บทที่ 901 ทั่วฮวง เสรีแต่กำเนิด
“ไม่มีอะไร เพียงไม่สบายใจเท่านั้น”
หานอวี้ตอบไปส่งๆ จากนั้นก็ปล่อยมือที่กุมตรงบริเวณหัวใจลง
เขาข่มความอึดอัดไว้ ฉงนอยู่ในใจ
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้
เขาทำได้เพียงรอคอยอย่างกระวนกระวาย เวลานี้ไม่ทราบเลยว่าควรไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใด อีกอย่าง ยังไม่มีอันตรายถึงชีวิต
ในเวลาเดียวกันนี้
ภายในเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยยังคงช่วยผดุงครรภ์ให้สิงหงเสวียนอยู่
หน้าท้องของสิงหงเสวียนโตเท่าครรภ์อายุสิบเดือนตามปกติแล้ว และยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด ทารกน้อยมีชีวิตชีวายิ่ง ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ล้วนก่อให้เกิดเสียงฟ้าร้องครืนๆ ขึ้นจากความว่างเปล่า ดังสะท้านแก้วหู
สีหน้าสิงหงเสวียนเต็มไปด้วยความตกใจ นางเอ่ยอย่างตื่นเต้น “บุตรชายของพวกเราจะต้องเลิศล้ำแน่ ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจะทะลุออกมาจากท้องข้าเลย!”
หานเจวี๋ยพูดไม่ออก นี่มันคำพูดอะไรกัน
เนื่องจากมีหานเจวี๋ยคอยช่วยเหลือ สิงหงเสวียนสบายใจอย่างยิ่ง จึงเริ่มคาดหวังในคุณสมบัติของบุตรชายแล้ว ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
หานเจวี๋ยถ่ายทอดพลังยอดมหามรรคที่แปลงแล้วให้อย่างต่อเนื่อง ปล่อยให้บุตรชายดูดซับเข้าไป เทียบได้กับการถ่ายทอดวิชายุทธ์
กายอนธการของเด็กคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ กายดาราอนธการของหานเจวี๋ยยังไม่ทรงพลังถึงเพียงนี้เลย
กายดาราอนธการคุณสมบัติหลักคือเพื่อบุกเบิกสู่ฟ้าบุพกาล หรือว่าคุณสมบัติร่างกายของบุตรชายคือการดูดซับ
หานเจวี๋ยไม่เข้าใจ แต่ในใจก็เต็มไปด้วยความคาดหวังเช่นกัน
“ท่านพี่ ท่านจะตั้งชื่อให้บุตรชายของพวกเราว่าอะไร”
“อืม…เรียกหานฮวงเถอะ ทั่วกับฮวง รวมกันแล้วหมายความว่าบุกเบิกดินแดนรกร้าง”
“บุกเบิกแดนรกร้างหรือ แดนรกร้างอันใด”
สิงหงเสวียนฉงน เอ่ยถามด้วยความอยากรู้
ย่อมหมายถึงบุกเบิกแดนรกร้างอนธการ!
แต่หานเจวี๋ยพูดออกไปตรงๆ ไม่ได้ เอ่ยไปว่า “คือการสำรวจทุกสิ่งจากความว่างเปล่า”
สิงหงเสวียนพลันกระจ่างขึ้นมา กล่าวว่า “นามนี้ฟังดูไม่ไพเราะ แต่ความหมายใช้ได้เลย เอาตามที่ท่านว่าเถิด”
ตอนนี้ บุตรชายได้นามใหม่แล้ว หานฮวง
ขณะที่หานฮวงดูดซับพลังยอดมหามรรคอย่างต่อเนื่อง เมฆชะตาเหนือมรรคาสวรรค์ก็ซัดโถมกลิ้งตลบ น่ากลัวอย่างยิ่ง ราวกับมหันตภัยกำลังจะมาเยือน
เหล่าอริยะมารวมตัวกันในตำหนักเอกภพ พวกเขาล้วนตื่นตระหนกยิ่งนัก ปรากฏการณ์ประหลาดก่อนหน้านี้เพิ่งสิ้นสุดลง ตอนนี้เกิดปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นอีกแล้ว
จอมอริยะเสวียนตูจำเป็นต้องถ่ายทอดเสียงหาหานเจวี๋ย “อริยะสวรรค์ รบกวนท่านแล้ว มรรคาสวรรค์เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ท่านช่วยทำนายได้หรือไม่ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่”
หานเจวี๋ยตอบกลับมา “ไม่จำเป็นต้องตระหนกไป ข้ากำลังสรรค์สร้างพลังวิเศษเท่านั้น ไม่เป็นอันตรายต่อมรรคาสวรรค์”
เมื่อได้ยินคำตอบ จอมอริยะเสวียนตูพลันโล่งใจ รีบแจ้งเรื่องนี้ต่อเหล่าอริยะที่เหลือ เหล่าอริยะถึงได้เบาใจลง
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนขมวดคิ้ว
กำลังสร้างพลังวิเศษอยู่จริงๆ ด้วย
ไม่ได้การแล้ว!
ปล่อยให้ทิ้งระยะห่างไปไม่ได้!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหายตัวไปทันที กลับไปยังอาณาเขตเต๋าของตน เริ่มฝึกบำเพ็ญ
เขาดูเหมือนจะยอมสยบต่อหานเจวี๋ย แต่ในใจยังคงทะเยอทะยานอยากก้าวข้ามหานเจวี๋ยอยู่ตลอด
….
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า เมฆชะตาเหนือมรรคาสวรรค์ซัดปั่นป่วนอยู่ตลอด โชคดีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อปวงสวรรค์หมื่นโลกา
เวลาผ่านไปสิบเดือนเต็ม ในที่สุดสิงหงเสวียนก็คลอดแล้ว
หานเจวี๋ยทำคลอดให้ด้วยตัวเอง
ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่ช้าหานฮวงก็ถือกำเนิดขึ้น
ในอ้อมแขนของหานเจวี๋ยนั้นคือแสงทองพร่างพราว ทารกน้อยคนหนึ่งอยู่ท่ามกลางแสงสีทอง ผิวพรรณเป็นสีทอง สองเนตรดังแก้วผลึกสีม่วง เครื่องหน้าจิ้มลิ้ม แต่เมื่อมองรวมๆ แล้วกลับดูแปลกพิกลนัก
“แว้…”
เสียงร้องไห้ดังชัดเจนแว่วขึ้น ดังราวกับเสียงฟ้าผ่า ทั่วทั้งมรรคาสวรรค์รวมถึงสรรพสิ่งที่อยู่ในอาณาเขตฟ้าบุพกาลของนักพรตเต๋าเสินเผาล้วนแต่ได้ยินเสียงนี้
หานเจวี๋ยตกตะลึง เหตุใดเสียงร้องไห้ถึงดังขนาดนี้
เขารีบใช้พลังปฐมยุคปิดกั้นเขตเซียนร้อยคีรี
แสงทองสายหนึ่งพุ่งทะลุอารามเต๋า ทะลุค่ายกลอาณาเขตเต๋า ตัดผ่านหมู่เมฆ พุ่งผ่านชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ทะลุออกไปเหนือมรรคาสวรรค์ พุ่งทะยานขึ้นไปเรื่อยๆ ราวกับจะทะลุผ่านขึ้นไปเหนือสุดฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยจนปัญญาแล้ว สกัดความเคลื่อนไหวของเด็กคนไว้ไม่อยู่
โลกอริยะไตรวิสุทธิ์
สามอริยะกำลังสนทนาธรรมกันอยู่ พวกเขาถูกเสียงร้องไห้ของหานฮวงขัดจังหวะ เพิ่งจะหยุดคุยกัน เสียงร้องไห้ก็หยุดลงทันที
“เสียงร้องไห้เมื่อครู่นี้…”
เจ้านิกายทงเทียนหรี่ตาพลางเอ่ยออกมา แววตาวูบไหว
เหล่าจื่อนับนิ้วทำนาย กล่าวว่า “มาจากมรรคาสวรรค์ มีบุตรแห่งสวรรค์ถือกำเนิด”
เทพสูงสุดหยวนสื่อถามด้วยความสงสัย “เป็นบุตรแห่งสวรรค์ระดับใดกัน เสียงร้องไห้แว่วมาถึงที่นี่ได้ ฟังจากเสียงแล้วเพิ่งถือกำเนิดกระมัง”
“ถูกต้อง เพิ่งถือกำเนิด ทว่าตบะของเขา…”
เหล่าจื่อขมวดคิ้ว ชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยต่อว่า “ระดับเสรีแต่กำเนิด ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน”
เสรีแต่กำเนิด!
เจ้านิกายทงเทียนและเทพสูงสุดหยวนสื่อมีสีหน้าตื่นตะลึง
….
ภายในตำหนักลึกลับ นักพรตเต๋าเสินเผาที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วมองไปทางมรรคาสวรรค์
“อริยะเสรีแต่กำเนิด…บุคคลเช่นนี้ถือกำเนิดในมรรคาสวรรค์อย่างนั้นหรือ หรือว่าเป็นความประสงค์ของนายท่าน”
ตอนแรกนักพรตเต๋าเสินเผาตื่นตะลึง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยินดีปรีดา
บุตรแห่งสวรรค์ระดับนี้สามารถสร้างผลงานในงานชุมนุมฟ้าบุพกาลได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลาเรียกได้ว่าเขาจะพลอยมีหน้ามีตาไปด้วย ถึงอย่างไรมรรคาสวรรค์ก็อยู่ในอาณาเขตของเขา
เขาเปี่ยมด้วยเคารพเลื่อมใสในตัวหานเจวี๋ย
สมกับเป็นนายท่าน!
เขาตัดสินใจแล้ว วันหน้าต้องไปพบบุตรแห่งสวรรค์หน้าใหม่คนนั้น สร้างสัมพันธ์อันดีไว้ล่วงหน้า
อีกด้านหนึ่ง
ในอาณาเขตมืดสลัวแห่งหนึ่ง จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกำลังนั่งสมาธิอยู่ เบื้องหน้าคือมหาเทวาพ้นนิวรณ์ที่แผ่แสงเจิดจ้าพร่างพราว
“เกิดความเปลี่ยนในมรรคาสวรรค์ อริยะเสรีแต่กำเนิด ตัวตนอันเลิศล้ำอุบัติสู่โลกาแล้ว”
จู่ๆ มหาเทวาพ้นนิวรณ์ก็เอ่ยขึ้นมา จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตกใจลืมตาขึ้นมา
ที่นี่อยู่ห่างไกลจากมรรคาสวรรค์อย่างยิ่ง จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายจึงไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของหานฮวง
“สิ่งที่ท่านกล่าวมา…” จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามอย่างระมัดระวัง
มหาเทวาพ้นนิวรณ์ตอบไปว่า “ทารกคนหนึ่งเพิ่งลืมตาดูโลก ก็เป็นระดับเสรีแล้ว ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน เขาคือบุตรชายของหานเจวี๋ย”
อริยะเสรีแต่กำเนิด!
บุตรชายของหานเจวี๋ย!
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตื่นตะลึง
คุณสมบัติของหานทั่วก็ทำให้เขาตกตะลึงมากแล้ว ไม่คิดเลยว่าหานเจวี๋ยยังจะให้กำเนิดบุตรแห่งสวรรค์ที่เลิศล้ำยิ่งกว่าได้อีก
อริยะเสรีแต่กำเนิด…
เช่นนั้นขีดจำกัดจะสูงเพียงใดกัน
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายใจเต้นแรงขึ้นมา แววตาเร่าร้อน
ข้าต้องการช่วยเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้หานเจวี๋ย!
มหาเทวาพ้นนิวรณ์เอ่ยกับเขาว่า “เด็กคนนี้จะเปลี่ยนแปลงฟ้าบุพกาล ไม่ทราบเช่นกันว่าจะเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายกล่าวว่า “เราจะอบรมเลี้ยงดูเขาด้วยตัวเอง”
“ฮ่าๆ เจ้าอยากสอนเขาอย่างนั้นหรือ ไม่ได้แน่นอน”
“เหตุใดถึงเอ่ยเช่นนี้เล่า”
“เสรีแต่กำเนิด มุมมองที่เขามีต่อทุกสิ่งและทัศคติที่มีต่อสรรพสิ่งจะแตกต่างออกไป การถือกำเนิดของเขาถูกกำหนดไว้แล้วว่าเขาคือคนพิเศษที่ห่างชั้นกันไกลจากเหล่าสรรพสิ่ง หากว่ามีเทพเทวาที่กำเนิดจากสวรรค์อยู่จริง นั่นก็คือเขา นับแต่โบราณมา ไม่เคยมีตัวตนที่ปรากฏระดับเสรีตั้งแต่ลืมตาดูโลก”
วาจาของมหาเทวาพ้นนิวรณ์ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายตกอยู่ในห้วงความคิด
….
ภายในเขตเซียนร้อยคีรี แสงทองสลายไป เหล่าศิษย์นับหมื่นยังคงอกสั่นขวัญแขวนอยู่ ล้วนพูดคุยกันด้วยความสงสัย
เซวียนฉิงจวิน เซียนซีเสวียนและฉางเยวี่ยเอ๋อร์พากันมาหา หานเจวี๋ยก็ไม่ได้หลบเลี่ยงพวกนาง ให้พวกนางเข้ามาในอาราม
เมื่อสตรีทั้งสามมองเห็นทารกในอ้อมแขนหานเจวี๋ย ล้วนตื่นเต้นสนใจ
เสียงดังเลือนลั่นก่อนหน้าเกิดขึ้นเพราะเด็กคนนี้ลืมตาดูโลก
“ให้ข้าอุ้มบ้าง!” ฉางเยวี่ยเอ๋อร์เอ่ยอย่างตื่นเต้น
หานเจวี๋ยส่ายหน้า กล่าวไปว่า “ไม่ได้ เด็กคนนี้อยู่ระดับอริยะเสรี จะทำร้ายพวกเจ้าได้ง่ายๆ”
อริยะเสรี!
สตรีทั้งสามตะลึงงัน
เด็กคนนี้ถือกำเนิดขึ้นมาก็แข็งแกร่งกว่าพวกนางเลยหรือ
นี่…
พวกนางตกใจจนนิ่งทื่อไปแล้ว
ในเวลานี้เอง สิงหงเสวียนที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเดินเข้ามา นางจ้องมองหานฮวง ขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “เหตุใดดวงตาของเด็กคนนี้ถึงน่าเกลียดเช่นนี้”
ดวงตาสีม่วงดูชั่วร้าย
คล้ายจะรับรู้ได้ว่าผู้เป็นแม่รังเกียจ ดวงตาของหานฮวงพลันเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำตัดขาวอย่างรวดเร็ว ผิวพรรณก็เปลี่ยนเป็นแบบเด็กน้อยเผ่ามนุษย์ทั่วไป ขาวผ่อง เนียนนุ่มน่ารัก
………………………………………………………………