คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 377 วิธีทำลายคำสาป

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 377 วิธีทำลายคำสาป

ฉินหลิวซีนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกของอูหยาง หยิบจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของท่านอาจารย์สืออวิ๋นออกมา มอบให้ด้วยความเคารพแล้วอธิบายจุดประสงค์ของการมา

อูหยางรับจดหมายมา ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของท่านอาจารย์สืออวิ๋น ฉินหลิวซีเอ่ยตามจริง จากนั้นก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่นางจะเล่าเรื่องมารเอ้อฝูซื่อหลัวให้ฟัง

“ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้ เมื่อไม่นานมานี้เผ่าพ่อมดของพวกเราก็ยังได้รับรายงานว่ามีลัทธิมารฝึกฝนวิชาพ่อมดทำร้ายผู้คน โหดร้ายเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่ามีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่” อูหยางขมวดคิ้ว

ฉินหลิวซีเอ่ย “มารเอ้อฝูปรากฏตัว โลกย่อมเกิดความวุ่นวาย ลัทธิเต๋าของพวกเราไม่มีทางนิ่งนอนใจ ชาวพุทธก็รู้เรื่องนี้ หากมีปีศาจร้าย ย่อมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดมัน แล้วผู้ฝึกวิชาพ่อมดอย่างพวกท่าน?”

“ผู้ฝึกวิชาพ่อมดอย่างพวกเราย่อมไม่มีทางเพิกเฉย” สีหน้าอูหยางน่าเกรงขาม

ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “หัวหน้าเผ่ามีความชอบธรรมนัก”

อูหยางโบกมือ เปิดจดหมายอ่านต่อ จากนั้นก็มองไปยังซือเหลิ่งเย่ว์ที่นั่งอย่างเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ถอนหายใจพลางเอ่ย “ผู้ฝึกฝนวิชาพ่อมดล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เมื่อร้อยปีก่อนตระกูลซือยังมีแม่มดผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผู้คนศรัทธานับไม่ถ้วน กลับคิดไม่ถึงว่าสายเลือดจะล้มหายลงเช่นนี้เพราะคำสาปเลือด น่าใจหายแล้ว”

ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือชะตากรรมของตระกูลซือของข้า”

“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ตระกูลซือก็ทำเพื่อราษฎรใต้หล้า ตอนนั้นแม่มดดำมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ฝึกฝนวิชามารเพื่อหล่อหลอมระฆังพันหยิน พวกเขาฆ่าเด็กผู้หญิงหลายพันคน ทำให้ราษฎรนับไม่ถ้วนต้องไว้ทุกข์” อูหยางเอ่ยด้วยความโกรธ “หากปล่อยให้แม่มดดำยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะทำร้ายคนอีกกี่คน และคนเหล่านี้ก็ล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป”

แม้ว่าจะเป็นแม่มดชั่วร้ายที่มีพลังเวทมนตร์ แต่พวกเขามักจะเลือกลงมือเฉพาะกับคนยากจนทั่วไปที่ไร้อำนาจ เพราะคนเหล่านี้ไม่มีอำนาจขัดขืน แต่กับตระกูลชนชั้นสูงที่มีอำนาจนั้นไม่เหมือนกัน

“ราคาที่ตระกูลซือต้องจ่ายในการกำจัดแม่มดดำเพื่อความชอบธรรมนับว่าหนักมาก ผู้ฝึกวิชาพ่อมดอย่างข้ารู้สึกเห็นใจ ไม่ต้องให้พวกเจ้าขอร้อง พวกเราก็พยายามจะหาวิธีทำลายคำสาปเลือดที่ชั่วร้ายนี้เช่นกัน” อูหยางมองไปยังซือเหลิ่งเย่ว์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ข้ามีเรื่องจะบอกพวกเจ้า ก่อนที่ท่านพ่อของข้าจะเสียชีวิต เขาได้อ่านตำราลับทั้งหมด และได้พบหนึ่งวิธี”

ซือเหลิ่งเย่ว์ประหลาดใจ สบตากับฉินหลิวซี

เมื่อเห็นถึงความสับสนและความลังเลของเขา ฉินหลิวซีจึงเอ่ย “หัวหน้าเผ่า หรือว่าวิธีนี้มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือ”

“อีกสักครู่เมื่อข้าพาพวกเจ้าไปอ่านก็จะรู้คำตอบเอง” อูหยางชี้ไปยังห่อนั่น “สิ่งชั่วร้ายนี้ หรือว่าจะเป็นสิ่งนำพาเลือด ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแบบเดียวกับที่ผู้ฝึกฝนวิชาพ่อมดอย่างข้ารู้จัก ทว่ามันเป็นความชั่วร้าย หนาวเย็นเข้าไปถึงกระดูก”

เขาหลับตา หันศีรษะไปทางนั้นแล้วจึงเอ่ย “ข้าได้ยินวิญญาณที่อ่อนแอกำลังกรีดร้อง ภายใต้เสียงร้องอย่างดุเดือด ความไม่ยินยอมของมันกลายเป็นความโกรธเคือง ความคิดชั่วร้าย และคำสาป ซึ่งคงอยู่ไปตลอดชั่วกัปชั่วกัลป์”

ฉินหลิวซีสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อเห็นอูหยางขมวดคิ้ว สีหน้าซีดเซียว ก็อดตกใจไม่ได้ จับมือเขาไว้โดยไม่รู้ตัว มืออีกข้างร่ายคาถา ส่วนปากก็ท่องบทสวดจิตบริสุทธิ์

ทันทีที่ท่องคาถา คิ้วของอูหยางพลันผ่อนคลายลงราวกับได้หลุดพ้นจากความคิดชั่วร้าย หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ลืมตาขึ้น มองไปยังฉินหลิวซี “ขอบคุณสหายเต๋าฉินมาก ข้าตกอยู่ในกับดักมารเสียแล้ว”

“ข้าผิดเองที่นำสิ่งนี้มา ข้าได้ใช้ยันต์ห่อมันไว้แล้ว แต่เหตุใดท่านยังคงได้รับผลกระทบ” ฉินหลิวซีมีสีหน้ารู้สึกผิด

อูหยางเอ่ย “เดิมทีวิชาแม่มดมีพลังในการถ่ายทอดจิตวิญญาณ วิชาแม่มดศักดิ์สิทธิ์โบราณก็มีความสามารถในการสื่อสารกับฟ้าดินทั่วทุกสารทิศ แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งชั่วร้าย แต่ก็ยังมีพลังการฝึกฝนของแม่มดอยู่ และเป็นต้นกำเนิดเดียวกันกับวิชาแม่มดที่ข้าฝึกฝน ดังนั้นข้าย่อมได้รับผลกระทบ พวกเจ้าตามข้ามาเถิด”

ฉินหลิวซีและซือเหลิ่งเย่ว์ลุกขึ้นทันที หยิบสิ่งนำพาเลือดขึ้นมา แล้วตามอูหยางไปที่เรือนไม้อีกหลังหนึ่ง ที่นี่ได้รับการแกะสลักอักขระแม่มดอยู่ทุกหนทุกแห่ง มีการแขวนรูปวาดแม่มดโบราณที่ดูเรียบง่าย บูชาด้วยธูปเทียนกับผลไม้ บนโต๊ะประกอบด้วยระฆังวิเศษ กระดานวิเศษ กระดาษยันต์ สิ่งทำนายดวงชะตา และของอื่นๆ

ที่นี่คงจะเป็นสถานที่ที่อูหยางใช้ในการฝึกฝนและทำพิธีบวงสรวงอย่างแท้จริง สถานที่คล้ายกับวิหารศักดิ์สิทธิ์

ทันทีที่อูหยางเข้ามาก็จุดธูปก่อน ปากกล่าวพึมพำบางอย่าง หลังจากจุดธูปคารวะแล้วก็ใช้ธงวิเศษร่ายเวทมนตร์เล็กๆ ไว้รอบศพที่มีพลังชั่วร้าย

“อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสิ่งชั่วร้าย เพื่อไม่เป็นการปล่อยให้วิญญาณชั่วร้ายรั่วไหลออกมาล่อลวงจิตใจผู้คน ควรระมัดระวังไว้ก่อนดีกว่า” อูหยางกล่าวอธิบาย

ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก มองไปยังซือเหลิ่งเย่ว์ “ตอนที่หยิบมันออกมาข้าได้โยนมันทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ไม่แปลกใจเลยที่มันทำให้เจ้าอาเจียนเป็นเลือด”

อูหยาง “!”

เขามองดูสีหน้าของซือเหลิ่งเย่ว์ เอ่ย “แม้ว่าสีหน้าของสหายน้อยซือจะซีดเซียวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้บาดเจ็บหนัก”

“เป็นเพราะยาที่ซีซีให้ข้ากิน” ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ย “ซ้ำยังให้เครื่องรางป้องกันกับเสกคาถาให้ข้าอีกด้วย”

อูหยางประหลาดใจ ยิ้มอย่างโล่งใจ “ศิลปะห้าแขนงของเสวียนเหมิน คาดว่าสหายเต๋าฉินคงจะเชี่ยวชาญตั้งแต่อายุยังน้อย พอดีว่าช่วงนี้ข้ามีคนไข้สองคนที่ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ เจ้าจะช่วยให้คำแนะนำแก่ข้าสักหน่อยได้หรือไม่”

“ข้าไม่กล้าให้คำแนะนำแก่ท่านหรอก วิชาแพทย์ของแม่มดเป็นสิ่งที่ข้าอยากเรียนรู้มาโดยตลอด การที่ได้หารือสักเล็กน้อยก็นับว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว” ฉินหลิวซีเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยว่า “พวกเราคุยเรื่องคำสาปเลือดก่อนดีหรือไม่ และสิ่งชั่วร้ายนี้ก็คือสิ่งนำพาเลือดที่กงเซียนฮู่ใช้สาปแช่ง…”

นางเล่าสิ่งที่ผีน้อยได้เห็นทั้งหมดให้ฟัง

อูหยางตกตะลึง

เขาเปิดห่อด้วยตนเอง เห็นบางอย่างที่เหมือนกับบ๊ะจ่างถูกห่อด้วยยันต์อยู่ในนั้น เขาเงียบไป มุมปากกระตุกเล็กน้อย

ยันต์มีพลังจิตวิญญาณแฝงอยู่ การวาดยันต์หนึ่งแผ่นไม่รู้ว่าต้องใช้พลังจิตวิญญาณในการฝึกบำเพ็ญมากมายเท่าไหร่ สหายเต๋าฉินผู้นี้ใช้ยันต์ห่อจนกลายเป็นบ๊ะจ่าง ไม่รู้จริงๆ ว่าใครเลี้ยงให้โตมาเป็นคนสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้!

นักพรตเฒ่าชื่อหยวน ‘ข้าเอง ทำไมหรือ จริงอยู่ที่ไม่ได้ร่ำรวยเงินทอง แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคของผู้ที่มีความสามารถ!’

ฉินหลิวซีที่อยู่ข้างหลังเขาเอ่ยว่า “หัวหน้าเผ่าระวังด้วย แม้แต่ยันต์กระจอกเหล่านี้ก็ยังยับยั้งความชั่วร้ายของมันไม่อยู่ จะทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บ”

ยันต์กระจอก?

อูหยางนิ้วกระตุก นี่กำลังดูถูกใครกัน

เขาทำจิตใจให้สงบลง ท่องคาถาแม่มดเงียบๆ เอายันต์เหล่านั้นออก เห็นลูกกรอกตัวเล็กๆ อย่างชัดเจน ลมหายใจติดขัด

“ว่ากันว่าแม่มดศักดิ์สิทธิ์ดำนั้นมีพรสวรรค์และมีจิตใจโหดเหี้ยม ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง เพื่อที่จะแก้แค้นตระกูลซือ จึงได้ฝังอักขระแม่มดใส่ลูกกรอก ไม่แปลกใจเลยที่คำสาปนี้ไม่มีวันดับสลาย”

ฉินหลิวซีและซือเหลิ่งเย่ว์ไม่เข้าใจ เมื่อเข้าไปดู ทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ตอนที่ข้าหยิบมันออกมายังเป็นสีดำอยู่เลย” ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว เดิมทีเป็นลูกกรอกสีดำสนิท แต่จริงๆ แล้วกระดูกเล็กๆ นั้นถูกแกะสลักด้วยอักขระที่ซับซ้อน

อูหยาง “บางทีอาจเป็นเพราะยันต์ทำให้อักขระชั่วร้ายเหล่านี้เผยออกมา”

ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก “หัวหน้าเผ่า ท่านบอกว่าบรรพบุรุษของท่านพบวิธีที่จะทำลายคำสาป มันคือวิธีอะไรกันแน่ พวกเราได้หาสิ่งนำพาเลือดพบแล้ว หากยับยั้งมันไว้ในอารามเต๋าหรืออาณาเขตของศาสนาพุทธจะสามารถระงับความโกรธแค้นได้หรือไม่”

“รักษาตามอาการมากกว่ารักษาที่ต้นเหตุ” อูหยางถอนหายใจ เอ่ย “อย่างที่เจ้ากล่าวก่อนหน้านี้ สิ่งนำพาเลือดนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแม่มดศักดิ์สิทธิ์ดำกับบุรุษตระกูลซือ กระดูกถูกหล่อหลอมกับอักขระสาปแช่ง ใช้วิญญาณเป็นเครื่องสังเวย หากต้องการทำลายคำสาป จะต้องเผาด้วยไฟนรก”

เขาลุกขึ้นยืน เข้าไปในห้องด้านใน เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง ในมือได้ถือตำราโบราณที่มีมายาวนานม้วนหนึ่ง หน้าปกเขียนว่าคาถาต้องห้ามลัทธิฉี เปิดไปยังหน้าหน้าหนึ่ง

ด้านในเขียนไว้ว่าวิธีแก้มนต์ดำคำสาปเลือดต้องห้าม

ใช้ไฟนรกเป็นตัวนำ ผู้ถูกสาปแช่งจะรู้สึกราวกับถูกไฟนรกแผดเผาร่างกาย และได้เกิดใหม่อีกครั้งในร่างเดิม

อูหยางมองไปยังทั้งสอง “ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าไฟนรกสามารถพบได้แค่ในนรกเท่านั้น ในโลกนี้ไม่สามารถหาได้ แม้ว่าจะหาไฟนรกได้ การถูกไฟแผดเผา หากรอดไปได้ก็จะได้เกิดใหม่ แต่หากทนไม่ได้ก็จะตายจนวิญญาณดับสลาย…นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อของข้าลังเลอยู่”

เพราะวิธีการทำลายคำสาปนี้โหดร้ายเกินไป

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท