ในขณะเดียวกัน
ผู้อ่านต่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา
‘เจ้าแก่ฉู่ขวงกลับมาแวดวงแฟนตาซีแล้ว?’
‘ในที่สุดคุณก็กลับมา ยังดีที่คุณไม่ยอมแพ้!’
‘หลังจากเขียนคนขุดสุสานจบ เจ้าแก่ฉู่ขวงก็ไม่เขียนนิยายแฟนตาซีอีกแล้ว ฉันยังคิดว่า เจ้าแก่ฉู่ขวงไม่คิดจะเขียนนิยายแฟนตาซีอีกแล้ว’
‘เอาละ วัยเยาว์ของฉันกลับมาแล้ว!’
‘นิยายสืบสวนสอบสวนของเจ้าแก่ฉู่ขวง ฉันไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขียนดีหรือไม่ดี ประเด็นคือฉันไม่ได้สนใจนิยายสืบสวนสอบสวน ฉันชอบนิยายแฟนตาซีมากว่า’
‘การกลับมาในครั้งนี้ของฉู่ขวงเพราะมาชิงตำแหน่งเทพสูงสุดสินะ’
‘ถ้าเจ้าแก่ฉู่ขวงคว้าตำแหน่งได้สำเร็จ เขาก็จะเป็นเทพสูงสุดที่มีผลงานน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์!’
‘…’
อันที่จริงฉู่ขวงมีจำนวนผลงานมากแล้ว
แต่เกณฑ์ในการคัดเลือกมหาเทพและเทพสูงสุดนั้นอ้างอิงจากนิยายแฟนตาซี
ผลงานของนิยายสืบสวนสอบสวนไม่นับรวม
เพราะฉะนั้นเมื่อนับรวมกันแล้ว ปัจจุบันนี้ฉู่ขวงมีนิยายแฟนตาซีเพียงสามเรื่องเท่านั้น
เรื่องที่หนึ่งคือ ‘เจ้าชายลูกสักหลาด’
เรื่องที่สองคือ ‘กระบี่เทพสังหาร’
เรื่องที่สามคือ ‘คนขุดสุสาน’
นี่คือเหตุผลที่จินมู่เอ่ยอย่างอ้อมค้อมว่า หลินเยวียนพอผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเทพสูงสุด ถ้าคิดจะทำให้สำเร็จต้องมีผลงานอีกสักหนึ่งถึงสองเรื่อง
ผลงานของเขายังมีไม่มาก
โชคดีที่แม้จะมีจำนวนไม่มาก วัดกันที่คุณภาพ
นิยายแฟนตาซีสามเรื่องของฉู่ขวง ล้วนไม่อาจมองข้ามได้ทั้งในแง่ของยอดขายหรืออิทธิพล
ไม่ทันไร
ทั้งในและนอกวงการ ต่างพูดคุยกันถึงการกลับมาของฉู่ขวงในแวดวงนิยายแฟนตาซี
หลายคนตกตะลึงเมื่อได้ยินข่าวการกลับมาสู่แวดวงนิยายแฟนตาซีของฉู่ขวง
แต่เมื่อทุกคนสงบลงแล้ว หลายคนจึงตระหนักได้ว่าการที่ฉู่ขวงหมายจะชิงตำแหน่งเทพสูงสุด นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนคิด
มีบรรณาธิการวิเคราะห์
‘บางอาจเป็นเพราะฉู่ขวงประสบความสำเร็จตั้งแต่เปิดตัว ปกคลุมไปด้วยออร่านับไม่ถ้วน ดังนั้นทุกคนจึงคิดไปตามสัญชาตญานว่าเขาคิดจะท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุด แล้วจะประสบความสำเร็จ แม้แต่จิตใต้สำนึกฉันยังเชื่อแบบนั้นเมื่อรู้ข่าวนี้ ราวกับตำแหน่งเทพสูงสุดมาอยู่ในกระเป๋าของฉู่ขวงแล้ว
แต่ทุกคนมองข้ามความจริงข้อหนึ่งไป!
ความจริงข้อนี้คือ
นิยายแฟนตาซีของฉู่ขวงนั้นมีจำนวนน้อยเกินไป ถึงแม้เขาจะใช้คุณภาพเข้าสู้ แต่ยังห่างไกลจากเกณฑ์ของเทพสูงสุดไปมาก ตอนนี้ทำได้เพียงผ่านเกณฑ์พอดิบพอดี
หลายคนอาจไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันกำลังสื่อ
ฉู่ขวงเก่งขนาดนี้ ไม่คู่ควรกับตำแหน่งเทพสูงสุดหรืออย่างไร
คู่ควรสิ แน่นอนว่าคู่ควร ฉู่ขวงมีความสามารถมากพอที่จะเป็นเทพสูงสุด
แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่ทุกคนต้องเข้าใจ คือการมีความสามารถ กับการทำออกมาได้จริงนั้นเป็นคนละเรื่องกัน ในที่นี้ฉันขอยกตัวอย่างจากเซี่ยนอวี๋เพื่อนรักของฉู่ขวง
เราต่างรู้ดี ว่าเซี่ยนอวี๋ได้รับสมญานามว่าพ่อเพลงตัวน้อย
ไม่มีใครคลางแคลงในความสามารถด้านการประพันธ์เพลงที่เซี่ยนอวี๋มี!
แต่เพราะเซี่ยนอวี๋อายุน้อยเกินไป จำนวนผลงานยังมีไม่มาก เพราะฉะนั้นเซี่ยนอวี๋จึงไม่ได้รับการยกย่องในฐานะพ่อเพลงจากสมาคมวรรณศิลป์ ถึงอย่างไรเซี่ยนอวี๋ก็ยังไม่บรรลุมาตรฐานที่เข้มงวดในการเป็นพ่อเพลง
ฉู่ขวงก็เช่นกัน
ฉู่ขวงในยามนี้มีความสามารถเข้าท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุด เช่นเดียวกับเซี่ยนอวี๋ในขณะนี้ซึ่งมีคุณสมบัติเพียงพอต่อการเป็นพ่อเพลง แต่พวกเขาเผชิญกับปัญหาลักษณะเดียวกัน
ไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่เข้มงวด
ทั้งสองคนนี้ต่างเป็นเลิศในสาขาของตน อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเซี่ยนอวี๋แล้ว ฉู่ขวงยังใกล้กับมาตรฐานที่เข้มงวดของเทพสูงสุดมากกว่า ถึงอย่างไรสิ่งที่การแข่งขันที่เซี่ยนอวี๋ต้องเผชิญนั้นมาจากทั่วทั้งวงการเพลง แต่การแข่งขันที่ฉู่ขวงเผชิญในครั้งนี้กลับไม่ใช่ทั้งวงการนิยาย ทว่าจำกัดอยู่ในแวดวงนิยายแฟนตาซี
แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น ฉู่ขวงก็ยังขาดผลงานมากกว่าหนึ่งชิ้น
เพราะฉะนั้นข้อสรุปของฉันก็คือ หากฉู่ขวงคิดจะคว้าตำแหน่งเทพสูงสุด เขายังต้องการผลงานระดับเดียวกับคนขุดสุสานอีกอย่างน้อยสองเรื่อง!
เพียงเรื่องเดียวย่อมไม่เพียงพออย่างแน่นอน
นอกเสียจากว่าหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวง จะเทียบเทียมกับคนขุดสุสานถึงสองเรื่อง!
ถึงกระนั้น เราต่างก็รู้ดีว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ สำหรับนิยายแฟนตาซีแล้ว คนขุดสุสานคือจุดสูงสุด
ยังไม่ต้องบอกว่าหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงจะเทียบเทียมกับนิยายชุดคนขุดสุสานถึงสองเรื่องได้ ลำพังคิดจะทำให้ได้เหนือกว่าคนขุดสุสานก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
ฉะนั้น
ฉันจึงคิดว่าทุกคนคิดมากไป
หนังสือชื่อว่า ‘บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ’ เรื่องนี้ของฉู่ขวงไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อชิงตำแหน่งเทพสูงสุด แต่เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุด
การวิเคราะห์นี้ ทำให้หลายคนเกิดปฏิกิริยาตอบสนอง
ใช่แล้ว
ฉู่ขวงคือผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุดที่แข็งแกร่ง
แต่เพราะสองปีที่ผ่านมานี้ ฉู่ขวงไม่ได้เขียนนิยายแฟนตาซี เพราะฉะนั้นจำนวนผลงานของเขาจึงมีข้อบกพร่อง
นิยายสามเรื่องได้เป็นมหาเทพ ก็น่ากลัวมากแล้ว
หากใช้ผลงานแค่สี่เรื่องก็ก้าวขึ้นเป็นเทพสูงสุด?
แข็งแกร่งเกินไป
ในวงการไม่มีเทพสูงสุดคนใด ที่มีนิยายแฟนตาซีเพียงสี่เรื่องใต้นามปากกาของพวกเขา
เกรงว่าคงต้องรอจนกว่านิยายแฟนตาซีเรื่องต่อไปของเซี่ยนอวี๋ปล่อยออกมาเสียก่อน เขาถึงจะประสบความสำเร็จในการท้าชิง
เรื่องนี้
มีคนเปรียบเทียบได้อย่างเห็นภาพ
‘หากบอกว่า นี่คือการแข่งขันในระยะยาว เช่นนั้นเยี่ยหนานทิงเฟิงก็วิ่งไปได้เก้าสิบหน้าเปอร์เซ็นต์ของเส้นทาง ส่วนหมัวถงวิ่งไปได้เก้าสิบสามเปอร์เซ็นต์ แต่ปัจจุบันนี้ฉู่ขวงวิ่งไปได้เพียงแปดสิบเปอร์เซ็นต์!’
เช่นเดียวกับ ‘กระต่ายกับเต่า’
ในที่สุดเต่าก็คว้าชัย
ทำไมไม่ใช่กระต่ายซึ่งรวดเร็วกว่า?
ก็เพราะกระต่ายหยุดระหว่างทาง
ฉู่ขวงก็คือกระต่ายตัวนั้นหยุดระหว่างทาง
ในระยะประมาณสองปีมานี้ ฉู่ขวงง่วนอยู่ในวงการนิยายสืบสวนสอบสวน ไม่ได้เขียนนิยายแฟนตาซี
แต่หมัวถงและเยี่ยหนานทิงเฟิงกลับเขียนมาโดยตลอด ทั้งยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
ไม่ใช่เรื่องง่ายถ้าหากฉู่ขวงคิดจะตามให้ทันในตอนนี้ ต่อให้เขาเป็นกระต่ายที่เร็วกว่าเต่ามากก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยหนานทิงเฟิงและหมัวถงจะแย่แค่ไหน พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าเต่า
ต่อให้ต้องแข่งกับฉู่ขวง ทั้งสองคนนี้ก็นับว่าเป็นนักเขียนแนวแฟนตาซีที่ฝีมือโดดเด่นทั้งคู่
ทันใดนั้นเอง
ในวงการต่างเข้าใจสถานการณ์นี้
บรรณาธิการจากสำนักพิมพ์ซึ่งเยี่ยหนานทิงเฟิงสังกัดอยู่เอ่ยขึ้นอย่างหวั่นเกรง ‘กลัวแทบแย่ ตอนที่ได้ยินว่าเซี่ยนอวี๋กลับมา ผมยังคิดซะอีกว่าปีนี้เยี่ยหนานทิงเฟิงจะเหน็บหนาวซะแล้ว’
สำนักพิมพ์ของหมัวถงก็หวั่นกลัวอยู่เช่นกัน
ช่วยไม่ได้
อิทธิพลของฉู่ขวงนั้นเหี้ยมโหดมากในแวดวงนิยายแฟนตาซี!
เหี้ยมโหดถึงขั้นหลายคนลำพังได้ยินชื่อฉู่ขวง ก็กดขวัญผวาไม่ได้
โชคดี!
ที่ฉู่ขวงยังห่างไกลจากมาตรฐานการคัดเลือกเทพสูงสุด
ผลงานชิ้นเดียวไม่เพียงพอ !
อย่างน้อยต้องมีผลงานสักสองชิ้น!
นอกเสียจากว่าหนังสือเรื่องใหม่ของฉู่ขวงอย่างบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศจะเทียบเท่ากับสองเรื่องได้!
แต่ทุกคนในวงการก็ตระหนักดีถึงความยากลำบาก
เนื่องจากในตอนนั้นกระแสของเรื่องคนขุดสุสานรุนแรงมาก!
ฉู่ขวงพยายามดิ้นรนเพื่อให้เหนือกว่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผลงานซึ่งกระแสนิยมเหนือกว่าคนขุดสุสานสองเท่า!
ทันใดนั้นเอง
การวิเคราะห์เช่นนี้แพร่หลายเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่สื่อในโลกศิลปะวัฒนธรรม ยังรายงานเรื่องที่คล้ายคลึงกัน
‘ฉู่ขวงท้าชิงเทพสูงสุด? ไม่ง่ายถึงเพียงนั้น’
‘วิเคราะห์ระดับความยากในการการท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุดของฉู่ขวง: เยี่ยหนานทิงเฟิงกับหมัวถงมีหวังมากกว่า’
‘ฉู่ขวงท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุด ผลงานเพียงชิ้นเดียวไม่พอ’
‘ว่าด้วยความยากในการชิงตำแหน่งเทพสูงสุดของฉู่ขวง: ระดับฝันร้าย!’
‘ฉู่ขวงหวนคืนวงการนิยายแฟนตาซี หรือเตรียมท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุด แต่ในวงการไม่ชอบใจ’
‘ผู้เชี่ยวชาญในวงการหนังสือฟันธง การท้าชิงตำแหน่งเทพสูงสุดของฉู่ขวงในปีนี้จะล้มเหลว