บทที่ 733 แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน แต่ดับกระหายได้!
ชางเหยาว่องไวเหลือคณา ใช้เวลาเพียงไม่นานก็อยู่ในละแวกเมืองชิงซาน พอมองเห็นเมืองชิงซานได้ราง ๆ แล้ว
ขอบเขตพลังของนางในยามนี้สูงส่งยิ่งนัก นางในอดีตมิอาจเทียบได้เลย!
นับเวลาดูแล้ว นางติดตามข้างกายคุณชายมาราว ๆ หนึ่งเดือน มิหนำซ้ำคุณชายยังดีกับนางสุด ๆ นางได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมหันต์ราวกับได้รับชีวิตใหม่!
“ท่านพี่ชวน!”
ขณะที่นางเร่งความเร็วเหินข้ามภูเขาลูกหนึ่ง พลันนั้น ตานางเป็นประกายขึ้นมา
นางเห็นมัจฉาสัตมายา!
มัจฉาสัตมายากำลังเดินท่องอยู่ในขุนเขา ท่าทางอารมณ์ชื่นบานไม่หยอก รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้า
นางเหินเข้าไปอยู่ตรงหน้ามัจฉาสัตมายา
“ท่านพี่ชวน!”
นางร้องเรียกเสียงหวาน ทำเอามัจฉาสัตมายาตกใจแทบแย่
นี่มันเรื่องอันใดกัน?!
เหตุใดชางเหยาถึงมาอยู่ที่นี่
มิหนำซ้ำมันยังไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย!
เป็นไปได้อย่างไร?
ด้วยขอบเขตพลังของมัน ชางเหยาไม่มีทางมาอยู่ข้างกายมันโดยที่มันไม่รู้ตัว!
มัจฉาสัตมายารู้สึกแปลกประหลาดอย่างยิ่ง จึงคลี่แผ่ประสาทสัมผัสจักรพรรดิออกไปเพื่อตรวจจับขอบเขตของชางเหยา สุดท้ายมันกลับพบกับความล้มเหลว!
พลังประหลาดบางอย่างกีดขวางประสาทสัมผัสจักรพรรดิของมัน!
‘ข้าคิดตื้นเกินไป! ต่อให้ชางเหยาได้เข้าไปในแดนบรรพโกลาหลก็ยากจะเหนือชั้นกว่าข้าในขอบเขตพลังก็จริง ทว่า หากชางเหยาได้สมบัติทรงพลังในแดนบรรพโกลาหลมาอยู่ในครอบครองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!’
มันคิดในใจ
แดนบรรพโกลาหลถือเป็นแดนกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง พลังของสิ่งมีชีวิตในนั้นล้วนอยู่ในระดับสูงส่ง
ศาสตราที่ก่อเกิดขึ้นในแดนกำเนิดเช่นนี้ย่อมไม่ธรรมดา พลังกล้าแกร่งอย่างยิ่งยวด!
ก่อนนี้มันคิดแต่เพียงว่าหากชางเหยาได้ประโยชน์จากแดนบรรพโกลาหล จะทำให้ขอบเขตพลังของนางยกระดับขึ้นมาก มิได้เคยคิดว่าชางเหยาจะได้รับสมบัติทรงพลังภายในแดนบรรพโกลาหลด้วย!
ถึงอย่างไร สมบัติทรงพลังในแดนบรรพโกลาหลก็ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ
ขอบเขตพลังของชางเหยามิได้โดดเด่น ถึงเข้าไปในแดนบรรพโกลาหลก็มิอาจทำการใหญ่ได้ เพราะอย่างนั้น มันจึงไม่เคยคิดว่าชางเหยาจะได้รับสมบัติทรงพลังในแดนบรรพโกลาหล!
แต่บัดนี้ดูแล้ว มันคิดผิดไป!
ขอบเขตพลังของมันในยามนี้มิได้ต่ำต้อย แม้นยังมิใช่เซียน กระนั้นก็ก้าวสู่ขั้นครึ่งก้าวเทียนตี้แล้ว แต่มันกลับตรวจจับขอบเขตพลังของชางเหยามิได้!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชางเหยาต้องมีสมบัติทรงพลังบางอย่างไว้กับตัวแน่!
มิฉะนั้น ไม่มีทางที่มันจะตรวจจับขอบเขตพลังชางเหยามิได้!
มันไม่คิดว่าขอบเขตพลังของชางเหยาจะเหนือชั้นไปกว่ามัน
ถึงอย่างไร มันก็ฝึกฝนในบ่อน้ำลานเล็กคุณชายมาตลอด ก่อนหน้านี้ยังได้พี่หลิวชี้แนะอยู่บ่อยครั้ง ทั้งหมดนี้มิใช่สิ่งที่ชางเหยาสามารถเทียบเทียมได้
ต่อให้ชางเหยาได้บำเพ็ญตนในแดนแกนกลางที่สุด วิเศษวิโสที่สุดของแดนบรรพโกลาหล ก็ไม่มีทางเหนือชั้นไปกว่ามัน
ยิ่งไม่ต้องเอ่ยว่าบัดนี้ แดนบรรพโกลาหลยังไม่ปรากฏออกมา
เพราะอย่างนั้น ชางเหยาต้องมีสมบัติทรงพลังบางอย่างติดตัวไว้แน่นอน!
และสมบัติวิเศษเช่นนี้ เป็นไปได้สูงว่าอาจมาจากแดนบรรพโกลาหล!
ภพเซียนผนึกตนเองสนิท มิใช่ที่ที่ชางเหยาเข้าไปสัมผัสได้ ส่วนภพเซียนเทียมนั่น สิ่งมีชีวิตแต่ละตนในนั้นต่างหัวสูงหยิ่งผยอง ยิ่งไม่มีทางมอบสมบัติทรงพลังให้ชางเหยาง่าย ๆ
หากสลัดความเป็นไปได้เหล่านี้ออก ก็เหลือแต่แดนบรรพโกลาหล
แดนบรรพโกลาหลเกิดรอยร้าวมากมายที่เชื่อมต่อกับอาณาจักรภายนอก เป็นไปได้สูงว่าสมบัติทรงพลังเหล่านี้หลุดร่วงออกจากรอยร้าวพวกนั้น และชางเหยาได้ไปโดยบังเอิญ!
‘ไม่ว่าเพราะเหตุผลใด ชางเหยาก็มีสมบัติทรงพลังในตัวแน่ ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!’
มัจฉาสัตมายาคิดในใจ รู้สึกยุ่งยากขึ้นนิดหน่อย
ก่อนนี้ที่มันคลี่แผ่ประสาทสัมผัสจักรพรรดิเข้าไป เสมือนหินที่จมดิ่งลงไปในมหาสมุทร ตรวจจับสิ่งใดไม่เจอเลยสักนิด สะท้อนให้เห็นว่าสมบัติทรงพลังในตัวชางเหยาไม่ธรรมดา พลานุภาพพิเศษอย่างยิ่ง!
หากชางเหยาใช้สมบัติทรงพลังชิ้นนี้จัดการมัน ไม่แน่ว่ามันอาจต้องถูกชางเหยากำราบจริง ๆ!
มันไม่ยอมให้ชางเหยากำราบแน่ เช่นนั้นจะเสียหน้าเกินไปแล้ว!
โดยเฉพาะหากว่ามันถูกชางเหยากำราบ มีเพียงสวรรค์ที่รู้ว่าชางเหยาจะทำอันใดกับมัน!
มันขบคิดไปมา รู้สึกว่าอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ปลอดภัย มันต้องกลับไปอยู่ในลานเล็กของคุณชาย!
“หือ จักรพรรดิชาง ท่านมาได้อย่างไร”
มันชะเง้อมองด้านหลังชางเหยาแล้วเอ่ยขึ้นฉับพลัน
“เสด็จพ่อมาหรือ”
ชางเหยาหันกลับไปมองด้วยความสงสัย มีจักรพรรดิชางอยู่ที่ไหน มัจฉาสัตมายาหลอกนางอีกแล้ว!
เมื่อก่อน มัจฉาสัตมายาก็หลอกนางเช่นนี้เป็นประจำ!
ซ้ำนางยังติดกับทุกครั้งไป
อย่างที่คิด หลังนางหันกลับมา ก็ไม่เห็นวี่แววของมัจฉาสัตมายาแล้ว
“เจ้าคนเลว ข้าเชื่อใจท่านปานนี้ ท่านยังเอาแต่หลอกข้าอยู่ได้!”
ชางเหยากำหมัดเล็ก ๆ เอ่ยอย่างเดือดดาล
“รอให้ข้ากำราบท่านอยู่หมัดก่อนเถิด ข้าจะให้ท่านได้เห็นดีแน่!” นางเอ่ยเสียงเคียดแค้น
มัจฉาสัตมายาจะหนีไปไหนได้
ไม่ต้องคิดให้มากความนางก็รู้ว่ามัจฉาสัตมายาคงหนีกลับไปยังลานเล็กของคุณชายแล้วแน่นอน
“คุณชายประทาน ‘สมดั่งปรารถนา’ ด้วยตนเองแล้วท่านยังคิดหนีอีกหรือ คราวนี้ท่านหนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าแน่!”
นางเหินไปทางเมืองชิงซาน
ก่อนไปถึงเมืองชิงซาน นางลงยืนอยู่ที่พื้น แล้วเดินเท้าเข้าไปในเมืองชิงซาน
แม้ว่าคุณชายไม่อยู่ที่เมืองชิงซาน กระนั้นที่นี่ก็เป็นที่ที่คุณชายประทับ นางทำเช่นนี้ถือเป็นการเคารพคุณชาย
เมื่อเดินไปถึงริมลำธาร นางก็ได้พบต้นหลิว
หญิงสาวคำนับทักทายต้นหลิว
“มาหาเสี่ยวชีใช่หรือไม่” ต้นหลิวตอบรับ “ไปเถิด”
นี่เป็นเพียงจิตเสี้ยวหนึ่งที่มันเหลือเอาไว้ ป้องกันมิให้เกิดเรื่องอันใดที่ข้างนอกนี่
มันในยามนี้ ทุ่มเทกายใจทั้งหมดไปกับการฝึกตน ประสบการณ์ในดินแดนนั้นทำให้มันได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งแล้วว่าพลังของมันนั้นยังห่างชั้นอยู่มาก จำต้องพยายามฝึกฝนให้มากกว่านี้
มันสร้างมิติของตนเองขึ้นมา แล้วเข้าไปฝึกตนบำเพ็ญในนั้น
วิชาหลักเต๋าต่าง ๆ ที่มันได้รู้แจ้งจากคุณชาย ยังฝึกฝนไม่ถึงขั้นสมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด รอให้มันฝึกฝนจนสมบูรณ์เมื่อใด มันมั่นใจว่าจะยกระดับขึ้นอีกมาก!
ถึงคราวนั้น ต่อให้มันไปยังดินแดนนั้นอีก มันก็มั่นใจว่าสามารถรับมือกับสิ่งมีชีวิตทุกตนในนั้น
“ได้เลย!”
ชางเหยาบอกลาต้นหลิว เข้าไปในเมืองชิงซาน
อีกด้าน มัจฉาสัตมายากลับไปอยู่ที่ลานเล็ก
มันวางใจลงได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อกลับมาอยู่ในลานเล็กแล้ว ต่อให้ชางเหยามีสมบัติทรงพลังปานใดในตัว ก็ไม่มีทางเจอตัวมันแน่
ลานเล็กแห่งนี้ไม่ธรรมดา เป็นสถานที่ประทับของคุณชาย ไม่มีพลังอันใดสำแดงมาถึงที่นี่ได้ และไม่มีพลังอันใดสามารถสืบเสาะสิ่งที่อยู่ในลานเล็กได้
ส่วนที่ว่าเหตุใดมันถึงได้พบชางเหยา มันมองว่าอาจเป็นความบังเอิญ พอดีได้มาเจอกันเท่านั้น
มันมิเคยบอกคนนอกคนใดว่ามันติดตามอยู่ข้างกายคุณชาย ชางเหยาคงไม่รู้ว่ามันอยู่ที่นี่
“ข้าต้องพยายามฝึกฝนเข้าแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาขบเขี้ยวเอ่ยขึ้น
หนนี้มันต้องหนีอุตลุด ไม่อาจกุมอำนาจในการเผชิญหน้ากันอย่างคราวนี้ได้เลย ต้องเป็นฝ่ายหนีไปเพราะสถานการณ์ เป็นผลให้มันรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่ง ในฐานะบุรุษเพศ ไม่สิ มัจฉาเพศผู้ จะเกรงกลัวสตรีนางหนึ่งเช่นนี้ได้อย่างไร!
ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้!
จากนั้น มันเตรียมกระโดดลงบ่อน้ำเพื่อเริ่มการฝึกฝน
น้ำในบ่อน้ำไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง หากว่ามันหมั่นเพียรฝึกฝน ย่อมต้องก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วแน่
ทว่าขณะที่มันกำลังจะกระโดดลงไปในบ่อน้ำ มันกลับเห็นชางเหยาที่หน้าประตู!
สวรรค์! ชางเหยาไล่ตามมาถึงที่นี่ได้อย่างไร!?
“ข้าประเมินสมบัติทรงพลังชิ้นนั้นต่ำไป! ข้าอยู่ในลานเล็กแห่งนี้ ไม่ว่าสมบัติทรงพลังในมือชางเหยาเก่งกล้าเพียงใด ก็ไม่มีทางรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในลานได้! ทว่าก่อนข้าเข้ามาในลานเล็กเล่า?!”
มัจฉาสัตมายาสีหน้าไม่สู้ดีอย่างมาก มันคิดว่าชางเหยาจับร่องรอยมันก่อนเข้ามาในลานเล็กได้ ถึงตามมาถึงที่นี่!
เมื่อลองทบทวนอีกที เรื่องที่มันพบชางเหยาข้างนอกก็อาจมิใช่เรื่องบังเอิญ หากแต่เป็นเพราะชางเหยาใช้อำนาจจากสมบัติทรงพลังในมือในการตามหาตำแหน่งของมัน แล้วตั้งใจมาหาโดยเฉพาะ!
‘ไยข้าต้องออกไปเดินเพ่นพ่านด้วยเล่า!’
มัจฉาสัตมายาเอ่ยในใจ สำนึกเสียใจเป็นที่สุด หากมันไม่ออกไปจากลานเล็ก ชางเหยาไม่มีทางหามันเจอแน่นอน!
“ชางเหยา เจ้าอย่าได้หุนหันพลันแล่น ที่นี่เป็นที่ประทับของอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง เจ้าจะบุกเข้ามาไม่ได้!”
แม้ว่ามัจฉาสัตมายาไม่อยากออกไป แต่สุดท้ายมันก็ต้องกัดฟันออกไปอยู่ดี
ที่นี่เป็นลานเล็กอันเป็นสถานที่ประทับของคุณชาย หากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชาย มันก็ไม่กล้าให้ชางเหยาเข้ามา เช่นนั้นจะถือเป็นการจาบจ้วงคุณชายอย่างรุนแรง
“น้องชางเหยามาหรือ!”
“เสี่ยวชีพูดไม่ผิด ลานเล็กแห่งนี้เข้ามาตามอำเภอใจมิได้จริง ๆ!”
ถ้วยกระเบื้องแปดใบลอยออกจากครัว คลื่นแสงพิเศษบางอย่างซัดสาด ผู้คนสัญจรไปมาตามถนนไม่หยุดหย่อน กระนั้นมิมีผู้ใดมองเห็นเหตุการณ์ด้านพวกเขาเลยสักนิด
พวกนางต่างชอบชางเหยากันมาก ชางเหยานั้นนิสัยใช้ได้จริง ๆ กล้ารักกล้าชัง มิเคยละล้าละลัง สง่าแต่ยังน่ารัก
“สวัสดีพี่หญิงทั้งแปด!”
ชางเหยาทักทายถ้วยกระเบื้องทั้งแปดอย่างมีมารยาท
มัจฉาสัตมายาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็นึกไปว่าแย่แล้ว หากถ้วยกระเบื้องทั้งแปดเลือกช่วยชางเหยา มันยิ่งไม่มีกำลังพอจะต้านทาน!
“พี่ชายทั้งหลายช่วยข้าด้วย!”
มัจฉาสัตมายาตะโกนเข้าไปในลาน
อนิจจา ของวิเศษในลานหาได้สนใจมันไม่
เหล่าของวิเศษต่างรู้เรื่องของมัจฉาสัตมายากับชางเหยาดี พวกมันก็อยากให้มัจฉาสัตมายาได้ครองคู่กับชางเหยา
มัจฉาสัตมายาร้อนใจ “พี่ลั่วสุ่ยไม่อยู่ พวกท่านไม่คิดแยแสข้าแล้วหรือ”
“ผู้ใดว่ากัน!”
“เป็นไปได้อย่างไร!”
“เมื่อครู่ข้าทำสมาธิอยู่ ถึงไม่ได้ยิน!”
ทันทีที่กล่าวถึงพี่ลั่วสุ่ย เหล่าของวิเศษก็เคลื่อนไหวกันหมด พากันมาอยู่หน้าประตูลานและยืนอยู่ข้างเดียวกับมัจฉาสัตมายา
มีเหล่าของวิเศษคอยหนุนหลัง มัจฉาสัตมายามั่นใจขึ้นในบัดดล
มันกล่าวต่อชางเหยา “อย่าคิดว่าเจ้ามีสมบัติทรงพลังในมือแล้วข้าจะต้องยอมจำนน! ข้าขอบอกเจ้าไว้เลย ข้าไม่มีทางยอมจำนนแน่!”
“ใช่แล้ว เสี่ยวชีพูดไม่ผิด แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน น้องชางเหยากลับไปเสียเถิด!”
จอบเซียนเอ่ยอย่างไม่คิดมาก
“เจ้าจอบเส็งเคร็ง เจ้าว่าอะไรนะ”
ถ้วยกระเบื้องใบหนึ่งแค่นเสียงเย็น “เจ้าต้องการยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาหรือ”
“ปะ…เปล่า! ข้าพูดผิดไป!”
จอบเซียนรีบเอ่ย “แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน แต่ดับกระหายได้! น้องชางเหยา เจ้าจงมุ่งหน้าต่ออย่าได้ไหวหวั่น ข้าจะสนับสนุนเจ้าเอง!”
มันรีบวิ่งไปอยู่ข้างเดียวกับถ้วยกระเบื้องทั้งแปด
แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นไม่หวาน แต่ดับกระหายได้!
เรื่องบ้าอะไรกันนี่!
เพื่อเอาใจถ้วยกระเบื้อง จอบเซียนยอมพูดได้ทุกอย่างจริง ๆ!
เหล่าของวิเศษดูแคลนจอบเซียนเป็นที่สุด!
ชางเหยาได้ยินแล้วยังรู้สึกหมดคำพูด ที่ว่าดับกระหายนั่นหมายความว่าอย่างไร
นางกระหายขนาดนั้นเชียวหรือ!
“ชางเหยา บอกตามตรง ข้ารู้ว่าเจ้าได้สมบัติทรงพลังมา คิดว่าตัวเองนั้นเก่งกาจ ทว่าเจ้าก็เคยเห็นพลังฝีมือของพี่ชายทั้งหลายมาแล้ว สมบัติทรงพลังของเจ้ายังมีพลังไม่พอเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายทั้งหลาย!” มัจฉาสัตมายากล่าว
“อย่างนั้นหรือ”
ชางเหยาหัวเราะ ความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
‘สมดั่งปรารถนา’ ลายมือคุณชายยังมีพลังไม่พออีกหรือ
“เจ้าเพ้อเจ้ออะไรอยู่!”
มัจฉาสัตมายาถอนหายใจ “เอาอย่างนี้ พี่ชายทั้งหลายไม่ต้องออกโรง ข้าจะสะกดขอบเขตลงต่อสู้กับเจ้า หากเจ้าชนะ เจ้าอยากทำอย่างไรก็ได้! แต่หากเจ้าแพ้ เจ้าต้องยอมไปจากที่นี่แต่โดยดี!”
“สะกดขอบเขตต่อสู้หรือ”
ชางเหยายิ้มแช่มชื่น หันมองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว “ท่านพูดจริงหรือ”
มัจฉาสัตมายาผงะ เหตุใดถึงรู้สึกว่าชางเหยาในวันนี้ต่างจากในอดีต!
ชางเหยาในวันนี้ ดูมั่นใจเป็นพิเศษ!