บทที่ 737 ที่นี่อ่อนด้อยเกินไป พาข้าไปยังฐานทัพใหญ่ของพวกเจ้าเถิด!
“คือว่า…พี่ต้นหลิว ซากปริภูมิเวลาเป็นเพียงเรือนจำแห่งหนึ่ง มิมีสิ่งใดน่าดูชมเลยจริง ๆ!”
หนานฉงอยากร่ำไห้ อย่าให้เขาต้องกลับไปอีกเลย ภายในซากปริภูมิเวลา ไม่มีแม้แต่เวลาไหลผ่าน อยู่ในนั้นทรมานเสียยิ่งกว่าตาย
มิหนำซ้ำในนั้นยังเกิดพายุปริภูมิเวลาอยู่เนือง ๆ ซึ่งถึงแก่ชีวิตได้ง่าย ๆ ไม่มีที่ใดสยดสยองกว่าซากปริภูมิเวลาอีกแล้วในใจของเขา
“ไปกันเถิด”
ก้านหลิวก้านหนึ่งของต้นหลิวม้วนหนานฉงขึ้นมา และพาเขาไปจากที่นี่
“การเดินทางข้ามปริภูมิเวลาจะนำพาพวกเขามาหรือ”
ต้นหลิวถาม
“ใช่…ใช่แล้ว!”
หนานฉงรู้สึกแย่เป็นที่สุด ต้นหลิวคงมิได้คิดจะไปยังซากปริภูมิเวลาจริง ๆ กระมัง!
“ดี”
ต้นหลิวเปล่งแสง ก้านหลิวฉวัดเฉวียน สร้างเส้นทางข้ามเวลาขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา
จากนั้น มันพาหนานฉงก้าวขึ้นไปบนเส้นทางข้ามเวลา เดินทางย้อนปริภูมิเวลา
กฎแห่งกาลเวลาเดือดพล่านอยู่รอบ ๆ พวกเขาก้าวผ่านปริภูมิเวลาแล้วปริภูมิเวลาเล่าด้วยความว่องไว จนมาถึงยุคสมัยที่ห่างไกลตั้งไม่รู้เท่าใด
“คงพอใช้ได้แล้วกระมัง…”
ต้นหลิวหยุดลง รอคอยการมาของกองกำลังปริภูมิเวลา
หนานฉงมีใบหน้าหม่นหมอง ต้นหลิวผู้นี้มากฝีมือแล้วยังใจกล้าบ้าบิ่นอีกด้วย ถึงกับกล้าท้าทายอำนาจของกองกำลังปริภูมิเวลาจริง ๆ หรือนี่!
แต่มาคิดดูแล้ว ต้นหลิวได้ติดตามอยู่ข้างกายท่านผู้นั้น จะมีความกล้าหาญขนาดนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา
“ข้ากลัวว่าตัวข้าจะถูกทิ้งไว้ในซากปริภูมิเวลาน่ะสิ!”
ต้นหลิวคงไม่เป็นอะไรมาก แต่เขานั้นไม่เหมือนกัน ใช่ว่าต้นหลิวจะมาดูดำดูดีเขา หากเขาถูกทอดทิ้งจริง ๆ คงจบไม่สวยแน่
“คือว่า…ต้นหลิว…ข้ายินดีเป็นลิ่วล้อของท่าน ทำทุกอย่างแทนท่าน ท่านอย่าทอดทิ้งข้าเลย!”
หนานฉงรีบบอกกับต้นหลิว
ต้นหลิวมิได้สนใจหนานฉง มันต้องการลิ่วล้อไปทำอะไร
ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด
“มาแล้ว”
เวลานั้น มันสัมผัสได้ว่าที่นี่เริ่มมีพลังปริภูมิเวลาอันน่ากลัวหลั่งไหลเข้ามา และยังเกิดหลุมดำขนาดใหญ่ พลังบางอย่างถูกส่งออกมาจากในนั้นหมายจะสูบเขาและหนานฉงเข้าไป
“ไปเถิด”
ต้นหลิวพาหนานฉงเข้าไปในหลุมดำ
นี่ก็เพราะมันเลือกเข้าไปเอง ไม่อย่างนั้น พลังในหลุมดำคิดจะสูบเขาเข้าไปย่อมมิใช่เรื่องง่าย
ลมหายใจต่อมา พวกเขาเข้ามาอยู่ในซากปริภูมิเวลา หลุมดำปิดสนิทในบัดดล และที่นี่ถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์
ที่นี่ไร้ซึ่งการไหลเวียนของกาลเวลา ต้นหลิวมองดูดินแดนแห่งนี้แล้วรู้ได้ว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ แต่ก็ยังไม่พอให้ดูชมสำหรับมัน ไม่อาจขัดเกลามันได้
“ข้าจะไปคุยกับจ้าวแห่งเรือนจำที่นี่หน่อย”
มันไปจากที่นี่ จับตำแหน่งจ้าวแห่งเรือนจำได้ในพริบตา จ้าวแห่งเรือนจำอยู่ในสถานที่พิเศษแห่งหนึ่งของซากปริภูมิเวลา
“หา! พี่หลิว!”
หนานฉงแทบร้องไห้ ต้นหลิวไปง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ ทิ้งเขาไว้ที่นี่จริง ๆ หรือ!
เขารู้สึกแย่เป็นที่สุด วนไปเวียนมา ทำทุกวิถีทาง ท้ายที่สุดก็เป็นเพียงความว่างเปล่า ต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง!
“หนานฉง!”
“ใช้ได้นี่! เจ้าริอ่านกลับมาอีกหรือ!”
เสียงกราดเกรี้ยวดังขึ้นจากทุกพื้นที่ของซากปริภูมิเวลา หนานฉงรู้สึกได้ว่ามีพลังปราณสยดสยองมากมายเล็งเป้ามาที่เขา!
เขารู้ดีว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้
คราวก่อน เขาหลอกให้สิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลาร่วมมือกันจัดการพวกจักรพรรดินี ผลสุดท้าย สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถูกเส้นทางโบราณที่พวกจักรพรรดินีอยู่สะท้อนพลังจนอยู่ในสภาพน่าเวทนา
มิหนำซ้ำ เขายังย้อนกลับมาในภายหลัง สังหารสิ่งมีชีวิตไปหลายตนโดยฉวยโอกาสที่พวกเขาบาดเจ็บสาหัส และดูดกลืนพลังของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจนสิ้นซาก
ยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลาเคียดแค้นเขามากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องนี้เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ครานั้นเขายอมเสี่ยงอันตรายปานนั้นเพื่อหนีไปจากที่นี่
อย่างไรเสีย เขาก็เป็นที่ชิงชังของธารกำนัล หากไม่หนี เลือกที่จะอยู่ในซากปริภูมิเวลาต่อ จุดจบของเขาคงมิได้ดีนัก สิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่ไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ
“หนานฉง เจ้าคนเดนตาย! ข้าแทบแย่ก็เพราะเจ้า!”
เวลานั้นเอง เสียงที่ขุ่นเคืองยิ่งกว่าดังขึ้น จากนั้น อสูรร้ายมหึมาตัวหนึ่งพุ่งออกมา จ้องมองหนานฉงด้วยดวงตาแดงก่ำ หมายจะฉีกหนานฉงให้เป็นชิ้น ๆ!
“เจ้าเป็นใคร!”
หลังหนานฉงได้เห็นอสูรร้ายตัวนี้ก็ตกตะลึง
อสูรร้ายตัวนี้ไม่เหลือหนังเลยสักนิด ซ้ำยังมีชิ้นเนื้อหลายส่วนขาดหายไป เขามองไม่ออกจริง ๆ ว่าอสูรร้ายตัวนี้เป็นผู้ใด
“ไอ้ระยำ…ข้าคือจ้าวกิเลนดำ!”
อสูร้ายตัวนั้นคำรามเสียงโกรธเกรี้ยวแทบคลั่ง
ครานั้น เขาร่วมมือหลอกล่อสิ่งมีชีวิตตนอื่นในซากปริภูมิเวลากับหนานฉง มันกับหนานฉงฉวยโอกาสที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นบุกโจมตีพวกจักรพรรดินีหนีไปจากที่นี่ ต่อมา หนานฉงเสี่ยงชีวิตย้อนกลับไป
มันมิได้กลับไปด้วย แต่หาที่ซ่อนเพื่อรักษาบาดแผล
หวนนึกถึงครานั้น มันยังหัวเราะเยาะหนานฉงว่าเป็นพวกตื้นเขิน มันต่างหากที่ฉลาดหลักแหลม คิดว่าหนานฉงเสียท่าเพราะความหัวใสของตนโดยแท้ กลับไปเช่นนี้เท่ากับรนหาที่ตาย!
สุดท้าย มันต้องเป็นฝ่ายอึ้งในภายหลัง หนานฉงไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย ยังหนีออกไปจากซากปริภูมิเวลาแล้วด้วย!
โทสะของสิ่งมีชีวิตที่เหลือในซากปริภูมิเวลาจึงถูกระบายใส่ตัวมันทั้งหมด!
มันไม่อาจนิยามด้วยคำว่าอนาถาได้แล้ว สถานภาพของมันเสมือนมีชีวิตอยู่ในนรกโลกันตร์ ถูกทรมานสารพัด!
“จ้าวกิเลนดำ!”
หนานฉงถึงรู้ตัวว่าเป็นพลังปราณของจ้าวกิเลนดำจริง ๆ
มุมปากของเขากระตุก นี่คือจุดจบของผู้ที่หนีไม่ทัน!
“พี่น้องเอ๋ย วันนี้เราจะสะสางความแค้น ไม่ต้องอดกลั้น! แต่มีเรื่องหนึ่งต้องเตือนไว้ก่อน ห้ามทำให้เขาถึงแก่ชีวิตเด็ดขาด เช่นนั้นคงเป็นการสบายเกินไปสำหรับเขา!”
“ใช่แล้ว จะปลิดชีพเขาไปเลยมิได้!”
“ลุย!”
สิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลาเดือดพล่านกันหมด กรูกันเข้าไปถ้วนหน้า บุกโจมตีไปหาหนานฉง
จ้าวกิเลนดำก็ปราดเข้าไปด้วย มันต้องน่าสังเวชเช่นนี้ล้วนเป็นเพราะหนานฉง แผนหลอกล่อให้สิ่งมีชีวิตตนอื่นออกโรงของหนานฉง รวมถึงเรื่องที่หนานฉงย้อนกลับไปสังหารสิ่งมีชีวิตได้อีกหลายตนเป็นผลให้สิ่งมีชีวิตที่เหลือขุ่นเคืองยิ่งขึ้น และความแค้นทั้งหมดต้องมาตกอยู่กับมัน มิฉะนั้น มันคงไม่อนาถาถึงเพียงนี้!
มันแค้นหนานฉงเข้ากระดูกดำ อยากจะกัดหนานฉงสักหลาย ๆ คำ ให้หนานฉงได้ลิ้มรสถูกกัดเสียบ้าง
“ไสหัวไป เจ้ามีสิทธิ์ลงมือที่ไหนเสียเมื่อไหร่!”
หารู้ไม่ ทันทีที่มันปรี่เข้าไปถึงก็ถูกต่อว่า มันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะลงมือด้วยซ้ำ สุดท้าย มันได้แต่ถอยกลับไปอย่างจนใจ
“พี่หลิวช่วยข้าด้วย!”
หนานฉงวิ่งไปพลาง ตะโกนไปพลาง สิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลากรูมาฆ่าเขากันหมด จะให้เขาต้านทานไหวได้อย่างไร จึงคิดอยากให้ต้นหลิวช่วยเขา
แต่ต้นหลิวมิได้ตอบรับ และมิเคยลงมือช่วยเขา
ไม่นานนักเขาก็ถูกสิ่งมีชีวิตจำนวนหนึ่งล้อมไว้ได้ จากนั้น เขาไม่ทันได้ลงมือก็ถูกกำราบเสียก่อน!
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเคียดแค้นเขาจนขบกรามแน่น หลังเขาถูกปราบปรามได้แล้ว ฝันร้ายของเขาก็เริ่มต้นขึ้น!
“อ๊ากกก!”
เขาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด สิ่งมีชีวิตทั้งหลายทั้งกัดเขา ทั้งจับเขาห้อยหัวเพื่อโบย ร่างของเขาอนาถาจนทนมองมิได้!
“ขอข้ากัดสักคำเถิด!”
จ้าวกิเลนดำได้แต่ยืนมองตาละห้อยอยู่ไกล ๆ นึกในใจว่าเมื่อใดจะถึงตามัน ต่อให้มันได้กัดเพียงคำเดียวก็ยังดี!
ขณะเดียวกัน ต้นหลิวมาถึงด้านจ้าวแห่งเรือนจำ
เมื่อครั้งต้นหลิวปรากฏกายต่อหน้าจ้าวแห่งเรือนจำ จ้าวแห่งเรือนจำก็สะดุ้งโหยง
ห้วงมิติที่มันพำนักอยู่ไม่ธรรมดา สิ่งมีชีวิตในซากปริภูมิเวลาไม่มีทางตามมาถึงที่นี่ ทว่าต้นหลิวไม่เพียงแต่มาได้ แต่ยังปรากฏกายต่อหน้ามันโดยที่มันไม่รู้ตัว จะมิให้มันสะดุ้งได้อย่างไร!
“เจ้าเป็นใคร!”
มันระแวงขึ้นมาทันที เค้นพลังทั้งหมดในกายถึงขีดสุด ทั้งยังเรียกอาวุธชิ้นหนึ่งออกมา เตรียมบุกสังหารต้นหลิวทุกเมื่อ
“ที่นี่อ่อนด้อยเกินไป ไม่น่าสนใจ ฐานทัพใหญ่ของกองกำลังเบื้องหลังเจ้าอยู่ที่ใด พาข้าไปสิ”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเรียบ
“เจ้าว่าอะไรนะ?!”
จ้าวแห่งเรือนจำสงสัยว่ามันได้ยินผิดไปหรือไม่ ต้นหลิวคิดจะไปยังฐานทัพใหญ่ของพวกมันเชียวหรือ
ต้องใจกล้าปานใดถึงเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้!
“สามหาวนัก!”
เวลานั้นเอง เสียงตวาดเยือกเย็นเสียงหนึ่งดังออกจากส่วนลึกของห้วงมิติ จากนั้น ร่างน่าพรั่นพรึงร่างหนึ่งก้าวออกจากส่วนลึกมาถึงที่นี่
มันคือราชันเย่ สถานะในกองกำลังปริภูมิเวลาไม่ถือว่าต่ำ
คราวก่อนก็เป็นมันผู้นี้ที่มาเป็นกองหนุนให้จ้าวแห่งเรือนจำ
แต่ต่อให้มันมาเองก็มิไหว ภาพร่างของหลี่จิ่วเต้าเก่งกาจไร้เทียมทาน เกินกว่าที่มันจะต้านได้ เพียงพริบตาเดียว มันก็ถูกกำราบลง
จากนั้น มันมิได้ไปไหน กลัวจะเกิดจลาจลในซากปริภูมิเวลาอีก จึงพำนักที่นี่ต่อ
“ตัวบ้าอะไร ริอ่านคิดไปฐานทัพใหญ่ของเราเชียวหรือ!”
นัยน์ตาราชันเย่เย็นเยียบ จิตมุ่งร้ายรุนแรง นับแต่เกิดเรื่องหนก่อน มันก็อารมณ์ไม่ดีมาตลอด มีโทสะอัดอั้นในใจเรื่อยมา
บัดนี้ ต้นหลิวบังอาจมาท้ากันถึงที่นี่ ยิ่งทวีความเดือดดาลของมันขึ้นไป!
นี่มันเกิดอันใดขึ้น?
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดต่างก็คิดว่าจะชี้นิ้วสั่งพวกมันอย่างนั้นหรือ?!
พวกมันมิได้อ่อนแอปานนั้น!
เสียงดังฟึ่บ มันชักดาบกระดูกเล่มหนึ่งออกมาชี้ไปที่ต้นหลิว
“แต่เดิมพวกเราจะไม่เข่นฆ่า ‘นักโทษ’ ตามอำเภอใจ แต่เจ้าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย วันนี้ ข้าจะประหารเจ้าที่นี่!”
สีหน้าของมันเย็นชา ดาบกระดูกเปล่งแสงยะเยือกชวนผวา นี่มิใช่ดาบกระดูกธรรมดา ภายในแฝงไว้ด้วยพลังกล้าแกร่ง!
“ไม่ต้องโมโหเพียงนั้น”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา “โมโหขนาดนี้มิใช่เรื่องดีสำหรับพวกเจ้า”
“น่าขัน! เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว วันนี้ เจ้าจะต้องชดใช้ให้กับความอวดดีของเจ้า!”
ราชันเย่ยิ้มเย็น ระเบิดพลังในกายออกมาเต็มที่ ชูดาบกระดูกบุกไปสังหารต้นหลิว
ต้นหลิวโผล่มาถึงที่นี่ได้เป็นการบ่งบอกแล้วว่าต้นหลิวไม่ธรรมดา มิใช่ ‘นักโทษ’ ทั่วไป มันมิได้ประมาทต้นหลิวที่อยู่ในระดับนี้ ทันทีที่ลงมือก็ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี!
“ใช่แล้ว! เมื่อถูกขังในซากปริภูมิเวลา เจ้าก็คือ ‘นักโทษ’ ของพวกเรา ไม่ว่าเรื่องใดล้วนต้องฟังคำสั่งจากเรา พวกเราคือนายท่านของเจ้า!”
จ้าวแห่งเรือนจำบุกไปหาต้นหลิวเช่นกัน คลื่นพลังสยดสยองกระเพื่อมอยู่ในอาวุธ มันให้ความสำคัญกับต้นหลิวมาก มิได้ประมาทเหมือนกัน
เสียงระเบิดดังติดต่อ อักขระปริภูมิเวลาอันน่ากลัวทะลักออกมาดั่งมหาสมุทร พลังเช่นนี้เหนือชั้นกว่าพลังโกลาหลมากนัก มิใช่ระดับเดียวกันเลย ห่างกันมากโข!
พวกมันต่างแสยะยิ้มเย็นชา ต้นหลิวบังอาจกำแหงใส่พวกมัน นั่นเท่ากับรนหาที่ตาย!
พวกมันมิใช่ตัวตนที่ต้นหลิวต่อกรด้วยได้!