บทที่ 902 แววตาที่ชั่วร้าย
“หวา! เขาฟังท่านพูดรู้เรื่องด้วยหรือ”
ฉางเยวี่ยเอ๋อร์อุทานด้วยความแปลกใจ สายตาที่มองหานฮวงเปี่ยมความรักเอ็นดู
เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักมากจริงๆ
ราวกับฟังคำพูดของฉางเยวี่ยเอ๋อร์เข้าใจ หานฮวงพลันลอยออกมาจากอ้อมแขนหานเจวี๋ย น่าเสียดายที่ถูกหานเจวี๋ยคว้าข้อเท้าไว้ ดึงกลับมาอีกครั้ง
หานฮวงขมวดคิ้วนิดๆ ยื่นมือคว้าไปทางหานเจวี๋ย
“เด็กคนนี้ดุจริงๆ”
เซวียนฉิงจวินอดขำไม่ได้ พอหานเจวี๋ยได้ยิน ก็ตีก้นหานฮวงทีหนึ่ง เสียงก้องกังวาน
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่าปัญญาของหานฮวงไม่สูงมาก อย่างมากก็เท่าเด็กสองสามขวบ เพียงแต่คุณสมบัติด้านกายภาพยอดเยี่ยมยิ่ง สามารถควบคุมเปลี่ยนแปลงได้ตามสัญชาตญาณ
เมื่อถูกหานเจวี๋ยฟาด หานฮวงไม่ได้ร้องไห้ กลับจ้องมองหานเจวี๋ย ท่าทางคล้ายจะโกรธเคือง
หานเจวี๋ยสนุกแล้ว ตีก้นเขาอีกทีหนึ่ง
ตีต่อเนื่องไปสิบที เด็กน้อยก็ยังคงไม่ร้องไห้ ยังคงจ้องมองหานเจวี๋ยอยู่
“ไอ๊หยา ท่านทำอะไรอยู่!”
สิงหงเสวียนทนไม่ไหว ไปดึงเอาตัวหานฮวงออกมา ก่อนถลึงตาใส่หานเจวี๋ยเล็กน้อย
พวกเซวียนฉิงจวินทั้งสามก็เริ่มตำหนิหานเจวี๋ยแล้ว
หานเจวี๋ยอับจนหนทาง อีกทั้งยังไม่กล้าเถียงกลับ
หยอกเด็กน้อยเล่นอยู่สักพัก พวกเซวียนฉิงจวินทั้งสามถึงได้จากไป
หานเจวี๋ยก็พาพวกสิงหงเสวียนแม่ลูกมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม มาพบชิงหลวนเอ๋อร์และหานชิงเอ๋อร์
“พี่รองของข้าถือกำเนิดแล้วหรือ”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยความตื่นเต้นยินดี จากนั้นก็เข้ามาหาหานเจวี๋ย มองหานฮวงที่อยู่ในห่อผ้า ดวงตานางพลันเปล่งประกาย ยื่นมือออกไปอุ้มเขามา
ชิงหลวนเอ๋อร์คล้องแขนสิงหงเสวียนไว้ สอบถามเรื่องการคลอด
หานเจวี๋ยเอ่ยกำชับ “ระวังหน่อย พี่รองของเจ้าเป็นระดับอริยะเสรี จะทำร้ายเจ้าได้ง่ายๆ”
“อะไรนะ ระดับเสรี เขาเพิ่งถือกำเนิดไม่ใช่หรือ”
หานชิงเอ๋อร์ตกตะลึง มือที่อุ้มห่อผ้าไว้สั่นสะท้าน
“ถึงอย่างไรก็ตั้งครรภ์มานานปานนี้”
“แต่เช่นนี้ก็…”
หานชิงเอ๋อร์รับไม่ได้เลย นางคิดมาตลอดว่าพรสวรรค์ตนแข็งแกร่งเป็นที่สุด ผลคือเมื่อเทียบกับพี่รองตัวน้อยแล้ว กลับด้อยกว่าสุดขีด
หานฮวงคล้ายจะชอบใจกับท่าทางของนาง หัวเราะเอิ้กอ้ากขึ้นมา สองมือน้อยๆ ชูขึ้น ต้องการจับใบหน้านาง
เมื่อเห็นเขาน่ารักน่าชังขนาดนี้ หานชิงเอ๋อร์ได้แต่ฝืนข่มอารมณ์ซับซ้อนในใจให้สงบลง
นางเริ่มเย้าหยอกหานฮวง
ชิงหลวนเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความทึ่ง “คลอดออกมาก็อยู่ระดับเสรีแล้ว น่าจะเป็นคนแรกในฟ้าบุพกาลเลยกระมัง”
สิงหงเสวียนเอ่ยยิ้มๆ “คาดว่าจะใช่ จะว่าไปตบะของข้าก็ได้มาเพราะอาศัยใบบุญเขา”
ในช่วงเวลาที่หานฮวงกำลังจะคลอด ตบะของนางก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“พี่สาวช่างมีโชคโดยแท้”
“ที่ไหนกันล่ะ ชิงเอ๋อร์ว่าง่ายนัก เด็กคนนี้ถึงแม้พรสวรรค์จะเลิศล้ำ แต่วันหน้าย่อมไม่ยอมอยู่อย่างสงบแน่นอน”
“ต่อไปหากไม่มีเรื่องใดก็พาเขามาเถอะ ข้าว่าชิงเอ๋อร์ชอบเขามาก”
“ในช่วงนี้ ข้าก็จะพักอยู่ที่นี่ด้วย อยู่กับเจ้าตัวน้อยจนเติบใหญ่”
“เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”
หานเจวี๋ยไม่สนใจบทสนทนาของสองสตรี สายตามองไปยังร่างของหานฮวง
หานชิงเอ๋อร์ชูเขาขึ้นไปในอากาศ หยอกให้เขาหัวเราะได้ก็ยิ่งดีใจ
หานฮวงเพิ่งถือกำเนิดก็อยู่ในรูปลักษณ์เหมือนเด็กอายุขวบสองขวบแล้ว ดูใสซื่อไร้เดียงสา เพียงแต่หานเจวี๋ยรู้สึกอยู่เสมอว่าเด็กคนนี้ชั่วร้ายนัก
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงอนาคตที่เห็นในภาพลวงตาวิวัฒนาการเลย ก่อนหน้านี้หานเจวี๋ยตีเขาไปขนาดนั้น เขาตกใจทว่าไม่ร้องไห้เลย กลับจ้องมองเขาอย่างไร้ซึ่งความเกรงกลัว แววตานั้นน่าสนใจอยู่บ้าง
รอจนเด็กคนนี้เติบใหญ่ คาดว่าอาศัยเพียงแววตาก็ทำให้คนจนตกใจกลัวจนแข้งขาอ่อนได้แล้ว
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
เขาตัดสินใจว่าจากนี้ไปจะคอยเลี้ยงดูอยู่ข้างกายหานฮวงจนเติบใหญ่ ละวางเรื่องฝึกบำเพ็ญไปก่อน ใช้ชีวิตสบายๆ ยี่สิบปี
ชิงหลวนเอ๋อร์พาหานฮวงไปเล่นกับศิษย์คนอื่นๆ ผลคือผ่านไปไม่ทันไร หานฮวงก็เผลอทำร้ายศิษย์เข้า โชคดีที่หานเจวี๋ยอยู่ด้วย มิเช่นนั้นศิษย์คนนั้นคงถูกเขาฟาดจนดวงวิญญาณแตกสลายไป
หานเจวี๋ยแปลกใจยิ่งกว่าเดิม
หรือว่าเด็กคนนี้จะแยกแยะจดจำญาติของตนได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าหานชิงเอ๋อร์ เขาทำตัวเหมือนเด็กทารกธรรมดา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์คนอื่นๆ มือเท้าจะหนักยิ่ง ใช้พลังเวทฟ้าประทานไปโดยไม่รู้ตัว
หานชิงเอ๋อร์ตกใจกับการลงมือของหานฮวง ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรไปชั่วขณะ
หานเจวี๋ยยกมือขึ้น ดูดดึงตัวหานฮวงกลับมา
พอกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของหานเจวี๋ย หานฮวงแยกเขี้ยวตวัดมือ ไม่พอใจยิ่งนักที่ถูกหานเจวี๋ยจับไว้
“ท่านพี่ เด็กคนนี้ต้องได้รับการอบรมสั่งสอนให้ดี…” สิงหงเสวียนเดินเข้ามา ขมวดคิ้วกล่าววาจา
ฉากเมื่อครู่นี้ นางก็เห็นแล้วเช่นกัน หากมิใช่บุตรชายของนาง คาดว่านางคงเป็นเช่นเดียวกับหานชิงเอ๋อร์ ตกใจนัก
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ข้ามีแผนการในใจแล้ว”
เขามองเหล่าศิษย์ที่ห้อมล้อมอยู่รอบข้าง ทั้งหมดล้วนมีสีหน้าหวาดผวา ไม่กล้าเข้าใกล้ทั้งสิ้น
หานเจวี๋ยจนใจนัก
จริงๆ เลย
เป็นจอมเผด็จการน้อยขนานแท้
ลูกทั้งสองคนที่ถือกำเนิดออกมาก่อนของหานเจวี๋ยล้วนไม่ร้ายกาจเลย แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เด็กน้อยทั้งหมดจะมีนิสัยอ่อนโยนเช่นนั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้ หานเจวี๋ยจึงเริ่มจับตามองหานฮวงด้วยตัวเอง สิงหงเสวียนลากชิงหลวนเอ๋อร์ไปยังที่ข้างๆ อารามเต๋าของหานเจวี๋ย เตรียมสร้างอารามเต๋าหลังใหม่ขึ้น คงจะอยู่ใต้ต้นไม้ไปตลอดไม่ได้ ถึงอย่างไรสิงหงเสวียนก็ไม่ชิน
วันเวลาผ่านไป
สองปีผ่านไปในชั่วพริบตา
สองปีมานี้ หานเจวี๋ยเฝ้ามองหานฮวงอยู่ตลอด กลัวว่าเด็กคนนี้จะทำร้ายคนอื่นเข้า
แต่เขาก็ไม่ได้ผูกมัดหานฮวงไว้ ปกติแล้วจะปล่อยหานฮวงออกไปเล่นกับหานชิงเอ๋อร์
สองปีผ่านไป หานฮวงดูแล้วเหมือนอายุราวสามสี่ขวบได้ เริ่มเปิดปากเอ่ยวาจา สติปัญญาเท่ากับอายุสิบขวบ สามารถสื่อสารได้ปกติ
ในวันนี้
หานฮวงและหานชิงเอ๋อร์อยู่ใต้ต้นไม้ หานชิงเอ๋อร์เล่าสิ่งที่ตนเคยประสบในแดนเซียนมาก่อนหน้านี้ หานฮวงนอนคว่ำอยู่ตรงหน้านาง สองมือเท้าคาง สองเท้าเตะโยกอยู่ด้านหลัง
หานฮวงในวัยสองขวบสวมชุดขาวปักไหมทอง นัยน์ตาเป็นสีม่วง น่ารักและสดใสร่าเริง
หลังจากโตขึ้น เขาเห็นว่านัยน์ตาของหานเจวี๋ยเป็นสีแดง ดังนั้นเขาจึงไม่ซ่อนเร้นนัยน์ตาสีม่วงของตนอีก
เมื่อได้ฟังหานชิงเอ๋อร์เล่าเรื่องราวในโลกมนุษย์ หานฮวงก็มีสีหน้างงงวย
“ชิงเอ๋อร์ เพราะเหตุใดคนผู้นั้นถึงอยากแก้แค้นเล่า”
หานฮวงอดถามไม่ได้
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หากว่ามีคนต้องการสังหารข้า สังหารท่านพ่อท่านแม่ พี่จะสังหารคนผู้นั้นหรือไม่”
หานฮวงเอียงคอ เอ่ยตอบ “จะมีคนที่สามารถสังหารพวกเจ้าได้อย่างไร”
หานชิงเอ๋อร์ผงะไป เอ่ยว่า “หากว่ามีเล่า”
“ไม่มีหากว่า”
“เพราะอะไร”
“เพราะข้าปกป้องพวกเจ้าได้”
“ในฟ้าบุพกาลมีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพี่อยู่มากมาย อีกอย่าง พี่ก็ไม่มีทางอยู่กับพวกเราไปตลอด”
“เช่นนั้นข้าจะสังหารสิ่งมีชีวิตในฟ้าบุพกาลให้หมด แบบนี้ก็ไม่มีใครมาสังหารพวกเจ้าได้แล้ว”
“พี่…”
หานชิงเอ๋อร์โมโหยกมือขึ้นหมายจะตีเขา แต่พลันนึกขึ้นได้ เขาเป็นพี่ชาย น้องสาวอย่างนางจะตีพี่ชายได้อย่างไร
นางเปลี่ยนคำพูดใหม่ “พี่คิดจะสังหารคน ก็เป็นการผูกพยาบาทอาฆาตยิ่งกว่าเขาเสียอีก”
“ไม่ใช่ เขาไม่คู่ควร”
“เหตุใดถึงไม่คู่ควร”
“เขาอ่อนแอขนาดนั้น มีสิทธิ์อะไรมาคิดสังหารคนที่แข็งแกร่งกว่าตน ซ้ำยังคิดจะให้คนอื่นมาช่วยเหลืออีก”
“ตรรกะนี้ของพี่มันอะไรกัน หรือว่าผู้อ่อนแอสมควรถูกผู้แข็งแกร่งข่มเหงอย่างนั้นหรือ”
“มิใช่หรอกหรือ”
“ฮ่าๆ เช่นนั้นหากพี่ถูกคนที่แข็งแกร่งกว่ารังแกเล่า พี่จะทำอย่างไร”
“ไม่มีทาง ไม่มีผู้ใดรังแกข้าได้”
หานชิงเอ๋อร์โมโหแทบตายแล้ว
เด็กน้อยคนนี้พูดจาคุยโว ซ้ำสมองยังมีปัญหาอีก
ในเวลานี้ หานเจวี๋ยเดินเข้ามาพลางเอ่ยว่า “ฮวงเอ๋อร์ เจ้าแกล้งน้องสาวเจ้าอีกแล้วหรือ”
หานฮวงตกใจผุดลุกขึ้นมาในทันใด ส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ข้าเปล่า ข้าจะรังแกนางได้อย่างไร นางต่างหากที่รังแกข้าตลอด”
คนที่เขากลัวที่สุดก็คือหานเจวี๋ย เนื่องจากมีเพียงหานเจวี๋ยที่กล้าตีเขา อีกทั้งเขายังเอาคืนไม่ได้ด้วย ทุกครั้งที่ถูกตีเขาเจ็บมาก
………………………………………………………………