ตอนที่ 781 เยี่ยมเยียนอู๋เสี่ยวเจี๋ยนในคุก
ในไม่ช้าก็ถึงวันเสาร์ หลินม่ายรับประทานอาหารกลางวันในตอนเที่ยงและขอลาจากที่ปรึกษาก่อนจะขับรถเข้าร่วมการประมูล
เนื่องจากช่วงนี้หลินม่ายยุ่งกับงาน จึงขับรถเมเซเดส-เบนซ์ไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อให้งานและการเรียนสมดุลกัน
เมื่อเธอขับรถไปยังสถานที่ประมูลของธนาคารที่พ่อไป๋ทำงานอยู่ เธอก็ลงจากรถ
ชายร่างผอมหน้าตาบูดบึ้งคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เหล่ตามองเธอ
แววตาของเขาเปี่ยมด้วยความชั่วร้าย
ชายผู้น่าสมเพชคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนซึ่งได้รับการปล่อยตัวหลังจากรับโทษเมื่อปลายปีที่แล้ว
ทันทีที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับการปล่อยตัวจากคุก เขาก็รีบไปยังหมู่บ้านหวังทันทีเพื่อพบหลินเพ่ยคนรักของเขา
แม้ว่าเขาจะติดคุกมาแล้วสองปี แต่หลินเพ่ยก็ไม่เคยมาหาเขาเลยสักครั้ง
แต่เขาไม่ได้โกรธหล่อนเลย และเชื่อว่าผู้หญิงของเขาต้องมีเหตุผลที่ไม่มาพบเขา
เขารักหล่อน แล้วเขาจะสนใจเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ได้อย่างไร?
แต่ในใจเขาเกลียดหลินม่ายแทบตาย
แม้ผู้หญิงคนนี้จะเคยเดินทางมาเยี่ยมเยียนเขาเมื่อครั้งติดคุก
แต่เวลานั้นเธอมาเพื่อบอกเขาว่าหลินเพ่ยและพ่อแม่ของหล่อนถูกคุมขัง ราวกับว่าเธอเดินทางมาที่นี่เพื่อต้องการจะเยาะเย้ยเขา
แม้ว่าหลินม่ายจะเป็นมนุษย์มาสองชั่วอายุคนในเวลานั้น แต่เขาก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้
ผู้ชายคนนี้เมื่อรู้สึกเกลียดชังใคร ต่อให้อีกฝ่ายไม่ทำสิ่งใด เขาก็ยังปรารถนาให้บุคคลที่เขาเกลียดชังตาย
แต่หากได้รักใครแล้ว แม้ผู้หญิงคนนั้นจะฆ่าครอบครัวของเขาทั้งหมด เขาจะไม่รู้สึกว่าหล่อนเป็นคนผิด และจะคิดเสมอว่าครอบครัวของเขาสมควรตาย
เมื่อได้รู้เช่นนั้น หลินม่ายก็พลันตระหนักได้ว่าความรักของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่มีต่อหลินเพ่ยนั้นลึกซึ้งกว่าที่เธอคิด
หลินม่ายไม่ไปเยี่ยมเยียนอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอีกเลย เธอไปเยี่ยมเขาในเรือนจำครั้งนั้นเพียงครั้งเดียว
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่พอใจกับเรื่องนี้
ผู้หญิงเลวคนนี้หลงรักเขาหรืออย่างไร?
ทำไมเธอถึงมักมาปั่นป่วนเมื่อเขาอยู่ในคุก?
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเกลียดหลินม่ายอย่างสุดซึ้ง และเขาก็พยายามคิดหาวิธีกำจัดเธอให้ได้
หากเขาทำร้ายเธอได้สำเร็จ เธอก็ไม่ควรสู้กลับ เพราะหากเธอสู้กลับ เธอก็สมควรตาย!
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนวางแผนว่า ทันทีที่เขาถูกปล่อยตัวออกจากคุก เขาจะมาพบหลินเพ่ยก่อนเพื่อดูว่าหล่อนสบายดีหรือไม่
จากนั้นเขาก็จะเดินทางไปสั่งสอนหลินม่าย เพราะเธอพยายามเยาะเย้ยเขาเมื่อครั้งถูกคุมขังในคุก
แต่เมื่อเขาวิ่งไปยังหมู่บ้านหวังด้วยความตื่นเต้น เขาก็รู้ว่าหลินเพ่ยได้เดินตามรอยเท้าของเขาและติดคุกไปแล้ว
ปฏิกิริยาแรกของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนคือ เขาคิดว่าการจำคุกของหลินเพ่ยต้องเกิดจากหลินม่ายอย่างแน่นอน
เขาถามชาวบ้านว่าทำไมหลินเพ่ยถึงติดคุก แต่ทุกคนก็ไม่ทราบเหตุผลที่ชัดเจน
เขาได้ยินพี่สะใภ้ของหลินเพ่ยพูดอย่างคลุมเครือว่า เป็นเพราะหล่อนขโมยเงินจำนวนมากจากคนอื่น จึงถูกจับได้และส่งเข้าคุก
คุกไม่ใช่ที่พักอาศัย
ยามที่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนคิดว่าเทพธิดาของเขาต้องทนทุกข์ทรมานในคุก เขาก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเกินจะพรรณนา
เขาเชื่อมั่นว่าเทพธิดาของเขาไม่ใช่หัวขโมย และนั่นต้องเป็นความผิดของหลินม่าย
เขาสาปแช่งหลินม่ายอย่างบ้าคลั่งในใจ แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านหวังกำลังพูดถึงความชั่วร้ายของหลินเพ่ยอย่างดูถูก
แม้ว่าหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาจะสมควรตายในข้อหาฆาตกรรม แต่หลินเพ่ยลูกสาวของพวกเขาเองที่รายงานเรื่องนี้ต่อตำรวจเพื่อให้พ่อแม่ของตัวเองถูกจับ แต่ตัวเองกลับถูกลดโทษ คนแบบนี้เลวร้ายเสียยิ่งกว่างูพิษ
ชาวบ้านพูดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกอยากจะด่าทอและต่อว่าหลินเพ่ย
อารมณ์ของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนแทบระเบิดเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาโกรธจนอยากจะแทงชาวบ้านเหล่านี้ให้ตายไปทีละคน
เขาคิดในใจ ‘ในเมื่อพ่อแม่ของหลินเพ่ยทำผิดจริง ก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะถูกจับ’
ทำไมชาวบ้านเหล่านั้นถึงต้องด่าว่าเทพธิดาของเขา?
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเกลียดชาวบ้านของหมู่บ้านหวังเป็นอย่างมากในเรื่องนี้
ในยามค่ำคืนของวัน แม้จะเป็นฤดูหนาว แต่อู๋เสี่ยวเจี้ยนกลับยังคงไม่หลับใหล บุกนำอิฐไปขว้างปาใส่บ้านของผู้อื่น
เป็นผลให้ครอบครัวหนึ่งจับเขาไว้ได้ และคนทั้งหมู่บ้านต่างก็ทุบตีเขาและโยนเขาออกจากหมู่บ้าน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนลากร่างที่บาดเจ็บของเขาเดินทางไปทางเหนือเพื่อตามหาหลินเพ่ยตามข้อมูลที่ได้จากหลินสง
เพื่อขอเงินจากผู้อื่น อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแสร้งทำเป็นพิการตลอดทาง
เขาแสร้งทำเป็นคนพิการจนหลอกคนใจดีหลายคนได้สำเร็จ
น่าเสียดายที่ขอเงินไปเท่าใดก็ไม่มีประโยชน์
ทันทีที่ได้เงินมาก็มักถูกโจรปล้นหรือขโมยไป ตลอดการเดินทางของเขาล้วนเผชิญอาชญากรรมมากมาย
เมื่อมาถึงเมืองหลวง เขาเหลือเงินเพียงไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น
ทุกอย่างในเมืองหลวงมีราคาแพง ดังนั้นเขาจึงต้องพักในโรงแรมที่ถูกที่สุด
จากนั้นก็ลอบเข้าบ้านของครอบครัวหนึ่งและขโมยเสื้อผ้าสองสามชุดที่แขวนอยู่ข้างนอกเพื่อเปลี่ยน
เขาแอบเข้าไปอาบน้ำและทำความสะอาดตัวเองให้เรียบร้อย
เขาซื้อซาลาเปาเนื้อและหัวหมูตุ๋นมา แต่กลัวว่าซาลาเปาเนื้อและหัวหมูจะเย็นเสียก่อน จึงห่อให้แน่นด้วยเสื้อโค้ทหนาแล้วไปเยี่ยมหลินเพ่ยในคุก
ในขณะที่เขากำลังรอเทพธิดาของเขาด้วยความคาดหวัง ผู้คุมเรือนจำก็มาหาเขาพร้อมกับผู้หญิงที่มีใบหน้าเป็นหลุมเป็นบ่อ จมูกเบี้ยว และแก้มที่ไม่สมส่วน
เมื่อมองไปยังหลุมและโพรงบนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ ความหวาดกลัวอย่างรุนแรงก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน เขารู้สึกชาจนถึงหนังศีรษะ
เขายืนขึ้นด้วยความกลัว ถอยไปสองสามก้าวแล้วพูดกับผู้คุม “หล่อนเป็นใครครับ? ทำไมคุณถึงพาผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้มาหาผม?”
ความลำบากใจและความขุ่นเคืองฉายแววในสายตาของหลินเพ่ยผู้ซึ่งอู๋เสี่ยวเจี้ยนเรียกว่าผู้หญิงอัปลักษณ์ แต่มันก็หายไปในไม่ช้า
ผู้คุมมองดูสมุดบันทึกในมือ “คนที่คุณต้องการพบคือหลินเพ่ยไม่ใช่เหรอครับ?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพยักหน้า “ใช่ แต่หล่อน…”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยผู้คุมเรือนจำ “หล่อนคือหลินเพ่ยที่คุณต้องการพบ” หลังจากพูดจบ เขาก็ยืนอยู่ข้า ๆ และปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจ้องมองงผู้หญิงอัปลักษณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
รูปร่าง ท่าทาง แววตา… เห็นได้ชัดว่าคือหลินเพ่ย
สายตาของเขาค่อย ๆ อ่อนโยนลง เบ้าตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และถามด้วยเสียงสั่นเครือ “เพ่ยเพ่ย นั่นคือคุณ… คุณจริง ๆ เหรอ?”
หลินเพ่ยร้องไห้และพยักหน้าอย่างรุนแรง “ฉันเองค่ะ เป็นฉันจริง ๆ”
หล่อนรู้จักบีบน้ำตาเพื่อที่จะเรียกร้องความสงสารจากอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
หัวใจของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอ่อนยวบลงทันที
ทั้งสองนั่งลงและหันหน้าเข้าหากัน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนวางซาลาเปาเนื้อและหัวหมูตุ๋นที่เขาซื้อมาต่อหน้าหลินเพ่ยและกัดฟันถาม “ทำไมคุณถึงติดคุกได้ล่ะ? เป็นเพราะนังสารเลวหลินม่ายเหรอ?”
หลินเพ่ยส่ายศีรษะขณะสวาปามหัวหมูตุ๋น “ไม่ใช่หล่อนหรอก แต่เป็นไป๋ซวง”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนถามด้วยความสงสัย “ใครคือไป๋ซวง?”
“เป็นน้องสาวที่แม่สลับตัวกับหลินม่าย”
ภายใต้คำบรรยายของหลินเพ่ย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเพิ่งรู้ว่าตอนที่หลินม่ายยังอยู่ในวัยทารก ซุนกุ้ยเซียงได้แลกเปลี่ยนไป๋ซวงกับหลินม่าย
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลินม่ายต้องทนทุกข์ทรมานในตระกูลหลิน ในขณะที่ไป๋ซวงมีชีวิตที่ดีในครอบครัวระดับสูง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของหลินเพ่ยก็แสดงความไม่เต็มใจและความเกลียดชัง เช่นเดียวกับความอิจฉาริษยา
แววตาชั่วร้ายนั้นยิ่งเพิ่มความอัปลักษณ์ให้กับรูปลักษณ์อันน่าเกลียดของหล่อน แน่นอนว่าไม่มีใครจะทนมองหล่อนได้ในเวลานี้ มีเพียงอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเท่านั้นที่ยังเฝ้าดูหล่อนได้
หลังจากกินหัวหมูตุ๋นไปหลายชิ้น หลินเพ่ยก็พูดต่อ “นังสารเลวไป๋ซวงกลัวว่าตัวตนของตัวเองจะถูกเปิดโปง จึงใส่ร้ายฉันและโยนฉันเข้าคุก”
หล่อนพูดพล่ามด้วยความไม่พอใจ
แน่นอนว่าคำพูดของหลินเพ่ยเป็นเพียงเรื่องที่หล่อนแต่งขึ้นเอง หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเอ่ยถามเพิ่มเติมอีกสองสามประโยค เขาก็จะรู้ว่าหลินเพ่ยพูดแต่คำโกหก
ทว่าต่อให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะรู้ว่าหล่อนโกหก เขาก็ยินดีจะปักใจเชื่อ
หลินเพ่ยรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นแม้ว่าการโกหกของหล่อนจะไร้น้ำหนัก แต่หล่อนก็ไม่กังวลว่าจะถูกอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจับได้
เพราะเขามักจะแกล้งตาบอดต่อหน้าหล่อน ดังนั้นจึงมองเห็นแต่เพียงความงดงามของหญิงผู้นี้
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเต็มไปด้วยด้วยความโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น และถามหลินเพ่ยเกี่ยวกับที่อยู่บ้านและมหาวิทยาลัยของไป๋ซวง
เขาจะซุ่มโจมตีหล่อนเพื่อมอบบทเรียนที่สาสม
เขาจะต่อสู้อย่างสิ้นหวังกับใครก็ตามที่กล้าทำร้ายเทพธิดาของเขา!
หลินเพ่ยเห็นว่าแม้ตนจะเสียโฉม แต่อู๋เสี่ยวเจี้ยนยังคงตั้งใจแน่วแน่ที่จะสละเลือดเนื้อเพื่อหล่อน
หล่อนจึงพูดแผ่วเบา “พี่ชายของฉันบอกว่า ไป๋ซวงถูกไล่ออกจากตระกูลไป๋และไม่ทราบว่าหล่อนอยู่ที่ไหนในตอนนี้ แม้ไป๋ซวงจะทำร้ายฉันอย่างเจ็บแสบ แต่คุณจะไม่ทำร้ายหล่อนใช่ไหมคะ? เสี่ยวเจี๋ยน คุณเป็นคนดี อย่าคิดทุบตีไป๋ซวงอีกเลยค่ะ เฉาต๋าผู้ชายคนนั้น…มาเยี่ยมฉันเมื่อคราวที่แล้ว และเขาได้ยินว่าไป๋ซวงวางแผนต่อต้านฉัน เขาเองก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเช่นเดียวกับคุณ คุณคิดว่าเขาทำยังไง?”
หลินเพ่ยกำลังสร้างเรื่องว่า นับตั้งแต่ที่หล่อนเข้าคุก อดีตชายหนุ่มที่เคยหลงรักหล่อนยังคงโหยหาหล่อน
หลังจากหล่อนถูกคุมขัง หล่อนก็กลายเป็นผู้โดดเดี่ยว แล้วใครจะมาเยี่ยมหล่อนในคุกได้?
ใครบ้างจะต้องการมองใบหน้าอันอัปลักษณ์ของหล่อน?
หล่อนเพียงแอบอ้างชื่อของชายคนนี้เพื่อชักจูงใจของเสี่ยวอู๋เจี้ยน
สิ่งนี้จะทำให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนรู้สึกว่าเขามีคู่แข่งมากมายในความรัก และอู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะซื่อสัตย์ต่อหล่อนยิ่งกว่าสุนัข
เคล็ดลับนี้ หลินเพ่ยพยายามซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในชีวิตที่แล้ว หล่อนมายังเจียงเฉิงด้วยความช่วยเหลือของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
ด้วยรูปลักษณ์และการศึกษาของหล่อน แม้จะได้งานเป็นเสมียนสำนักงานในองค์กรเอกชน แต่ใครเล่าจะคิดจริงจังกับหล่อน?
ทว่าหล่อนจงใจบอกอู๋เสี่ยวเจี๋ยนว่าวันก่อนมีคนชวนหล่อนไปกินหมูหันย่าง และวันต่อมาก็มีคนมอบดอกไม้ให้หล่อน
อู๋เสี่ยวเจี้ยนที่หลงรักหล่อนหัวปักหัวปำรู้สึกไม่พอใจทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้
เขายิ่งมีความรักใคร่หึงหวงต่อหล่อนเพิ่มมากขึ้น
มิฉะนั้น เขาคงไม่ส่งอู๋เสี่ยวเถาน้องสาวคนโตของเขาไปยังเตียงของเจ้านายเป็นการส่วนตัวเพื่อให้หลินเพ่ยได้เลื่อนตำแหน่งในบริษัท
แน่นอนว่าเมื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ยินคำว่าเฉาต๋า หัวใจของเขาก็ราวกับถูกบีบรัด
เมื่อได้ยินเรื่องราว เขาก็รีบถามหลินเพ่ยกลับทันที “เขาทำยังไง?”
“เขาลากไป๋ซวงไปยังป่าเพื่อถ่ายรูปอนาจารของหล่อน และทำให้ผู้คน…”
หล่อนลังเลที่จะบอกว่าเฉาต๋าทำอะไรกับไป๋ซวง
อย่างไรก็ตาม เฉาต๋าอยู่ในชนบทของหูเป่ย ห่างจากเมืองหลวงหนึ่งแสนแปดพันไมล์
เป็นไปไม่ได้ที่อู๋เสี่ยวเจี้ยนจะกลับไปยังหูเป่ยและตามหาเฉาต๋าเพื่อยืนยันในเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้
หลังได้ยินสิ่งที่หลินเพ่ยพูด อู๋เสี่ยวเจี้ยนก็ไม่พูดอะไร แต่เขาวางแผนทุกอย่างไว้ในใจแล้ว
เขาคิดเพียงว่าต้องทำตัวให้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าเฉาต๋า เพื่อให้หญิงที่รักพึงพอใจ
หลินเพ่ยรู้จักอู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นอย่างดี เมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนี้ หล่อนก็รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป
หล่อนรู้สึกมีความสุขอย่างมากในใจ และเอ่ยเกลี้ยกล่อมแผ่วเบา “เสี่ยวเจี๋ยน คุณต้องไม่เหมือนเฉาต๋านะ ฉันไม่ชอบ”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกลับมามีสติและยิ้มให้หล่อน “อย่ากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ผมทำไปเลย รู้แค่ว่าผมจะภักดีต่อคุณตลอดไปก็พอ”
เขามองดูใบหน้าเสียโฉมของหล่อน แล้วถามอย่างระมัดระวัง “หน้าคุณไปโดนอะไรมา?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินเพ่ยก็เริ่มร้องไห้อีกครั้งทันที
หากเป็นเมื่อก่อนหล่อนคงร่ำไห้เพียงเพื่อเรียกร้องความสงสาร
แต่ตอนนี้หล่อนร่ำไห้ให้กับความอัปลักษณ์ของตัวเอง
หากเป็นคนอื่น เมื่อได้เห็นการร้องไห้ที่ละเอียดอ่อนและประดิษฐ์ขึ้นของหลินเพ่ย เขาคงแสยะยิ้มและดูถูกหล่อน อีกทั้งยังจะขับไล่หล่อนไปให้ไกล
แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนแตกต่างจากบุคคลอื่น เมื่อหลินเพ่ยร้องไห้ หัวใจของเขาก็แทบแตกสลาย
ครั้นหลินเพ่ยบอกเขาว่าใบหน้าของหล่อนถูกไป๋ซวงทำลาย เขาก็วางแผนจะสอนบทเรียนให้กับไป๋ซวงทันที
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่อไม่ต้องลงมือจัดการศัตรูเองแล้ว ปล่อยให้ศัตรูจัดการกันเองเลยสวยๆ
ขยะเสี่ยวเจี๋ยนนี่ก็คลั่งรักยัยเพ่ยเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)