ตอนที่ 590 ศึกตัดสินบ้านหิมะ
ขุดบ้านหิมะในหุบเขาหิมะ ฮวาเถี่ยกั้นเดินเข้าไป
บังเอิญเจอที่ซ่อนสมบัติเคล็ดเทียมนครา แล้วปรมาจารย์ดาบโลหิตก็มาอีก
มาอีกแล้ว!
พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือฮวาเถี่ยกั้นฉวยโอกาสตอนเยี่ยเว่ยหมิงกับฉางซิงอวี่ออกไปข้างนอกเดินตามรอยเท้าที่เยี่ยเว่ยหมิงทิ้งไว้ตอนมาเงียบๆ จนกระทั่งเจอบ้านหิมะที่ใช้ ‘เก็บตัว’ ก่อนหน้านี้
พอเข้ามาดูในบ้าน กลับเห็นในบ้านหิมะว่างเปล่า มีเพียงเตียงที่ปูด้วยหญ้าแห้ง เหมือนมีคนเคยนอนอยู่ที่นี่มาก่อน
พอมองไปรอบๆ อีกก็เห็นว่าบนผนังหิมะโดยรอบถูกใครบางคนใช้กระบี่สลักตัวอักษรไว้มากมาย แต่เพราะตอนนี้แสงสว่างด้านนอกสลัวมาก แสงที่ส่องเข้าบ้านหิมะที่เล็กแคบได้ก็ยิ่งมีน้อยเข้าไปอีก
ฮวาเถี่ยกั้นใช้นิ้วลูบบนผนังเบาๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นลายมือ ก็จุดตะบันไฟอ่านอย่างละเอียดทันที
แต่พออ่านแล้ว เขาก็นึกเสียใจทีหลังทันที!
บนผนังเป็นลายมือที่ถูกสลักด้วยกระบี่จริงๆ ตรงฝั่งขวาที่อยู่ใกล้กับมุมที่สุด ก็ยิ่งเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่ไว้ว่า ‘เคล็ดเทียมนครา’ แม้ในบ้านหิมะจะมีแสงสว่างไม่มากพอ แต่ก็ยังทำให้ฮวาเถี่ยกั้นมึนศีรษะตาลายอยู่พักหนึ่ง
ส่วนสิ่งที่ทำให้เขานึกเสียใจทีหลังก็คือหลังจากเขาจุดตะบันไฟแล้วใช้มือคลำหาบนผนัง ก็ยังมีตัวอักษรอีกไม่น้อยที่ถูกถูจนเลือนรางแล้ว
พอเห็นร่องรอยที่มือตัวเองทิ้งไว้ ฮวาเถี่ยกั้นก็นึกเสียใจทีหลังจนไส้เขียว
ที่จริงแล้ว หากผู้เล่นต้องการตบตา NPC แน่นอนว่าไม่ได้ง่ายขนาดนี้
หลักการนี้เคยอธิบายไปแล้วตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอเหมยเชาเฟิงครั้งแรกที่หมู่บ้านรั่วหวา
หากผู้เล่นต้องการสร้างผลกระทบให้ NPC ก็จะต้องมีพื้นฐานเป็นภารกิจย่อยที่สอดคล้องกัน ถึงจะทำให้ NPC ไม่ถึงขั้นเลือกมองข้ามคำพูดหรือลายมือที่คุณทิ้งไว้
เหมือนเมื่อก่อนที่ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงควบคุมเหมยเชาเฟิงได้ สาเหตุไม่ใช่เพราะเขาใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ แต่เพราะเขาใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ที่ได้มาจากหวงเย่าซือ แต่ถ้าเป็น ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ที่ได้มาจากเซี่ยเยียนเค่อ หยางเซียวและคนอื่นๆ เหมยเชาเฟิงจะคิดว่าเป็นเพียงวิธีการโจมตีทั่วไปแบบหนึ่งเท่านั้น นางจะไม่ระวังตัวมากเกินไป
สถานการณ์ตอนนี้ก็เช่นเดียวกัน
สาเหตุที่ ‘เคล็ดเทียมนครา’ ที่เยี่ยเว่ยหมิงสลักไว้บนผนังหิมะทำให้ฮวาเถี่ยกั้นต้องหันมองหลายครั้ง ไม่ใช่เพราะเขากล้าเขียนพาดหัวไว้บนนั้นว่า ‘เคล็ดเทียมนครา’ แต่เป็นเพราะเขาเคยเจอกับติงเตี่ยนมาก่อน ทั้งยังเคยรับภารกิจเนื้อเรื่องขนาดใหญ่ระดับแปดดาวมาจากเหมยเนี่ยนเซิง กล่าวได้ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับผู้สืบทอดรุ่นที่สามของ ‘เคล็ดเทียมนครา’
อะไรนะ
เจ้าหมายถึงตี๋อวิ๋น?
เยี่ยเว่ยหมิงแม้จะไม่เคยเจอกับเจ้าคนโชคร้ายคนนั้น แต่ก็ช่วยเขาไม่ให้ถูกใส่ร้ายทางอ้อมเช่นกัน แบบนั้นนับว่ารู้จักกันหรือเปล่า
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ข้อความที่เขาทิ้งไว้ก็ไม่อาจทำให้ NPC ที่เกี่ยวข้องกับ ‘เคล็ดเทียมนครา’ เหล่านั้นเห็นแล้วหลงใหลจนเกินถอนตัวได้จริงๆ
ถึงอย่างไรในมือเขาก็ไม่มี ‘เคล็ดเทียมนครา’ ที่แท้จริง บนผนังสลักบทกลอนสมัยราชวงศ์ถังที่ไม่เกี่ยวข้องกันเอาไว้เท่านั้น ไม่มีมูลค่าที่แท้จริงแม้แต่นิดเดียว
ส่วนจุดประสงค์ของเขา ก็คือทำให้ฮวาเถี่ยกั้นจุดตะบันไฟเพื่ออ่านมันให้ละเอียดรอบหนึ่ง ถ่วงเวลาให้เขาอยู่ที่นี่นานขึ้นก็เท่านั้นเอง
เขาบรรลุจุดประสงค์นี้แล้ว ส่วนฮวาเถี่ยกั้นหลังจากอ่านข้อความที่ทิ้งไว้บนผนังจบ ก็เพียงส่ายหน้าเล็กน้อย แล้วย้ายสายตาไปบนไหสุราใบใหญ่ที่ปิดแน่นอยู่เบื้องล่างมุมผนังฝั่งซ้าย
หลังจากฮวาเถี่ยกั้นเดินเข้ามาใกล้ ก็ใช้ตะบันไฟส่องสว่าง ทำให้เห็นบนไหสุราเขียนว่า ‘สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสมบัติลับเทียมนครา’ ทันที เป็นตัวหนังสือที่โดดเด่นมาก
เมื่อเห็นข้อความที่เหมือน ‘ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง[1]’ ปฏิกิริยาแรกของฮวาเถี่ยกั้นก็คือ มารดาเจ้าเถอะ เจ้าล้อเล่นกับข้าหรือ!
ตั้งใจว่าจะไม่สนใจ แต่ก็รู้สึกคันในใจเล็กน้อย
จะว่าไปแล้ว หากในนี้มีเบาะแสของตำราลับเทียมนคราขึ้นมาจริงๆ ล่ะ
ตอนที่ฮวาเถี่ยกั้นกำลังสับสน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก ดังจากไกลเข้ามาใกล้
หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้านี้ ฮวาเถี่ยกั้นก็ตกใจทันที แต่พอคิดว่าเยี่ยเว่ยหมิงกับฉางซิงอวี่พบว่าตนไม่อยู่แล้วมาตามหา ในหัวก็เริ่มครุ่นคิดหาข้ออ้างอย่างรวดเร็ว
สำหรับเขา ถ้าอยากรับมือกับการซักถามของคนรุ่นหลังอย่างเยี่ยเว่ยหมิงและฉางซิงอวี่ในเวลานี้ก็ยังถือว่าไม่มีอะไรยาก
ทว่าตอนที่เขากำลังปรับอารมณ์ความรู้สึก แล้วหันไปมองตรงประตูบ้านหิมะ กลับเห็นชายหัวโล้นที่ทำให้เขาหวาดผวา
ผู้ที่มาก็คือปรมาจารย์ดาบโลหิตที่จะมาสืบดูสถานการณ์ของที่นี่เช่นเดียวกัน เขาเจอกับฮวาเถี่ยกั้นที่ยังออกไปไม่ทันเข้าแล้ว!
ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงทิ้งข้อความที่รู้อยู่แก่ใจว่าใช้หลอกคนไม่ได้ จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็เพื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้นั่นเอง 艾琳小說
เพราะเขาไม่คาดหวังเลยว่าสิ่งที่เขาเขียนจะทำให้ฮวาเถี่ยกั้นเชื่อ แต่ขอเพียงอีกฝ่ายเกิดความสงสัยขึ้นในใจแล้วเตรียมจะอ่านมากขึ้นเพราะคิดว่าตัวเองอาจโชคดีเจอเบาะแสที่ต้องการ เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
ด้วยความโลภของฮวาเถี่ยกั้น บางทีอาจเป็นคนที่โลภที่สุดในนิยายเรื่อง ‘เคล็ดเทียมนครา’ ต่อให้เขารู้อยู่แก่ใจว่าของเหล่านี้เก้าส่วนอาจเป็นของปลอม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอ่านให้ละเอียด
ก็เหมือนหลายปีก่อนที่บางคนชอบไถโทรศัพท์ดูวิดีโอสั้น เดิมทีคิดว่าจะดูแวบเดียวแล้วปล่อยผ่าน แต่พอดูไปดูมาก็พบว่าฟ้ามืดแล้ว…
ในแผนการของเยี่ยเว่ยหมิงได้สร้างสถานการณ์ให้ฮวาเถี่ยกั้นกับปรมาจารย์ดาบโลหิตอย่างชัดเจน แต่ยิ่งแผนการแยบยลมากเท่าไร ก็ยิ่งยอมให้มีข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
แม้ในทางทฤษฎี ฮวาเถี่ยกั้นกับปรมาจารย์ดาบโลหิตควรจะมาถึงที่นี่ก่อนและหลังในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะบังเอิญมากมายขนาดนั้น แต่เพราะน้องดาบคำนวณเวลาตอนกลับถ้ำไปพบปรมาจารย์ดาบโลหิต
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังมีปัจจัยมากมายเกินไปที่ทำให้ทั้งสองมาถึงที่นี่ก่อนกำหนดหรือช้ากว่ากำหนด
เพื่อเตรียมการไว้เผื่อความผิดพลาดของแผน เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ทิ้งสิ่งที่ดูคล้ายเบาะแสไว้ในบ้านหิมะมากมายขนาดนั้น แต่ความจริงมันกลับเป็นข้อมูลขยะที่ตั้งชื่อว่า ‘เบาะแสสมบัติลับเคล็ดเทียมนครา’
ผลปรากฏว่าพอฮวาเถี่ยกั้นได้เห็น ก็ทำให้เสียเวลาไปแล้วไม่น้อยเลย จากนั้นก็เจอกับปรมาจารย์ดาบโลหิตที่ตามมาทีหลังเข้าอย่างจัง!
พอเห็นปรมาจารย์ดาบโลหิต ฮวาเถี่ยกั้นก็ตะลึงงัน ส่วนปรมาจารย์ดาบโลหิตก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะเจอเจ้าคนขี้ขลาดที่นี่
หลังจากยืนยันจากสายตา พบว่าทั้งสองต่างก็งุนงง
ตอนนี้เอง จู่ๆ นอกบ้านหิมะก็มีเสียงของเยี่ยเว่ยหมิงดังมา “ท่านวีรบุรุษฮวา พวกเราล่อปรมาจารย์ดาบโลหิตมาที่นี่สำเร็จแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาสำคัญที่พวกเราจะร่วมมือกันกำจัดภัยให้ยุทธภพ ตั้งแต่นี้ไปในยุทธภพจะไม่มีปรมาจารย์ดาบโลหิตอีก!”
เมื่อเสียงดังขึ้น ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังปรมาจารย์ดาบโลหิต พร้อมเดินตามกระบี่ออกไป กระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงแทงจากข้างล่างขึ้นข้างบน แทงไปทางแผ่นหลังตรงหัวใจของปรมาจารย์ดาบโลหิต
ท่าปลุกปั่นกระบี่!
[1] ที่ตรงนี้ไม่มีเงินสามร้อยตำลึง 此地无银三百两 หมายถึงอยากปกปิดซ่อนเร้น กลับกลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้