บทที่ 761 ตาเฒ่า เจ้าไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเอาเสียเลย!
สุนัขดำรู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อคราวบรรพจารย์ฝูคลี่แผ่ญาณสัมผัสปกคลุมอาณาจักรผืนนี้แล้ว
ทว่ามันไม่ได้ใส่ใจ เพราะไม่ได้เห็นเป็นเรื่องใหญ่ ถึงอย่างไรมันก็ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่บรรพจารย์ฝูทำเช่นนี้คืออะไร และมันก็ขี้เกียจเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย
แต่บัดนี้ บรรพจารย์ฝูมาอยู่ที่นี่ ทั้งยังวางค่ายกลจำนวนหนึ่งไว้นอกเมือง เรื่องนี้เห็นทีมันไม่ยุ่งไม่ได้แล้ว
“พวกเราคือเป้าหมายหรือ”
ลั่วสุ่ยผงะ งุนงงนิดหน่อย กระนั้น ยามนางคลี่แผ่ญาณสัมผัสออกไปตรวจสอบสถานการณ์นอกเมือง ก็เข้าใจในบัดดล
นางก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลแล้ว พฤติกรรมของบรรพจารย์ฝูเผยออกมาอย่างไม่มีปิดบังด้วยญาณสัมผัสของนาง
“พวกเราคือเป้าหมายจริง ๆ!”
ลั่วสุ่ยพยักหน้า “พวกเราเคยข้องแวะกับคนผู้นี้มานิดหน่อย…”
จากนั้นนางก็เล่าทุกอย่างเกี่ยวกับบรรพจารย์ฝูให้ฟัง
ตอนนี้สุนัขดำได้ติดตามอยู่ข้างกายคุณชายแล้ว ถือเป็นคนกันเองจึงไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง
“ข้าเข้าไปดูหน่อยแล้วกัน”
สุนัขดำกล่าว “ดูว่าเขาต้องการสิ่งใด!”
“พาข้าไปด้วย!”
กิเลนไฟตะโกนบอกอยู่ด้านข้าง “ข้าชังน้ำหน้าตาเฒ่าผู้นี้มานานแล้ว อยากถีบเขาให้หนัก ๆ สักสองทีตั้งแต่คราวก่อน คิดไม่ถึงว่าหนนี้เขามาหาถึงที่!”
มันกล่าวต่อ “เขากางค่ายกลนอกเมืองเพื่อรวบหัวรวบหางเราอย่างนั้นหรือ”
มันผู้ก้าวสู่ขอบเขตโกลาหลขั้นสามแล้วย่อมแกร่งกล้ากว่าอย่างไม่ต้องสงสัย มันรับรู้พฤติกรรมของบรรพจารย์ฝูที่นอกเมืองเช่นกัน
แม้ว่ามันยังไม่เข้าใจในจุดประสงค์การมาของบรรพจารย์ฝู แต่ดูจากท่าทีของบรรพจารย์ฝูก็เห็นชัดแล้วว่าไม่หวังดี มิฉะนั้นไยต้องกางค่ายกลนอกเมืองด้วย
ซ้ำยังเป็นมหาวิชาพิฆาตอีก!
“ได้”
สุนัขดำพยักหน้า พากิเลนไฟไปจากที่นี่
อีกด้าน บรรพจารย์ฝูเพิ่งกางค่ายกลใหญ่เสร็จพอดี พลันเผยรอยยิ้มปลื้มปริ่มบนใบหน้า
“ฮ่า ๆ ค่ายกลใหญ่เตรียมการเรียบร้อย คราวนี้ต่อให้มีปีกเจ้าก็บินไปไหนไม่ได้!”
เขาหัวเราะร่วน สายตาเปี่ยมไปด้วยความปรีดา เขาถูกหลี่จิ่วเต้าหลอกมาสองครั้ง ในที่สุดบัดนี้ก็ได้โอกาส แก้แค้นลบล้างความอัปยศแล้ว!
“ผู้ใดมีปีกก็บินไปไหนไม่ได้”
เวลานั้น กิเลนไฟและสุนัขดำก้าวออกจากประตูเมือง พวกมันได้ยินวาจาของบรรพจารย์ฝูพอดี กิเลนไฟจึงเอ่ยถามไปยังบรรพจารย์ฝู
ว่าอะไร บรรพจารย์ฝูกำลังกล่าวถึงคุณชายอยู่หรือ
หากเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้คงจบมิได้ง่าย ๆ มันไม่มีทางยอมรามือด้วยการถีบบรรพจารย์ฝูเพียงสองทีเท่านั้น ไม่สิ ราเท้าเหมาะยิ่งกว่า!
“เจ้าเองหรือ!”
นัยน์ตาบรรพจารย์ฝูไหวระริก คิดไม่ถึงนิดหน่อย เมื่อครู่มันดื่มดำอยู่กับการกางค่ายกล จึงไม่ทันสังเกตว่ากิเลนไฟและสุนัขดำมาถึงที่นี่แล้วหรืออย่างไร
นอกจากนี้ เหตุใดจู่ ๆ กิเลนไฟและสุนัขดำถึงมาที่นี่
เป็นเพราะหลี่จิ่วเต้ารับรู้แล้วหรือว่าเขากำลังกางค่ายกลอยู่ที่นี่!?
ช่างปะไร!
ค่ายกลใหญ่เสร็จสิ้นแล้ว ไม่ว่าหลี่จิ่วเต้ารู้ตัวแล้วหรือไม่ วันนี้ก็มิมีผู้ใดหนีรอดไปได้!
“หลี่จิ่วเต้าสั่งให้พวกเจ้าออกมาหรือ”
เขาเหลือบมองกิเลนไฟและสุนัขดำด้วยความดูแคลน “หลี่จิ่วเต้าคิดอะไรอยู่ถึงได้สั่งให้ล่อและสุนัขขากะเผลกอย่างพวกเจ้าออกมานี่ น่าขันนัก! รีบเรียกเขาออกมานี่เร็วเข้า!”
ล่อรึ?
ไอ้ระยำ!
เมื่อกิเลนไฟได้ยินคำนี้ก็เดือดดาลขึ้นมาในบัดดล
“ตาเฒ่านี่พูดอะไร!?”
มันพิโรธเหลือแสน ต่อให้มันในตอนนี้มิได้อยู่ในร่างเดิม แต่ก็มิได้ใกล้เคียงกับล่อเลยสักนิด มันจำแลงกายเป็นม้ามังกรสูงใหญ่องอาจต่างหาก!
บรรพจารย์ฝูเอ่ยว่ามันเป็นล่อเพื่อเหยียดหยามมันชัด ๆ!
สุนัขขา…กะเผลกหรือ!?
สีหน้าสุนัขดำเปลี่ยนไปเช่นกัน สายตาเย็นเยียบลง
“ครึ่งปี! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าครึ่งปีที่ผ่านมาข้าอยู่อย่างไร!? แต่ละวันหากข้ามิได้กำลังไปขุดศพ ก็กำลังกอดศพเพื่อดูดกลืนพลัง! พวกเจ้าไฉนเลยจะเข้าใจความปวดร้าวของข้า!”
บรรพจารย์ฝูเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยเสียงเคืองแค้น “เพราะอย่างนั้นข้าถึงมานี่ ข้าต้องการแก้แค้น สะสางหนี้แค้นทั้งหมดที่มี!”
“แก้แค้นหรือ?”
กิเลนไฟฟังแล้วเกิดความสับสน “ตาเฒ่า เจ้าต้องแก้แค้นเรื่องใดกัน สิ่งที่คุณชายแลกเปลี่ยนกับเจ้าล้วนเป็นของวิเศษล้ำค่า เจ้าไม่ลอบหัวเราะไม่พอ แต่ยังมาโวยวายว่าจะแก้แค้นอยู่ที่นี่อีก!”
“ของวิเศษล้ำค่า? วิเศษกับย่าแกสิ!”
หลังบรรพจารย์ฝูได้ยินคำกล่าวของกิเลนไฟก็โมโหโทโส
“เจ้าเรียกของพวกนี้ว่าของวิเศษล้ำค่าหรือ!?”
เขาหยิบเศษซากกองหนึ่งออกมา ทั้งยังนำ ‘ศาสตรา’ ที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ออกมาด้วย ก่อนจะบีบ ‘ศาสตรา’ เหล่านี้จนแหลกลาญทั้งหมดต่อหน้ากิเลนไฟ!
“เป็นแบบนี้นี่เอง! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!”
กิเลนไฟหัวเราะร่วน เข้าใจแล้วทุกอย่าง
มันก็ว่าบรรพจารย์ฝูผู้นั้นวางอุบายลวงคุณชายเห็น ๆ ของวิเศษที่เขานำออกมาล้วนเป็นเศษสวะ ไร้ซึ่งคุณประโยชน์ แต่คุณชายยังยอมแลกเปลี่ยนด้วยทุกชิ้น ทั้งยังแลกด้วยยอดศาสตราจริง ๆ
แม้ว่าในเวลาต่อมา ของวิเศษเหล่านั้นต่างสำแดงอานุภาพเกินหยั่งออกมา กระนั้นพวกเขารู้ดีว่า ของวิเศษเหล่านี้ล้วนดาษดื่น แต่มันน่ากลัวขึ้นได้เพราะอยู่ในมือคุณชาย
พวกเขาได้เห็นกระบวนการวิวัฒนาการของของวิเศษเหล่านี้ ยามคุณชายใช้ของวิเศษเหล่านี้ มีพลังสูงส่งอย่างหามิได้จุติลงบนพวกมัน จากนั้น เหล่าของวิเศษก็เปลี่ยนไปจากเดิม เปี่ยมไปด้วยพลานุภาพสยดสยองเกินหยั่ง
คิดแล้ว ยอดศาสตราที่คุณชายนำไปแลกก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ใช่ว่ายอดศาสตราเหล่านั้นทรงพลังอยู่แล้ว หากแต่เพราะคุณชายช่วยให้ยอดศาสตราเหล่านั้นทรงพลังขึ้นต่างหาก
ในเมื่อคุณชายสามารถมอบพลังสูงส่งอย่างหามิได้ให้ยอดศาสตราเหล่านั้นได้ ก็ย่อมดึงกลับคืนได้เช่นกัน
เมื่อคราวทำการแลกเปลี่ยน คุณชายคงดึงพลังสูงส่งอย่างหามิได้นั้นกลับแล้วแน่ ๆ
บรรพจารย์ฝูทึกทักเอาเองว่าได้ของวิเศษมาไว้ในครอบครอง ผลสุดท้ายพบว่าหาใช่เช่นนั้น ไฉนเลยจะไม่โมโห ที่ว่าต้องการแก้แค้นคงเพราะเหตุนี้กระมัง
“ยังจะหัวเราะอีกหรือ!?”
บรรพจารย์ฝูยิ้มเย็น “ข้าสิต้องหัวเราะ! พวกเจ้าคิดว่าตักตวงผลประโยชน์จากข้าได้โดยใช้ของสวะมาแลกกับของดี หารู้ไม่ พวกเจ้ามิได้เข้าใจอันใดเลย! ใบหญ้านั้นมีเพียงใบเดียวที่ไหน! หญ้าต้องมีเป็นต้นอยู่แล้ว!”
จากนั้น เขาหยิบหญ้าต้นนั้นออกมาจงใจอวดอ้าง เสียงหัวเราะดังลั่นของกิเลนไฟสร้างความไม่สบอารมณ์แก่เขา เขาต้องการใช้หญ้าต้นนี้ยั่วโมโหกิเลนไฟให้หนัก
“พอทีเถิด!”
กิเลนไฟหัวเราะหนักขึ้น “ตาเฒ่า เจ้ารีบไปเสียดีกว่า อย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี คุณชายมิได้ถือสาเจ้าทั้งสองครั้งถือว่าเจ้าโชคดีมากแล้ว! เจ้าอย่ารนหาที่ตายเลย!”
มันไม่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งแรก
ทว่ามันเคยได้ยินพวกลั่วสุ่ยเอ่ยถึงเรื่องนี้
ตาเฒ่านี้เป็นสิบแปดมงกุฎตั้งแต่พบกันคราแรก ซ้ำยังเข้าหาถูกคน นั่นคือคุณชาย คุณชายมีจิตใจเมตตา มิได้เปิดโปงเล่ห์เหลี่ยมของตาเฒ่าผู้นี้ แล้วยังซื้อของเหล่านั้นไว้เอง
หลังจากนั้น ตาเฒ่านี่คงรู้มาว่าของเหล่านั้นแปรเปลี่ยนเป็นยอดศาสตราแล้วทั้งหมดเมื่ออยู่ในมือคุณชาย พลานุภาพจึงน่าประหวั่นพรั่นพรึง และคิดไปว่าเดิมทีของเหล่านี้อาจเป็นยอดศาสตราอยู่แล้ว เขาต่างหากเป็นฝ่ายถูกต้ม จึงวางอุบายครั้งที่สอง หมายจะหลอกเอาของเหล่านั้นคืน
หนนี้ คุณชายมิได้ปล่อยตาเฒ่านี้ไป หากแต่ดึงพลังสูงส่งอย่างหามิได้คืนจากของเหล่านั้น และทำการแลกเปลี่ยนกับตาเฒ่าเพื่อให้ตาเฒ่าผู้นี้ได้บทเรียน ไม่ให้มีพฤติกรรมต้มตุ๋นเช่นนี้อีกหลังจากนี้
แต่ดูจากท่าทางของตาเฒ่าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้บทเรียนจากเรื่องนี้เลยสักนิด ยังคงดื้อดึง ซ้ำยังต้องการใช้กำลัง!
นี่มันเป็นการเล่นตลกชัด ๆ!
อย่าว่าแต่คุณชายเลย ลำพังตัวละครเล็ก ๆ อย่างพวกเขาที่คอยติดตามข้างกายคุณชายยังสามารถกำราบตาเฒ่าผู้นี้ได้ง่ายดาย
“เจ้าหัวเราะอะไร!”
บรรพจารย์ฝูพิโรธ เสียงหัวเราะดังลั่นของกิเลนไฟยั่วยุอารมณ์เขาอีกครั้ง เขาเก็บหญ้าต้นนั้นเข้าไป ก่อนจะใช้พลังจากค่ายกลใหญ่ที่เขากางไว้เต็มสูบ โจมตีใส่กิเลนไฟอย่างดุดัน!
“ดื้อด้านนัก หากเจ้ารั้นต้องการเช่นนี้คงมิมีสิ่งใดให้ต้องพูดกันอีก! ตาเฒ่า ข้าอยากถีบหน้าเจ้ามานานแล้ว คราวนี้ข้าขอถีบให้สะใจเลยแล้วกัน!”
กิเลนไฟกระโจนตัวขึ้น ค่ายกลใหญ่ฝีมือบรรพจารย์ฝูถูกข่มพลังลงในพริบตา พลังทั้งหมดที่ปะทุออกมาก็ถอยหนีกลับไปในเสี้ยววินาที!
ขณะเดียวกัน มันปรากฏตัวตรงหน้าบรรพจารย์ฝู บรรพจารย์ฝูไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ กีบเท้าของกิเลนไฟก็จรดลงบนใบหน้าเขา ออกแรงถีบระรัวเร็ว!
“อ๊ากกก!”
ชั่วขณะนั้น บรรพจารย์ฝูร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ใบหน้าชราของเขาเกือบถูกกิเลนไฟถีบจนแหลกเละ!
แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดทางกาย ความเจ็บปวดทางใจของเขาสาหัสกว่า!
เรื่องอะไรกัน?
ล่อสายพันธุ์อะไร?
เหตุใดถึงดุดันเช่นนี้!
พลังจากค่ายกลใหญ่ยังถูกไล่ต้อนจนต้องถอยหนี!
มิหนำซ้ำยังจู่โจมเขาได้รุนแรงจนมิอาจตอบโต้!
เขาปะทุพลังออกไปเต็มที่ก็ยังไม่ไหว ไม่อาจหยุดยั้งกีบเท้ากิเลนไฟได้เลย น่ากลัวไปแล้ว พลังของกิเลนไฟเหนือชั้นกว่าเขามาก!
สุดท้าย เขาถูกกิเลนไฟเตะกระเด็นออกไป
และใบหน้าของเขาดูมิได้อีก แหลกเหลวไปหมด!
“ตาเฒ่า คราวนี้รู้ซึ้งหรือยัง! เลิกวางอุบายเสียที คุณชายไม่ยี่หระจะถือสาอะไรกับตัวละครต่ำต้อยเช่นเจ้า แต่หากเจ้ายังไม่ได้บทเรียนและมาหาเรื่องอีก ข้าจะเตะสมองเจ้าให้ระเบิด แล้วคร่าชีวิตเจ้าไปอย่างสิ้นเชิง!”
กิเลนไฟกล่าวต่อบรรพจารย์ฝู
จากนั้น มันไปจากที่นี่พร้อมสุนัขดำ กลับไปยังเมืองจักรพรรดิไป๋
“อ๊ากกก!”
บรรพจารย์ฝูคำรามเสียงเหี้ยมเกรียม โมโหจนอกแทบระเบิด เขามาเพื่อแก้แค้น แต่ยังไม่ทันได้พบหน้าหลี่จิ่วเต้า ก็ถูกล่อตัวหนึ่งถีบจนหน้าเละ!
“ไม่เป็นไร ข้าจักกลับมาอีกครั้ง!”
เขาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยในใจอย่างแค้นเคือง เขาไม่มีทางยอมแพ้ง่าย ๆ!
นอกจากนี้ เจ้าล่อตัวนั้นมีตาหามีแววไม่ คิดว่าต้นหญ้าที่เขาหยิบออกมาเป็นของปลอม มิใช่ของจริง จึงมิได้ยึดไปจากเขา!
‘ก่อนหน้านี้เมื่อคราวข้าตรวจจับด้วยญาณสัมผัส ข้ารู้สึกถึงพลังปราณแกร่งกล้าน่าพรั่นพรึง แม้จะเป็นเพียงวูบเดียว กระนั้นข้าก็ยังรับรู้ได้!’
นัยน์ตาของเขาเย็นยะเยือกพร้อมเอ่ยในใจว่า ‘เป็นไปได้สูงว่าเจ้าของพลังปราณมวลนั้นมาจากแดนบรรพโกลาหล เป็นยอดฝีมือในแดนบรรพโกลาหล!’
จากนั้น เขาเอ่ยต่อในใจ ‘ข้ามีต้นหญ้าวิเศษนี้ในมือ หากนำไปให้ยอดฝีมือจากแดนบรรพโกลาหลผู้นั้น ขอร้องให้เขาช่วยรับข้าไว้! ถึงเวลานั้น ข้าจักต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้แน่!’
ครั้นแล้ว เขารีบไปจากที่นั่น ด้วยกลัวว่ากิเลนไฟจะย้อนกลับมาทำร้ายเขาและชิงหญ้าวิเศษต้นนี้
‘ข้ายอมยกหญ้าวิเศษระดับนี้ให้ ยอดฝีมือจากแดนบรรพโกลาหลผู้นั้นต้องยอมรับข้าไว้แน่ รอข้าแข็งแกร่งขึ้นเมื่อใด ข้าขอสาบานว่าจะล้างแค้นทุกคนให้หมด!’
เขาคิดไประหว่างทาง