บทที่ 734 โอ๊ย ภาพอักษรของคุณชายงดงามยิ่ง!
เหล่าของวิเศษก็ประหลาดใจเช่นกัน รู้สึกว่าชางเหยาเปลี่ยนไป
ทว่าชางเหยาผู้มั่นใจในตัวเองเช่นนี้ ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบของพวกมันเข้าไปใหญ่ ความมั่นใจขับให้ชางเหยางามสะพรั่งขึ้น
“พวกเราเป็นกรรมการ เป็นสักขีพยานให้เอง!”
“ไม่ว่าผู้ใดแพ้ก็ห้ามผิดคำพูด!”
เหล่าของวิเศษพากันตะโกนบอก
“ไม่มีปัญหา!”
แม้ว่าชางเหยาในวันนี้แปลกกว่าปกติ แต่มัจฉาสัตมายามั่นใจในตัวเอง มันไม่มีทางแพ้ให้กับชางเหยา
“เช่นนั้นข้ายิ่งไม่มีปัญหา”
ชางเหยาคลี่ยิ้ม มั่นใจกว่ามัจฉาสัตมายาเสียอีก
นางจะไม่มั่นใจได้อย่างไร
หลายวันมานี้ คุณชายดูแลนางเป็นอย่างดี ซ้ำยังถ่ายทอดวิชามวยไทเก๊กแก่นาง ความสำเร็จด้านมวยไทเก๊กของนางเรียกได้ว่าถึงแก่นวิชา มัจฉาสัตมายาคิดสู้กับนางยังอ่อนฝีมือไปหน่อย
แม้ว่ามัจฉาสัตมายาจะติดตามอยู่ข้างกายคุณชายมานานกว่านาง ทว่ามัจฉาสัตมายามิได้ถูกปฏิบัติจากคุณชายเทียบเท่านาง
นางรู้จากพี่หญิงลั่วสุ่ยว่า ก่อนหน้านี้มัจฉาสัตมายาถูกสะกดไว้ในโอ่งน้ำมาตลอด เพิ่งถูกปล่อยลงในบ่อน้ำภายหลัง และได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงในนั้น
อย่างเช่นน้ำในบ่อน้ำ อีกทั้งอาหารปลาฝีมือคุณชาย
สิ่งเหล่านี้ล้วนวิเศษวิโส สร้างประโยชน์แก่มัจฉาสัตมายามหาศาล
ทว่านางได้รับผลประโยชน์มากกว่ามัจฉาสัตมายา!
น้ำผลไม้และอาหารต่าง ๆ ที่คุณชายปรุงเอง รวมถึงผลไม้ที่คุณชายให้นางต่างทรงพลังกว่าน้ำในบ่อและอาหารปลา
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ มัจฉาสัตมายาไม่เคยได้รับคำชี้แนะอันใดจากคุณชาย ส่วนนางนั้นได้คุณชายชี้แนะหลายอย่าง อย่างเช่นยามคุณชายวาดภาพบรรเลงฉิน มักอธิบายให้นางฟังก่อนเสมอ
ถึงแม้นางมิได้บำเพ็ญวิถีวาดภาพและวิถีฉิน กระนั้นวิถีในโลกนี้มีอยู่สามพัน ไม่ว่าแยกแขนงออกไปอย่างไร ท้ายสุดก็มีจุดหมายเดียวกัน การชี้แนะเช่นนี้ช่วยให้นางได้รับผลประโยชน์มหาศาลไม่ต่างกัน!
ส่วนมวยไทเก๊ก คุณชายสอนให้นางด้วยตัวเอง ยิ่งมิใช่เรื่องที่มัจฉาสัตมายาจะเทียบเทียมนางได้
กล่าวโดยไม่เกินจริง หากมัจฉาสัตมายาสู้กับนาง เหมือนนำสามไปสู้กับเจ็ด มัจฉาสัตมายาคือสาม นางคือเจ็ด!
“ได้ เช่นนั้นก็เข้ามาเถิด!”
มัจฉาสัตมายากล่าวต่อชางเหยา “ว่ามาสิ บัดนี้เจ้าอยู่ขอบเขตเท่าใด ข้าจะสะกดขอบเขตลงในระดับเดียวกับเจ้า!”
“ต้องให้ข้าพูดจริงหรือ”
ชางเหยาหัวเราะ “พูดไปข้ากลัวว่าท่านจะน้อยเนื้อต่ำใจ”
“กลัวข้าน้อยเนื้อต่ำใจหรือ”
มัจฉาสัตมายาหัวเราะออกมาเช่นกัน มันนึกขันกับวาจาของชางเหยา
มันมองชางเหยาพลางกล่าว “เจ้ามั่นใจเกินตัวไปหรือไม่ คิดว่าช่วงนี้ขอบเขตพลังของเจ้ายกระดับขึ้นมากแล้วจะสูงกว่าข้าอย่างนั้นหรือ วางใจเถิด ในเมื่อข้าเอ่ยว่าจะสะกดขอบเขตต่อสู้กับเจ้า หมายความว่าข้ามั่นใจว่าขอบเขตของข้าสูงกว่าเจ้า!”
จากนั้น มันเอ่ยกับชางเหยาด้วยความหวังดี “ชางเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ทั้งยังคิดว่าวาสนาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้วิเศษวิโสเป็นที่สุด แต่ข้าต้องบอกเจ้าว่า วาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ข้าได้รับเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการออก!”
“อย่างนั้นหรือ”
ชางเหยาหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ข้าก็ต้องบอกท่านเช่นกันว่า วาสนาการเปลี่ยนแปลงที่ข้าได้รับต่างหาก คือสิ่งที่ท่านคิดไม่ถึง”
นี่มันอะไร?
กำลังยื้อยุดก่อนประมือกับมันหรืออย่างไร
มัจฉาสัตมายาหัวเราะ จงใจยืดอกขึ้น “ข้าอยู่ในขั้นเทียนตี้แล้ว เป็นถึงครึ่งก้าวเทียนตี้! เจ้าเล่า”
“ครึ่งก้าวเทียนตี้ถือว่าอยู่ในขั้นเทียนตี้ด้วยหรือ”
ชางเหยาหัวเราะออกมาเช่นกัน เปล่งพลังปราณออกมา “นี่ต่างหาก ขั้นเทียนตี้ที่แท้จริง!”
แรงกดดันเทียนตี้แผ่ขยาย นางก้าวสู่ขั้นเทียนตี้แล้วจริง ๆ แม้ว่าเพิ่งก้าวเข้าไปถึง กระนั้นก็เป็นเทียนตี้ตนหนึ่งแล้ว!
เรื่องนี้แม้แต่นางเองยังสะท้อนใจอย่างยิ่งยวด แทบไม่อยากเชื่อ!
และทำให้นางนับถือคุณชายเหลือแสน คุณชายเก่งกล้ามากจริง ๆ!
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้นางติดตามอยู่ข้างกายคุณชายพักใหญ่ และได้รับผลประโยชน์ใหญ่หลวง ทว่าหากนางคิดจะบรรลุจากขอบเขตนักบุญจนถึงขั้นเทียนตี้ในเวลาหนึ่งเดือนกว่าก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลา!
อย่างเช่นพวกต้าเต๋อ ก็มิได้บรรลุขอบเขตรวดเร็วปานนี้
พวกต้าเต๋อติดตามคุณชายมานานกว่านาง ได้รับคำชี้แนะมาเยอะกว่านางมาก
แต่ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลากลั่นกรองหลอมรวม
ที่นางบรรลุขอบเขตได้เร็วเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะภาพอักษรที่คุณชายประทานแก่นาง!
สมดั่งปรารถนา!
สมดั่งปรารถนาจริง ๆ!
ระหว่างทางมาเมืองชิงซาน นางคิดไปว่าหากหลอมพลังในตัวนางได้ไว ๆ ก็คงดี หลังจากนั้น นางก็หลอมพลังได้ไวขึ้นจริง ๆ เกินกว่าแต่ก่อนมาก!
และเพราะเหตุนี้ นางถึงบรรลุขอบเขตได้อย่างก้าวกระโดด จนมาอยู่ในขั้นเทียนตี้!
หากมิใช่เช่นนี้ อย่างมากที่สุดนางก็เพิ่งบรรลุถึงขอบเขตสูงสุดเท่านั้น ไม่มีทางมาถึงขั้นเทียนตี้ กระทั่งขอบเขตจักรพรรดิธรรมดายังไปไม่ถึงด้วยซ้ำ!
ไม่กระมัง!
หลังสัมผัสถึงพลังปราณขั้นเทียนตี้จากตัวชางเหยา มัจฉาสัตมายาแทบลงไปคุกเข่าที่พื้น!
เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
ใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นสีเขียว ขอบเขตชางเหยาสูงกว่ามันอีกหรือนี่!
มิน่า ก่อนหน้านี้มันเอ่ยว่าจะสะกดขอบเขตสู้กับชางเหยา ชางเหยาถึงหัวเราะไม่หยุด!
ที่ไหนได้ มันคือตัวตลกโดยแท้!
เรื่องบ้าอะไรกัน!
มันอดมิได้เอ่ยออกมา “เจ้าไปพบกับสิ่งมีชีวิตขั้นเทียนตี้ที่ถ่ายทอดพลังทั้งหมดให้เจ้าหรือไร!”
มันไม่เชื่อว่าลำพังการฝึกฝนจะเลื่อนขอบเขตให้ชางเหยาได้ไวปานนี้ มันรู้สึกว่าความจริงต้องเป็นตามที่มันว่าแน่นอน
“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น!”
“ไวเกินไปแล้ว!”
เหล่าของวิเศษก็รู้สึกเหลือเชื่อ พวกมันต่างรู้ว่าชางเหยาในอดีตอยู่ที่ขอบเขตใด
ต่อให้ชางเหยาได้กินโอสถทิพย์สุดวิเศษวิโสจากสรวงสวรรค์ ก็ไม่มีทางเลื่อนขอบเขตได้ไวเช่นนี้ ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการกลั่นกรองหลอมรวม
“มาสิ สะกดขอบเขตต่อสู้กับข้า อ้อ ไม่สิ ขอบเขตของข้าสูงกว่าท่าน ท่านต้องยกระดับขอบเขตมาสู้กับข้า”
ชางเหยาเอ่ยกับมัจฉาสัตมายาด้วยใบหน้ายิ้มร่า
ขายหน้า!
ขายหน้าที่สุด!
นี่คือการเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง!
มัจฉาสัตมายาหน้าแดงก่ำ เดิมมันคิดว่ามันจัดการชางเหยาได้ง่าย ๆ สุดท้ายกลับเป็นชางเหยาที่จัดการมัน!
“ช่างเถิด ท่านเป็นท่านพี่ชวนของข้า อย่างไรข้าก็ต้องยอมท่านบ้างมิใช่หรือไร ข้าจะสะกดขอบเขตสู้กับท่านเอง”
ชางเหยาเอ่ยยิ้ม ๆ ทำท่าจะสะกดขอบเขตของตนลง
“ไม่ต้อง!”
มัจฉาสัตมายามีความทระนงของตน หากต้องให้ชางเหยาสะกดขอบเขตลง มันต้องขายหน้ากว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย!
มันไม่อยากขายหน้าอีกแล้ว!
และมันต้องการกู้หน้าที่เสียไปก่อนหน้านี้กลับมา!
เอาชนะชางเหยาด้วยการต่อสู้ข้ามขั้นคือวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!
มันฝึกฝนในบ่อน้ำมาตลอด พลังที่บำเพ็ญได้นั้นไม่ธรรมดา เหนือกว่าพลังอื่นมากนัก ต่อให้เป็นพลังโกลาหลก็ยังด้อยกว่าหน่อย ๆ
กอปรกับมันได้รับคำชี้แนะจากต้นหลิว มันมั่นใจว่าสามารถเอาชนะชางเหยาได้!
“มั่นใจเพียงนี้เชียวหรือ”
ชางเหยามองมัจฉาสัตมายาพลางกล่าว “ท่านต้องลำบากเพราะความมั่นใจนี้แน่!”
“ลำบากได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!”
มัจฉาสัตมายากล่าว “มาเถิด มาสู้กันแบบนี้แหละ!”
“ในเมื่อท่านพี่ชวนยืนกราน ก็ได้ เรามาสู้กันแบบนี้แหละ”
ชางเหยาเอ่ยยิ้ม ๆ
ที่จริงสะกดขอบเขตหรือไม่ก็ไม่ต่าง มัจฉาสัตมายาจะเข้าใจในความแตกต่างระหว่างเขากับนางเอง ความแตกต่างนั้นมิได้เกี่ยวข้องกับขอบเขตเท่าใด
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
แสงเซียนแผ่ซ่าน เหล่าของวิเศษสร้างมิติขึ้นมาแห่งหนึ่งซึ่งตัดขาดจากภายนอก ให้เป็นสนามรบประมือระหว่างมัจฉาสัตมายากับชางเหยา
“ข้ามีวิชามวยที่พี่หลิวถ่ายทอดให้ เจ้าไม่มีทางชนะ!”
มัจฉาสัตมายาตวาดลั่น เปล่งประกายทั่วร่างขณะสำแดงวิชามวยที่ต้นหลิวสอนให้ บุกถล่มไปหาชางเหยา
วิชามวยนี้แกร่งกล้าอย่างแท้จริง เป็นวิชาที่ต้นหลิวคิดค้นขึ้นเอง และขอบเขตพลังของต้นหลิวนั้นเหนือชั้นกว่าจักรวาลโกลาหลทั้งผืนนี้
วิชามวยที่ต้นหลิวคิดค้นขึ้นเองจะสบประมาทมิได้เด็ดขาด ในจักรวาลโกลาหลผืนนี้ นอกจากวิชาของคุณชาย วิชาอภินิหารอื่นไม่อาจเทียบได้เลย!
“เพลงมวยหรือ ได้ ข้าเองก็เป็นมวยอยู่บ้างพอดี”
ชางเหยาหัวเราะเบา ๆ อาภรณ์พลิ้วไหวขณะสำแดงวิชามวยไทเก๊กรับการโจมตี
แม้ว่านางมิได้สะกดขอบเขต กระนั้นก็ควบคุมพลังของตนให้อยู่ในระดับครึ่งก้าวเทียนตี้
เมื่อต่อยมวยไทเก๊กออกไป หมัดของนางและมัจฉาสัตมายากระแทกเข้าด้วยกัน ผลสุดท้าย มัจฉาสัตมายากระเด็นออกไปในพริบตา ตัดสินแพ้ชนะได้ทันใด มัจฉาสัตมายาหาใช่คู่มือของนางไม่!
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!”
มัจฉาสัตมายามีสีหน้าเหลือเชื่อ วิชามวยที่ต้นหลิวสอนให้ยังพ่ายแพ้อีกหรือ
ซ้ำยังมิได้แพ้แค่นิดหน่อย หากแต่เป็นการแพ้แบบราบคาบ!
มันรู้สึกถึงความห่างชั้นอย่างใหญ่หลวง!
“วิชามวยที่พี่หลิวถ่ายทอดให้ข้าจะแพ้ได้อย่างไร!”
มันรับไม่ได้ ขณะเดียวกัน มันรู้สึกได้ว่าชางเหยาควบคุมพลังให้อยู่ระดับครึ่งก้าวเทียนตี้ หากชางเหยาไม่ควบคุมพลัง วิชามวยที่ชางเหยาต่อยออกมาจะยิ่งรุนแรงกว่านี้ น่ากลัวว่าคงบดขยี้มันได้ในเสี้ยวพริบตา!
“จะไม่ให้แพ้ได้อย่างไร! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องแพ้อยู่แล้ว!”
“ใช่แล้ว! เสี่ยวชี เจ้ามองไม่ออกหรือว่านี่คือมวยอะไร”
เหล่าของวิเศษพากันส่งเสียง พวกมันจำเพลงมวยที่ชางเหยาใช้ได้ นี่คือมวยไทเก๊กของคุณชาย!
วิชามวยของต้นหลิวปะทะมวยไทเก๊กของคุณชาย แน่นอนว่าต้องแพ้ราบคาบ!
“มวย…มวยไทเก๊ก!”
มัจฉาสัตมายานึกขึ้นได้ มองชางเหยาด้วยสีหน้าประหลาดพลางกล่าว “เจ้าใช้วิชามวยไทเก๊กได้อย่างไร!”
“เหตุใดข้าถึงใช้มิได้”
ชางเหยายิ้มละไม
มัจฉาสัตมายาอึ้งงัน ขณะเดียวกันก็เข้าใจแล้วทุกอย่าง
มิน่าชางเหยาถึงมาอยู่ที่นี่ มิน่าขอบเขตพลังของชางเหยาถึงสูงเช่นนี้!
ชางเหยาได้พบคุณชายแล้วแน่ ๆ!
“เป็นอย่างไร ในเมื่อกล้าเดิมพันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ท่านพี่ชวน จากนี้ไปท่านต้องเชื่อฟังข้านะ”
ชางเหยายิ้มอย่างมีความสุข ในที่สุดมัจฉาสัตมายาก็อยู่ในกำมือของนาง แม้นว่าจะมิได้เต็มใจก็ตาม
ทว่าไม่เป็นไร
หลังจากนี้จะดีขึ้นเอง
“ข้าไม่ยอม!”
มัจฉาสัตมายาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ข้าแพ้ครั้งนี้เพียงครั้งเดียว เจ้ามีโอกาสทำกับข้าตามอำเภอใจเพียงครั้งเดียวเท่านั้น! ไม่มีทางที่จากนี้ไปข้าจะยอมเชื่อฟังเจ้าทุกอย่าง!”
“อย่างนี้หรอกหรือ”
ชางเหยาเอ่ย “เฮ้อ คุณชายให้เนื้อย่างข้ามาตั้งหลายไม้ ข้ายังคิดจะให้ท่านพี่ชวนกินด้วย น่าเสียดาย ท่านพี่ชวนไม่เต็มใจเชื่อฟังข้าถึงเพียงนี้ก็ช่างเถิด ข้ากินเองแล้วกัน!”
ขณะที่เอ่ย นางหยิบเนื้อย่างออกมากินหลายไม้
ยามมัจฉาสัตมายาเห็นเนื้อย่างเหล่านั้น ตาของมันแทบค้าง
คุณชายดีกับชางเหยาเกินไปแล้ว!
จวบจนบัดนี้ มันยังไม่เคยกินเนื้อย่างสักไม้!
ทุกครั้งที่คุณชายย่างเนื้อ มันต้องน้ำลายสออย่างยิ่งยวด ตั้งตารออย่างคาดหวังว่าต่อให้ได้กินสักชิ้นเล็ก ๆ ก็ยังดี!
ทว่ามันมีสิทธิ์แค่ดมกลิ่นเท่านั้น ไม่เคยได้กินเลยสักครา!
และดูจากท่าทางของชางเหยา เห็นได้ชัดว่านางเคยกินมาเยอะแล้ว!
มิหนำซ้ำคุณชายยังให้ชางเหยามากินต่ออีกไม่น้อย!
“ฮึ่ม!”
ถึงกระนั้น อย่างไรมันก็ไม่ยอมเสียศักดิ์ศรี เบือนหน้าไปอีกด้าน
น้ำลายไหลลงมาตามมุมปากมันไม่หยุด แต่มันยังฝืนหักห้ามใจตัวเองไว้
หากว่ายอมจำนนต่อชางเหยา ชีวิตนี้มันคงต้องอยู่ใต้อาณัติชางเหยา!
“โอ๊ย เผลอกินเสียมันเปื้อนเต็มปาก ต้องหยิบผ้ามาเช็ดหน่อย มิฉะนั้นคงน่าเกลียดแน่”
เวลานั้น ชางเหยาเก็บเนื้อย่างกลับไปและเอ่ยประโยคนี้ออกมา
“ข้านี่ไม่ไหวเลย นึกอยากหยิบผ้าเช็ดหน้า ไยจึงหยิบภาพอักษรที่คุณชายมอบให้ข้าออกมาเสียได้!”
ชางเหยามีภาพอักษรในมือ “ในเมื่อนำออกมาแล้ว ก็ขอเชยชมอักษรฝีมือคุณชายอีกหน่อยแล้วกัน ลายมือคุณชายนี่งดงามจริง ๆ!”
นางคลี่ภาพอักษรออก
“สมดั่งปรารถนา! คุณชายก็คือคุณชาย ทุกลำดับขีดต่างอัศจรรย์ แฝงไว้ด้วยจังหวะแห่งเต๋าขั้นสูง!”
นางเอ่ยต่อ
สมดั่งปรารถนา!
มัจฉาสัตมายาหันมองภาพอักษรอย่างอดมิได้
และเมื่อมันได้เห็นอักษรบนนั้น สายตาของมันก็เปลี่ยนไปในบัดดล!