ตอนที่ 618 รังผีเขาเซี่ยงหยา
ตามที่น้องดาบบรรยายมา ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ลำบากที่นางกับสะพานสวรรค์น้อยประสบแล้ว
เรื่องราวเกิดขึ้นประมาณนี้…
ที่แท้หลังจากน้องดาบกลายเป็นรักษาการณ์เจ้าสำนักคนที่ห้าของสำนักดาบโลหิตได้ไม่กี่วัน ก็ทำภารกิจและฆ่าบอสอย่างบ้าคลั่งมาตลอด
เพียงหวังว่าตนเองจะฝึกทักษะยุทธ์ของสำนักให้ถึงระดับสมบูรณ์ได้ไวๆ จากนั้นก็ออกจากสำนักระดับสามที่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ต่อการเติบโตของนางไม่ได้อีกไปหาบ้านใหม่…
แค่กๆ นางจะกลับไปอยู่ในฐานะคนไร้สังกัดอีกครั้ง ไปเข้าสำนักที่มีอนาคตดีกว่า จะได้เรียนวิทยายุทธ์อื่นที่มีระดับสูงกว่านี้
แม้การเข้าสำนักตอนนี้จะต้องเริ่มสะสมค่าผลงานสำนัก ค่าชื่อเสียงสำนักรวมทั้งค่าความรู้สึกดีของ NPC ใหม่ แต่ด้วยศักยภาพของนางในตอนนี้ การผงาดขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เมื่อถึงตอนนั้น รวมวิชาของสองสำนักมาไว้ที่นางคนเดียว อนาคตของนางก็จะสดใสไร้ที่สิ้นสุด!
แต่ขั้นตอนนี้ยิ่งทำได้เร็วก็ยิ่งดี
อย่างไรเสีย หากเข้าสำนักใหม่ หาก NPC สำนักนั้นมีภารกิจระดับสูงจะมอบหมาย ก็จะต้องเลือกผู้เล่นที่มีค่าผลงานสำนัก ค่าชื่อเสียงสำนักและค่าความรู้สึกดีมากที่สุดอยู่ดี ไม่ใช่เลือกคนที่เข้ามาใหม่อย่างนาง
ดังนั้นระหว่างที่สะสมค่าชื่อเสียงสำนัก ค่าผลงานสำนักและค่าความรู้สึกดีของ NPC นางจะต้องพลาดโอกาสบางอย่างไปแน่นอน
นี่คือเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว น้องดาบเตรียมใจกับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว
แต่นางต้องรีบก้าวหน้าให้เร็วที่สุด มีเพียงการทำอย่างนี้เท่านั้น ถึงจะพลาดโอกาสอันล้ำค่าน้อยลงหน่อย
ตามจังหวะของคนกลุ่มใหญ่ให้ทันเร็วๆ…
เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ น้องดาบจึงรับภารกิจรวบรวมเลือดของจิ้งจอกเก้าหาง จากนั้นก็ติดตามเบาะแสมาเรื่อยๆ จนกระทั้งเจอสระมังกรดำ ได้เลือดของจิ้งจอกมาจำนวนมาก
จากนั้น นางก็พบว่านางถูกขังอยู่ในนั้น ออกไปไม่ได้
ขณะเดียวกันนี้เอง น้องสะพานสวรรค์น้อยที่ใครเห็นใครก็รักก็ได้รับฐานะศิษย์เอกสำนักสุสานโบราณหลังจากผ่านความพยายามอย่างหนัก
จากนั้นผู้อาวุโสในสำนักก็บอกนางว่า หากต้องการฝึกกระบี่คู่ผนึกรวมของนางให้ก้าวหน้าขึ้น ก็ลองไปเสี่ยงโชคที่เขตเหิงหยางได้
สะพานสวรรค์น้อยเดินทางตามเบาะแสที่ผู้อาวุโสให้มา เดินวนอยู่ในเขตเหิงหยางหลายวัน สุดท้ายก็หลงเข้ามาในสระมังกรดำ แล้วก็ถูกขังอยู่ในค่ายกลลึกลับของสระมังกรดำเช่นเดียวกัน ออกไปไหนไม่ได้
จากนั้นน้องสาวสองคนที่หลงอยู่บนเส้นทางชีวิตก็หลับหูหลับตาฝ่าออกไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็รวมคนในสนามรบสำเร็จ ตั้งกลุ่มด้วยกัน แล้วก็คอยรับมือกับการลอบโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยกัน
อะไรนะ
พวกเขาถูกขังอยู่ในค่ายกล แล้วจะมีการลอบจู่โจมมาจากไหนมากมายขนาดนั้น
นี่ก็คือจุดที่ค่อนข้างมีมนุษยธรรมของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’
เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อหน่ายเกินไประหว่างที่ติดอยู่ในภารกิจ เจ้าของสระมังกรดำ NPC คนหนึ่งที่ชื่อว่าอิ๋งกูได้ล่อพวกสวะยุทธภพแถวๆ นี้ที่อยากได้สระมังกรดำมาขังไว้ในค่ายกลของสระมังกรดำทั้งหมด ทั้งยังให้คำสัญญาด้วยว่าไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงสังหารผู้เล่นที่บุกเข้ามาในสระมังกรดำได้หนึ่งคน ก็จะปล่อยเขาออกไป
ดังนั้น น้องดาบกับสะพานสวรรค์น้อยที่หลงเข้ามาในสระมังกรดำจึงกลายเป็นเป้าหมายของศัตรู NPC ทั้งหมด
ขั้นตอนที่ซับซ้อนนี้ หากใช้ศัพท์ทางเกมออนไลน์มาอธิบาย ก็คือที่จริงแล้วค่ายกลใหญ่สระมังกรดำคือจุดอัปเลเวล เพราะจุดอัปเลเวลจะมีการรีเฟรซมอนสเตอร์และ BOSS
น้องดาบกับสะพานสวรรค์น้อยเพิ่งจะร่วมมือกับสังหารศัตรูไปยกหนึ่ง ข้างหน้าก็มีมอนสเตอร์ป่าห้าคนมาอีกกลุ่มแล้ว
แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะมอนสเตอร์ป่าห้าคนครั้งนี้ พอเห็นสองสาวแล้วก็ไม่ได้เข้ามาโจมตีทันทีโดยไม่คิด ทั้งยังเป็นกลุ่มแรกที่ดูเหมือนนักแสดงตลกมืออาชีพด้วย
“เหอะๆ สองสาวดูเอ๊าะๆ นะ ถ้าฆ่าทิ้งก็เสียดายแย่” ผู้ชายท่าทางเจ้าเล่ห์เหมือนโจรเอ่ยก่อน
จากนั้นชายอีกคนข้างๆ เขาที่หนังตาและมุมปากกระตุกเหมือนเป็นโรคลมชักก็พูดต่อ “ช่ะ…ใช่ ใช่ ไม่ฆ่าก็…ต้องฆ่า…ไม่อย่างนั้น เราก็ออก…ปะ…ไป…ไม่ได้…ตะ…ต้องหิวตายในนี้แน่”
ตอนนี้ชายหนวดเฟิ้มที่หน้าใหญ่คอหยาบ สองมือไพล่หลังและสั่นศีรษะเหมือนปีศาจเต่ากล่าวว่า “นั่น…นั่นเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน ใคร…ใครใช้ให้พวกนางโชคร้ายเองล่ะ เจอกับรังผีเขาเซี่ยงหยาอย่างพวกเราเข้าแล้ว”
หากเทียบกับเจ้าคนที่พูดติดอ่างก่อนหน้านี้ ชายคนนี้พูดติดอ่างรุนแรงกว่า มีจุดเด่นชัดเจนเช่นกัน
พอให้พวกผู้ชายคนที่หน้าตาเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์เปิดฉาก น้องดาบกับสะพานสวรรค์น้อยเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วทันที น้องดาบด่าเสียงเบาๆ ว่า “พวกนี้มันผีอะไรกันแน่”
นึกไม่ถึงว่าชายที่พูดไม่คล่องพวกนั้นกลับหูดีมาก
เพิ่งสิ้นเสียงน้องดาบ ก็มีชายหน้าใหญ่คอเล็กกระโดดออกมาจากกลุ่มทันที เขากวาดมีดเล่มเล็กมาตรงหน้าแล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “พวกเจ้าฟังให้ดีนะ พวกเราก็คือรังผีเขาเซี่ยงหยาที่โด่งดังในยุทธภพ!”
คนพวกนี้ราวกับได้รับการฝึกพิเศษอะไรสักอย่างมาก่อน ชายศีรษะใหญ่เพิ่งจะพูดจบ ชายที่หน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนโจรคนก่อนหน้านี้ก็พูดต่อทันที “ข้าคือผีเร่งเอาชีวิต หวงหรงเจียง!”
ส่วนข้างๆ เขา ชายที่ลักษณะท่าทางเหมือนเขามากก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกัน “ข้าคือผีทวงชีวิต หวงหรงไห่”
ส่วนชายศีรษะใหญ่คอเล็กคนนั้นก็ยืดคอขึ้น แล้วพูดอย่างภูมิใจมากกว่า “ข้าคือผีคอเล็กหัวใหญ่ ฝางซูอัน!”
“ยัง…ยังมีข้าอีก!” ชายศีรษะใหญ่คอหยาบกล่าว แล้วก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างมีมาด ใช้เสียงติดอ่างพูดว่า “ข้าคือผี…ผีหัวใหญ่คอหยาบ หลิวหนง!”
“คือ…คือว่า เจ้ามีเรื่องด้วยไม่ไหวหรอก ข้าจะบอกเจ้าให้…” ไม่รู้เหมือนกันว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่ ชายคนนี้ตัวกระตุกไม่หยุด กล่าวอย่างประหม่า “ซี้ด…ข้าคือผีส่ายหัวสั่นเท้า…จ้าวซื่อ!”
เมื่อได้ยินเจ้าคนพวกนี้รายงานชื่อตัวเอง ค่าสเตตัสของพวกเขาก็ลอยขึ้นเหนือศีรษะเช่นกัน
เลเวลของสี่คนนี้ไม่ต่ำ เฉลี่ยคือหกสิบห้า แต่เป็น BOSS ร่างแท้โหมดปกติ ถึงขั้นนับเป็น BOSS ไม่ได้ด้วยซ้ำ แถบพลังชีวิตกับกำลังภายในยาวมาก แต่มากกว่ามอนสเตอร์ทั่วไปนิดหน่อย อย่างมากก็นับเป็น…มอนสเตอร์อีลิท?
พอดูสภาพคนพวกนี้อีกครั้ง เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้าพวกนี้ไม่ได้มาเล่นตลกให้ดู
เมื่อเห็นการแสดงอันยอดเยี่ยมจากคนพวกนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็ถึงขั้นอดใจไม่ไหว อยากจะลงมือ “เอ่อ คือ น้องดาบ…เจ้าหมอนี่ดูน่าสนใจดีนะ จะฆ่าดีไหม”
น้องดาบก็ลังเลเช่นกัน “สู้กันมานานขนาดนี้ ข้าเองก็เริ่มเบื่อแล้ว พอได้ดูการแสดงของตัวตลกพวกนี้ กลับรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง หรือว่าฟังพวกเขาเล่นตลกอีกสักพักดีไหม”
ตอนที่สองสาวกำลังปรึกษากันว่าจะตีมอนสเตอร์หรือจะชมการแสดงตลกต่อ จู่ๆ บนฟ้าก็มีเสียงสวดมนต์!
“นโมอมิตาภายะ ตถาคตายะ ตยถา อมฤโตทภเว อมฤต สิทธัมภเว อมฤตวิกรานเต อมฤตะวิกรานตะ…”