ตอนที่ 756 ไม่สามารถรับสินค้าได้
พยากรณ์อากาศรายงานว่าพายุหิมะน่าจะสิ้นสุดในอีกสามวันข้างหน้า
เช้าวันที่สี่ของเทศกาลปีใหม่ หลินม่ายลุกขึ้น และเห็นว่าหิมะกำลังตกหนักขึ้นอีกจนทำให้มองไม่เห็นทิวทัศน์ในระยะสี่หรือห้าเมตร และหิมะก็สูงถึงเข่าของเขา
สิ่งแรกที่หลินม่ายทำคือโทรหาทังอี้เพื่อดูว่าสินค้าของพวกเขามาถึงวันนี้หรือไม่
หิมะเมื่อวานน้อยกว่าวันนี้มาก และรถไฟทุกขบวนก็ล่าช้า
วันนี้หิมะตกหนักกว่าเดิม เธอจึงกังวลมากว่ารถไฟจะไม่สามารถเข้าปักกิ่งได้ และสินค้าของเธออาจไม่สามารถมาถึงได้ในวันนี้
ทังอี้บอกเธอว่าผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบการเซ็นรับสินค้าที่สถานีรถไฟจะไปยังสถานีรถไฟเพื่อรับสินค้าก่อนรุ่งสาง
พนักงานที่สถานีรถไฟแจ้งว่ารถไฟหยุดให้บริการและสินค้าทั้งหมดติดอยู่บนรถไฟนั้น
หากสินค้าเหล่านั้นติดอยู่กลางทาง ของเหล่านั้นจะเน่าเสียหรือบุบสลายภายในสองวันอย่างแน่นอน และการสูญเสียจะหนักหนามากขึ้น
หลินม่ายไม่สามารถรับผิดชอบการสูญเสียได้ในขณะนี้ได้ ยิ่งสภาพอากาศเลวร้าย เธอก็ยิ่งต้องรับประกันอุปทานของประชาชน
ตลาดและร้านค้าที่ดำเนินการโดยรัฐจะปิดทำการในช่วงวันหยุด
แม้ร้านค้าของรัฐและห้างสรรพสินค้าของรัฐจะเปิดทำการ แต่ก็ไม่ได้ขายอาหารสดหรือธัญพืชและน้ำมัน
ในเมืองหลวงขนาดใหญ่มีตลาดเอกชนเพียงสามแห่ง นั่นคือตลาดฮุ่ยหมินเพียงสองแห่งและตลาดฝูตัวตัวหนึ่งแห่ง
พลเมืองที่ต้องการซื้ออาหารสด ธัญพืช และน้ำมันต้องไปที่ตลาดสดทั้งสามแห่งนี้เท่านั้น ดังนั้นตลาดสดฝูตัวตัวจะต้องมีของเตรียมพร้อมเสมอ
หลินม่ายขอให้ทังอี้จัดกำลังคนเพื่อหาซื้อสินค้าในเขตชานเมืองของเมืองหลวงทันที
ทังอี้กล่าว “ทันทีที่ผมได้ยินว่าสินค้าของเราติดอยู่บนรถไฟ ผมก็จัดการให้พนักงานขายไปที่ชานเมืองเพื่อซื้อทันที และยังบอกพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นด้วยว่า ไม่ว่าราคาจะสูงขึ้นเท่าใดก็ต้องซื้อพืชผลทางการเกษตรไว้บ้างเผื่อฉุกเฉิน”
เมื่อเห็นว่าเขาตอบสนองและแก้ปัญหาสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว หลินม่ายก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เธอเอ่ยถาม “คุณรู้ไหมว่าสินค้าของเราติดอยู่ที่ส่วนไหนของรางรถไฟ?”
ทังอี้ไม่สามารถตอบได้ เขาไม่ได้ตรวจสอบสถานที่ที่สินค้าติดอยู่อย่างละเอียด เขารู้เพียงว่าสินค้าเกษตรทั้งหมดไม่สามารถเข้าสู่ปักกิ่งได้
หลินม่ายขอให้เธอสืบเรื่องสินค้าที่ติดอยู่บนสถานีรถไฟ ก่อนที่ตัวเธอเองจะรีบเดินทางไปยังตลาดฝูตัวตัว
เมื่อเธอเดินออกจากห้อง ฟางจั๋วหรานซึ่งกำลังกวาดหิมะในสนามเห็นว่าเธอแต่งตัวงดงามจัดเต็มและดูเหมือนกำลังจะออกไปข้างนอกจึงเอ่ยถาม “เช้านี้หิมะตกหนักมาก คุณกำลังจะออกไปไหน?”
หลินม่ายกล่าว “ไปดูสินค้าตลาดฝูตัวตัวที่ยังค้างส่งน่ะค่ะ ฉันต้องหาวิธีดูว่าจะส่งสินค้าไปยังเมืองหลวงได้หรือเปล่า เพราะไม่อย่างงั้นของจะเน่าเสียเอาได้”
คุณย่าฟางยืนอยู่ใต้ชายคาพลางกล่าว “กินข้าวเช้าก่อนสิ”
หลินม่ายโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ ในตลาดมีซาลาเปาขาย เดี๋ยวฉันไปซื้อซาลาเปาสักสองลูกกินรองท้อง”
ว่ากันว่าวันที่หิมะตกนั้นไม่หนาว แต่ก็เสียดแทงผิวหนังของเธออยู่ไม่น้อย
เพราะหลินม่ายเกิดในมณฑลหูเป่ย ดังนั้นความหนาวในระดับนี้ก็ทำให้เธอหนาวเหน็บอย่างมาก
แม้จะมีเจ้าหน้าที่กวาดหิมะบนถนนสายหลัก และประชาชนในตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ต่างช่วยกันกวาดหิมะ แต่ก็ยังคงมีหิมะเกลื่อนถนน
ยิ่งไปกว่านั้น หิมะก็ยังคงตกหนักไม่หยุด และถนนที่เพิ่งถูกกวาดก็ถูกปกคลุมด้วยชั้นหิมะอีกครั้ง ซึ่งทำให้ผู้คนลื่นล้มได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นผู้คนมากมายจึงไม่ต้องการให้ผู้สูงอายุในบ้านของพวกเขาเดินทางออกไปด้านนอก เพราะหากลื่นล้มก็คงไม่ใช่เรื่องดี
ดังนั้นถนนที่แต่เดิมเคยพลุกพล่านจึงดูร้างมาก
หลินม่ายเดินอย่างเร่งรีบ แต่เพราะเดินเร็วเกินไปจึงล้มลงบนถนนหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็มาถึงตลาดฝูตัวตัว
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตลาดฝูตัวตัวเปิดช้ากว่าปกติ โดยจะเปิดให้บริการในเวลาแปดโมงครึ่ง
เมื่อหลินม่ายมาถึงตลาดฝูตัวตัว ตลาดยังไม่เปิด
เธอเข้าไปทางประตูหลังและเห็นว่าในตลาด ยกเว้นพื้นที่ขายอาหารสดที่ว่างเปล่า พื้นที่อื่น ๆ ถูกเก็บเข้าคลังหมดแล้ว
หลินม่ายตรงไปยังห้องทำงานของทังอี้
ในห้องทำงานของเขามีชายฉกรรจ์หกคนยืนเรียงแถวอยู่
เมื่อเห็นเธอเข้ามา ทังอี้ก็แนะนำชายหนุ่มทั้งหกให้เธอรู้จัก “นี่คือพนักงานขายจากตลาดของเราครับ พวกเขาเพิ่งกลับมาจากชานเมือง”
หลินม่ายนั่งลงบนเก้าอี้และโบกมือให้พนักงานขายทั้งหกคนนั่งลงด้วย
เธอถามอย่างใจดี “คุณซื้อผลิตภัณฑ์การเกษตรมากี่รายการ?”
พนักงานขายทั้งหกคนมองมาที่เธอด้วยความละอายใจ
ทังอี้ยิ้มแห้ง “ผมไม่ได้ซื้อผลิตผลทางการเกษตรใด ๆ มาเลยครับ”
หลินม่ายตกตะลึง “เป็นไปได้อย่างไร?”
ทังอี้อธิบาย “เกษตรกรในเขตชานเมืองได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาของพวกเขาว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรให้กับผู้ประกอบอาชีพอิสระ ผู้มีอำนาจระดับสูงต้องการให้พวกเขาส่งไปยังแหล่งเดียว ดังนั้นพนักงานของเราจึงทำได้เพียงกลับมามือเปล่า”
หลินม่ายขมวดคิ้ว
ถนนถูกปิดเนื่องจากหิมะตกหนักในวันนี้ เครื่องบินและรถไฟถูกระงับ เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นนี้
ขณะเกิดภัยพิบัติ รัฐบาลในยุคนี้ยังตอบสนองได้อย่างเชื่องช้า ต้องใช้เวลาสองถึงสามวัน
ยิ่งไปกว่านั้น พายุหิมะนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
รัฐบาลต้องคิดว่าประชาชนได้กักตุนอาหารและสินค้าไว้แล้ว และจะไม่ขาดแคลนอาหารในวันปีใหม่อย่างแน่นอน
เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาจะออกคำสั่งดังกล่าวอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งเธอครุ่นคิดก็ยิ่งคิดว่าอาจมีใครปลอมแปลงประกาศนี้
แต่เธอไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ และไม่มีเวลาตรวจสอบ
เธอบอกพนักงานขายหลายคนว่าหากพวกเขาไม่สามารถหาซื้อสินค้าเกษตรในชานเมืองได้ พวกเขาควรไปหาซื้อที่ชานเมืองรอบนอก
เธอไม่เชื่อว่าคนที่ประกาศคำสั่งปลอมจะสามารถใช้คำสั่งนี้ครอบคลุมชานเมืองรอบนอกได้
พนักงานขายเหล่านั้นดำเนินการทันทีโดยขับรถเพื่อการเกษตรของตนไปยังรอบนอกของเมืองหลวง
หลินม่ายบอกทังอี้ว่า หากพนักงานคนใดสามารถซื้อสินค้าทางการเกษตรมาขายในตลาดของเธอได้ เธอจะมอบอั่งเปาซองหนาให้กับพวกเขาเป็นค่าตอบแทน
การขับรถเกษตรไปซื้อผลิตผลทางการเกษตรในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้อาจทำให้แข็งตายได้
รถเพื่อการเกษตรก็ไม่ต่างอะไรจากรถบรรทุก มีอากาศถ่ายเททั้งสองด้าน ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเมื่อต้องขับท่ามกลางหิมะ
ทังอี้กล่าวขอบคุณ
ในเวลานี้ หัวหน้างานที่ดูแลการขายก็เข้ามาและถามหลินม่าย “ถึงเวลาเปิดประตูแล้ว แต่ไม่มีอาหารสด คุณหลินต้องการเปิดตลาดไหมครับ?”
“เปิดค่ะ” หลินม่ายกล่าว “ต่อให้ไม่มีอาหารสดพวกเขาก็สามารถซื้อสิ่งอื่นใด”
หัวหน้างานที่ดูแลการขายตอบรับคำสั่งก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ทังอี้ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้หลินม่าย “ที่คุณหลินสั่งให้ผมไปติดตามสินค้าที่ติดอยู่บนสถานีรถไฟ ตอนนี้ผมตามเรื่องได้แล้วครับ และได้บันทึกลงบนกระดาษนี้ไว้หมดแล้ว”
หลินม่ายตรวจสอบและพบว่ารถไฟเกือบทั้งหมดตั้งติดอยู่ในเขตนอกเมืองหลวง
เขตนอกเมืองหลวงอยู่ไม่ไกลจากที่ที่พวกเขาอยู่ และใช้เวลาเพียงสามชั่วโมงในการไปถึง
เธอต้องเดินทางไปยังที่ที่รถไฟติดอยู่ โดยนำรถบรรทุกไปขนสินค้ากลับมา แต่เนื่องจากหิมะตกหนักจึงจำเป็นต้องใช้เวลาราวสิบเอ็ดถึงสิบสองชั่วโมงในการขนส่ง
หากเธอขอให้คนขับรถทำงานล่วงเวลา พวกเขาจะสามารถขับรถขนส่งสินค้าทั้งหมดกลับมายังเมืองหลวงได้ภายในคืนเดียวอย่างแน่นอน
ในเมื่อหาทางออกได้แล้ว ทุกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หลินม่ายโทรหาผู้จัดการซุนของสำนักงานปักกิ่ง
เขารีบส่งคนสองสามคนไปทันทีเพื่อติดต่อแผนกขนส่งของรัฐ เช่ารถบรรทุกและคนขับและช่วยขนส่งผลิตผลทางการเกษตรไปยังตลาดฝูตัวตัว
พวกเขาขอให้คนขับทำงานเป็นสองกะโดยเฉพาะตอนกลางคืน
การขนส่งนี้มีแนวโน้มที่จะต้องดำเนินการข้ามคืน เพราะไม่อย่างนั้นก็จะทำให้เวลายืดเยื้อไปอีก
พนักงานขับรถทำงานเป็นสองกะเพื่อหลีกเลี่ยงความเมื่อยล้าในการขับขี่ และรับประกันความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย
หลังจากจัดการงานเสร็จสิ้น ฟางจั๋วหรานก็มารับเธอพร้อมกับกระติกน้ำร้อน กับซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่สองสามลูกในกระเป๋า
เขาวางกระติกน้ำร้อนไว้บนโต๊ะ หยิบซาลาเปาไส้เนื้อลูกใหญ่ที่ห่อด้วยกระดาษซับน้ำมันออกมาจากกระเป๋า และขอให้หลินม่ายกินขณะที่ยังร้อนอยู่
หลินม่ายจำได้ว่าตนเองยังไม่ได้กินอาหารเช้าจนถึงตอนนี้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกหิวขึ้นมา
เธอหยิบซาลาเปาไส้เนื้อขึ้นมาและถามทังอี้ว่าเขากินข้าวแล้วหรือยัง
ในตอนเช้าตรู่ ทังอี้ได้ยินว่ารถไฟที่บรรทุกผลิตผลทางการเกษตรของครอบครัวของเขาติดอยู่กลางทาง ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเช้า แม้จะหิวก็ตาม
แต่เขาละอายเกินกว่าจะกินอาหารเช้าของหลินม่าย จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่าไม่หิวพร้อมบอกให้เธอกิน
ฟางจั๋วหรานนำอาหารเช้ามาให้เธอและจากไป เพราะเขาต้องไปทำงาน
มีซุปเนื้อแกะอยู่ในกระติกน้ำร้อน หลังจากดื่มซุปเนื้อแกะแล้ว เธอก็รู้สึกอบอุ่นและสบายตัว
หลังจากหลินม่ายกินอาหารเช้าเสร็จ ผู้จัดการซุนก็รายงานเรื่องที่เธอมอบหมาย
พวกเขาติดต่อกองพลขนส่งสองกอง ซึ่งมีรถบรรทุกทั้งหมดสี่สิบคันและคนขับแปดสิบคน
หลินม่ายหารือกับทังอี้และจัดเตรียมคนขับแปดสิบคนและรถบรรทุกสี่สิบคัน
ทังอี้ไปที่หน่วยขนส่งเพื่ออธิบายงานให้คนขับเหล่านั้นเป็นการส่วนตัว และหลินม่ายก็เตรียมตัวกลับบ้าน
เมื่อเธอเดินผ่านตลาด เธอเห็นว่าราคาทุกอย่างยังคงเท่าเดิม จึงเรียกทังอี้กลับมา
บอกเขาให้เปลี่ยนราคาสินค้าทุกอย่างให้ถูกลง
ทังอี้ถามด้วยความงุนงง “ทำไมคุณถึงต้องการลดราคาล่ะครับ?”
หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “สภาพอากาศเลวร้าย เราต้องแบ่งปันความยากลำบากกับพลเมืองของเมืองหลวง”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้คนทำงานเก่งกับเส้นสายดี ปัญหาที่ยากก็กลับง่ายอย่างนี้แล
ไหหม่า(海馬)