ตอนที่ 395 ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสามารถของคุณหนูใหญ่ / ตอนที่ 396 ฉินเสี่ยวอู่ ‘ข้า อาจารย์อาน้อยผู้ยากจน!’
ตอนที่ 395 ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสามารถของคุณหนูใหญ่
หลังจากที่ฉินหลิวซีมาดูร้านผลไม้แช่อิ่มแล้วก็กลับไปก่อน
สะใภ้หวังกับฉินเหมยเหนียงยังคงต้องอยู่ดูแลกิจการต่อ ไม่ได้กลับจวนไปพร้อมกับนาง
“พี่สะใภ้ใหญ่ วันนี้ต้องขอบคุณซีเอ๋อร์ที่มาทันเวลา มิเช่นนั้นกิจการในหลายวันมานี้ไม่เพียงแต่จะทำไปสูญเปล่า ซ้ำยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร” ใบหน้าของฉินเหมยเหนียงเต็มไปด้วยความสุข
สะใภ้หวังถอนหายใจพลางเอ่ย “ใช่แล้ว ต้องขอบคุณนาง”
“คิดไม่ถึงว่าซีเอ๋อร์ที่ดูผอมและบอบบางจะมีวรยุทธ์เช่นนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ การเข้าสู่ลัทธิเต๋ายังต้องฝึกฝนวรยุทธ์ด้วยหรือ” ฉินเหมยเหนียงนึกถึงฉากที่ฉินหลิวซีเตะคนกระเด็นออกไป รู้สึกราวกับว่านางกำลังเตะกระสอบทรายเล็กๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าดูท่าทางสบายแค่ไหน
“ข้าเคยได้ยินนางบอกว่าต้องออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่ต้องใช้กำลังกายในการจับผีขับไล่วิญญาณชั่วร้าย แม้แต่วิชาแพทย์ของนาง ดูเหมือนว่าวิธีการฝังเข็มบางอย่างก็ต้องใช้กำลังภายในเป็นแรงกระตุ้น”
ฉินเหมยเหนียงได้ฟังดังนั้นก็ตกตะลึงอยู่นาน รู้สึกปวดใจเล็กน้อย เอ่ยว่า “นางเข้าสู่ลัทธิเต๋าและต้องอดทนต่อความยากลำบากมากมาย บรรดาเด็กสาวในตระกูล เมื่อเทียบกับนางแล้ว เด็กเหล่านั้นใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นอย่างมาก”
“ไม่มีความเจ็บปวด ก็ไม่มีความสำเร็จ ดังนั้นนางจึงได้พัฒนาความสามารถของนาง” สะใภ้หวังคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย “น้องหญิงใหญ่ เรื่องในวันนี้ กลับไปไม่ต้องเล่าอย่างละเอียด”
“พี่สะใภ้ใหญ่หมายถึงเรื่องที่พวกเราถูกเก็บค่าบำรุงหรือ”
สะใภ้หวังพยักหน้า “ไม่จำเป็นต้องเล่ารายละเอียด ต่อให้พวกนางรู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะกังวลโดยเปล่าประโยชน์”
“ความจริงแล้วข้าคิดว่าจะให้ท่านแม่กับคนอื่นๆ รู้ก็ไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นก็มักจะคิดว่าพวกเราจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างราบรื่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะแม่ของหมิงเย่ว์…” ฉินเหมยเหนียงรู้สึกเสียใจเล็กน้อยหลังจากพูดออกมา นางเป็นอาหญิงใหญ่ที่ถูกทอดทิ้งให้กลับมาตระกูลเดิม ไปว่ากล่าวภรรยาของพี่น้องตระกูลเดิมก็ค่อนข้างไม่เหมาะสม
นางหน้าแดง กระแอมแล้วเอ่ยว่า “แต่หากพี่สะใภ้ใหญ่บอกว่าไม่เล่า เช่นนั้นก็ไม่เล่า”
สะใภ้หวังมองนาง “ข้าหมายถึงเรื่องทุกอย่าง รวมถึงเรื่องใต้เท้าอวี๋ด้วย”
ฉินเหมยเหนียงตกตะลึง
สะใภ้หวังลดสายตาลง เอ่ยว่า “เจ้าคิดเสียว่าเป็นปัญหาของแม่ใหญ่ที่เห็นแก่ตัวอย่างข้า เป็นเพราะใต้เท้าอวี๋เห็นแก่หน้าของซีเอ๋อร์จึงได้จัดการให้เช่นนี้ วิธีทำผลไม้แช่อิ่มของร้านนี้ก็เป็นซีเอ๋อร์ที่ให้มา คนงานหญิงที่ทำผลไม้แช่อิ่มก็เป็นนางที่หามา ซ้ำตอนนี้ยังใช้น้ำใจของนางแลกกับการคุ้มครองของใต้เท้าอวี๋ พวกเรารับมันมาอย่างสมเหตุสมผล นั่นเป็นเพราะพวกเราหน้าหนา แค่นี้ก็มากพอแล้ว น้องหญิงใหญ่ น้ำใจคนใช้ไปเรื่อยๆ ก็ย่อมหมด ข้าไม่อยากให้คนในเรือนรู้ว่าเด็กคนนี้มีความสามารถมากแค่ไหน แล้วต้องการให้นางใช้น้ำใจนี้เพื่อช่วยเหลือหรือทำอะไรบางอย่าง”
ฉินเหมยเหนียงเข้าใจแล้ว นี่เป็นการป้องกันไม่ให้ฮูหยินผู้เฒ่าสร้างความลำบากใจให้ฉินหลิวซีใช้ความสัมพันธ์ที่มีต่ออวี๋ชิวไฉผู้นี้เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนที่อยู่ทางซีเป่ย
อวี๋ชิวไฉเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ในเมืองหลี แต่ไม่ว่าตำแหน่งราชการของเขาจะเล็กแค่ไหน แต่ตระกูลที่อยู่ข้างหลังเขานั้นกลับไม่เล็กเลย นางจำได้อย่างคลุมเครือว่าดูเหมือนอวี๋ชิวไฉจะเป็นนายท่านสามจวนเจิ้นเป่ยโหว?
ทุกวันนี้ฉินเหมยเหนียงวิ่งเข้าวิ่งออกติดตามสะใภ้หวัง ความรู้ของนางไม่ได้ถูกจำกัดเหมือนเมื่อก่อนที่อยู่แต่ในเรือนแล้ว นางรู้ดีว่าตอนนี้ตระกูลฉินต้องพึ่งพาใคร
โดยเฉพาะหลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนี้ นางยิ่งรู้ดีว่าไม่ควรทำให้คนผู้นั้นต้องขุ่นเคืองเป็นอันขาด
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านวางใจได้ ข้ารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร จะไม่พูดมากเกินไปจนสร้างปัญหาให้แก่นาง” ฉินเหมยเหนียงยิ้มพลางเอ่ย “ความสัมพันธ์ของซีเอ๋อร์ นางคิดอยากจะใช้อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับนาง นั่นเป็นสิ่งที่นางได้มาด้วยความสามารถของนางเอง”
นางหยุดไปครู่หนึ่ง ถามอย่างลังเลว่า “แต่พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านไม่คิดถึงเยี่ยนเอ๋อร์หรือ”
สะใภ้หวังยิ้มอย่างขมขื่น “หากบอกว่าไม่คิดถึงนั้นคงเป็นเรื่องโกหก จะไม่คิดถึงได้อย่างไร แต่ซีเอ๋อร์เคยบอกไว้แล้วว่าพวกเขาไม่เป็นไร และจะกลับมาในที่สุด นางไม่บอกว่าเมื่อไหร่ เช่นนั้นก็แสดงว่ายังไม่ถึงเวลา ข้าก็ทำได้เพียงแค่รอเท่านั้น”
ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน นี่คือคำสอนของลัทธิเต๋า นางสะสมคุณธรรมให้เยี่ยนเอ๋อร์ของนางก็พอแล้ว!
ตอนที่ 396 ฉินเสี่ยวอู่ ‘ข้า อาจารย์อาน้อยผู้ยากจน!’
จวนอวี๋
ฮูหยินอวี๋ชิมผลไม้แช่อิ่มที่สามีของนางนำกลับมา มีความสุขจนถึงกับยิ้มแย้มแจ่มใส จนกระทั่งเขาบอกเรื่องที่ฉินหลิวซีเป็นสตรี ซ้ำยังเป็นสตรีของตระกูลฉิน
“แค่กๆๆ น้ำ” ฮูหยินอวี๋เกือบสำลักผลไม้แช่อิ่ม
อวี๋ชิวไฉลนลาน รีบรินน้ำให้นางดื่มพลางเอ่ย “ดูเจ้ารีบร้อนเข้าสิ ระวังเดี๋ยวลูกชายข้าสำจะลักไปด้วย”
ฮูหยินอวี๋ตบมือเขา “คำก็บุตรชายท่าน สองคำก็บุตรชายท่าน เป็นบุตรสาวไม่ได้หรือ”
“ไม่มีทาง ท่านอาจารย์บอกไว้แล้วว่าเจ้าตั้งครรภ์บุตรชาย” อวี๋ชิวไฉเบิกตาโตพลางเอ่ย “ท่านอาจารย์ทำนายแม่นที่สุดแล้ว”
ฮูหยินอวี๋กลอกตาใส่เขา เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นางเป็นนักพรตหญิงจริงๆ หรือเจ้าคะ”
อวี๋ชิวไฉพยักหน้า “จะเป็นเท็จไปได้อย่างไร ตัวนางเป็นคนบอกเอง คงไม่มีบุรุษคนไหนอยากบอกว่าตัวเองเป็นสตรีหรอกกระมัง และนางก็ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาหลอกข้า อีกอย่าง ข้าก็ยังรู้จักฮูหยินของฉินปั๋วหงด้วย ชายทั้งสิบสองคนของตระกูลฉินถูกเนรเทศไปหมดแล้ว พวกเขาคงไม่กล้าซ่อนบุรุษคนหนึ่งไว้ที่จวนหรอกกระมัง”
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ” ฮูหยินอวี๋กล่าวว่า “แล้วท่านจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้”
“ต้องทำอะไรอีก ก็เป็นไปตามนี้”
“ถ้าหากคนตระกูลฉินมาหาท่านเพื่อต้องการให้ท่านขอร้องฮ่องเต้ให้กับบุรุษตระกูลฉินล่ะ”
อวี๋ชิวไฉหัวเราะ “ข้าก็เป็นแค่ผู้รักษาการณ์เมืองตำแหน่งเล็กๆ เท่านั้น ไหนเลยจะมีอำนาจไปขอร้องฮ่องเต้ให้กับพวกเขาได้ ใช้ความสัมพันธ์ในตระกูลหรือ เกรงว่าท่านพ่อจะรีบย้ายข้ากลับเมืองหลวงทันที ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องของตระกูลฉินก็จัดการได้ยาก เกิดข้อผิดพลาดใหญ่หลวงในพิธีบวงสรวง มีหรือที่ฮ่องเต้จะไม่โกรธ”
ฮูหยินอวี๋ลูบท้องของนาง เอ่ย “ท่านก็อยู่นอกเมืองหลวงมาหลายปีแล้ว ย้ายกลับเมืองหลวงไม่ดีหรือ”
นางให้กำเนิดบุตรสาวเพียงคนเดียว จากนั้นก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ มาหลายปี หากบอกว่าแม่สามีไม่ได้มีความคิดอะไรเลยนั้นก็คงเป็นเรื่องโกหก เป็นอวี๋ชิวไฉที่กลัวว่านางจะน้อยใจ ดังนั้นจึงได้ตั้งใจวางแผนมาอยู่นอกเมืองหลวง เต็มใจใช้ชีวิตสามคนพ่อแม่ลูกในเมืองเล็กๆ ดีกว่ากลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาในจวน
อวี๋ชิวไฉกอดนางไว้ เอ่ย “จะกลับเมืองหลวงไปทำไมกัน หากกลับไปเมืองหลวงข้าจะได้มีบุตรชายเช่นนี้หรือ เห็นได้ว่าข้าเจริญรุ่งเรืองในเมืองหลีแห่งนี้”
เขาลูบท้องโตๆ ของภรรยา เอ่ย “อีกอย่างอายุครรภ์ของเจ้าก็มากแล้ว จะต้องอยู่อย่างสงบ หากจะกลับเมืองหลวง ไว้หลังจากนี้พวกเราสี่คนค่อยกลับไปอย่างสง่างาม”
ฮูหยินอวี๋ไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา เอ่ย “อย่างที่ท่านกล่าว พวกเราไม่พึ่งพาความสัมพันธ์ของตระกูล ก็ไม่มีความสามารถไปดูแลผู้ที่อยู่ทางซีเป่ย แต่คนในเมืองหลีนี้ก็คงต้องคอยปกป้องอยู่บ้าง คนในตระกูลฉินที่กลับมาล้วนเป็นคนชรา สตรี และเด็ก ฟังจากที่ท่านกล่าว พวกนางจากที่เป็นฮูหยินขุนนางตกลงมาสู่การทำกิจการเปิดเผยตัวตนในที่สาธารณะอย่างในตอนนี้ ก็ไม่ได้เป็นเพราะการบีบบังคับของสถานการณ์ชีวิตหรอกหรือ คนธรรมดาทั่วไปทำกิจการค้าขายเล็กๆ ครึ่งหนึ่งของกิจการล้วนตกอยู่ในมือของคนพาลในท้องถิ่น กระทั่งพวกขี้ข้าที่แสร้งทำเป็นมีอำนาจเหล่านั้น”
นางเอนพิงหมอนใบใหญ่ กล่าวด้วยสีหน้าดูถูก “เรื่องเช่นนี้ ตระกูลติงทำไว้ไม่น้อยเลย”
“นี่ฮูหยินของข้าไม่พอใจในความไม่เป็นธรรมหรือ”
ฮูหยินอวี๋ตีเขา กล่าวว่า “ข้าแค่คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับสตรี ตั้งแต่เป็นฮูหยินขุนนางขั้นสูงจนถึงตอนนี้ที่แข่งขันหาเงินเล็กๆ น้อยๆ กับพลเมือง คนส่วนใหญ่ล้วนรับไม่ได้กับความแตกต่างราวฟ้ากับเหวเช่นนี้ แต่นางกลับทุ่มสุดตัว และกล้าเปิดเผยตัวตนออกมาทำกิจการ กล่าวตามตรง ข้านับถือภรรยาของฉินปั๋วหงผู้นี้มาก ได้ยินมาว่านางยังมาจากตระกูลหลังหยาหวังอีกด้วย สมแล้วที่มาจากตระกูลใหญ่ นางมีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างมาก”
“ม้าตายแล้วก็ต้องเดินเท้า ไม่มีที่พึ่งก็ต้องพึ่งตัวเอง นั่นเป็นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น” อวี๋ชิวไฉกล่าว
“เป็นเช่นนั้น ดังนั้นท่านก็ให้คนคอยดูแลพวกนางสักหน่อย นับว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของท่านอาจารย์ ส่วนทางด้านซีเป่ย” ฮูหยินอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ข้าจะส่งจดหมายไปให้หลินเซิ่งพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง ขอให้เขาช่วยดูแลอย่างลับๆ สักหน่อย ไม่ต้องถึงขั้นพ้นโทษ แค่ให้ทำงานเบาๆ ก็นับว่าพอแล้ว”
“ฮูหยินช่างมีเมตตา”
ฮูหยินอวี๋ลูบท้อง เอ่ย “นี่ก็นับว่าเป็นการสะสมบุญให้บุตรของข้า และเป็นการตอบแทนน้ำใจของท่านอาจารย์ นางรู้จักท่านมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องในตระกูลของตัวเอง และไม่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เห็นได้ว่านางรู้จักขอบเขตดี มิเช่นนั้นหากนางต้องการทวงบุญคุณขึ้นมาจริงๆ ต่อให้ท่านถูกท่านพ่อเรียกตัวกลับไป ก็คงต้องหาทางตอบแทนให้ได้กระมัง”
อวี๋ชิวไฉเงียบไป
กล่าวตามตรง หากฉินหลิวซีต้องการทวงบุญคุณขึ้นมาจริงๆ เมื่อเอ่ยปากแล้ว ไม่ว่าเรื่องจะสำเร็จหรือไม่ เขาก็คงต้องวางแผนดูสักตั้ง อย่างไรเสียนางก็ช่วยบุตรสาวของตัวเอง นับว่าได้นำความสุขมาให้เขา
“ฮูหยินกล่าวถูกแล้ว”
ฮูหยินอวี๋ยิ้มเล็กน้อย เอาบ “หากนางไม่เอ่ยขึ้นมา พวกเราก็ไม่ต้องเอ่ยถึง แอบช่วยอย่างลับๆ ก็พอ หากนางรู้ก็จะต้องขอบคุณพวกเราอย่างแน่นอน”
อวี๋ชิวไฉพยักหน้า “ผ่านไปสองสามวัน ข้าจะพาพวกเจ้าแม่ลูกไปเยี่ยมชมร้านของนางในวันหยุดของข้า”
“เจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีที่ไม่รู้ว่าอวี๋ชิวไฉกับภรรยาของเขาได้วางแผนกันอย่างลับๆ กำลังพาลูกศิษย์ทั้งสองคนกลับไปที่เรือนปีกบ้านฉิน ก่อนจะพบกับฉินหมิงฉุนที่ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน
ทันทีที่ฉินหมิงฉุนเห็นนางก็ลุกขึ้นยืน ถือบางอย่างไว้ในมือ ดวงตาสีดำเข้มเป็นประกายสดใส แต่เมื่อเห็นเถิงเจากับวั่งชวน ดวงตาคู่นั้นก็มืดลง
พี่หญิงเป่าเอ๋อร์เอ่ยไว้ไม่ผิด พี่หญิงใหญ่รับศิษย์แล้วจริงๆ ด้วย ซ้ำยังรับถึงสองคน นั่นหมายความว่าจะมีคนมาแย่งพี่หญิงใหญ่ของเขาเพิ่มอีกสองคน
แม้เป็นศิษย์ แต่หากอยู่ข้างกายอยู่เสมอ ก็คงจะสนิทสนมมากกว่าเขาที่เป็นน้องชายแท้ๆ อีกกระมัง
เมื่อฉินหมิงฉุนคิดได้เช่นนี้ก็รู้สึกเศร้าจนอยากจะร้องไห้
“เจ้าไม่ได้อยู่ที่สำนักศึกษาหรอกหรือ ไยจึงมาอยู่ที่นี่” ฉินหลิวซีกล่าว
“พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ดังนั้นข้ากับพี่สี่จึงกลับมาที่จวน” ฉินหมิงฉุนยกมือคารวะนางด้วยความเคารพ จากนั้นก็มองไปยังเถิงเจาและวั่งชวนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรเล็กน้อย
“อ้อ พวกเจ้าทำความรู้จักกันสักหน่อย นี่คือลูกศิษย์ทั้งสองของข้า เถิงเจากับวั่งชวน เจาเจา นี่คือน้องชายของอาจารย์ พวกเจ้าอายุไล่เลี่ยกัน เช่นนั้นก็เรียกพี่ชายกับน้องสาวตามลำดับอายุเถิด” ฉินหลิวซีกล่าวกับเจ้าตัวน้อยทั้งสาม
เถิงเจาขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ท่านอาจารย์กล่าวผิดแล้ว”
ฉินหลิวซี “?”
“ในเมื่อเป็นน้องชายแท้ๆ ของท่านอาจารย์ ศิษย์จึงควรเรียกเขาว่าท่านอาจารย์อาด้วยความเคารพ” เถิงเจายกมือขึ้นโค้งคารวะฉินหมิงฉุนแล้วเอ่ย “เถิงเจา นามเต๋าเสวียนอี คารวะท่านอาจารย์อาน้อย”
ฉินหมิงฉุนที่จู่ๆ ก็ได้รับความเคารพ “?”
เดี๋ยวนะ เขาแค่ไปเรียน เหตุใดพอกลับมาจึงกลายเป็นท่านอาจารย์อาน้อยคนอื่นเสียแล้ว
และยังเป็นรุ่นน้องที่อายุมากกว่า!
เขาสับสนเล็กน้อย มองไปยังพี่หญิงใหญ่ มีหรือเขาจะกล้ารับคำเรียกว่าท่านอาจารย์อาน้อย
ฉินหลิวซีก็ตกตะลึงกับคำเรียกว่าท่านอาจารย์อาน้อยเช่นกัน เมื่อลองคิดดู เห็นว่าจะเป็นเช่นนั้น จึงอดกลั้นหัวเราะไม่ได้
“เป็นอาจารย์ที่เรียงลำดับความอาวุโสผิด เรียกว่าท่านอาจารย์อานั้นถูกต้องแล้ว”
ดังนั้นจึงเป็นที่ยอมรับแล้ว
นับว่าสถานการณ์พลิกผันโดยสิ้นเชิง เดิมทีคิดว่าจะถูกทอดทิ้ง แต่ตัวเองกลับกลายเป็นท่านอาจารย์อาที่อาวุโสกว่า
ฮ่าๆ ศักดิ์นี้นับว่าใช่ได้
ฉินหมิงฉุนพยายามสุดชีวิตที่จะไม่ยกมุมปากขึ้น กระแอมและแสร้งทำท่าทางเป็นผู้ใหญ่พลางเอ่ย “เอาล่ะ ในเมื่อฝากตัวเป็นศิษย์แล้วก็ตั้งใจเรียนรู้วิชาจากพี่หญิงของข้า”
“ขอรับ ท่านอาจารย์อาน้อย”
เถิงเจามองออกว่าฉินหมิงฉุนมีบางอย่างจะกล่าวกับฉินหลิวซี ดังนั้นเขาจึงพาวั่งชวนไปที่พักของตัวเองอย่างรู้ความ
ฉินหมิงฉุนรู้สึกพึงพอใจทั้งสองคน กำลังจะเอ่ยชมสักสองสามประโยค บทสนทนาของศิษย์พี่และศิษย์น้องก็ลอยมาตามลม
“ศิษย์พี่ ทำไมท่านอาจารย์อาน้อยผู้นั้นไม่ให้ของขวัญต้อนรับพวกเราล่ะ”
“คงเพราะจนกระมัง!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น!”
ฉินหมิงฉุนหน้าแดง “…”
ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้ไม่มีเงิน แค่มันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป!