บทที่ 760 ตำหนักจักรพรรดิไป๋ น่าทึ่งเกินความคาดหมาย!
บรรพจารย์ฝูมีความมั่นใจอย่างมาก จะมิให้เขามั่นใจได้อย่างไร เขาได้ดูดกลืนพลังจากศพมหาศาล จนตัวแทบระเบิดอยู่แล้ว!
เขาบรรลุขีดจำกัดของตัวเองอย่างแท้จริง หากดูดกลืนพลังจากศพเพิ่มอีกแม้เพียงศพเดียว น่ากลัวว่าเขาคงได้ตัวระเบิด และรับไว้ไม่ไหวแน่
อนิจจา ต่อให้พลังในตัวเขามากมายปานนี้ ก็ยังมิอาจบรรลุขึ้นไปจากขั้นบรรพจารย์เซียนได้
บรรพจารย์โกลาหลถือเป็นมหาขอบเขตที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ก่อนนี้เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผู้คนในอดีตก็มิเคยบันทึกเรื่องราวด้านนี้ไว้ เขาคิดจะบรรลุขึ้นจากขั้นบรรพจารย์เซียนและก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลถือเป็นเรื่องแสนลำบาก จำต้องบุกเบิกเส้นทางใหม่ด้วยตัวเองจึงจะบรรลุขอบเขตโกลาหลได้
ทว่าเขาในยามนี้ไม่มีเบาะแสเลยสักนิด มิได้รู้แจ้งถึงขอบเขตโกลาหล หากเขาคิดจะก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องรอถึงเมื่อไรจึงจะสำเร็จ
“การรู้แจ้งนี้ยากเกินไป หากมิได้เข้าไปในแดนบรรพโกลาหล เกรงว่าชีวิตนี้ข้าก็คงไม่อาจรู้แจ้งถึงมันได้”
บรรพจารย์ฝูส่ายหน้า รู้ตัวเป็นอย่างดี
มหาขอบเขตที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงแก่น ไฉนเลยจะบรรลุได้ง่าย ๆ เป็นไปไม่ได้เลย!
เขาหยิบต้นหญ้าต้นหนึ่งออกมาอย่างระมัดระวัง จ้องมองอยู่นานด้วยสีหน้าสะท้อนใจ
“หากมิได้ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหล ข้าก็ไม่อาจมองปรมัตถ์ของหญ้าต้นนี้ออกหรือ!?”
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ การเปรียบเทียบรังแต่จะสร้างความโมโห ทำให้เกิดการคัดทิ้ง!
เขาในยามนี้แข็งแกร่งขึ้นตั้งไม่รู้กี่เท่า กระนั้นก็ยังไม่รู้ถึงปรมัตถ์ของหญ้าต้นนี้ ไม่ว่าเขาจะศึกษาหญ้าต้นนี้เพียงใด ก็ได้กลับมาแค่ข้อสรุปเดียว นั่นคือหญ้าต้นนี้เป็นหญ้าธรรมดา
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!
เขาเห็นกับตาว่าใบหญ้าใบหนึ่งจากต้นนี้สำแดงพลานุภาพสะท้านโลกาออกมาในมือหลี่จิ่วเต้า นี่ต้องเป็นหญ้าที่ผ่านการชะล้างจากพลังโกลาหลเป็นแน่!
หรือแม้กระทั่งว่าหญ้าต้นนี้อาจร่วงหล่นออกจากแดนบรรพโกลาหลก็เป็นได้!
หญ้าต้นนี้ไม่มีทางเป็นเพียงหญ้าธรรมดา!
ในความคิดของเขา นี่คงเกี่ยวข้องกับขอบเขตของเขา หากเขายังมิได้บรรลุขอบเขตโกลาหล ก็ไม่อาจเข้าใจในพลังโกลาหล และไม่อาจมองปรมัตถ์ของหญ้าต้นนี้ออก
“เหตุใดหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นถึงโชคดีขนาดนี้!”
เขาเจ็บใจเป็นที่สุด อิจฉาริษยาชายผู้นั้นเหลือแสน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อีกฝ่ายก็คงได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหลมาแล้ว ถึงได้บรรลุขอบเขตบรรพจารย์เซียนขึ้นไปได้ และมองเห็นถึงความไม่ธรรมดาของใบหญ้าใบนั้น!
เขารู้สึกเดือดดาล เหตุใดหลี่จิ่วเต้าได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหลแต่เขาไม่ได้
บรรพจารย์เซียนแต่กำเนิดเชียวนะ นั่นบ่งบอกว่าเขาโชคดีมากพอ ยามพลังโกลาหลวิวัฒนาการสรรพสิ่งออกมา เขาได้รับพลังมากที่สุด
“หรือเพราะก่อนหน้านี้ข้าโชคดีเกินไป จนความโชคดีเหล่านั้นถูกผลาญไปหมดแล้ว”
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ็บใจเป็นที่สุด หากเลือกได้ เขาไม่ต้องการเป็นบรรพจารย์เซียนแต่กำเนิด ทว่าต้องการการชะล้างจากพลังโกลาหลและก้าวสู่ขั้นบรรพจารย์เซียนในภายหลังมากกว่า
“ไม่เป็นไร ทุกสิ่งที่ข้าควรได้ ข้าจะช่วงชิงมาด้วยตนเอง!”
นัยน์ตาของเขาวาวโรจน์ สงบจิตใจลง หลี่จิ่วเต้าโชคดีพอแล้วอย่างไร เขามีความอุตสาหะมากพอ ซ้ำยังยอมวางทิฐิลง ขุดศพดูดกลืนพลัง เขาเชื่อว่าเขาทำได้ และมีสิทธิ์อันชอบธรรมแย่งชิงวาสนาการเปลี่ยนแปลงของตัวหลี่จิ่วเต้าด้วย!
หลี่จิ่วเต้าได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหล หากเขาได้รับพลังโกลาหลจากตัวอีกฝ่าย ย่อมเป็นผลดีต่อเขามหาศาล!
เขาจะใช้พลังนั้นตรัสรู้ถึงปรมัตถ์ในหญ้าต้นนี้ แล้วลองบรรลุขอบเขตโกลาหลด้วยหญ้าต้นนี้ดู!
ส่วนหลี่จิ่วเต้าฝึกฝนจนอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลไปแล้วหรือไม่นั้น เขาไม่เคยคิด
เพราะเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้!
ขอบเขตโกลาหลสูงส่งปานใด ลำพังได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหลแล้วจะบรรลุได้เชียวหรือ?
คิดอะไรอยู่!
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ
หากหลี่จิ่วเต้าอยู่เหนือขอบเขตโกลาหลจริง ๆ เขาไฉนเลยจะมีสิทธิ์ได้รับหญ้าต้นนี้
น่ากลัวว่าหลี่จิ่วเต้าคงเด็ดต้นหญ้าต้นนี้ไปนานแล้ว!
อีกฝ่ายได้รับการชะล้างจากพลังโกลาหล แต่คิดแล้วคงมิใช่การชะล้างที่ทรงพลังเท่าใด เป็นไปได้ว่าอาจเป็นการชะล้างจากพลังโกลาหลอันน้อยนิด
ด้วยเหตุนี้ หลี่จิ่วเต้ามีแต่ต้องเข้าใกล้วัตถุโกลาหล หรือสิ่งที่ถูกพลังโกลาหลชะล้างแล้วในระยะอันใกล้เท่านั้น จึงจะสัมผัสถึงพลังโกลาหลในวัตถุเหล่านี้
หากห่างกันไกล เขาคงสัมผัสมิได้
และเพราะหญ้าต้นนี้ห่างจากหลี่จิ่วเต้าไกล เขาถึงไม่อาจสัมผัสถึงการมีอยู่ของหญ้าต้นนี้ และมิได้เด็ดไป
“ไปหาเขาดีกว่า!”
บรรพจารย์ฝูเก็บต้นหญ้าในมืออย่างบรรจง แล้วเริ่มปฏิบัติการ
เขาหลับตาลง พลันนั้น ญาณสัมผัสคลี่แผ่ปกคลุมทั้งอาณาจักร ค้นหาร่องรอยและตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้า
การค้นหาด้วยญาณสัมผัสเช่นนี้อาจเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น และทำให้หลี่จิ่วเต้าระแคะระคายได้
แต่เขาหาได้สนใจไม่ เพราะมั่นใจในพลังของตนมาก คิดว่าการค้นหาด้วยญาณสัมผัสเช่นนี้ย่อมไม่ถูกหลี่จิ่วเต้าจับได้แน่
ต่อให้หลี่จิ่วเต้าจับได้ก็ไม่เป็นไร เขาดีใจเสียอีก เช่นนี้เขาจะได้ไล่ล่าอีกฝ่ายเหมือนแมวไล่จับหนู สำราญไปกับความสะใจของการไล่ล่า
“เมืองจักรพรรดิไป๋!”
ไม่นานนักเขาก็ได้รู้ตำแหน่งของหลี่จิ่วเต้า แต่มิได้เจอด้วยญาณสัมผัส หากแต่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสิ่งมีชีวิตในเมืองจักรพรรดิไป๋
ภายในเมืองจักรพรรดิไป๋กำลังเล่าขานกันอย่างออกรสว่าในเมืองพวกเขามีผู้ยิ่งใหญ่มาปรากฏกาย ดูแล้วอายุไม่มากเท่าใด ทว่ามีพลังน่าสะพรึง เกินกว่าขอบเขตการรับรู้ของพวกเขาไปไกล!
ยามนี้ยังอยู่ที่เมืองจักรพรรดิไป๋!
“หลี่จิ่วเต้า!”
จากเสียงถกกันอย่างดุเดือดในเมืองจักรพรรดิไป๋ เขาแน่ใจได้ทันทีว่านั่นคือหลี่จิ่วเต้า
ถ้อยคำที่ใช้พรรณนาเหมาะเจาะเกินไป ไม่มีทางเป็นผู้อื่น
“ดูท่าคงเป็นเพราะใบหญ้าใบนั้น…”
เขาพึมพำกับตัวเองเสียงเบา รู้สึกว่าที่เขาจับสัมผัสตำแหน่งของชายผู้นั้นมิได้คงเกี่ยวข้องกับใบหญ้าในตัวเขา
ใบหญ้านั้นถูกกระตุ้นพลังออกมาแล้ว จะขวางกั้นญาณสัมผัสของเขาได้ก็มิใช่เรื่องแปลก
“ไป!”
บรรพจารย์ฝูหัวเราะเย็น ๆ ก่อนจะไปจากที่นี่
เมื่อเขาเผยกายอีกครั้ง ก็มาอยู่นอกเมืองจักรพรรดิไป๋แล้ว
“ยังอยู่ในเมือง ดูท่าคงยังไม่รู้สึกตัว”
เขาหรี่ตาลงกึ่งหนึ่ง สีหน้าเย็นชา
หากอีกฝ่ายรู้ตัว ไม่น่ายังอยู่ในเมืองโบราณแห่งนี้ จากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสิ่งมีชีวิตในเมืองที่เขาได้ยิน หลี่จิ่วเต้ากำลังเชยชมตำหนักโบราณบางแห่งในเมือง
เห็นได้ชัดว่าหลี่จิ่วเต้ายังไม่รับรู้อันใด
“ข้ามาโดยสำรวมพลังปราณ ใช่ว่าเขาสามารถจับสัมผัสได้ง่าย ๆ ที่ไหน ก่อนนี้ เขาก็คงไม่รับรู้เรื่องที่ข้าตามหาเขาด้วยญาณสัมผัส!”
เขาหัวเราะเสียงเย็น มั่นใจอย่างยิ่งยวด ใบหญ้าใบนั้นช่วยกีดขวางญาณสัมผัสของเขาได้ กระนั้นใช่ว่าจะช่วยให้หลี่จิ่วเต้ารับรู้ญาณสัมผัสของเขาได้
ทว่าเพื่อมิให้ผิดพลาด เขารู้สึกว่ารัดกุมหน่อยดีกว่า
เขามิได้บุกเข้าไปทันที หากแต่ตั้งมหาค่ายกลอยู่รอบ ๆ เมืองจักรพรรดิไป๋
ทำเช่นนี้ปลอดภัยกว่า และป้องกันมิให้หลี่จิ่วเต้าหนีได้ด้วย
และในขั้นตอนนี้ บรรพจารย์ฝูลงมืออย่างแนบเนียน มิได้เผลอเผยพลังปราณออกไปแม้สักเศษเสี้ยว จึงมิได้วิตกว่าจะถูกอีกฝ่ายจับได้
…
ภายในเมืองจักรพรรดิไป๋
หลี่จิ่วเต้ากำลังเดินชมตำหนักโบราณแห่งหนึ่งอย่างเพลิดเพลินและหลงใหล วัตถุทุกชิ้นในตำหนักล้วนเก่าแก่พิถีพิถัน เผยให้เห็นถึงร่องรอยแห่งกาลเวลาอันโชกโชน สร้างความสะท้านต่อจิตใจเขาอย่างมาก
เขาเดินเข้าไปถึงโถงในโดยไม่รู้ตัว
ที่นี่คือตำหนักจักรพรรดิไป๋ สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่สุดในเมืองจักรพรรดิไป๋ ลือกันว่าในอดีตที่นี่มิใช่เมือง เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นโดยสิ่งมีชีวิตรุ่นหลังโดยสร้างให้อยู่รอบ ๆ ตำหนักจักรพรรดิไป๋
ส่วนจักรพรรดิไป๋คือผู้ใดนั้น ไม่พบเบาะแสอันใดอีก ยุคสมัยของจักรพรรดิไป๋เก่าแก่เกินไป
ทว่าเรื่องที่ไม่ต้องเคลือบแคลงเลยคือความแข็งแกร่งของจักรพรรดิไป๋ ภายในตำหนักจักรพรรดิไป๋มีวัตถุโบราณอยู่มาก และในนั้นมีอักขระกฎระเบียบทรงพลังหลงเหลืออยู่ เคยมียอดฝีมือมากมายหมายใจจะนำของในตำหนักจักรพรรดิไป๋ออกไป แต่ก็ทำไม่ได้
และเรื่องนี้เป็นผลให้ตำหนักจักรพรรดิไป๋แซ่ซ้องออกไปเรื่อย ๆ เมืองจักรพรรดิไป๋ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งมีชีวิตมากมายดำรงชีพอยู่ในเมืองจักรพรรดิไป๋ หวังจะรู้แจ้งถึงบางอย่างจากวัตถุโบราณในตำหนักจักรพรรดิไป๋
แต่ผ่านไปแล้วเนิ่นนานก็ยังไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดสำเร็จ สิ่งของในตำหนักจักรพรรดิไป๋สูงส่งเกินไป อักขระและจังหวะแห่งเต๋าเหล่านั้นเหนือจินตนาการของพวกเขาไปมาก!
แม้กระทั่งสุนัขดำยังตะลึงกับที่แห่งนี้อย่างยิ่งยวด
กระทั่งมันยังมองวัตถุในนี้ไม่ออก ไม่อาจทำความเข้าใจ!
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ครานั้น แม้แต่มันยังสะท้านใจ และเพราะเหตุนี้ มันถึงตัดสินใจอยู่ในเมืองนี้ต่อ
ที่นี่เป็นเพียงอาณาจักรนอกแดนบรรพโกลาหล ต่อให้ก่อนกาลเวลาอันยาวนานเริ่มขึ้น ที่นี่เคยรุ่งเรืองเจิดจรัสไร้ใดเปรียบ กระนั้นก็มิอาจทัดเทียมแดนบรรพโกลาหล
ถึงอย่างไรก็วิวัฒนาออกจากแดนบรรพโกลาหล
ตัวมันเล่า?
ในแดนบรรพโกลาหล มันมีสถานะเทียบเทียมจ้าวแห่งดินแดนทั้งหลาย อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นแปด เหตุใดนอกแดนบรรพโกลาหลถึงมีสิ่งที่มันมองไม่ออกอยู่ด้วย!?
ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!
ทว่าความจริงคือ แม้แต่มันก็มองไม่ออก พินิจอยู่นานก็จับต้นชนปลายมิได้
จักรพรรดิไป๋ผู้นี้มิใช่พวกดาษดื่นแน่นอน!
ในความรู้สึกมัน จักรพรรดิไป๋ผู้นี้อาจแข็งแกร่งว่าบรรพจารย์แห่งดินแดนทั้งหลายที่อยู่ในขอบเขตโกลาหลขั้นเก้าเสียอีก!
มันรู้สึกทึ่ง อาณาจักรนอกแดนบรรพโกลาหลให้กำเนิดตัวตนระดับนี้ออกมาได้ด้วยหรือ เหนือความคาดหมายของมันยิ่งนัก!
เป็นไปได้ว่าจักรพรรดิไป๋ผู้นี้เป็นบรรพจารย์เต๋าโกลาหลตนหนึ่ง!
อีกด้าน พวกลั่วสุ่ยกำลังเดินชมอยู่ด้านนอก เดิมพวกเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ก่อนก้าวเข้ามาในตำหนักจักรพรรดิไป๋ พวกเขารู้สึกเพียงว่านี่คือการเดินชมแสนธรรมดา
แต่หลังได้เข้ามา พวกเขาก็ตะลึงกันหมด
ผ่านมาแล้วครึ่งปี ขอบเขตของพวกเขายกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ลั่วสุ่ย หลิงอิน และเซี่ยเหยียนก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลได้แล้วด้วยซ้ำ!
ก่อนเข้ามา พวกเขาไม่รู้สึกเลยสักนิดว่าตำหนักโบราณแห่งนี้มีความชอบกลอยู่ ที่นี่เป็นเพียงตำหนักโบราณธรรมดาเท่านั้น ลั่วสุ่ย หลิงอิน และเซี่ยเหยียนสามคนต่างเคยได้ยินชื่อเสียงของตำหนักจักรพรรดิไป๋มาก่อน และรู้ว่าตำหนักจักรพรรดิไป๋นี้ไม่ธรรมดา
ทว่าความไม่ธรรมดาที่ว่าเป็นเพียงสำหรับพวกนางในอดีตเท่านั้น
ในสายตาพวกนาง บางทีจักรพรรดิไป๋อาจเป็นเพียงเทียนตี้มหากาฬตนหนึ่ง อย่างมากก็แค่ทลายกฎพื้นฐาน บรรลุถึงขอบเขตเซียน
เทียบกับขอบเขตพลังของพวกนางในยามนี้ จักรพรรดิไป๋มิได้ยิ่งใหญ่อันใด
แต่หลังเข้ามาที่นี่ พวกนางถึงตระหนักได้ว่าคิดผิดถนัด!
จักรพรรดิไป๋ผู้นี้ทรงพลังกว่าที่พวกนางจินตนาการไว้มากโข!
ไม่ว่าวัตถุชิ้นใดในโถงในแห่งนี้ล้วนเกินกว่าที่พวกนางคาดการณ์ไว้ พวกนางต่างก็มองไม่ออกเช่นกัน อยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของพวกนางไปแล้ว!
และขณะที่พวกเขากำลังตะลึง จู่ ๆ สุนัขดำก็ปริปากออกมา “มีใครบางคนกำลังกระทำการบางอย่างที่ข้างนอกนั่น พวกเจ้าเป็นเป้าหมายของมันใช่หรือไม่”
มันแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด ทุกสิ่งที่บรรพจารย์ฝูทำถูกมันตรวจจับได้หมด