ภายใต้แสงจากคบไฟ เสื้อคลุมสีขาวสลับน้ำเงินที่เปรอะไปด้วยเลือดตัวนั้นยิ่งทำให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูสูงเพรียวยิ่งขึ้น
เขาดูชั่วร้ายและอันตรายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก
บางทีการรู้สึกเช่นนี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่แวบหนึ่งจูเก่ออวิ๋นกลับสังเกตเห็นร่องรอยแห่งความเป็นปีศาจที่อยู่บนร่างของเพื่อนในกลุ่มคนนี้ได้
เขาหวังว่าเขาจะเพียงแค่คิดมากไปเอง
ต่อให้เขาจะไม่ใช่มนุษย์ แต่จูเก่ออวิ๋นก็ไม่อยากให้พวกเขาได้รับอันตราย
หากไม่ใช่เพราะพวกเขา เขาก็คงมาไม่ถึงสุสานแห่งนี้ และคงไม่มีผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนใดมาถึงที่นี่ได้ด้วยซ้ำ แค่ใยแมงมุมพวกนั้นก็สามารถทำให้หลายคนตายได้
พี่เว่ยกับพี่เจวี๋ยเป็นคนที่ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น
คนที่ผิดและมีเจตนาชั่วร้ายคือตระกูลหนีต่างหาก!
แต่ตอนนี้หนีเปียวเพียงต้องการใช้โอกาสนี้ในการกำจัดอุปสรรคของเขาเท่านั้น
จูเก่ออวิ๋นนึกไม่ออกจริงๆ ว่าคราวนี้จะมีอะไรเกิดขึ้น
หนีเปียวเป็นรุ่นพี่ของเขา
ท่านพ่อของเขากับหนีเปียวเป็นผู้นำของเมืองแห่งผู้ขับไล่วิญญาณร้ายแห่งนี้มาตั้งแต่เขายังเด็ก
ไม่มีผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนใดเคยเอาชนะพวกเขาได้!
ถ้าพี่เจวี๋ยเป็นสัตว์อสูรจริง เช่นนั้นเขาย่อมจำต้องเผยร่างจริงของตัวเองออกมาอย่างแน่นอน…
จูเก่ออวิ๋นมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างเป็นห่วง
ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคนอื่นเองก็รู้สึกว่าผลลัพธ์ของการประลองนี้ชัดเจนอยู่แล้ว แม้มันจะยังไม่ทันเริ่มด้วยซ้ำ
แต่มันก็เป็นอย่างที่หนีเปียวพูด หากพวกเขาไม่สู้กัน ก็คงไม่มีทางรู้ว่าใครกันแน่ที่โกหก
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหนีเปียวขณะที่เขาวางแผนว่าจะจัดการคู่ต่อสู้ด้วยหมัดเดียว เขาประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน แล้วเรียกพลังจากแก่นชีวิตที่อยู่ในร่างกายออกมาสร้างค่ายกลอาคม แล้วผสานมันเข้ากับพลังวิญญาณของตน เสื้อคลุมของเขาสะบัดไปมา กระบี่ไม้ท้อสองเล่มที่อยู่บนหลังลอยขึ้นเหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว ลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่เกิดจากกระบี่ส่องสว่างไปทั่วทั้งสุสานหลวง!
“นี่มันวิชาพันกระบี่หวนคืน!”
“โอ้ สวรรค์! ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ข้าจะได้เห็นวิชาขับไล่วิญญาณร้ายอันยิ่งใหญ่เช่นนี้!?”
“ตระกูลหนีแข็งแกร่งยิ่งนัก นอกจากนายท่านหนีแล้วก็ไม่มีใครสามารถใช้วิชานี้ได้! จากที่ข้าเห็น น้องชายผู้นั้นคงตกที่นั่งลำบากในการดวลครั้งนี้เสียแล้ว!”
เมื่อจูเก่ออวิ๋นได้ฟังเสียงที่ดังอยู่รอบตัว ใจเขาก็ยิ่งเต็มไปด้วยความกังวล
ในเวลานั้น แม้กระทั่งนิ้วของเขาก็ยังแข็งเกร็ง
วิชาพันกระบี่หวนคืน
สัตว์อสูรตนใดที่ถูกอาคมนี้เล่นงานเข้าจะถูกลำแสงรูปกระบี่นั่นพุ่งทะลุร่าง และเผยร่างจริงของตัวเองออกมา!
หนีเปียวโหดเหี้ยมยิ่งนัก เขาไม่คิดที่จะออมมือเลยแม้แต่นิดเดียว!
จูเก่ออวิ๋นไม่อยากจินตนาการเลยว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่เจวี๋ย เขาหวังอย่างยิ่งว่าพี่เจวี๋ยจะเป็นมนุษย์ หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงจะไม่แพ้อย่างหมดรูปจนเกินไป
แตกต่างจากใบหน้าอันขาวซีดของจูเก่ออวิ๋น เสียงโห่ร้องกลับปะทุขึ้นจากทางฝั่งตระกูลหนี!
หนีหู่ชำเลืองมองเฮ่อเหลียนเวยเวยอย่างอวดดี ”เจ้าบอกว่าท่านพ่อของข้าถูกปราณแห่งความเคียดแค้นควบคุมอยู่หรือ ตอนนี้เจ้าตกใจหรือเปล่าล่ะ!”
แม้จะดูเหมือนเวลาผ่านไปแล้วครู่หนึ่ง แต่ในความเป็นจริงนั้นมันผ่านไปเพียงแค่ประมาณสิบวินาทีเท่านั้น
หลังจากสร้างค่ายกลอาคมเสร็จ หนีเปียวจึงลืมตาขึ้นทันที จากนั้นเขาก็ประสานมือเข้าหากันโดยเริ่มจากนิ้วหัวแม่มือไปจนถึงนิ้วชี้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมอย่างไม่สมกับเป็นผู้ขับไล่วิญญาณร้ายขณะที่เขาเอ่ยว่า ”นักรบทั้งหลายจงมาชุมนุมกันพร้อมหน้า… กำจัดวิญญาณร้ายเสีย!”
กระบี่ไม้ท้อสองเล่มนำทัพกระบี่อีกจำนวนนับไม่ถ้วนนั้นตามคำสั่งของหนีเปียว พวกมันพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอย่างรุนแรง!
“ไม่นะ!” จูเก่ออวิ๋นหลับตา เขาไม่อยากเห็นจุดจบของการดวลในครั้งนี้เลย
ในขณะที่บรรดาผู้ขับไล่วิญญาณร้ายคิดว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะต้องเผยร่างที่แท้จริงของตัวเองออกมา ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น!
กระบี่พวกนั้นหยุดอยู่กลางอากาศราวกับถูกอุปสรรคอันแข็งแกร่งขวางทางเอาไว้ พวกมันอยู่ห่างจากไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเพียงแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น การเสียดสีกันระหว่างอุปสรรคนั้นกับกระบี่ก่อให้เกิดประกายไฟขึ้นรอบๆ
เมื่อจูเก่ออวิ๋นได้ยินเสียงนั้น เขาก็รีบลืมตาขึ้นทันที!
เขาเห็นว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังยืนอยู่ตรงกลางเหมือนเดิม เสื้อคลุมสีขาวสลับน้ำเงินของเขากับผมยาวพันกันยุ่ง และเสียงนั้นดังมาจากแขนข้างซ้ายที่เขายกขึ้นนั่นเอง
เขาหยุดกระบี่พวกนั้นได้ด้วยการยกมือเพียงข้างเดียว!
นอกจากนั้น แม้กระทั่งกระบี่ไม้ท้อของจริงก็ยังเริ่มสั่นเพราะพลังของเขา!
เปรี๊ยะ!
เสียงนั้นได้ยินชัดเจนโดยทั่วกัน ดูเหมือนกระบี่ไม้ท้อจะไม่สามารถต้านทานพลังนั้นได้อีกต่อไป รอยร้าวค่อยๆ ลุกลามออกไปตามฝักของกระบี่ทั้งสองเล่มนั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับมองกระบี่ที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างชั่วร้าย มันเป็นคาถาเก้าอักขระเหมือนกันก็จริง แต่พลังวิญญาณระดับนี้ยังนับว่าอ่อนด้อยนักเมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่ผู้หญิงหัวทึบคนนั้นสร้างขึ้น!
ตู้ม!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกยิ้มพร้อมกับสะบัดแขน!
กระบี่ไม้ท้อเปลี่ยนทิศทางแล้วพุ่งกลับไปหาหนีเปียว ความรุนแรงของการโต้กลับนี้บังคับให้หนีเปียวก้าวถอยหลังไปหลายก้าวใหญ่
หนีหู่ตกตะลึงกับการโต้กลับอย่างกะทันหันนั้น ใบหน้าของเขาซีดเผือดทั้งที่รอยยิ้มอวดดีนั้นยังไม่หายไปจากใบหน้าเลยด้วยซ้ำ เขาตะโกนขึ้นว่า ”ท่านพ่อ!”
หนีเปียวเองก็นึกไม่ถึงว่าวิชาพันกระบี่หวนคืนของเขาจะถูกหักล้างได้เหมือนกัน!
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะทันทีที่เขาจับผมยาวยุ่งเหยิงของตัวเอง นิ้วของเขาก็สัมผัสเข้ากับเลือดที่อยู่บนใบหน้า ทันใดนั้นเขาจึงรู้ว่าเมื่อครู่เขาอยู่ใกล้กับความตายมากเพียงใด
หากไม่ใช่เพราะพลังของแก่นชีวิตที่ทำให้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า กระบี่ไม้ท้อเล่มนั้นคงได้แทงทะลุกะโหลกของเขาไปแล้ว!
คนคนนี้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
หนีเปียวไม่เชื่อเรื่องนี้ เขาก้มหน้าลง กลิ่นอายแห่งความมืดเริ่มทะลักออกมาจากดวงตาของเขา
ทุกคนหันไปมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ยืนเล่นกับกระบี่ไม้ท้ออีกเล่มที่เหลือพร้อมกับรอยยิ้ม ”ดูเหมือนว่าลูกไม้ของเจ้าคงจะหมดแล้ว ทีนี้ก็ถึงคราวของข้าบ้าง หึๆ คนที่ทำให้กลไกในอุโมงค์นั้นทำงานก็คือเจ้าเองสินะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแตกต่างจากเฮ่อเหลียนเวยเวยที่เป็นคนคิดอะไรอย่างมีตรรกะ เขาเป็นคนเฉลียวฉลาดและจะไม่เปิดทางหนีให้ใครทั้งสิ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ขับไล่วิญญาณร้ายทุกคนก็ชะงักไป แม้กระทั่งดวงตาของหนีหู่ก็ยังเบิกกว้าง
หนีเปียวนึกไม่ถึงว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะถูกจับได้ ความรู้สึกแรกของเขาคือความรู้สึกผิด แต่ความคิดที่สองคือความคิดที่จะฆ่าอีกฝ่าย ตราบใดที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยไม่มีโอกาสได้พูดอีก ทุกอย่างย่อมสามารถคลี่คลายได้!
“เจ้ากำลังจะตายอยู่แล้ว แต่กลับยังคิดที่จะใส่ร้ายข้าอีกหรือ” หนีเปียวเยาะเย้ย แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือปราณแห่งความเคียดแค้นที่เกิดขึ้นจากหัวใจของเขาเริ่มทำปฏิกิริยาและตอบรับเสียงเรียกของแก่นชีวิตนั้น ส่งผลให้ปลายนิ้วของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ
ในเมื่อวิชาพันกระบี่หวนคืนฆ่าเขาไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะใช้พลังแก่นชีวิตแทน!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดวงตาของหนีเปียวก็เปล่งประกาย แล้วร่างของเขาก็พุ่งตัวขึ้นไปในอากาศ เขาใช้พลังวิญญาณปิดบังมือที่เปลี่ยนเป็นกรงเล็บของตัวเองไว้ แล้วเล็งไปที่คอของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
ไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีของปีศาจได้ คืนร่างกลับเป็นสัตว์อสูรเสียเถอะ!
ถ้าหนีเปียวรู้ตัวจริงของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เขาจะไม่มีวันตัดสินใจโง่เขลาเช่นนั้นแน่
ตอนที่ต้องเผชิญกับคาถาเก้าอักขระ องค์ชายอาจจะกังวลอยู่เล็กน้อยว่ากลิ่นอายของตัวเองจะรั่วไหลออกไปหรือไม่ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับปีศาจเช่นนี้แล้ว… หึ! เขาเป็นราชาที่ปีศาจทุกตนบนแผ่นดินจะต้องก้มหัวให้ต่างหาก
เขาจะกลัวได้อย่างไร!