บทที่ 749 ไร้น้ำยาก็ไม่เป็นไร อย่าลืมบำรุงเสียเล่า!
นี่มันอันใดกัน!
ผู้ฝึกตนผู้นั้นใบหน้าดำคล้ำลงเสียยิ่งกว่าก้นหม้อ!
บัดซบ
เขาถึงกับถูกเด็กคนหนึ่งขี่จริง ๆ!
อัปยศ!
ช่างน่าอัปยศอย่างถึงที่สุด!
“เจ้าลงไปเสีย!”
เขาโกรธจนไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้ บนร่างเปล่งแสงออกมาด้วยความหมายมาดจะจัดการต้าเต๋อ
ทว่าเขาก็ต้องประหลาดใจ เพราะเขากลับทำไม่สำเร็จ!
ต้าเต๋อเกาะอยู่บนร่างของเขาแน่นราวกับกอเอี๊ยะหนังสุนัขที่ทำเช่นไรก็ไม่อาจสลัดออกได้!
เป็นไปได้อย่างไร!?
ถึงแม้เขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตของหมื่นอาณาจักร ขอบเขตก็ไม่นับว่าต่ำ อยู่ในขอบเขตนักบุญ เช่นนั้นแล้วไยจึงไม่สามารถจัดการกับเด็กธรรมดาได้!?
ไม่ผิด ต้าเต๋อนั้นเก็บซ่อนลมหายใจของตนเอง ทำให้ดูแล้วเหมือนเด็กธรรมดาผู้หนึ่ง
พวกลุ่ยสั่นเองก็เหมือนกัน ต่างเก็บซ่อนลมหายใจ ดูไปไม่ต่างอันใดจากปุถุชนธรรมดาทั่วไป
“อ๊าก! หนัก!”
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของผู้ฝึกตนผู้นั้นก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก เหงื่อพลันพรั่งพรูออกมาราวกับสายฝน เขารู้สึกราวกับตนเองกำลังแบกทั้งผืนนภาเอาไว้บนแผ่นหลัง จนไม่อาจทานทนได้!
เสียงโครมดังขึ้น พร้อมกับร่างของเขาที่ถูกกดจนล้มลงไปกับพื้น!
“ไอหยา ท่านลุงเป็นผู้ฝึกตนจริงหรือ? เหตุใดเพียงแค่แบกเด็กคนหนึ่งเช่นข้ายังทำไม่ได้! ท่านลุงร่างกายอ่อนแอเกินไปแล้ว! ข้าแนะนำว่าท่านลุงอย่าได้มุ่งแต่ฝึกตนเลย ควรเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายให้มากขึ้นด้วย ข้าได้ยินมาว่ามียาบำรุงชื่อยาลูกกลอนไห่โก่ว ท่านลุงสามารถลองไปซื้อมากินได้”
ต้าเต๋อแสยะยิ้มเอ่ยออกมา “ยานี้ทรงประสิทธิภาพนัก ได้ยินว่ามีคุณชาย ‘เฉียน’*[1] ท่านหนึ่งกินมันเข้าไป ทำให้คุณชาย ‘เฉียน’ ผู้นั้นมีความมั่นใจเปี่ยมล้น เมื่อพบหน้าผู้ใดก็ต้องพูดว่า ‘ของข้าใหญ่มาก เจ้าต้องอดทน!’”
เขาเอ่ยต่อ “นอกจากคุณชาย ‘เฉียน’ แล้วก็ยังมีคุณชาย ‘ซวี’*[2] ที่ไม่ต่างกัน ทั้งสองคนสามารถเรียกรวมกันได้ว่า ‘คุณชายเฉียนซวี’*[3] ช่างเป็นหัวข้อเรื่องสนทนาที่น่าสนใจยิ่งนัก!”
“ยอดเยี่ยม!”
“ตลกยิ่งนัก!”
สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้เคียงพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ต้าเต๋อช่างจิกกัดคนได้แสบสันจริง ๆ
“!!!”
ใบหน้าของผู้ฝึกตนที่โดนทับกลายเป็นสีแดงก่ำ ต้าเต๋อกำลังพูดเรื่องไร้สาระอันใดอยู่กัน!
เขาอับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุด!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นต่อหน้าผู้คนจำนวนมากถึงเพียงนี้!
เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป ระเบิดพลังทั้งหมดออกมา ต้องการจะสังหารต้าเต๋อทิ้งในทันที!
ทว่าในไม่ช้าเขาก็ต้องตะลึงพรึงเพริดขึ้นมา พลังทั้งหมดที่เขาระเบิดออกมา ล้วนไม่มีผลใด ๆ แม้แต่น้อย!
นี่จะต้องไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไปแน่นอน!
เขาตระหนักขึ้นมาได้ในพริบตา ขอบเขตการฝึกฝนของต้าเต๋อจะต้องเหนือยิ่งกว่าเขามาก ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถทำเช่นนี้ได้!
เขาอ้าปากค้าง ตระหนักได้ว่าเขาไปยั่วยุคนที่ไม่ควรยั่วยุเสียแล้ว หลี่จิ่วเต้าเองก็ต้องไม่ใช่ปุถุชนทั่วไปอย่างแน่นอน!
“ท่านลุง ตอนนี้ท่านจะตอบคำถามที่คุณชายถามได้หรือยัง?”
ต้าเต๋อกระโดดลงจากร่างของผู้ฝึกตนคนนั้น ก่อนจะนั่งยองลงไป มองผู้ฝึกตนคนนั้นด้วยสีหน้าใสซื่อ
“ได้แล้ว ได้แล้ว!”
ผู้ฝึกตนคนนั้นไม่กล้าแสร้งวางท่าใหญ่โตอีก รีบพูดออกมาทันทีว่า “มีผู้ยิ่งใหญ่อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ท่านหนึ่งมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อฝึกฝนตน! ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นนำสมบัติล้ำค่าเหนือชั้นออกมาจำนวนมาก ต้องการจะแลกเปลี่ยนสิ่งของกับพวกเราเพื่อนำไปฝึกฝน!”
เขาเล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด ไม่มีขาดตกบกพร่องจุดใด
“โอ้ มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ดวงตาของหลี่จิ่วเต้าเปล่งประกาย เกิดความสนใจขึ้นมา
บรรพจารย์ฝูผู้นี้ดูแล้วเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งผู้คนจำนวนมากล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด หากต้องการแลกเปลี่ยนสิ่งของจริง ๆ ก็นับเป็นเรื่องที่ไม่เลวอย่างมาก!
อย่างไรเสียสมบัติล้ำค่าที่ผู้ยิ่งใหญ่นำออกมาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เขาต้องการเห็นมัน และหากเป็นไปได้ เขาก็ต้องการแลกเปลี่ยนมันมา
“คุณชายต้องการไปดูหรือไม่?”
เซี่ยเหยียนที่อยู่ด้านข้างหลี่จิ่วเต้ามองออกว่า คุณชายต้องการจะลองไปดู นางจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“ถ้าเป็นไปได้ ข้าก็อยากลองเข้าไปดูด้านหน้าเสียหน่อย” หลี่จิ่วเต้าเอ่ย
พวกเขาอยู่ขอบวงนอกสุดห่างไกลจากพื้นที่ตรงนั้นเกินไป ด้านในเนืองแน่นไปด้วยสิ่งมีชีวิตจำนวนไม่ถ้วน แม้ต้องการจะเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ตกลงคุณชาย!”
เซี่ยเหยียนหัวเราะ “เช่นนั้นพวกเราเข้าไปกันเถิด”
นางเดินนำพร้อมเอ่ยออกมาเสียงเรียบเฉย “รบกวนหลีกทางด้วย”
ด้านหน้าสุดคือจุดที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่สามารถมองเห็นสมบัติทุกชิ้นได้ ประเด็นสำคัญสุดอยู่ที่ได้ใกล้คิดกับบรรพจารย์ฝู ทำให้ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องการอยู่แถวหน้าสุด
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีสิ่งมีชีวิตใดยินยอมหลีกทางให้
ทว่าทันทีที่เซี่ยเหยียนปลดปล่อยลมหายใจตนเองออกมาเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตจำนวนมากก็พากันหลีกทางออกในพริบตา
พวกเขาต่างมองไปทางเซี่ยเหยียนด้วยดวงตายำเกรง!
จะไม่ให้ยำเกรงได้เช่นไร!
ตอนนี้เซี่ยเหยียนเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิเซียน ลมหายใจที่นางปลดปล่อยออกมาเพียงเล็กน้อยก็ยังน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจทนรับได้ เช่นนั้นแล้ว พวกเขาจะเอาความกล้าจากที่ใดมาขวางทาง?
ไม่มีทางอย่างแน่นอน!
กระทั่งสิ่งมีชีวิตจากแดนเซียนก็ยังไม่กล้าขวาง
พวกเขาเป็นเพียงแค่เซียนเทียม ความแข็งแกร่งเหล่านั้นกระทั่งสิ่งมีชีวิตจากภพเซียนก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงได้ นับประสาอันใดกับการเปรียบเทียบเซี่ยเหยียน
พลังที่อยู่ในร่างของเซี่ยเหยียนนั้นแข็งเกร่งเหนือกว่าพลังโกลาหลหลายชั้น!
ผลที่อยู่ในร่างส่งผลแตกต่างเป็นอย่างมาก ยิ่งอยู่ในขอบเขตเดียวกันยิ่งสามารถเห็นได้ชัดเจน
ดังเช่น เมื่อซีต่อกรกับเหล่าจักรพรรดิเซียนของภพเซียน
การต่อสู้ในครั้งนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงช่องว่างความแตกต่างระหว่างพลังภายในร่าง
สิ่งมีชีวิตในภพเซียนฝึกตนด้วยพลังเซียน แต่ซีที่ฝึกฝนในแดนบรรพโกลาหล ย่อมฝึกฝนด้วยพลังโกลาหล พลังเซียนเองก็วิวัฒน์ขึ้นมาจากพลังโกลาหล ดังนั้นย่อมมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก หากจะกล่าวว่าไม่อาจเปรียบเทียบกันได้เลยก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
ความแตกต่างด้านคุณภาพ ไม่อาจชดเชยอย่างสมบูรณ์ได้ด้วยจำนวน
ยิ่งไปกว่านั้นวิชาที่ซีสำแดงออกมา ล้วนเป็นวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนบรรพโกลาหล อีกทั้งร่างกายของนางยังได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในทุกด้าน
รวมแล้วไกลเกินกว่าจักรพรรดิเซียนเหล่านั้นในภพเซียนจะสามารถเปรียบเทียบได้
ยามนั้นแม้จะเพิ่มพลังให้กับเหล่าจักรพรรดิเซียนอีกเท่าตัวก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ซีนั้นไม่อาจเทียบได้ ถึงขั้นอยู่คนละชั้นกันอย่างแท้จริง!
เซี่ยเหยียนนำหน้าเปิดทาง ส่วนพวกหลี่จิ่วเต้าเดินตามหลัง
‘ทรงพลังยิ่งนัก…’
หลี่จิ่วเต้าอดถอนหายใจภายในใจไม่ได้
เซี่ยเหยียนยังคงแข็งแกร่งและทรงพลังเหมือนเคย เหล่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหน้าต่างพากันหลีกทางให้เซี่ยเหยียนโดยไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
ทว่าก็ยังมีคนไม่ยอมไว้หน้า
ขณะที่พวกเขาเดินมาจนใกล้ถึงด้านหน้าแล้ว ก็มีอสูรตนหนึ่งขวางอยู่ไม่ยอมหลีกทาง
อสูรตนนั้นอยู่ในขั้นจักรพรรดิเซียน มาจากแดนเซียน นับเป็นหนึ่งในสิบยอดฝีมือของภพเซียนเทียม
มันอยู่ในแถวแรก ได้ใกล้ชิดกับบรรพจารย์ฝูเป็นอย่างยิ่ง เช่นนั้นแล้วมันจะยอมหลีกให้ได้อย่างไร
เมื่อเซี่ยเหยียนเอ่ยวาจาให้หลีกทาง มันก็หันกลับมาจ้องเซี่ยเหยียน หากไม่ใช่เพราะมันไม่ต้องการจะใช้กำลังในสถานที่แห่งนี้ เพราะไม่อยากสร้างความประทับใจอันเลวร้ายต่อหน้าบรรพจารย์ฝู มันจะต้องตรงเข้าไปฉีกเซี่ยเหยียนออกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน!
มันเป็นถึงหนึ่งในสิบยอดฝีมือแห่งแดนเซียน ไฉนจะต้องหลีกทางให้ผู้อื่นโดยง่ายด้วย?
คิดอันใดอยู่กัน!
ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน!
ทว่าเมื่อสายตาของมันสบเข้ากับดวงตาของเซี่ยเหยียน มันก็พลันสั่นสะท้านจนแทบจะทรุดร่างลงกับพื้น!
แววตานั่นคืออันใดกัน?
ประหนึ่งสามารถเจาะลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของมันได้!
มันไม่เคยพบเห็นแววตาที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้มาก่อน ราวกับว่าขอเพียงเซี่ยเหยียนต้องการ เพียงแค่จ้องมองก็สามารถสังหารมันจนสิ้นได้!
เช่นนั้นแล้ว มันยังจะเอาความกล้าจากที่ใดมาขัดขวาง?
รีบหลีกทางออกไปด้วยความหงอย
‘แข็งแกร่งยิ่งนัก เป็นที่พึ่งอันแสนมั่นคงและปลอดภัย!’
หลี่จิ่วเต้าอดชื่นชมในใจไม่ได้ ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาของเขา ทุกเรื่องราวคลี่คลายได้เพราะเซี่ยเหยียนมีความแข็งแกร่งเพียงพอ!
พวกเขาเดินไปถึงด้านหน้าสุด และได้เห็นเหล่า ‘สมบัติ’ ที่ถูกวางไว้บนพื้น
‘ดีจริง ๆ! รู้สึกว่าพวกมันทรงพลังเสียยิ่งกว่าสมบัติที่อยู่ในมือของข้า!’
หลี่จิ่วเต้ามอง ‘สมบัติ’ ที่ถูกวางบนพื้นด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก หากมีโอกาสสามารถแลกเปลี่ยนได้ เขาก็ต้องการจะแลกเปลี่ยนพวกมันมา
ชายหนุ่มอดลอบถอนหายใจไม่ได้ บรรพจารย์ฝูสมแล้วที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน การกระทำของเขาเองก็ล้ำลึกจนผู้คนไม่อาจคาดเดาได้โดยง่าย
การนำสมบัติเหล่านี้ออกมาแลกสิ่งของที่ธรรมดากว่า มีเพียงแค่ผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานเช่นบรรพจารย์ฝูเท่านั้นที่สามารถทำได้
ผู้ฝึกตนคนอื่นไม่อาจทำเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของบรรพจารย์ฝูทางอ้อมอีกด้วย
‘สมบัติ’ บนพื้นล้วนดูเหนือชั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าดวงตาของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแทบจะลุกเป็นไฟ แต่ก็ไม่มีผู้ใดหาญกล้าออกมาแย่งชิง ‘สมบัติ’ เหล่านี้
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บรรพจารย์ฝูนั้นแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม
ขณะเดียวกัน นี่ก็ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในความแข็งแกร่งของ ‘สมบัติ’ เหล่านี้มากยิ่งขึ้น เขาจึงต้องการจะแลกเปลี่ยนมัน
‘ที่แท้ก็เป็นเขา!’
ลั่วสุ่ยคิดกับตัวเอง มองออกมาว่าบรรพจารย์ฝูคือผู้ใด
ที่แท้ก็เป็นชายชราผู้นั้นที่มาหลอกหลวงพวกเขา
รูปลักษณ์โฉมหน้าของบรรพจารย์ฝูในตอนนี้ ไม่เหมือนกับชายชราในยามนั้นแม้แต่น้อย แตกต่างกันเป็นอย่างมาก
ทว่าแม้รูปลักษณ์หน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่ลมหายใจไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นางเพียงได้พบบรรพจารย์ฝูครู่เดียว ก็สามารถสัมผัสได้ว่าลมหายใจของบรรพจารย์ฝูนั้นให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ตอนนี้นางสามารถจดจำได้แล้ว
นางกลายเป็นบรรพจารย์เซียนเรียบร้อยแล้ว อยู่ในขั้นเดียวกับบรรพจารย์ฝู ทว่าบรรพจารย์ฝูนั้นไม่อาจเทียบกับนางได้แม้แต่น้อย ความแตกต่างที่มีนั้นมากเกินไป
บรรพจารย์เซียนแต่กำเนิดนั้นไม่อาจเทียบได้กับผู้ที่ก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์เซียนได้ด้วยตนเอง อีกทั้งพลังที่ใช้ฝึกฝนในร่างของลั่วสุ่ยนั้นอยู่เหนือชั้นยิ่งกว่าพลังในร่างกายของบรรพจารย์ฝูหลายขั้น ยิ่งทำให้บรรพจารย์ฝูไม่อาจเปรียบเทียบได้มากกว่าเดิม
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า หากลั่วสุ่ยและบรรพจารย์ฝูต่อสู้กัน ลั่วสุ่ยจะสามารถสังหารบรรพจารย์ฝูได้อย่างง่ายดายโดยการโบกมือเพียงครั้งเดียว ความแตกต่างนั้นห่างชั้นกันถึงปานนี้!
‘นี่เป็นหลุมพรางที่สร้างขึ้นมาเพื่อพวกเราโดยเฉพาะ!’
ลั่วสุ่ยมองเหล่า ‘สมบัติ’ บนพื้นออกอย่างรวดเร็ว พวกมันล้วนแล้วแต่ไร้ค่าไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
เมื่อนึกถึงเรื่องแลกเปลี่ยนสิ่งของขึ้นมาแล้ว นางก็เข้าใจได้ในทันทีว่า บรรพจารย์ฝูต้องการแลกศาสตราเหล่านั้นกลับไป!
‘คิดอันใดอยู่! กล้าเล่นลูกไม้ต่อหน้าคุณชายอย่างนั้นหรือ!’
ลั่วสุ่ยอดรู้สึกขบขันขึ้นมาไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดบรรพจารย์ฝูจึงแปรเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากภายในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แต่การที่บรรพจารย์ฝูคิดว่าจะสามารถเล่นลูกไม้เช่นนี้กับพวกนางได้ นับเป็นเรื่องน่าขันยิ่ง
ในที่สุดก็มาแล้ว!
หลังจากที่บรรพจารย์ฝูเห็นพวกหลี่จิ่วเต้าเดินมาถึงด้านหน้า ภายในใจก็คิดว่าพวกหลี่จิ่วเต้าช่างโลภในของราคาถูกเสียจริง!
‘ดีมาก! ข้ายังกลัวว่าพวกเจ้าจะไม่คิดโลภของราคาถูกจนไม่มาเสียแล้ว! ตอนนี้พวกเจ้ามาแล้วก็เตรียมตัวตกหลุมพลางของข้าได้เลย!’
คิดในใจอย่างมั่นใจ เขาฟื้นฟูพลังของบรรพจารย์เซียนกลับมาแล้ว ยังจะต้องเกรงกลัวสิ่งใดอีก?
ย่อมไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวสิ่งใด!
‘เริ่มการแสดงของข้าได้!’
บรรพจารย์ฝูกล่าวกับตนเอง เตรียมพร้อมเริ่มการแสดง
เขาต้องการทำให้พวกหลี่จิ่วเต้าทุกคนร่ำไห้ออกมา!
[1] คุณชายเฉียน (签公子) หมายถึง ดาราชายคนหนึ่งที่โดนคดีล่วงละเมิดทางเพศผู้เยาว์
[2] คุณชายซวี (虚公子) หมายถึง ดาราชายอีกคนที่โดนประเด็นเรื่องผิดศีลธรรมและไม่ให้เกียรติผู้หญิง [3] คุณชายเฉียนซวี คือ การนำชื่อของทั้งสองมารวมกัน มีความหมายล้อเลียนเชิงว่า ไร้น้ำยา จอมปลอม