอาจารย์ที่พูดก็ไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่นะครับ”
อาจารย์คนเดิมหัวเราะอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงหัวเราะนั้นดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้เด็กหนุ่มเจ้าของแว่นตากลมหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณชิมาซากิเป็นประเภทที่ถ้าไม่หมอบหมายงานอะไรให้เลยจะกังวลเพราะรู้สึกว่าตัวเองกินแรงเพื่อนกับอาจารย์นะครับ ฮิบิยะคุง”
คราวนี้ฮิบิยะเงียบไป เขายอมรับในจุดนี้ และรู้ทุกอย่างอยู่แล้วเพียงแค่ต้องการแซะอีกฝั่งสักนิดหน่อย
คุณชิมาซากิถึงจะชอบบอกตลอดเวลาว่าตัวเองเป็นทำได้ทุกวิชาแต่ไม่เด่นซักอย่าง แต่คะแนนสอบของเธอในทุกๆ วิชาก็สูงจนน่าตกใจ ซึ่งเขาก็ไม่แปลกใจนักเท่าไหร่เพราะเจอหน้าเธอทีไรเจ้าตัวก็อ่านหนังสือทุกที
ยกเว้นที่ซุปเปอร์มาเกตแหละนะ
“ถ้างั้นผมก็ขอตัวก่อนล่ะ พอดีว่าต้องไปเตรียมอุปกรณ์ชมรมก่อนนะครับ” อาจารย์ทัตสึกิโชว์แผ่นกระดาษตรวจการเจริญเติบโตของตนเองให้เขาดูราวกับเป็นหลักฐานเพื่อจะขอชิ่ง ก่อนจะเดินออกไปแทบจะในทันที
‘เหมือนพายุจริงๆ เลยคนคนนี้’ ฮิบิยะคิดในใจก่อนจะหันกลับไปทำงานของตนเองต่อก่อนจะมีเสียงแว่วออกมาตอนท้าย
“ก็นะ คุณชิมาซากิถ้ามาปลูกต้นไม้ในเรือนเพาะชำแบบฮิบิยะคุงละก็ .. บรรยากาศคงจะสดใสไม่น้อยเลย”
ฮิบิยะหันขวับ แต่ร่างของอีกฝั่งหายไปซะแล้ว
เด็กหนุ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะกลับไปทำงานของตนต่อ
“ฮึ้บ” มาฮินะส่งเสียงเรียกกำลังใจเล็กน้อยก่อนจะยกเอกสารหนาเตอะขึ้นมาเป็นแนวตั้งเพื่อจัดมุมของมันให้เรียบร้อย
“นี่คือ..เอกสารชมรมทั้งหมดเลยหรอ” เสียงหวานถามข้างๆ วันนี้สุมิเระทานข้าวกลางวันพร้อมกับมาฮินะ เสียงของห้องเรียนตอนกลางวันค่อนข้างเงียบสงบแต่ก็ดังกว่าห้องชมรมของมาฮินะ สามสาวเอาโต๊ะมาต่อกันเพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
ไม่ซิถ้าพูดให้ถูกก็คือ มาฮินะ สุมิเระ คุเรนะ ทานข้าวกลางวันด้วยกันทุกวันยกเว้นวันที่สุมิเระและคุเรนะมีกิจกรรมชมรมตอนกลางวัน.. ( ซึ่งมาฮินะก็จะไปห้องชมรมในวันนั้นเช่นกัน ถึงจะไม่ได้ไปทำกิจกรรมชมรมก็ตาม )
“ก็นะ .. เอกสารทั้งชมรมชั้นเป็นคนจัดการเองนี่น่า” มาฮินะตอบสั้นๆ ก่อนที่คุเรนะจะร้องออกมา
“แค่ฟังก็น่ากลัวแล้วอะ” เธอพูดขึ้น ตะเกียบคีบไข่ม้วนสีสวยของตัวเองค้างไว้อยู่
“งานเท่านั้นจะไม่มากเกินไปหน่อยหรอ?” สุมิเระถามด้วยความเป็นห้วงเธอทราบอยู่ดีแล้วว่ามาฮินะมีหน้าที่จัดการเอกสารหลักของชมรม แต่ก็ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้
“ก็นะ ชั้นเป็นคนขอทำเองด้วยนี่หน่า”
“เอ๋จริงดิ ! ไม่ใช่ว่ามาฮินะเป็นคนไทป์เดียวกับชั้นหรอ !”
“พวกไม่ชอบงานเอกสารน่ะหรอคะ?” สุมิเระถามย้ำ
“อันนั้นมันก็ใช่หรอก..อืมม..” มาฮินะตอบย้ำ ก่อนจะหยุดคิดสักพักเพื่อหาคำตอบ อย่างที่สุมิเระได้กล่าวไปว่าเธอนั้นไม่ถนัดงานเอกสารเท่าไหร่นัก พอพยายามบาลานซ์กับการเรียนถึงมีเอกสารเหลือตกค้างขนาดนี้ แม้จะยังไม่ถึงกำหนดส่งก็ตาม
“ตอนนั้นชั้นเครียดมากเลยนะ ตอนปี1น่ะ แบบว่าอยากทำกิจกรรมชมรมก็อยากทำ อยากปลูกต้นไม้และเรียนรู้มากกว่านี้ แต่ว่าก็บาลานซ์กับการเรียนไม่ไหว ตอนนั้นพอไปถามอาจารย์ทัตสึกิมาเขาก็บอกว่า..”
“จริงๆ ชมรมนี้เป็นชมรมที่ผมตั้งขึ้นมาด้วยความอยากมีห้องเพาะชำน่ะ ! เกินคาดเลยที่จะมีคนสมัครขนาดนี้ ยังไงชมรมอื่นก็เป็นสมาชิกผีกันซะส่วนใหญ่อยู่แล้ว ชิมาซากิคุงดูแลแค่งานเอกสารกับต้นไม้ในห้องชมรมก็พอแล้วล่ะ! “
“ว่ามาแบบนี้แหละ” มาฮินะตัดสินใจเล่าไปตามตรง ทำให้ภาพลักษณ์ของอาจารย์สุดแสนเท่เสื่อมหมองไปนิดนึงแล้ว จะเป็นอะไรไหมนะ
“อ้ะ โคตรเจ๋ง!” คุเรนะดูตื่นเต้นสุดๆ
“อาจารย์ทัตสึกิ…เป็นคนแบบนี้เองหรอคะเนี่ย” ส่วนสุมิเระดูผิดหวังเล็กน้อย
“จะให้เป็นสมาชิกชมรมเงาไปเลยชั้นก็แอบเสียดายชีวิตม.ปลายนิดหน่อย แต่ว่าจะให้ทำกิจกรรมเต็มก็คงบาลานซ์ไม่ไหว ตอนแรกก็เครียดอยู่นะ อาจารย์ที่ปรึกษาหรือว่าท่านอื่นเองก็แนะนำแต่ให้ลาออกไม่ก็เป็นสมาชิกเงาไปเลยทั้งนั้น ดังนั้นทางออกนี้ก็ลงตัวอยู่” มาฮินะอธิบาย เธอหยิบเอกสารแผ่นนึงออกมาจากกองกระดาษ ในนั้นมีรูปของต้นไม้แปะอยู่บางส่วนและมีเขียนรายงานด้วยลายมือตัวบรรจงของมาฮินะด้านข้าง
“ที่สำคัญเอกสารส่วนใหญ่ก็เป็นรายงานความคืบหน้าและกิจกรรมชมรม .. ของอาจารย์ทัตสึกิซะด้วย เพราะงั้นรวมๆ แล้วก็เหมือนทำการบ้านชีววิทยาแหละนะ มีเอกสารพวกขอเบิกงบประมาณ เอกสารขอเบิกอุปกรณ์หรืองานธุรการอื่นๆ ไม่มากเท่าไหร่ ชั้นที่ไม่ถนัดเอาซะเลยก็เลยยังพอทำทันน่ะ” มาฮินะอธิบายต่อจนจบ คุเรนะและสุมิเระพยักหน้าตาม
เพื่อนสนิททั้งสองทานข้าวต่อ ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่น ที่เรียนพิเศษใหม่ตรงหัวมุม ร้านน้ำหวานที่เปิดใหม่ที่สถานี ความสนุกสนานของพวกเธออย่างนึง คือการตามหาร้านอร่อยๆ ทานด้วยกันหลังเรียนพิเศษเนี่ยแหละ
สำหรับความเห็นส่วนตัวของมาฮินะ เธอน่ะชอบที่สุดเลย เพราะไม่ต้องกลับไปล้างจานยังไงละ แต่พอนึกถึงงบและปริมาณแคลอรี่ รวมถึงหนังสือที่ต้องอ่านในวันนั้นก็เสียววาบขึ้นมา
มาฮินะคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในขณะนั้นเองเธอก็ทำงานไปต่อด้วย ก่อนที่เธอจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างในเอกสาร
เพราะว่าคิดมาตลอดว่าทั้งหมดเป็นงานของอาจารย์ทัตสึกิ มาฮินะเองจึงไม่เคยสังเกต แต่ว่าเด็กสาวพบว่าท่ามกลางรูปมากมายในเอกสารและลายมือกำกับคร่าวๆ นั้นถูกเขียนด้วยดินสอที่ความเข้มแตกต่างกัน รวมถึงลักษณะการถ่ายรูปเองก็แตกต่างกันด้วย
รูปชุดนึงจะถูกถ่ายในระยะใกล้ แต่ภาพค่อนข้างมัวและมีการจัดองค์ประกอบที่แปลกๆ สีในรูปจะค่อนข้างสว่าง ส่วนอีกชุดจะถ่ายด้วยสีที่สดใสกว่า มีระยะภาพแตกต่างกันไป
‘อ้อ..’ มาฮินะคิดในใจ
‘ถ้าอย่างนั้น นี่คือลายมือของคุณฮิบิยะซินะ ?’ สายตาเธอมองไปยังลายมือที่เขียนด้วยดินสอสีเข้มกว่า แต่หวัดไม่ต่างกันกับลายมือที่เขียนด้วยดินสอสีจาง
ก่อนจะประหลาดใจที่ตัวเองหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน