“เอาล่ะค่ะ เอาล่ะค่า~ เป็นอะไรไปล่ะคะ ท่านลีน? …ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ฉันได้ยินมาว่าร่างกายของแวมไพร์นั้นแข็งแรงทนทาน ดังนั้น คุณจะไม่มีทางตายง่ายๆ แน่นอนค่า~♥︎”
พูดมาแบบนั้น อสุรกายคุณเทียน่าก็ไล่กวดฉันมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า
ฉันวิ่ง และวิ่ง และวิ่งเพื่อหาที่ซ่อนตัว
ไม่ว่ายังไง… ฉันต้องหนีให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม…
“อ้า~ อยู่ตรงนั้นเองสินะ หาตัวเจอแล้วค่า~♪”
“ว้า! ดะ เดี๋ยวสิคะ… อ๊าาาาา!!”
สุดท้าย คุณเทียน่าก็รู้ได้ว่าฉันอยู่ตรงไหน ก่อนจะยิงหอกน้ำแข็งเฉียวหัวฉันไป เหนือหัวฉันแค่ 2 เซน ทะลุต้นไม้ต้นหนึ่งไปจนเป็นรู
นั่นชักไม่สวยแล้วนะ!? ถ้าโดนไปทีนี่ ไม่ใช่ว่าฉันจะตายเลยเหรอคะ!?
“ไม่ต้องกังวลนะคะ! พวกเรามีสูตรเวทมนตร์พิเศษที่สร้างเวทให้แม้จะโจมตีโดนสิ่งมีชีวิตก็ไม่ตายค่ะ แต่ยังไงก็ยังเจ็บหนักเจียนตายอยู่ดี เพราะฉะนั้น โปรดระวังตัวให้ดีด้วยนะคะ… งั้นตอนนี้ {แก็ตลิ่ง (เวทยิงต่อเนื่อง)} จะมาแล้วค่า พยายามหลบให้นะค่ะ”
“เเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเเ―――เอ๊!!!”
ทำไมคุณเทียน่าที่อ่อนโยนคนนั้นกลายเป็นแบบนั้ไปได้งั้นเหรอคะ?
ทุกอย่าง ต้องเล่าย้อนไปประมาณ 1 ชั่วโมงก่อน ―――
หลังจากจบงานเลี้ยงน้ำชากับท่านอิซึสึ… อา… หลังจากจบการปรึกษาหารือกับท่านอิซึสึเรียบร้อย ฉันก็ได้หลับสบายเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน พอฉันบิดขี้เกียจเล็กน้อย ฉันก็ออกจากห้องพักของฉันมา
ห้องนี้ดูเหมือนจะเป็นหอพักที่สมาชิกระดับต่ำของกองทัพจอมมารอยู่อาศัยกัน ยิ่งระดับสูงขึ้น ก็จะยิ่งได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้นตามไปด้วย
ฉันได้ยินมาว่า เมื่อเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารแล้ว ท่านจอมมารจะไม่มีการให้สิทธิพิเศษอะไรเลย แม้ว่าจะเป็นสมาชิกในครอบครัวก็ตาม เข้มงวดสุดๆ ไปเลย
…แต่ ถ้าถามว่าห้องแบบหอพักนี่กระจอกหรือเปล่าล่ะก็ คำตอบคือ ไม่เลย ในห้องมีเตียงดีๆ พื้นที่ก็กว้าง แถมยังมีภารโรงคอยมาทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆ ทำให้ห้องสะอาดอยู่ตลอดเลย
และยังเรื่องอาหารด้วย ที่นี่มีโรงอาหารที่เสิร์ฟอาหาร 3 มื้อต่อวัน แถมอาหารพวกนั้นยัง…
“…อร่อย!?”
อาหารนี่อร่อยสุดยอดเลย ฉันอยากกลับปชกตัวเองที่เคยสบประมาทว่าเผ่ามารคงกินอาหารหน้าตาน่ากลัวแถมรสชาติแย่อีก ความคิดจากโลกเดิมพวกนั้นถูกลบทิ้งเกลี้ยงเลย
ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มแล้ว ก็คงเป็นมื้อเย็น…ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมฉันถึงได้อาหารแบบมื้อเช้ามา อาจจะเพราะฉันบอกพวกเขาว่าฉันเพิ่งตื่นนอนกับเรื่องที่ว่าฉันเป็นแวมไพร์ก็ได้
ขนมปัง ซุป สลัด ไข่ ก็ อาหารเช้ามาตรฐานล่ะนะ ถึงสำหรับแวมไพร์จะเป็นอาหารเย็นก็เถอะ
ส่วนรสชาตินี่เกินกว่าที่ฉันจินตนาการไว้หลายเท่าเลย เชฟต้องเก่งมากแน่ๆ แถมวัตถุดิบยังอร่อยด้วยอีกต่างหาก ฉันเคยได้ยินว่าผักนั้นรสชาติดีพอจนไม่ต้องปรุงอะไรก็กินได้ และนั่นก็คือสิ่งที่ฉันรู้สึกในตอนนี้เลย ฉันกินอาหารเช้าหมดไปพร้อมกับน้ำตาแห่งความประทับใจที่ไหลออกมาเลย เพราะก่อนหน้านี้ ฉันกินแค่สัตว์ป่าที่ล่าได้กับพวกผักป่าเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง
ฉันไม่รู้สึกว่านี่คือหอพักระดับต่ำสุดเลย ระดับมันสูงกว่านั้นเยอะ… เกิดอะไรขึ้นกับกองทัพจอมมารกันเนี่ย?
หลังจากที่ฉันกลับมาถึงห้อง พลางอิ่มเอิมไปกับมื้ออาหารชั้นเลิศครั้งแรกในรอบหลายวันที่เพิ่งทานมา ไม่นานก็มีเสียงเคาะดังขึ้นที่ประตู
“ค่า นั่นใครคะ?”
“สายัณห์สวัสดิ์…? อรุณสวัสดิ์…? อา…ช่างเถอะ… สวัสดีค่ะท่านลีน นี่เทียน่าค่ะ”
“อ๊ะ คุณเทียน่า ใช้สายัณห์สวัสดิ์ก็ได้ค่ะ เข้ามาได้เลยค่ะ”
“งั้น ขอรบกวนด้วยนะคะ”
คนที่อยู่หน้าห้องของฉันบอก… ฉันเชิญคุณเทียน่า ผู้บริหารของกองทัพจอมมาร เข้ามาที่ห้องพักของฉัน
“ฉันดีใจที่คุณนอนหลับสนิทนะคะ ท่านลีน ห้องนี้อยู่สบายมั้ยคะ?”
“สบายมากจนตกใจเลยล่ะค่ะ ห้องแบบนี้มีให้สำหรับแค่ทหารธรรมดาๆ ทุกคนในกองทัพจริงๆ เหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ เพราะเผ่ามารครอบครองอาณาเขตอยู่ครึ่งหนึ่งของโลก แต่จำนวนประชากรของพวกเรามีน้อยกว่าเผ่ามนุษย์อย่างมากค่ะ… ทำให้เรามีทั้งพื้นที่และทรัพยากรอื่นๆ อย่างเพียงพอเลยค่ะ”
“อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ… แถม อาหาร สุดยอดมากเลยค่ะ ฉันร้องไห้ออกมาเลยล่ะค่ะ”
“มันคือ…อา…เป็นผลสรุปที่เกิดขึ้นเองค่ะ พวกเราเอลฟ์เป็นมังสวิรัติ และชำนาญในการเตรียมผัก ในทางกลับกัน พวกมนุษย์สัตว์จะจุกจิกเกี่ยวพวกเนื้อหรือปลา และพวกคนแคระก็เก่งในการบ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหาใครเทียบไม่ได้ ผลจากการรวมเผ่าพันธุ์ที่หลากหลายนั้นเข้าด้วยกันนั้น ก็นำมาซึ่งองค์ความรู้ทางอาหารชั้นเลิศที่แต่ละเผ่าพันธุ์มีมารวมกัน ทำให้โต๊ะอาหารของพวกเราเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิดนั่นเองค่ะ และอย่างที่ฉันบอกไว้ก่อน เรามีพื้นที่มากอย่างเหลือเฟือ ทำให้เราสามารถเพาะปลูก-เลี้ยงปศุสัตว์ได้มากเท่าที่เราต้องการเลยล่ะ”
อ๋า! แบบนี้นี่เอง! แบบนั้นก็สมเหตุสมผลเลยนะเนี่ย!
“งั้น เรามาเข้าเรื่องกันเลยมั้ยคะ?”
“อ้อ…ขอโทษด้วยค่ะ! เชิญเลยค่ะ”
“ถ้างั้น… ระหว่างที่ท่านลีนพักผ่อนอยู่ มีการจัดประชุมพิเศษของผู้บริหารขึ้น ผลจากการประชุมนั้นคือ ฉันจะถอนตัวจากแนวหน้าเป็นการชั่วคราวค่ะ”
เอ๊ะ? จะดีเหรอคะที่ให้ผู้บริหารลำดับที่ 3 ของกองทัพจอมมารออกมาจากแนวหน้าในสงครามแบบนั้น?
“ในระหว่างนั้น ฉันจะมาทำการสอนเวทมนตร์ให้กับท่านลีนเองค่ะ ขอฝากตัวด้วยนะคะ”
…เอ๋?
“ด- เดี๋ยวก่อนนะคะ คุณเทียน่าจะเป็นคนสอนฉันเองเลยงั้นเหรอคะ… ที่ต้องออกมาจากแนวหน้าแบบนั้น… ทำขนาดนั้นเพื่อแค่ฉันเองเหรอคะ!?”
“ใช่แล้วค่ะ ท่านจอมมารและเหล่าผู้บริหารได้คำนึงถึงพรสวรรค์ของท่านลีน, ข้อเสียเปรียบที่ฉันถอนตัวจากแนวหน้า และปัจจัยอื่นๆ ก่อนจะนำมาสู่ข้อสรุปนี้ค่ะ ฉันมั่นใจเลยว่าพรสวรรค์ในการต่อสู้ของท่านลีนจะต้องมาเป็นหนึ่งในผู้ที่แกร่งที่สุดในกองทัพจอมมารไม่ผิดแน่ค่ะ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ฉันเองก็คิดว่าการให้ผู้บริหารคนหนึ่งช่วยดูแลท่าน คอยฟูมฟักผู้มีสิทธิ์ได้เป็นผู้บริหารในอนาคตแบบนี้เป็นความคิดที่ดีเช่นกันค่ะ”
เอาจริงดิ นี่ฉันถูกคาดหวังขนาดนั้นเลยนะเนี่ย
ฉันต้องตั้งใจกับเรื่องนี้แล้ว ฉันจะฝึกหนักทุกวันเพื่อให้ตัวเองสามารถตอบแทนความคาดหวังพวกนั้นให้ได้เลย
“ถ้างั้น เราไปกันเลยค่า”
“เอ๋ ไปที่ไหนเหร- “{เทเลพอร์เทชั่น (เคลื่อนย้าย)}” …เอ๋?”
ฉันยังไม่ทันจะร้องทักอะไร ฉันก็ถูกพาตัวมาที่…ที่นี่ที่ไหนเนี่ย?
ดูเป็นที่ที่ผสมกันระหว่างป่าใหญ่กับป่าโปร่ง หยั่งกับมีเส้นกั้นแบ่งออกจากกัน… บรรยากาศที่แปลกๆ นี่ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย
“สิ่งสำคัญในการเรียนรู้เวทมนตร์นั่นคือการประมวลสูตรเวทมนตร์ มีจินตนาการที่ดี… และการสัมผัสถึงอันตรายค่ะ”
“อา…ค่ะ… เอ๋? สัมผัสถึงอันตรายเหรอคะ?”
“ฉันจะสอนการประมวลสูตรเวทมนตร์ทีหลังนะคะ… ส่วนเรื่องจินตนาการนั้น…ก็…มันขึ้นกับท่านลีนเองเลยค่ะ ที่เหลือก็มีแค่สัมผัสถึงอันตรายสินะคะ มันคือการรับรู้และเข้าใจว่าเวทมนตร์นั้นอันตรายค่ะ”
“ค- ค่ะ?”
“การรับรู้ถึงอันตรายของเวทมนตร์นั้นจะทำให้การประมวลสูตรเวทมนตร์ทำได้อย่างปลอดภัยและแม่นยำยิ่งขึ้น หากการรับรู้นั้นไม่เพียงพอล่ะก็ การฝืนร่ายเวทและจินตนาการจะทำให้การประมวลสูตรเวทมนตร์ผิดพลาดได้ หรือเลวร้ายกว่านั้น อาจทำให้เวทนั้นระเบิดออกได้เลยค่ะ”
…สำหรับคนที่ตายจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิดที่พวกโง่บางคนที่มันไม่รับรู้ถึงอันตรายเป็นคนก่อขึ้นมาแล้ว ฉันก็ไม่คิดว่าเรื่องที่คุณเทียน่าว่านั้นจะเป็นแค่เรื่องของคนอื่นเลย
ไม่สิ นั่นมันเกิดจากการแทรกแซงของเทพต่างหาก
“เวทที่ทรงพลังนั้นคือเวทที่สามารถร่ายได้อย่างปลอดภัย, มีประสิทธิภาพ และทรงพลังค่ะ จากความผิดพลาดของผู้คนในอดีตนั้น เราต้องระวังไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนั้นซ้ำขึ้นอีก และเราต้องระมัดระวังตัวด้วยการกำจัดภัยอันตรายรอบตัวให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ เช่นนั้นเราจึงจะสามารถเรียกตัวเราเองว่าจอมเวทชั้นหนึ่งค่ะ”
…ดูท่ามันจะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ฉันคิดซะอีกนะคะ เวทมนตร์เนี่ย
มันอันตรายขนาดนั้นเลย
“ซึ่ง นั่นก็นำเรามาสู่สาเหตุที่ฉันพาคุณมาที่นี่ยังไงล่ะคะ ท่านลีน”
“…เอ๋? อะ…ค่ะ”
“สรุปจากที่ฉันพูดไปนั่นก็คือ… ‘ถ้าคุณไม่รู้ถึงอันตรายของเวทมนตร์แล้วล่ะก็ คุณไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้’ ไม่ใช่ว่าจะใช้ไม่ได้เลยหรอกนะคะ แค่จะอันตรายได้หากใช้มันเท่านั้นเอง”
“อือฮึ”
“พูดอีกอย่างก็คือ ท่านลีนต้องเข้าใจว่าเวทมนตร์นั้นน่ากลัวยังไงนั่นเองค่ะ ทีนี้ คุณต้องหนีจากฉันให้ได้นะคะ”
“อือฮึ- เดี๋ยว เมื่อกี้ว่าไงนะคะ”
“ฉันจะใช้เวทมนตร์โจมตีใส่ท่านลีน เพราะงั้น ท่านช่วยหลบพวกมันและหนีให้พ้นด้วยนะคะ เวลาคือ… ฉันจะให้เวลาท่านหนีซักครึ่งชั่วโมงแล้วกันนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนนะค่ะ เออ…”
“เมื่อท่านมีความกลัวต่อเวทมนตร์และสามารถก้าวข้ามมันได้แล้วล่ะก็ นั่นก็จะเป็นก้าวแรกของการเป็นนักเวทค่ะ และนี่ก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการสร้างความกลัวต่อเวทมนตร์ได้ เริ่มกันเลยมั้ยคะ {ไฟร์บอล (ลูกบอลไฟ)}”
“เอ๋? เดี๋ยวก่อ-… กรี๊ด!”
“โห หลบได้ดีเลยค่ะ ถ้างั้นก็ไปต่อเลยนะคะ {ไซโคลนเบลด (คมดาบสายลม)}”
“อ๊าาาาาา! ขอเวลานอกก่อนค่าาาาาาาาาาาาาาาาา!?”
“เออ ท่านจอมมารครับ คือผมไม่ได้ตั้งใจจะขัดอะไรหรอกเพราะมันผ่านการตัดสินใจร่วมกันไปแล้ว แต่ให้เทียน่าเป็นคนจัดการนี่ จะดีจริงๆ เหรอครับ?”
“หืม? เรารู้ว่าเธอจะทำหน้าที่ของเธอได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว มีอะไรถึงทำให้เจ้าอยู่ๆ จึงดึงเรื่องนี้ขึ้นมากัน?”
“เปล่าครับ คือเวทมนตร์ของเธอน่ะเป็นของจริง แต่…ที่ยิ่งกว่านั้นน่ะ…”
“…อ่า จริงสิ เทียน่าเป็น ‘นั่น’ สินะ”
“เป็นสาย S อย่างจริงจังแบบลับๆ… เด็กใหม่นั่นจะไม่ตายก่อนใช่มั้ยครับ?”
“เราไม่คิดอย่างนั้นหรอก… อ่า แม้ว่าเธอจะต้องเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็เถอะ”
“เด็กคนนั้นเป็นแบบที่เทียน่าชอบมากด้วยสิครับ ผมสงสัยว่าเทียน่าจะทำอะไรแปลกๆ กับเธอ โดยอ้างว่าเป็นการฝึกหรือเปล่า?”
“……ลีน เจ้ายังอยู่ดีใช่ไหม?”
“นั่นมันสิ่งที่ผมเพิ่งจะถามท่านไปนะครับ”