บทนำ : สาวงามพลาดตกบันได
แสงแดดส่องผ่านหน้าต่างบานเล็ก
“…”
หญิงสาวแสนสวยเมญ่าหยุดยืนนิ่งเงียบ
หยุดยืนนิ่งเงียบไม่มีขยับไปไหน สายตาของหล่อนล้วนจับจ้องมองเพียงหนึ่งสิ่งอย่างเท่านั้นในตอนนี้ นั้นก็คือรังนกที่ตั้งอยู่บนต้นไม้ต้นใหญ่ เรียกได้ว่าให้ความสนใจขั้นสุด
จนกระทั่งเมินเฉยต่อทุกสิ่งอย่าง
“…”
“จิ๊บ!”
“จิ๊บ!”
“จิ๊บ!”
“…”
เธอเห็นลูกนกกำลังร้องขออาหาร
เห็นแม่ของมันกำลังเอาอาหารไปให้ แม้จะเป็นเพียงฉากภาพปรกติธรรมดาในสายตาใครคนอื่น หากแต่สำหรับหล่อนแล้วกับเป็นฉากภาพที่ยากจะละสายตาไปไหน
ก่อนเสียงสัญญาณชั่วโมงเรียนต่อไปจะเริ่มขึ้น
“…”
“ต้องไปแล้ว”
“…”
เมญ่าทอดถอนหายใจ
เลือกละสายตาทุกสิ่งอย่างหวนคืนกลับสู่โลกความเป็นจริง และเมื่อเธอก้มหน้ามองเส้นทางของตัวเอง เธอก็พบว่าตัวเองกำลังหยุดยืนอยู่หน้าบันไดทางลงไปด้านล่าง ลงไปยังห้องเรียนของตน
หลงเหลือเพียงแค่ก้าวเท้าลงไป
“…”
“!!!”
“…”
หัวใจดวงโตภายในทรวงอกพลันเต้นแรงกะทันหัน
ภาพทางเดินบันไดแตกกระจัดกระจายแยกออกเป็นสิบเป็นร้อยส่วน ตลอดทั่วทั้งร่างกายล้วนไม่เป็นไปดั่งใจหวัง กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนไม่มียินยอมทำตามความต้องการ กว่าจะรู้สึกตัวอีกที
มันก็สายเกินไปแล้วเมื่อเธอพบว่าตัวของเธอกำลังหน้ามืดตกบันได
“…”
“!!!”
“…”
มักมีคนกล่าวเอาไว้เสมอ
เมื่อวินาทีที่คนเราต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตาย
ประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างจะตอบสนองกระตุ้นเตือนให้ห้วงความคิดทำงานหนักหน่วงรวดเร็วไปมากกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัวและด้วยการเร่งความเร็วยอดเยี่ยมของสมอง
มันก็เลยทำให้ฉากภาพเบื้องหน้าของหญิงสาวผู้งดงามปานเทพธิดาเชื่องช้ากว่าปรกติ เชื่องช้ามากพอจนพานพบเห็นสิ่งแวดล้อมรอบกายได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าจะเป็นเศษฝุ่นที่กำลังล่องลอยอยู่กลางอากาศ ใบไม้ที่นิ่งแข็งค้างรอคอยล่วงลงแตะสู่พื้นดิน หรือกระทั่งพบเห็นเรือนร่างงดงามของตนลอยเหนือพื้นขาไม่ติดบันได
แววตาหล่อนตื่นตระหนกตกใจเบิกกว้างขั้นสุด
…‘ช่วยด้วย’
“…”
“ช่วย—”
“…”
“ระวัง!”
“?!”
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
ก่อนหญิงสาวแสนสวยจะตกบันได
ร่างชายหนุ่มปริศนาผอมสูงก็พุ่งทะยานเข้ามาสวมกอดจากด้านหลัง ถึงแม้จะโอบกอดพยายามดึงร่างบางเข้าหาตัวแต่มันก็สายเกินไปสายเกินกว่าจะแก้ไข
นอกจากไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้น ไม่ทำให้หญิงสาวรอดพ้นจากหายนะ ยังลากพาตัวเองลงไปประสบพบเจอกับหายนะอีกต่างหาก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ตามมาล้วนคาดเดาได้ง่ายดาย
ตกบันไดทั้งคู่ไม่มีใครคนไหนรอดปลอดภัย