ปล. ก่อนเขียนตอนนี้ ขอแนะนำให้ทุกคนไปฟังเพลง ‘ต๋าลาเปิงปา (《达拉崩吧》)’ เวอร์ชันร้องสดของโจวเซินกันสักหนึ่งรอบ ใช้จินตนาการเพียงอย่างเดียวอาจจะเข้าใจยากสักหน่อย
————————
‘อะไรฟระเนี่ย!’
‘สามเสียง!’
“ฉันคิดมาตลอดว่าอันอันร้องได้สองเสียง นี่คือจุดเด่นของเธอ ในรายการราชาหน้ากากนักร้องอันอันใช้สองเสียงเขี่ยหุ่นยนต์ตกรอบ นึกไม่ถึงเลยว่ายังมีเสียงที่สามอีก!”
“บ้าไปแล้ว!”
“พวกคุณอาจไม่รู้ เมื่อก่อนอันอันเคยเป็นนักพากย์ เธอใช้เสียงที่สามได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อก่อนเธอฝึกมานานหลายปี โดยทั่วไปนักร้องมักไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ อาจารย์เซี่ยนอวี๋อาจใช้สามเสียง เพราะฉะนั้นฉันเลยสงสัยมาตลอดว่าอาจารย์เซี่ยนอวี๋เคยเรียนพากย์เสียงมาหรือเปล่า”
“แข็งแกร่ง!”
“ลำพังความสดใหม่เวทีนี้อันอันชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว บวกกับเพลงของอาจารย์เจิ้งจิงก็ไม่เลว รู้สึกว่านักร้องทางอาจารย์เซี่ยนอวี๋น่าจะเจองานยากอยู่นะ”
“…”
นักร้องต่างถกเถียงกัน
ผู้ชมต่างถกเถียงกัน
เมื่อเสียงสองประเภทปรากฏขึ้น เรียกเสียงปรบมือได้ไม่น้อย แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้อันอันเคยแสดงฝีมือเช่นนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีใครประหลาดใจ ทว่าอันอันไม่เคยแสดงเสียงที่สามมาก่อน ดังนั้นหลายคนจึงรู้สึกประตกตะลึง!
“นักพากย์?”
“ที่แท้อาจารย์อันอันก็เคยเป็นนักพากย์มาก่อน นักพากย์เป็นสัตว์ประหลาดจริงด้วย นักพากย์ที่มาเป็นนักร้องหรือแม้กระทั่งราชินีเพลงก็คือสัตว์ประหลาดในหมู่สัตว์ประหลาด เสียงสามประเภทของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ไม่ได้ยืนหนึ่งแล้ว อันอันสุดยอดมาก!”
“แข็งแกร่ง!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะบนเวทีมีได้แค่คนเดียว ผมเกือบคิดว่านี่คือเพลงที่ร้องสามคนซะอีก เสียงสามประเภทของอันอันเป็นธรรมชาติมาก รู้สึกว่าไม่ฝืนเลย!”
“อุก!”
“จู่ๆ ผมก็คิดว่าเฟ่ยหยางโชคดี ถ้าเฟ่ยหยางขึ้นเวทีนี้ก็อาจยังได้เป็นลูกคนรองตลอดกาลต่อไป สามเสียงนี้เข้ากันได้อย่างลงตัวจริงๆ ผมคิดว่าจะโหวตให้อันอันแล้ว!”
“เฟ่ยหยางเฉียบแหลม!”
“มายืนสงบนิ่งให้นักร้องที่ร่วมงานกับพ่อเพลงอวี๋ในรอบนี้กันดีกว่า นักร้องคนนี้มาเป็นที่สองแทนเฟ่ยหยาง อาจารย์เฟ่ยหยางกลับมาต้องถือกระเช้ามาขอบคุณแล้ว”
“…”
ทั้งนักร้อง ผู้ชม และนักประพันธ์เพลงต่างพูดคุยกัน แต่เมื่อหลินเยวียนได้ยินเพลงนี้ เขากลับบอกทีมงานซึ่งอยู่ด้านข้างว่า “การแสดงต่อไปของผมขอเปลี่ยนเป็นเพลงที่สิบหกในเพลย์ลิสต์”
ทีมงาน “…”
ทั้งกล้องและสายตาของทุกคนล้วนจับจ้องไปยังอันอัน ไม่มีใครสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมห้องส่ง เมื่ออันอันร้องเพลงจบ เสียงปรบมือเกรียวกราวดังกึกก้องทั้งห้องส่ง ความตื่นตะลึงจากเสียงทั้งสามประเภทนั้นเห็นชัดเจนเหลือเกิน!
อันอันโค้งคำนับ ก่อนจะลงจากเวที
อันหงก้าวขึ้นมาบนเวที “ขอขอบคุณการสร้างสรรค์ผลงานจากอาจารย์เจิ้งจิง ขอบคุณการแสดงอันยอดเยี่ยมของอันอัน ต่อไปขอเสียงปรบมือให้กับนักร้องของอาจารย์เซี่ยนอวี๋ เชิญขึ้นมาบนเวทีได้เลยครับ!”
แปะๆๆๆ
เสียงปรบมือดังขึ้น
ทุกคนต่างจ้องมองไปบนเวทีด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าใครคือนักร้องผู้โชคร้ายฝั่งเซี่ยนอวี๋ซึ่งขึ้นเวทีแทนเฟ่ยหยาง ท่ามกลาง กล้องและความสนใจของผูชม ร่างสูงโปร่งสวมหน้ากากปีศาจก้าวขึ้นมาบนเวที!
ชั่วขณะนั้น!
ทั้งห้องส่งเฮลั่น!
หลานหลิงอ๋องปรากฏตัวอีกครั้ง!
นักร้องที่เข้ามาร่วมงานกับเซี่ยนอวี๋แทนที่เฟ่ยหยาง ก็คือตัวเซี่ยนอวี๋เอง แต่การที่เขาสวมหน้ากากหลานหลิงอ๋องทำให้ผู้ชมนึกโยงถึงความทร งจำในรายการราชาหน้ากากนักร้องในทันที!
“พ่อเพลงอวี๋!”
“เขามาร้องเอง!”
“แม่เจ้าโว้ย!”
“กฎนี้สมเหตุสมผลไหม?”
“ใครกล้าบอกว่ากฎนี้ไม่สมเหตุสมผล เดิมทีรายการนี้ก็เรียกนักร้องจากราชาหน้ากากนักร้องมาอยู่แล้ว พ่อเพลงอวี๋ก็เป็นนักร้องในรายการ จะห้ามไม่ให้พ่อเพลงอวี๋ขึ้นมาร้องเพลงเพียงเพราะเขาเขียนเพลงได้หรอกใช่ไหม?”
“ทีมงานรายการก็รู้งานสุด!”
“วัยเยาว์ของผมกลับมาแล้ว!”
“ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นมาแทนที่ราชาเพลงเฟ่ย ฉันว่าเวทีนี้คงชนะยาก แต่ถ้าพ่อเพลงอวี๋ออกโรงเองละก็เดาผลลัพธ์ได้ยาก!”
“…”
ถึงแม้หลินเยวียนจะสวมหน้ากาก แต่ทุกคนก็ยืนยันตัวตนของเซี่ยนอวี๋ได้ในทันที เพราะนอกจากหลินเยวียน ก็ไม่มีใครสวมหน้ากากนี้แล้ว บางคนสงสัยว่ากฎนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ แต่เมื่อคิดว่าเดิมทีเซี่ยนอวี๋ก็คือหลานหลิงอ๋องแล้ว กฎนี้จึงไม่มีปัญหาไปโดยปริยาย ยิ่งไปกว่านั้นการหยุดงานของเฟ่ยหยางเดิมทีสถานการณ์พิเศษ ทำได้เพียงบอกว่าตัวตนของเซี่ยนอวี๋ในเวทีนี้พิเศษมาก ทว่ายามนี้เซี่ยนอวี๋สวมหน้ากากปีศาจขึ้นเวที เพื่อย้ำเตือนทุกคนถึงตัวตนของเขาในฐานะนักร้องไม่ใช่หรือ?
หลินเยวียนไม่ได้ถอดหน้ากาก
นี่คือการเตรียมการของทีมงานรายการ
อันอันซึ่งเพิ่งร้องเพลงจบและยืนอยู่ด้านข้างตกตะลึง รอยยิ้มมั่นใจของเธอหายไปในทันใด เพราะเธอไม่คาดคิดเลยว่าเซี่ยนอวี๋จะมาออกโรงแทนเฟ่ยหยางด้วยตัวเอง!
อันอันตื่นตระหนก!
หลินเยวียนในฐานะแชมป์รายการราชาหน้ากากนักร้อง ย่อมมีความน่าเกรงขามเป็นอย่างมากสำหรับเธอ เมื่อก่อนไม่รู้ตัวจริงของอีกฝ่ายก็ว่าไปอย่าง ตอนนี้เมื่อรู้ตัวจริงของอีกฝ่ายแล้ว อันอันรู้สึกร้อนรนราวกับนั่งอยู่บนเข็ม ถ้าแพ้ย่อมดูไม่ดี แต่ถ้าชนะจะยิ่งเพิ่มความกดดัน เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เป็นแค่นักร้อง…
“เขามาเองเลย? ฉันนี่ปากเป็นลาง!”
สีหน้าของเจิ้งจิงเต็มไปด้วยความจนใจ
ฝั่งหยางจงหมิงกลับหลุดหัวเราะ
น่าสนใจแล้ว
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีผู้ชมนึกขึ้นมาได้ เหมือนว่าก่อนที่เอล์ฟจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของหลานหลิงอ๋อง เธอเคยท้าทายหลายหลิงอ๋องที่วิพากษ์วิจารณ์เธอโดยไม่เกรงใจ ถึงขั้นที่พูดออกมาพร้อมกับมหาราชาว่า
‘หลานหลิงอ๋องเป็นของฉัน!’
แต่ทั้งสองไม่ได้พบกันในการแข่ งขันรายการราชาหน้ากากนักร้องต่อจากนั้น ดังนั้นความปรารถนาจึงไม่สำเร็จ ปรากฏว่าในการแข่งขันวันนี้ทั้งสองกลับจับพลัดจับผลูมาพบกัน!
การตัดสินที่ล่าช้า?
อารมณ์ของผู้ชมถูกประตุ้นขึ้นมา
และท่ามกลางความคิดต่างๆ นานาของผู้ชม ท่อนอินโทรจากเพลงของหลินเยวียนก็เริ่มต้นขึ้น
หลังจากเสียงเอื้อนอันไพเราะ ทันใดนั้นเนื้อเพลงซึ่งฟังดูคล้ายกับคำบรรยายก็ดังขึ้นบนเวที
“กาลครั้งหนึ่งนานมา มังกรยักษ์ปรากฏกายา นำพาหายนะ ลักพาตัวองค์หญิงลับสายตา อาณาจักรตกอยู่ในอันตราย ยามนี้ใครคือผู้กล้า ชายหนุ่มคนหนึ่งรีบตะโกนขึ้นว่า”
ทั้งห้องส่งหัวเราะลั่น!
นี่มันเพลงอะไรเนี่ย
ทำไมถึงฟังดูแปลกๆ
เสียงเพลงเหมือนกับเสียงดนตรีประกอบเกม ทวีคูณความน่าสนใจ แถมยังมีกลิ่นอายของการ์ตูนสองมิติอีก
เวทีนี้เซี่ยนอวี๋เริ่มซนอีกแล้ว!
นอกจากนั้น…
เสียงนี้ยังพิเศษมากอีกด้วย!
หนึ่งในสามเสียงของเซี่ยนอวี๋?
ทุกคนยังไม่ลืม ว่าเซี่ยนอวี๋ก็มีสามเสียง
ยังไม่ทันได้คิดมาก
จู่ๆ หลินเยวียนก็ร้องเสียงผู้ชายออกมา
นี่คือเสียงที่สอง “ข้าจะพกกระบี่ไร้เทียมทาน ปีนขึ้นเขาสูงเสียดฟ้า บุกน้ำลุยป่าและพาองค์หญิงกลับมา!”
ผู้ชมส่งเสียงเชียร์!
อันอันร้องเพลงมากกว่าหนึ่งเสียง และเซี่ยนอวี๋ก็ร้องมากกว่าหนึ่งเสียงเช่นเดียวกัน
นี่หมายความว่าเสียงที่สามของเซี่ยนอวี๋ก็จะปรากฏขึ้นเช่นเดียวกัน?
ทั้งสองฝ่ายต่างใช้สามเสียงร้องเพลง?
ทุกคนจะไม่ผิดหวัง ถึงขั้นที่เกินความคาดหมายเสียด้วยซ้ำ
เพราะเพลงนี้มีชื่อว่า ‘ต๋าลาเปิงปา’
นอกจากนั้นเวอร์ชันที่หลินเยวียนเลือก คือเวอร์ชันของโจวเซิน
เมื่อโจวเซินแสดงเพลงนี้บนเวทีในรายการ ‘นักร้อง’ เขาไม่ได้ร้องเพียงเสียงเดียว
เมื่อเพลงนี้ดังขึ้น
เขาสร้างความสั่นสะเทือนไปทั้งห้องส่ง สั่นสะเทือนฮ็อตเสิร์ช และสั่นสะเทือนชาร์ตเพลง
หลินเยวียนเองก็ทำได้!
ครั้งนี้คือมุมมองของพระราชา
หลินเยวียนร้องเสียงที่สามในบทสนทนาระหว่างพระราชาและผู้กล้า เป็นเสียงของผู้ใหญ่ซึ่งระคนด้วยความตื้นตันใจ
“เจ้าคือต๋าลาเปิงปาปันเต๋อเป้ยตี๋ปัวตัวปี่หลู่เวิง?”
ทั้งห้องส่งแตกตื่นกันยกใหญ่!
“เอาแล้ว!”
“เสียงที่สาม!”
“ฮ่าๆๆๆ เพลงนี้โคตรตลก ต๋าลาเปิงปาปี่หลู่เวิงอะไรเนี่ย มีใครตั้งชื่อบ้าแบบนี้กัน พ่อเพลงหยางต้องมาดุแล้ว เนื้อเพลงของเซี่ยนอวี๋เริ่มออกทะเล!”
“เพลงนี้โคตรจี้เส้น!”
“ชอบจังหวะรัวแบบนี้มาก!”
“พ่อเพลงหยาง: โลดโผน!”
“ฉันขำจนปวดท้องแล้ว องค์หญิงถูกมังกรยักษ์จับตัวไป พระราชาส่งผู้กล้าไปช่วย เรื่องราวในเพลงนี้ไร้เดียงสาสุดๆ แต่เขาเปลี่ยนเสียงทุกครั้งที่ตัวละครแต่ละตัวพูด ร้องไปสามเสียงแล้วนะ เวทีนี้ไม่ใช่หนึ่งต่อหนึ่ง แต่เป็นนักร้องหกคนขึ้นมาแข่งกันบนเวที!”
“…”
เพลงนี้สนุกสนานจริงๆ !
ผู้ชมต่างคึกคักขึ้นมา!
แต่ถึงกระนั้น ขณะที่ผู้ชมคิดว่าเวทีนี้กลายเป็นเวทีการแข่งขันสามเสียงระหว่างเซี่ยนอวี๋และอันอัน เสียงที่สี่ก็ปรากฏขึ้นฉับพลัน!
ครั้งนี้กลายเป็นมุมมองและเสียงของมังกรยักษ์
“ข้าชื่อคุนถู่คู่ถ่าข่าถีเข่าเท่อซูหว่าซีลาซง พูดอีกครั้งว่าคุนถู่คู่ถ่าข่าถีเข่าเท่อซูหว่าซีลาซง!”
เสียงที่สี่!
ต่างจากสามเสียงก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ในครั้งนี้ใช้เสียงนาสิกค่อยข้างหนัก
ราวกลับมังกรยักษ์พูดได้กำลังเอ่ยขึ้น
ทั้งห้องส่งตื่นเต้นยกใหญ่!
‘น่ากลัวมาก!’
‘เสียงที่สี่!!’
‘ทั้งตะลึงทั้งตลก!’
‘ทั้งหมดคือเขาร้องคนเดียวจริงๆ ?’
‘ผมสงสัยว่าหูฟังผมอาจจะพัง!’
‘แม่ถามว่าทำไมต้องคุกเข่าฟังเพลง!’
‘ใครบอกว่านักพากย์เป็นสัตว์ประหลาด จะสัตว์ประหลาดแบบไหนถ้าได้มาเจอเซี่ยนอวี๋ก็ต้องหลีกทางให้ มีเสียงมากกว่าอันอันซะอีก เซี่ยนอวี๋ยืนอยู่บนเวทีก็เหมือนมาเป็นทีม!’
“…”
และขณะที่คอมเมนต์กำลังหลั่งไหลประหนึ่งสายน้ำตก เสียงของหลินเยวียนก็เปลี่ยนไป เป็นเสียงของเด็กผู้หญิงวัยอนุบาล ร้องเสียงที่ห้า ยังคงเป็นธรรมชาติและไพเราะดังเดิม ทั้งยังสร้างความตกตะลึงได้มากยิ่งขึ้น
“หมู่บ้านซึ่งงดงามและห่างไกล เปิดกล่องสมบัติทั้งหลาย”
“ลมหนาวหยาดน้ำค้างคอยนำทางพร้อมกับแสงจันทร์ฉาย บุกเข้าไปในถ้ำ องค์หญิงและมังกรยักษ์ที่น่ากลัว ผู้กล้าชักกระบี่ออกมา!”
ในครั้งนี้!
ผู้ชมอึ้ง!
นักร้องอึ้ง!
นักประพันธ์เพลงอึ้ง!
ทุกคนอึ้ง!
อันอันร้องสามเสียงก็น่ากลัวมากแล้ว แต่หลินเยวียนถึงกับร้องออกมาห้าเสียง ตั้งแต่ผู้บรรยาย ไปจนถึงผู้กล้า พระราชา เด็กผู้หญิง และมังกรยักษ์ คนคนเดียวสวมห้าบทบาทและสลับห้าเสียงได้อย่างแยบยล…
เขายังเป็นมนุษย์ทั่วไปอยู่หรือ?
นี่ไงหลักฐาน!
เซี่ยนอวี๋เป็นปัญญาประดิษฐ์ชัดๆ !
นาทีนี้ทุกคนต่างฟังเพลงนี้ด้วยอาการตะลึงงัน!
ส่วนหลินเยวียนก็ร้องเพลงนี้ด้วยการสลับเสียงที่ยาก ไม่ว่าจะเป็นความสูงต่ำของเสียงหรือความแม่นยำล้วนทำได้อย่างงดงาม!
อวดเทคนิค?
อวดมากๆ !
ทว่าเดิมทีเพลงนี้ไม่ได้มีความหมายอะไร เนื้อเพลงก็เป็นเพียงการบรรยายนิทานอันน่าเบื่อ แต่เนื้อเพลงกลับเป็นบทบิดลิ้นชวนสับสน
บางครั้งก็ช้า
บางครั้งเร็ว
เสียงเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง!
นี่คือการแสดงเดี่ยวของเซี่ยนอวี๋ ทำผลงานได้อย่างตระการตา หลินเยวียนเองยังอดไม่ได้ที่จะเต้นเบาๆ ตามจังหวะเพลง
ถึงแม้เขาจะไม่เอาไหนเรื่องการเต้น แต่กลับมีเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์!
ด้านหลังเวที
นักร้องทุกคนสมองชา มิหนำซ้ำขนยังลุกซู่ไปทั้งตัว
บรรดานักประพันธ์เพลงต่างมีสีหน้าแปลกประหลาด ราวกับว่าพวกเขาท้องผูกพร้อมกัน!
บทเพลงซึ่งมีชื่อว่า ‘ต๋าลาเปิงปา’ นี้ใช้ทักษะการร้องเพลงซึ่งมีความอยากสูงอย่างโน้ตเสียงสูง การหายใจ การร้องเร็วด้วยเสียงสูง และการเปลี่ยนเสียง
ภายใต้การแสดงของเซี่ยนอวี๋ เมื่อเสียงทั้งห้ามารวมกับวิธีขับร้องยากเช่นนี้ ก็มากพอให้วิญญาณของผู้ฟังแทบหลุดจากร่าง!
สุดยอดมาก!