คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 246 ฮ่องเต้ผู้ตระหนี่

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 246 ฮ่องเต้ผู้ตระหนี่

ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงยุ่งอยู่กับการปะทะกับตระกูลขุนนาง ลืมเรื่องพระราชทานรางวัลให้องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้

สถานการณ์นี้ยืดเยื้อไปจนถึงวันที่สามสิบเดือนสิบสอง

ความดีความชอบของเขาราวกับถูกฮ่องเต้หย่งไท่ลืมเลือนไปจนหมดสิ้น

แต่ว่าเถาฮองเฮาไม่ลืม

องค์หญิงเฉิงหยางก็ไม่ลืม

อาศัยโอกาสรวมตัวกันในงานเลี้ยงในพระราชวังที่มีบรรยากาศคึกคัก องค์หญิงเฉิงหยางจึงเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก่อน นางตักเตือนฮ่องเต้หย่งไท่ทางอ้อม ให้พระองค์อย่าทรงลืมรางวัลพระราชทานขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้

มือที่ถือจอกสุราของฮ่องเต้หย่งไท่ชะงักไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด

แต่ว่าเขาตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว พลันถามซุนปังเหนียนข้างกาย “ข้าไม่ได้ให้รางวัลเจ้าสามหรือ”

ซุนปังเหนียนรีบพูด “ทูลฝ่าบาท พระองค์ไม่ได้ทรงพระราชทานรางวัลให้องค์ชายสามพ่ะย่ะค่ะ”

อ้อ!

ฮ่องเต้หย่งไท่เพิ่งรู้สึกตัวว่าความจำของตนเองเหมือนกำลังถดถอย

เรื่องสำคัญเช่นนี้ เขากลับลืมไปเสียได้

ดังนั้นเขาจึงเรียกองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้มาตรงหน้า กล่าวชื่นชมหลายประโยค อีกทั้งยังพระราชทานรางวัลจำนวนมาก

เซียวเฉิงอี้โน้มตัวขอบพระทัย แต่ภายในใจก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้

ตอนที่รางวัลยังไม่พระราชทานลงมา อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง

แต่เมื่อเสด็จพ่อทรงพระราชทานรางวัลลงมาแล้ว แม้แต่ความหวังก็ไม่มีแล้ว

อารมณ์ของเขาเปลี่ยนจากความดีใจสู่ความเสียใจภายในชั่วพริบตา

นอกจากนี้องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ยังวิ่งออกมาแสดงความยินดี แต่ความจริงแล้วเป็นการเยาะเย้ย

เซียวเฉิงอี้ไม่มีสีหน้าดีให้แก่เขา “เสด็จพี่ใหญ่อิจฉาเพียงนี้ ปีหน้าให้เสด็จพี่ใหญ่ออกไปบรรเทาภัยพิบัติดีหรือไม่”

เซียวเฉิงเย่หัวเราะแก้เก้อ เขาไม่มีแม่ยายที่มีกำลังทรัพย์ ไม่สามารถนำเสบียงหมื่นหาบออกมาได้

บรรเทาภัยพิบัติ ช่างมันเถิด

เขาอยู่ในเมืองหลวงดีกว่า ปลอดภัย สบายใจ ยังไม่ต้องกังวลอันตราย

องค์หญิงเฉิงหยางย่อมไม่พอใจรางวัลที่ฮ่องเต้หย่งไท่พระราชทานให้แก่องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้

เพียงแค่สิ่งของ ผู้ใดต้องการกัน!

ความดีความชอบใหญ่อย่างการบรรเทาภัยพิบัติ แต่พระราชทานให้รางวัลเพียงเท่านี้ ทั้งไม่เลื่อนตำแหน่ง ไม่แต่งตั้งยศถาบรรดาศักดิ์ ยิ่งไม่สถาปนาองค์รัชทายาท มันไม่เหมาะสมยิ่งนัก

“เจ้าสามมีความสามารถ ไม่ได้ทำให้ราชวงศ์อับอาย เสด็จพี่ เจ้าสามมีความสามารถ ทำภารกิจได้อย่างดี ได้หน้าอย่างมาก เพียงแค่สิ่งของไม่เพียงพอต่อความดีความชอบของเขา พระองค์ทรงให้อีกเล็กน้อยเถิด”

ฮ่องเต้หย่งไท่เลิกคิ้ว

ให้อีก?

ให้สิ่งใด

“เฉิงหยางกำลังบอกว่ารางวัลที่ข้าให้เจ้าสามน้อยเกินไป ไม่เหมาะสมกับความดีความชอบของเขา”

“เสด็จพี่ทรงเข้าใจผิดแล้ว! รางวัลที่พระองค์พระราชทานให้ แม้จะเป็นไม้กระบองไม้เดียวก็สมเกียรติ ผู้อื่นร้องขอยังร้องขอมาไม่ได้ แต่ข้าคิดว่าเจ้าสามก็ไม่เด็กแล้ว เขาเป็นบิดาแล้ว บนเส้นทางราชการก็ควรมีการพัฒนาหรือไม่”

สีหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่เรียบเฉย “ฐานันดรองค์ชายยังไม่พอหรือ ยังต้องการตำแหน่งใดอีกจึงจะคู่ควรกับเขา”

คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าเริ่มโกรธเล็กน้อย

องค์หญิงเฉิงหยางตกใจ จึงรีบอธิบาย “โอย ข้าช่างโง่เขลา อายุยิ่งมาก สมองยิ่งโง่ แม้แต่คำพูดยังพูดไม่กระจ่าง เดิมทีเป็นแค่เจตนาดี สุดท้ายเมื่อออกมาจากปากข้า ความหมายกลับเปลี่ยนไป มิน่าเสด็จพี่จึงทรงเข้าพระทัยผิด เสด็จพี่โปรดทรงอภัย เป็นความผิดของข้าที่พูดไม่เก่ง!”

ฮ่องเต้หย่งไท่ยิ้มบาง แต่รอยยิ้มไม่ได้ลึกเข้าไปในดวงตา

เขาพูด “ในเมื่อรู้ว่าสมองไม่ดี ต่อจากนี้ก็พูดให้น้อยลง เจ้าสามสร้างความดีความชอบ ข้าไม่มีทางลืม รางวับที่ควรให้ข้าย่อมจะให้เขา สิ่งที่ไม่ควรให้ก็ไม่ควรร้องขอ”

“ใช่ๆ เสด็จพี่ตรัสได้ถูกต้อง” องค์หญิงเฉิงหยางรีบตอบรับคล้อยตาม แต่ภายในใจกลับไม่เห็นด้วย

อีกทั้งยังแอบพร่ำบ่นในความตระหนี่ของฮ่องเต้

คำพูดที่พูดตอนองค์ชายสามออกจากเมืองหลวงล้วนกลายเป็นอากาศ

ฮึ!

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้กระอักกระอ่วนอย่างมาก เรื่องเกี่ยวข้องกับเขา เขาจำเป็นต้องยืนออกมาแสดงท่าที

“ไม่ว่าจะเป็นการพระราชทานรางวัลหรือการลงโทษ ล้วนเป็นการให้กำลังใจและการสั่งสอนของเสด็จพ่อที่มีต่อข้า การบรรเทาภัยพิบัติเป็นความรับผิดชอบของข้า โชคดีที่ไม่ได้ทรยศต่อความคาดหวังของเสด็จพ่อ ทำภารกิจได้อย่างราบรื่น เสด็จพ่อทรงพระราชทานรางวัลก็เป็นการยอมรับและชื่นชมที่ดีที่สุดสำหรับข้าแล้ว”

คำพูดนี้ฟังเข้าหูมาก

ฮ่องเต้หย่งไท่เค้นยิ้มออกมา

เถาฮองเฮาไม่ได้พูดสิ่งใด นางหลุบตาต่ำคิดบางอย่างอยู่ในใจ

ฮ่องเต้ทรงไร้สัจจะ คำพูดที่เคยพูดล้วนกลายเป็นอากาศ นางเคียดแค้นภายในใจ

หากรู้เช่นนี้ เหตุใดตอนนั้นนางจึงต้องสิ้นเปลืองแรงวางแผนแทนเจ้าสาม

สู้อยู่ในเมืองหลวงอย่างมั่นคงเสียดีกว่า ไม่สร้างความดีความชอบแต่ก็ไม่กระทำผิด

อีกทั้งยังประหยัดเสบียงได้ เมื่อขายออกไปก็จะได้เงินเข้ามาจำนวนมาก

เถาฮองเฮาหงุดหงิดอย่างมาก นางยกจอกสุราขึ้นดื่ม

ฮ่องเต้หย่งไท่เห็นนางดื่มสุราเช่นนี้ ดังนั้นจึงถาม “วันนี้ฮองเฮาอยากดื่มสุราเพียงนี้เชียวหรือ”

เถาฮองเฮาเม้มปากยิ้ม “หม่อมฉันถวายฝ่าบาทหนึ่งจอก ฝ่าบาทพระวรกายแข็งแรง สมความปรารถนาทุกประการ”

“ฮ่าๆ …”

“วันนี้วันที่สามสิบ ข้าก็ขอให้ฮองเฮาร่างกายแข็งแรง ข้ายังหวังจะอยู่และตายไปพร้อมกับฮองเฮา”

เถาฮองเฮายิ้มอย่างเขินอาย “มีพระดำริของฝ่าบาทเช่นนี้ หม่อมฉันก็เพียงพอแล้ว!”

ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะอีกครั้ง

งานเลี้ยงพระราชวังในวันที่สามสิบเดือนสิบสอง แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยความรักใคร่กลมเกลียว แต่บรรยากาศลับหลังกลับเต็มไปด้วยพายุ

ก่อนออกจากวัง เถาฮองเฮาให้เหมยเส้าเจี้ยนส่งสารให้องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้

“ฮองเฮาให้ข้ามาส่งสาร พระองค์อย่าได้ทรงตื่นตระหนก ต้องนิ่งเข้าไว้”

เซียวเฉิงอี้ยิ้มเยาะเย้ย “ลำบากเหมยกงกงแล้ว รบกวนท่านทูลเสด็จแม่ ข้ารู้อยู่แก่ใจ ข้าไม่ตะหนก องค์หญิงเฉิงหยางออกหน้าแทนข้ายังถูกเสด็จพ่อทรงตำหนิ วันอื่นข้าต้องไปขอโทษที่จวนองค์หญิง”

“พระองค์ควรทรงไปจวนองค์หญิงเป็นประจำ องค์หญิงเฉิงหยางทรงมีกำลังทรัพย์มาก เป็นตัวช่วยสำคัญของพระองค์”

“ข้าไปจวนองค์หญิงไม่ใช่เห็นแก่กำลังทรัพย์ของเสด็จป้าเฉิงหยาง เหมยกงกงเข้าใจผิดแล้ว”

“ใช่ๆ! กระหม่อมเป็นคนธรรมดา ในตาเห็นแต่ผลประโยชน์ ขอองค์ชายสามโปรดทรงอภัย”

“เหมยกงกงพูดเกินไปแล้ว ท่านกลับไปเถิด อากาศหนาว ระวังไม่สบาย”

“ขอบพระทับองค์ชายสามที่ทรงเป็นกังวล องค์ชายสามก็รีบกลับเถิด”

ทั้งสองจากลากัน ทันทีที่หันหลัง บนใบหน้าของเซียวเฉิงอี้ก็ไร้รอยยิ้ม

ขุนนางฝ่ายในนำรางวัลที่ฮ่องเต้พระราชทานให้รออยู่บนรถม้า

มองดูรางวัลเต็มคันรถ อารมณ์ของเซียวเฉิงอี้ยิ่งดิ่งลงสู่ก้นเหว

จ้งซูอวิ้นนั่งอยู่บนรถม้าอีกคัน นางเปิดม่านประตูรถขึ้น “พระองค์ทรงนั่งคันข้า รถม้าข้ากว้าง”

เซียวเฉิงอี้ตอบรับ เดินขึ้นรถม้าของจ้งซูอวิ้นอย่างไร้เสียง

สามีภรรยานั่งแนบชิดกัน ท่าทางสนิทสนมอย่างมาก

จ้งซูอวิ้นแอบกอดมือของเขาเอาไว้ “พระองค์ทรงดีใจหน่อย พรุ่งนี้ก็เป็นปีใหม่แล้ว ปีใหม่บรรยากาศใหม่ พระองค์ย่อมต้องมีโชคดีอย่างแน่นอน”

“จะมีโชคดีจริงหรือ” เซียวเฉิงอี้ยิ้มอย่างมีนัย แต่สายตาเย็นชาอย่างมาก

จ้งซูอวิ้นพูดอย่างจริงจัง “พระองค์ควรมีความมั่นใจในตัวเองเสียหน่อย มีการสนับสนุนจากเสด็จแม่ มีการสนับสนุนจากท่านแม่ของข้า อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากเชื้อพระวงศ์และขุนนางมากมาย พระองค์ย่อมต้องสมความปรารถนาอย่างแน่นอน”

เซียวเฉิงอี้หันกลับมามองนาง ถามขึ้นอย่างกะทันหัน “เจ้าอยากเป็นฮองเฮาหรือไม่”

บรรยากาศหยุดนิ่ง!

หัวใจของจ้งซูอวิ้นเต้นระรัว

นางไม่กล้าเอ่ยปาก กลัวว่าจะพูดผิด

นางหายใจเข้าลึกๆ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว นางจึงพูดขึ้น “ไม่กล้าคิด ยิ่งไม่กล้าหวัง หากได้มาย่อมเป็นความโชคดีของข้า หากไม่ได้ก็เป็นความโชคดีของข้าเช่นเดียวกัน”

เซียวเฉิงอี้หัวเราะขึ้นมา เขาลูบไล้ข้างแก้มของนาง

“เจ้าคิดได้เช่นนี้ ข้าก็วางใจ ข้ากังวลว่าเจ้าจะหัวดื้อ แอบทำสิ่งใดลับหลังข้า”

จ้งซูอวิ้นส่งเสียงไม่พอใจ “ข้าจะทำสิ่งใดลับหลังท่านได้อย่างไร เรื่องใหญ่เช่นนี้ ข้ามีขอบเขต เรื่องแต่ก่อนพระองค์อย่าได้ทรงถือสา เวลานั้นข้าตั้งครรภ์ หมอหลวงก็บอกว่าอารมณ์ของสตรีหลังตั้งครรภ์ไม่มั่นคง ปฏิกิริยาของข้าเป็นเรื่องปกติ”

เซียวเฉิงอี้หยอกล้อ “หากเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าคงไม่กล้าให้เจ้าตั้งครรภ์เป็นครั้งที่สอง กลัวเจ้าจะจู้จี้จุกจิกขึ้นมาอีก”

จ้งซูอวิ้นโต้กลับด้วยการหยอกล้อ “มีบุตรชายคนเดียว พระองค์รู้สึกเพียงพอหรือ อย่าน้อยข้าก็ต้องมีบุตรสามคนถึงจะพอ พระองค์คงไม่รังเกียจมีบุตรมากใช่หรือไม่”

เซียวเฉิงอี้โอบไหล่ของนาง “เจ้าอยากมีกี่คนก็มีกี่คน ข้าย่อมไม่รังเกียจ กลัวแต่มีไม่มากพอ”

จ้งซูอวิ้นถามเขาอย่างทีเล่นทีจริง “อย่างนั้น ให้ข้ามีบุตรครบสามคนก่อน ค่อยให้สตรีในเรือนหลังมีบุตร พระองค์ทรงรับปากหรือไม่”

นางเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม ในดวงตาประกายแวววาว

นางไม่ได้ถามอย่างจริงจัง แม้จะถูกปฏิเสธ อย่างน้อยก็ไม่ขายหน้า

เซียวเฉิงอี้บีบก้มของนาง “ตามที่เจ้าพูด หากสตรีในเรือนหลังตั้งครรภ์ขึ้นมา ไม่ใช่ต้องให้ยาทำแท้งแก่พวกนางหรือ ล้วนเป็นบุตรของข้า เจ้าจะใจร้ายได้หรือ”

จ้งซูอวิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม “หากท่านใจร้ายได้ ข้าก็ใจร้ายได้”

“ข้าย่อมไม่ใจร้าย บุตรจากอนุภรรยา หากอบรมสั่งสอนให้ดีก็มีประโยชน์ได้เหมือนกัน”

“ฟังพระองค์ แต่ว่าพระองค์ต้องมาห้องข้าเป็นประจำ อย่างน้อยก็ให้ข้าตั้งครรภ์ก่อนสตรีนางอื่น”

“ได้! ข้ารับปากเจ้า”

ทั้งสองฝ่ายประนีประนอมซึ่งกันและกัน

ส่วนใหญ่คือจ้งซูอวิ้นประนีประนอม

ถามว่าอารมณ์ของนางเป็นอย่างไร

ย่อมไม่พอใจ

แต่นางยังยิ้มได้ ยังแสดงท่าทีพึงพอใจอย่างมากออกมาได้

ประสบการณ์ช่วงตั้งครรภ์ให้บทเรียนในการอยู่รอดแก่นางได้อย่างดี

นางไม่ใช่หญิงสาวที่ในสายตาและหัวใจมีแต่เซียวเฉิงอี้เท่านั้นแล้ว

นางมีบุตรชาย นางต้องคำนึงแทนบุตรชาย ต้องคำนึงแทนตัวเอง สุดท้ายถึงจะเป็นเซียวเฉิงอี้

ราวกับว่าหลังจากสตรีทุกคนมีบุตรแล้ว ความสำคัญของบุรุษก็จะลดลงตาม

ไม่คลั่งไคล้บุรุษ ไม่บ้าคลั่งเพื่อบุรุษก็ถือเป็นการเติบโต เป็นวิธีการปกป้องตัวเองที่ดีที่สุด

เพียงแต่ภายในนี้มีความเสียใจและหมดหนทางมากน้อยเท่าใด มีแต่คนที่ประสบเองรู้

นางบอกตัวเองว่าต้องยิ้ม ยิ้มอย่างดีใจ

แม้ภายในใจกำลังเลือดอาบก็ต้องยิ้มออกมา

จวนองค์ชายสอง

ดึกแล้ว สามีภรรยากำลังเตรียมตัวนอน

ปกติแล้ว เยียนอวิ๋นฉีและเซียวเฉิงเหวินแยกห้องนอน มีเพียงวันพิเศษที่จะนอนด้วยกัน

วันนี้วันสิ้นปี พวกเขายังคงพักผ่อนแยกห้อง

เยียนอวิ๋นฉีเป็นห่วงเซียวเฉิงเหวินเล็กน้อย

แต่เซียวเฉิงเหวินอารมณ์ดีไม่น้อย เขาพูด “อยากพูดสิ่งใดก็พูด ไม่ต้องมีความกังวล”

เยียนอวิ๋นฉีครุ่นคิดก่อนพูด “งานเลี้ยงในวันนี้ พระองค์ทรงไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะขึ้นมา “ข้าจะเป็นอันใดได้”

“ทั้งคืน ฝ่าบาทไม่ทรงเรียกชื่อของพระองค์ ไม่แม้แต่จะทรงมองพระองค์ ภายในใจ…”

“เจ้ากังวลมากไปแล้ว!” เซียวเฉิงเหวินพูดขัดนาง “ข้าเพียงแค่ร่างกายอ่อนแอ! หัวใจไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เจ้าคิด เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้อย่าได้พูดอีก”

อ้อ!

เยียนอวิ๋นฉีมองเขาอีกหลายครั้ง นางไม่อาจมองเห็นความคิดของเขาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

บางทีเขาอาจไม่สนใจจริงๆ

“พระองค์ทรงพักผ่อนเถิด อย่านอนดึกเกินไป”

นางกำชับก่อนจะหันหลังเดินจากไป

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท