ตอนที่ 563 การประลองใหญ่เริ่มแล้ว!
ประโยคนี้ของเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวได้ว่าพูดได้สละสลวยมาก แต่ถ้าพูดแบบตรงไปตรงมาหน่อยก็คือ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ มีผลข้างเคียงด้านลบ ถ้าเจ้าฝึกแล้วเกิดปัญหาอะไร ทางที่ดีก็บอกไว้แต่เนิ่นๆ ให้ทุกคนมีข้อมูลในใจ เมื่อถึงเวลาประลองใหญ่จะได้ไม่ถ่วงให้คนอื่นลำบากไปด้วย
สำหรับคำถามของเยี่ยเว่ยหมิง ปีศาจน้อยยุทธภพกลับไม่มีท่าทีว่าจะโกรธเลยสักนิด เพียงยิ้มบางๆ แล้วตอบอย่างเยือกเย็นมากว่า “สิ่งที่สหายเยี่ยกังวลก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเลย…
…ที่จริงแล้ว ข้าเองก็โชคดีที่ได้รับคำชี้แนะจากผู้อาวุโสท่านหนึ่งของยุทธภพ ถึงได้เลี่ยงผลข้างเคียงด้านลบของ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ นี้ได้ เฮ้อ…ถึงอย่างไรตรงนี้ก็เป็นคนกันเองทั้งนั้น ข้าพูดตรงๆ ไปเลยดีกว่า”
ปีศาจน้อยยุทธภพตบต้นขาอย่างแรงหนึ่งที แล้วพูดต่อ “อย่างที่สหายเยี่ยบอก ผลข้างเคียงด้านลบของ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ร้ายแรงมากจริงๆ หากดันทุรังฝึกก็จะทำลายขีดจำกัดพลังชีวิต ทำให้ผู้ฝึกกลายเป็นคนที่พลังชีวิตต่ำ แต่ถ้าอยากฝึก ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ไปพร้อมๆ กับการเลี่ยงผลข้างเคียง ก็จะต้องควบคุมตัวเองให้ได้”
ฉางซิงอวี่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วเกิดสนใจขึ้นมาทันที “ควบคุม?”
“ไม่ผิดหรอก!” ในเมื่อตัดสินใจจะเปิดเผยความลับของตัวเอง ปีศาจน้อยยุทธภพก็ไม่ลังเลอีกแล้ว “ถ้าอยากหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูก ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ย้อนทำร้าย ก็มีเพียงวิธีการเดียว นั้นก็คืออาศัยวิชากำลังภายในที่แข็งแกร่งมาควบคุม…
…ขีดจำกัดต่ำสุดก็คือ ต้องมีวิชากำลังภายในระดับสูงหนึ่งวิชาที่เลเวลสูงกว่า ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ อย่างน้อยหนึ่งเลเวล!…
…อย่าดูถูกเงื่อนไขนี้เชียว หลายคนคงคิดจะหยุดเลเวลของ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ให้ต่ำกว่าเลเวลของวิชากำลังภายในหนึ่งเลเวล เพื่อแสดงประสิทธิภาพให้มากที่สุด”
…หารู้ไม่ว่าวิชาหมัดประเภทหมัดเจ็ดทำร้าย หากเจ้าใช้มันในระหว่างการต่อสู้ ค่าประสบการณ์ของตัวละครก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ส่วนค่าประสบการณ์ของวิชาหมัดวิชานี้ก็จะก้าวหน้าเร็วเป็นพิเศษ ถ้าไม่ระวังก็มักจะเกินการควบคุม แล้วก็ได้รับบาดเจ็บภายใน…
…ดังนั้น ปกติข้าจะระงับเลเวลของ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ให้ต่ำกว่าวิชากำลังภายในระดับสูงสองเลเวล จะไม่เพิ่มค่าตบะไปบนวิชาหมัดนี้ง่ายๆ เด็ดขาด…
…แต่ที่จริงแล้ว ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ไม่เพียงแค่มีพลังโจมตีดุดัน ทุกครั้งที่เลเวลเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล พลังทำลายล้างก็จะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในบรรดาผู้เล่นมากมายของสำนักคงต้ง คนที่อดใจไม่เพิ่มเลเวลให้ไปถึงจุดวิกฤตมีเแค่ไม่กี่คน”
พอได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็พยักหน้าเบาๆ คิดว่าการตั้งค่าแบบนี้สอดคล้องกับที่บรรยายไว้ในต้นฉบับที่สุด
ตอนนี้ซูไตจื่อที่นั่งอยู่อีกฝั่งอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “ตามที่เจ้าบอก ผู้ฝึกต้องมีวิชากำลังภายในระดับสูงหนึ่งวิชาที่เลเวลควบคุมหมัดเจ็ดทำร้ายได้ เช่นนั้นต้องทำอย่างไรถึงจะฝึก ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ จนถึงเลเวลสิบโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ อย่าบอกนะว่าต้องฝึกวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาให้ถึงระดับสมบูรณ์ก่อน”
พอได้ยินเขาเดาแบบนี้ คนที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครไม่ตกใจ
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าการฝึกวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชาให้ถึงระดับสมบูรณ์นั้นยากขนาดไหน แค่ความยากที่จะได้วิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชามาไว้ในมือ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจินตนาการออกแล้ว
แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเอง ตอนนี้ก็ยังไม่มีวิชากำลังภายในระดับสุดยอดวิชามาเป็นหน้าเป็นตาให้สักเล่มเลย
มองแค่จุดนี้ก็รู้แล้วว่าการได้มาครอบครองนั้นยากมาก!艾琳小說
ท่ามกลางสายตาสนใจของทุกคน ปีศาจน้อยยุทธภพอธิบายทันทีว่า “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น ที่จริงแค่ต้องฝึกวิชากำลังภายในระดับสูงสองวิชาให้เลเวลเต็ม ก็จะเลี่ยงผลข้างเคียงของ ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ที่ฝึกจนเลเวลเต็มได้แล้ว”
ตอนนี้เชิญร่ำสุราที่อยู่ข้างๆ อธิบายพร้อมรอยยิ้ม “พูดให้ชัดก็เหมือนความขัดแย้งระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ ถ้าฝืนฝึก ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ตอนที่วิชากำลังภายในยังไม่เพียงพอ ก็เหมือนกับเจ้านำคอมพิวเตอร์สำหรับเล่น LOL มาเล่น PUBG คงไม่ได้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีแน่นอน ถ้าไม่อยากถูกฮาร์ดแวร์ควบคุม ก็ต้องอัปเกรดซอฟต์แวร์ก่อน…
…แน่นอนว่าการอัปเกรดแบบนี้ก็ไม่ต้องทำเยอะเกินไป เหมือนจางอู๋จี้ในต้นฉบับเดิมที่ใช้ ‘พลังเก้าเอี๊ยง’ ระดับสมบูรณ์มาควบคุม ‘หมัดเจ็ดทำร้าย’ ไม่ต่างอะไรกับใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์มาเล่น PUBG แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องประสบการณ์เล่นเกม แต่ก็ฟุ่มเฟือยเกินไป…
…พวกเจ้าอย่ามองข้าอย่างนั้น ข้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิม แต่ในฐานะคนที่ได้รับข่าวสารไว จะหาข่าวที่เกี่ยวข้องมาจากแฟนนิยายต้นฉบับเดิมสักหน่อย ก็น่าจะไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยากอะไรใช่ไหม”
หลังจากคุยกันไม่กี่ประโยค ทุกคนก็นับว่ารู้จักศักยภาพของปีศาจน้อยยุทธภพคร่าวๆ แล้ว จากนั้นทุกสายตาก็มองไปยังวั่งเหยียนที่เป็นศิษย์สายตรงของบัณฑิตมือวิเศษพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เมื่อเห็นทุกคนมองมาที่ตน แม้วั่งเหยียนจะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไร แต่ก็ยังแนะนำตัว “ข้าชื่อวั่งเหยียน ศิษย์สำนักหัวซาน ถนัดเคล็ดกระบี่สายลมปราณ ‘สามยอดเขาเขียวไท่เย่ว์’ นอกจากนี้ กำลังภายในของข้าก็ไม่อ่อนแอเช่นกัน เพียงพอที่จะแสดงประสิทธิภาพที่ควรจะมีของเคล็ดกระบี่นี้ได้ ทุกคนจึงไม่ต้องกังวลเลยว่าข้าจะเป็นตัวถ่วง”
เจ้าหมอนี่พูดจามีลับลมคมใน พูดมาเป็นชุดแล้ว แต่ข้อมูลสำคัญมีเพียง ‘สามยอดเขาเขียวไท่เย่ว์’
แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็แค่ร่วมงานกันชั่วคราวเท่านั้น รู้จักกันคร่าวๆ ก็พอแล้ว ในเมื่อเขาไม่อยากพูดมาก ทุกคนก็ไม่สะดวกจะว่าอะไรเขา
จากนั้นพวกเยี่ยเว่ยหมิงก็แนะนำสำนักรวมทั้งสิ่งที่ตัวเองถนัดต่อ เป็นมื้อที่เจ้าภาพและแขกกินข้าวร่วมกันอย่างมีความสุข
……
หลังจากปรับปรุงกลยุทธ์มาหนึ่งคืน ในที่สุดวันต่อมาก็ถึงเลเวลาประลองใหญ่หอหมอกพิรุณแล้ว
ตามหลักแล้ว การประลองหอหมอกพิรุณที่ยกเลิกกลางคันตามต้นฉบับเดิม ฉากต่อสู้ชี้ขาดที่บรรยายไว้ในนิยายจีนกำลังภายในมากมายถือว่าไม่โดดเด่นนัก คนที่เข้าใจและสนใจมีอยู่น้อยมาก
แต่เพราะระบบเปิดใช้งานฟังก์ชันวิดีโอถ่ายทอดสดพอดี เมื่อได้รับการโฆษณาอย่างเต็มที่จากระบบ ทำให้การประลองนี้มีอิทธิพลมากกว่าการประลองตามต้นฉบับเดิม
บรรดาผู้เล่นที่ชอบความคึกคักสนุกสนานแห่กันมาจากทั่วสารทิศ ล้อมถนนทั้งสายหน้าประตูหอหมอกพิรุณไว้แน่นหนา
ถึงขั้นเกิดปรากฏการณ์ประหลาดที่ผู้เล่นที่ปรากฏตัวในเมืองจยาซิ่งมีเยอะกว่าจำนวน NPC ด้วย
ต้องทราบไว้ว่าเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ พยายามรักษาระดับความสมจริงของเกมเดิมไว้ให้มากที่สุด จำนวน NPC ที่เตรียมไว้ในแต่ละเมืองล้วนเป็นแบบอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่งกับเมืองโบราณ ไม่ใช่ว่าเตรียมไว้เพียงฟังก์ชันง่ายๆ กับ NPC ภารกิจเพียงไม่กี่คนบนถนนกว้างโล่ง
แต่เมื่อนับจำนวนกลุ่มคนที่มารวมตัวกันแล้ว ส่วนใหญ่เป็นพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านที่มาดูเพื่อความบันเทิงโดยไม่คิดอะไร
หากเป็นผู้เล่นที่ใช้หัวคิดสักหน่อยก็จะไม่มาประสมโรงกับเรื่องนี้ เพราะถึงแม้ระบบจะจัดเตรียมที่นี่ไว้เป็นสนามประลอง แต่ก็จะไม่ให้ผู้เล่นที่มามุงดูมีโอกาสรบกวนการประลองเด็ดขาด ต้องเตรียมการไว้อย่างสมเหตุสมผลแน่นอน
ตอนกลุ่มผู้เล่นที่มามุงดูอัดแน่นเต็มถนนใหญ่ พวกเยี่ยเว่ยหมิงกลับถูก NPC ที่ปรึกษาของตนเองส่งตัวไปยังห้องประชุมก่อนต่อสู้แล้ว
“อ่า! ในที่สุดโลกบนี้ก็สงบเงียบแล้ว…”
หลังจากบิดขี้เกียจอย่างสบายอกสบายใจ ปีศาจน้อยยุทธภพที่หน้าเด็กก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องประชุม จากนั้นก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน ถามเยี่ยเว่ยหมิงกับเชิญร่ำสุราที่ดูเหมือนมีอำนาจตัดสินใจที่สุดในบรรดาเจ็ดคน “จะว่าไปแล้ว ตามกติกาการประลองที่ระบบประกาศไว้ คือให้สองทีมแข่งกันว่าใครบุกดันเจี้ยนได้เร็วกว่ากัน มีคนไอ้จ้อนใหญ่ท่านไหนรู้บ้างว่าเป็นดันเจี้ยนอะไร”
พอได้ยินเจ้าคนหน้าเด็กพูดคำหยาบโดยไร้จิตสำนึกระหว่างที่พูดคุยกัน โหยวโหยวที่นั่งอยู่ข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงก็ถ่มน้ำลายเบาๆ สื่อว่าตัวเองไม่พอใจ แต่เนื่องจากเสียงของนางค่อนข้างเบา จึงไม่ได้ใครสังเกตเลย
ตอนนี้เอง เชิญร่ำสุราที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับตบบ่าปีศาจน้อยยุทธภพพร้อมกล่าวอย่างจริงใจ “ที่จริงข้ารู้สึกว่าคนไอ้จ้อนเล็กอย่างพวกเจ้าควรรู้จักไตร่ตรองปัญหาด้วยตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องอะไรก็ถามคนไอ้จ้อนใหญ่อย่างพวกเราหมด ถ้าพวกเรารู้รายละเอียดล่วงหน้าว่าคือดันเจี้ยนอะไร เมื่อวานตอนกินข้าวก็คงเอ่ยถึงแล้วปรึกษากลยุทธ์กันแล้ว ยังต้องรอถึงตอนนี้อีกหรือ”