บทที่ 903 ความแตกต่างของหานฮวง เทพมารผู้โดดเดี่ยว
“ข้ารังแกพี่อย่างนั้นหรือ พี่ร้ายกาจขนาดนี้ ใครจะกล้ารังแกพี่”
หานชิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างอารมณ์เสีย สำหรับพี่ชายคนนี้ นางหมดปัญญาแล้วจริงๆ เวลาที่อยู่ด้วยกันมักจะยั่วโมโหกันตลอด แต่หลังจากทั้งสองทะเลาะแง่งอนกัน หานฮวงมักจะเป็นฝ่ายมาหานางก่อน จ้องมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้นางใจอ่อนได้ง่ายๆ
บอกว่าเป็นพี่ชายน้องสาว แต่ความจริงแล้วเหมือนพี่สาวน้องชายมากกว่า
หานเจวี๋ยหิ้วตัวหานฮวงขึ้นมา
“ท่านคิดจะทำอะไร! ปล่อยข้านะ!”
หานฮวงดิ้นรนอย่างเต็มกำลัง สองมือกวัดแกว่ง คิดจะตอบโต้ขัดขืน น่าเสียดายที่แขนสั้นเกินไป เอื้อมไม่ถึงหานเจวี๋ย
เขามีเพียงพลังระดับอริยะเสรี ทว่ายังไม่รู้ว่าต้องสำแดงวิชาเวทพลังวิเศษอย่างไร
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ตัวแสบอย่างเจ้า เอาแต่แกล้งน้องสาวตลอด เจ้าเป็นแบบนี้ ยังมาพูดว่าจะปกป้องพวกเราอีกหรือ ขนาดรังแกน้องสาวยังไม่กล้ายอมรับเลย”
หานฮวงเถียง “แต่ครั้งนี้ข้าไม่ได้รังแก ข้าแค่พูดคุยกับนางตามปกติ สิ่งที่ข้าพูดออกมาจากใจ ข้าไม่ได้ด่านางเสียหน่อย จะนับว่ารังแกได้อย่างไร พวกเราคุยเรื่องคนอื่นกันอยู่ไม่ใช่หรือ”
หานชิงเอ๋อร์กล่าวอย่างมีน้ำโห “ท่านพ่อ เด็กคนนี้คิดจะสังหารล้างบางสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลเจ้าค่ะ เขาคิดว่าตนเกิดมาก็สูงส่งกว่าคนทั่วไปหนึ่งขั้นแล้ว ท่านว่าน่าโมโหหรือไม่เล่า”
หานฮวงเอ่ยอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม “อะไรกัน ข้าเห็นว่าศิษย์ในอาณาเขตเต๋าล้วนอ่อนแอยิ่งนัก ข้าก็สูงส่งกว่าพวกเขาหลายขั้นมิใช่หรือ ขนาดที่นี่ยังเป็นเช่นนี้ แล้วสิ่งมีชีวิตในฟ้าบุพกาลจะแข็งแกร่งกว่าข้าหรือ”
หานชิงเอ๋อร์สะอึกไป
อริยะเสรีแต่กำเนิด เช่นนี้แล้วผู้ใดจะเทียบได้เล่า
จู่ๆ นางก็ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
ตนไม่อาจนำความคิดของมนุษย์ธรรมดาหรือว่าเหล่าเทพเซียนไปใช้กับหานฮวงได้
เมื่อเห็นสีหน้าหานฮวง หานชิงเอ๋อร์ก็อดคิดไม่ได้ว่าตนช่างเล็กจ้อยนัก
หานเจวี๋ยหิ้วหานฮวงไว้ เอ่ยถาม “อยากไปท่องแดนเซียนหรือไม่”
พอเอ่ยเช่นนี้ ดวงตาหานฮวงส่องประกาย รีบพยักหน้า “อยาก! ข้าอยาก! ท่านพ่อ! พาข้าไปเถอะขอรับ!”
หานชิงเอ๋อร์ก็ตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน มองหานเจวี๋ยด้วยสีหน้าคาดหวัง
หานเจวี๋ยโบกแขนเสื้อ พาสองพี่น้องกลับไปยังอาณาเขตเต๋าหลัก เขาผนึกตบะของหานฮวงและหานชิงเอ๋อร์เอาไว้ อริยะเสรีไม่อาจเข้าสู่มรรคาสวรรค์ได้
เขาเองก็ใช้ร่างแยกวิญญาณเข้าสู่แดนเซียนเช่นกัน ทักษะการเปลี่ยนแปลงของเขาลึกล้ำยิ่ง หานชิงเอ๋อร์และหานฮวงล้วนไม่สังเกตเห็นเลยว่าเขากลายเป็นร่างแยกวิญญาณแล้ว
หนึ่งครอบครัวสามชีวิตท่องไปในแดนเซียน ไปตามสถานที่ที่เต็มไปด้วยคนและปีศาจมากมาย หานชิงเอ๋อร์ตื่นเต้นอย่างยิ่ง คอยอธิบายสิ่งต่างๆ ระหว่างทางแก่หานฮวงไม่หยุด
ช่วงแรก หานฮวงก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน แต่ไม่นานนัก เขาก็สงบนิ่งลง
หลายวันต่อมา
หานฮวงเอ่ยขัดหานชิงเอ๋อร์ที่เจื้อยแจ้วไม่หยุดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ก็แค่นี้ ไม่เห็นน่าสนุกเลย ท่านพ่อพวกเราจะกลับกันเมื่อไรขอรับ”
หานเจวี๋ยแสร้งถามอย่างแปลกใจ “เหตุใดถึงไม่สนุกเล่า เจ้าไม่รู้สึกว่าแปลกใหม่หรือ”
หานฮวงส่ายหน้า
หานชิงเอ๋อร์ก็มองเขาด้วยความฉงน นึกถึงอดีตยามเยาว์วัยที่นางมาเยือนแดนเซียน ท่องอยู่สิบปี ก็ยังคงเปี่ยมด้วยความสนใจ แล้วเหตุใดพี่ชายตัวน้อยถึงแตกต่างกันลิบลับเล่า
หานฮวงเบะปากเอ่ยไปว่า “ไม่แปลกใหม่เลยสักนิด พวกเขาก็แค่ดูเหมือนพวกเราเท่านั้น แต่ความจริงแล้วไม่เหมือนกันเลย พวกเขาไม่ต่างไปจากดอกไม้ใบหญ้ามดปลวกริมทางเลย”
พอพูดจบหานฮวงก็ขมวดคิ้ว
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หานเจวี๋ยสังเกตเห็นความหม่นหมองในแววตาเขา
เด็กคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจ
เหตุใดเด็กน้อยถึงมีอารมณ์เช่นนี้เล่า
พอลองคิดอย่างละเอียดก็ถูกต้องแล้ว ตอนนี้บนโลกมีเทพมารอนธการอย่างเขาอยู่เพียงตนเดียว
ตอนแรกที่หานฮวงตื่นเต้นยิ่ง ก็เพราะอยากตามหากลิ่นอายที่คล้ายคลึงกัน ผลคือเดินทางกันมานานขนาดนี้ เขากลับไม่พบพานกลิ่นอายของเทพมารอนธการเลย ย่อมผิดหวังเป็นธรรมดา
หานชิงเอ๋อร์มิใช่เทพมารอนธการ สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นมนุษย์ เมื่อทอดสายตามองไป ต่างก็เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน ย่อมรู้สึกว่าแปลกใหม่ไปเสียทุกอย่าง
ทว่าหานฮวงกลับรู้สึกแปลกแยกแตกต่าง ถึงขั้นที่เดียดฉันท์ด้วยซ้ำ
หานเจวี๋ยยิ้ม โบกแขนเสื้อพาสองพี่น้องกลับไป
กลับมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สาม
หานชิงเอ๋อร์ออกจากอารามเต๋าไปอย่างเซื่องซึม ทว่าหานฮวงกลับไม่ออกไป
เขายืนอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย ก้มหน้าต่ำ
หานเจวี๋ยนั่งสมาธิบนบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไป ฮวงเอ๋อร์”
หานฮวงเงยหน้าขึ้น มองหานเจวี๋ยอย่างหงอยๆ เอ่ยถาม “ท่านพ่อ เหตุใดกลิ่นอายของข้าจึงแตกต่างไปจากพวกท่านทุกคน ข้าเป็นลูกของพวกท่านจริงๆ หรือ”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าใช่ ท่านแม่เจ้าอุ้มท้องเจ้ามานานหลายล้านปี ถึงได้คลอดเจ้าออกมา แล้วเจ้าจะมิใช่ลูกของพวกเราได้อย่างไร”
“เช่นนั้นเหตุใดกลิ่นอายของข้ากับพวกท่าน…”
“ในอดีตข้าก็เป็นเช่นเดียวกับเจ้า แต่ภายหลังข้าแข็งแกร่งขึ้นจึงเปลี่ยนไปเท่านั้น”
หานเจวี๋ยอธิบายง่ายๆ เรื่องเกี่ยวกับเทพมารอนธการ ยังต้องรอให้หานฮวงเติบใหญ่แล้วค่อยกำชับตักเตือนอีกครั้ง
ถึงอย่างไรหานเจวี๋ยก็ไม่มีทางปล่อยหานฮวงออกไปตระเวนด้านนอกตามลำพังในตอนนี้
ฐานะเทพมารอนธการล่อแหลมเกินไป อย่างน้อยก็ต้องให้เด็กคนนี้มีพลังพอปกป้องตัวเองก่อน ให้ฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายเขาจนบรรลุยอดมหามรรคได้จะดีที่สุด
เมื่อหานฮวงได้ฟังก็พลันโล่งใจขึ้นมาในทันใด ซ้ำยังยกมือลูบอกด้วย ดูน่ารักอย่างยิ่ง ไม่มีความน่ากลัวเยี่ยงเทพมารอนธการเลยสักนิด
หานเจวี๋ยยื่นมือออกไป รั้งเขาเข้าสู่อ้อมกอดพลางเอ่ยว่า “ฮวงเอ๋อร์ เจ้าถือกำเนิดขึ้นมาเป็นพิเศษ แต่จงจำไว้ บนโลกนี้ไม่เคยมีตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดเลย คนที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าล้วนมีอยู่ทั่วไป รอจนเจ้าเติบใหญ่ขึ้น เจ้าต้องฝึกบำเพ็ญให้ดี อย่าได้หย่อนยาน”
หานฮวงเงยหน้าขึ้น ถามด้วยความสงสัย “ท่านพ่อ เช่นนั้นท่านแข็งแกร่งมากหรือไม่”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถึงอย่างไรก็แข็งแกร่งกว่าเจ้าแน่”
“ก็จริง ตอนที่ท่านตีข้า ข้าตอบโต้ไม่ได้เลย”
“อะไรนะ เจ้าคิดจะตอบโต้ด้วยหรือ”
“แหะๆ…”
หานฮวงเกาศีรษะหัวเราะอย่างทึ่มๆ หานเจวี๋ยอดใจไม่ไหวหยิกแก้มเขาไป
จะว่าไปแล้วก็แปลก อุปนิสัยของหานฮวงแปลกไปจากหานทั่วและหานชิงเอ๋อร์ แต่น่าแปลกที่ในใจเขากลับชมชอบหานฮวงที่สุด
ไม่ใช่เพราะคุณสมบัติ แต่เป็นเพราะนิสัยใจคอ
สองพ่อลูกเริ่มพูดคุยกัน โอกาสเช่นนี้ปกติแล้วหาได้ยากยิ่ง
หานฮวงรู้สึกว่าท่านพ่ออ่อนโยนกว่าปกติ ทำให้เขาชอบใจยิ่ง หลังจากสนทนากันไป ในใจเขา สถานะของหานเจวี๋ยก็สูงกว่าหานชิงเอ๋อร์แล้ว
ส่วนสิงหงเสวียน ยุ่งคงง่วนอยู่กับการฝึกบำเพ็ญ ปกติแล้วยากยิ่งที่เขาจะได้พบหน้า
หลายปีต่อมา
หานฮวงที่อายุเพิ่งเต็มสิบขวบเริ่มฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง เพียงแต่ไม่ได้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง ค่อนข้างเป็นการเหยียดหยามต่อคุณสมบัติเทพมารอนธการ หานเจวี๋ยจึงเรียกเขามาหา ถ่ายทอดมหามรรคต้นกำเนิดให้
ใต้พฤกษาเก่าแก่
ชิงหลวนเอ๋อร์นั่งอยู่ข้างกายหานชิงเอ๋อร์ เอ่ยอย่างสะท้อนใจ “ฮวงเอ๋อร์ยังเล็กเช่นนี้ก็เริ่มฝึกบำเพ็ญแล้ว บุตรต่างกันออกไปโดยแท้ นึกถึงตัวเจ้าในปีนั้น ต้องให้ท่านพ่อเจ้าบังคับถึงจะยอมฝึกบำเพ็ญ”
หานชิงเอ๋อร์เบะปาก เอ่ยว่า “พี่รองคุณสมบัติเลิศล้ำ ฝึกบำเพ็ญแล้วมีอัตราความสำเร็จสูง ย่อมชมชอบฝึกบำเพ็ญ”
ชิงหลวนเอ๋อร์กลอกตาใส่นางทีหนึ่ง รู้ดีว่าสาวน้อยคนนี้พูดจาค่อนแคะนางอีกแล้ว
เวลานี้เอง หานฮวงวิ่งฉิวออกมาจากอารามเต๋า เข้ามาหาหานชิงเอ๋อร์ เอ่ยว่า “ชิงเอ๋อร์ ข้าเพิ่งเรียนรู้พลังวิเศษอย่างหนึ่งเป็น อยากประลองกันดูหรือไม่” 艾琳小說
คุณสมบัติของเทพมารอนธการแสนพิเศษ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี เขาก็เข้าสู่มหามรรคต้นกำเนิดแล้ว ซ้ำยังเรียนรู้พลังวิเศษมาด้วย
หานฮวงในวัยสิบขวบเป็นหนุ่มน้อยรูปหล่อแล้ว องอาจงดงาม
หานเชิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยความหงุดหงิด “พี่คิดจะรังแกน้องสาวหรือไร”
เด็กคนนี้เป็นอริยะเสรี นางจะสู้เขาได้อย่างไร
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด หานชิงเอ๋อร์นึกถึงเจียงเจวี๋ยซื่อขึ้นมา
เจียงเจวี๋ยซื่อก็เป็นอริยะเสรีเช่นกัน อีกทั้งอยู่ในห้วงจักรวาลนี้ด้วย ไม่ทราบว่าจะจัดการหานฮวงได้หรือไม่
หานฮวงถอนหายใจ “ไม่มีคู่ต่อสู้ ข้าก็ไม่รู้น่ะสิว่าพลังของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ศิษย์ในอาณาเขตเต๋าล้วนอ่อนแอเกินไป ข้ากลัวว่าจะทำให้พวกเขาตาย”
หานชิงเอ๋อร์กล่าวไปว่า “พี่ต้องการคู่ต่อสู้หรือ นอกอาณาเขตเต๋ามีศิษย์ของท่านพ่ออยู่คนหนึ่ง นามว่าเจียงเจวี๋ยซื่อ เป็นระดับเสรีเช่นกัน พี่ไปขอท่านพ่อดูสิ ว่าให้ท่านออกไปสู้กับเจียงเจวี๋ยซื่อคนนั้นได้หรือไม่”
………………………………………………………………