บทที่ 922 ศึกแดนบรรพกาล
“ข้ายังไม่ได้บอกเลยว่าจะสู้ ดวงจิตบรรพกาลแข็งแกร่งจริงๆ ข้ายังต้องฝึกบำเพ็ญไปอีกสักระยะ ถึงจะต่อสู้ตัดสินได้”
หานเจวี๋ยส่ายหน้าพลางกล่าว เขาคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกำชับว่า “เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ศัตรูเคยมาข่มขู่ข้า ให้เวลาข้าพิจารณาดู ข้ากำลังถ่วงเวลาอยู่ หากว่าเจ้าเปิดเผยเจตนาของข้าออกไป พอถึงเวลาศัตรูบุกมาฆ่า ผู้ใดก็ต้านไม่อยู่ เข้าใจหรือไม่”
หานฮวงพยักหน้ารับ “ข้าไม่ใช่คนโง่นะขอรับ รู้ดีว่าสิ่งใดควรพูด สิ่งใดไม่ควรพูด”
หานเจวี๋ยถึงได้วางใจ
จากนั้นหานฮวงจึงถามต่อว่า “ท่านพ่อ ครั้งนี้ หากว่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลต้านไม่ไหว ต้องรอให้ศัตรูบุกมาถึงมรรคาสวรรค์ ท่านถึงจะลงมือใช่หรือไม่”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้วเอ่ยถาม “เหตุใดถึงกล่าวเช่นนี้”
“อริยะมหามรรคเหล่านั้นล้วนกล่าวกันเช่นนี้ บอกว่าท่านไม่มีทางออกจากมรรคาสวรรค์ รอจนถึงเวลาที่จวนตัวต้องออกโรงแล้ว ถึงจะยอมลงมือ”
หานเจวี๋ยได้ฟังวาจานี้ คิ้วพลันขมวดแน่น
เหตุใดเขาถึงได้กลิ่นของแผนร้ายกันกันนะ
เขานับนิ้วทำนายดู
ใช่จริงๆ ด้วย!
มีสิ่งมีชีวิตกลุ่มหนึ่งกำลังสุมไฟอยู่จริงๆ โพนทะนาไปทั่วว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรจะรอให้ศัตรูบุกไปถึงที่เท่านั้นถึงจะลงมือ
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนเคยไปเยือนแดนบรรพกาลมาก่อน มีความเป็นไปได้สูงว่าจะถูกดวงจิตบรรพกาลควบคุมแล้ว
หรือว่าดวงจิตบรรพกาลคิดจะยั่วยุให้เขาลงมือก่อนกำหนด
มีความเป็นไปได้สูง!
เห็นทีว่าดวงจิตบรรพกาลจะไม่โง่เลย
ถึงอย่างไรอาณาเขตเต๋าของหานเจวี๋ยก็ไม่สามารถสอดส่องได้ เป็นปัญหาอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าสนใจคำพูดของคนอื่น วันนี้พ่อจะสอนเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง หากว่าข่าวลือเหล่านั้นที่เจ้าได้ยินล้วนเป็นศัตรูเจ้าจงใจแพร่ข่าวเล่า เจ้าคิดว่าจะเป็นอย่างไร”
หานเจวี๋ยเอ่ยถามอย่างลุ่มลึกมีนัย
พอหานฮวงได้ยินก็ขมวดคิ้วทันที
เขาลองคิดดูเล็กน้อย หากเปลี่ยนเป็นเขา ต้องทนไม่ไหวแน่ ตรงไปคิดบัญชีกับดวงจิตบรรพกาลเลย
เขานับว่าได้เปิดโลกทัศน์แล้ว สามารถวางแผนเล่นงานศัตรูเช่นนี้ได้ด้วย
วางแผนเล่นงานศัตรูผ่านข่าวลือจากปากของคนนอก จะคิดอย่างไรได้เล่า
ยังคงไม่แข็งแกร่งพอ
ขอเพียงแข็งแกร่งมากพอ แผนการเล็กน้อยเหล่านี้จะนับเป็นอันใดได้
แววตาหานฮวงพลันหนักแน่นขึ้นมา
เขามองไปที่หานเจวี๋ย เอ่ยว่า “ท่านพ่อ รอจนข้าพิสูจน์ยอดมหามรรคแล้ว พอถึงเวลาจะจัดการศัตรูร้ายกาจทั้งหมดให้ท่าน ผู้ใดกล้าแข็งข้อไม่ยอมสยบ ผู้ใดกล้าปากเปราะว่าร้าย ล้วนต้องตายทั้งสิ้น!”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฮวงเอ๋อร์มีใจกตัญญู พ่อย่อมเชื่อเจ้า วันนี้ที่เรียกเจ้ามา เพราะเจ้าใกล้อายุครบหนึ่งล้านปีแล้ว เจ้ามีความปรารถนาหรือไม่ ตั้งแต่เล็กจนโต พ่อไม่เคยเติมเต็มความปรารถนาให้เจ้าเลย”
หานฮวงตาลุกวาว เอ่ยถาม “เมื่อก่อนชิงเอ๋อร์ก็ได้แบบนี้เหมือนกันหรือขอรับ”
หานเจวี๋ยส่ายหน้า
“เช่นนั้นหากท่านเติมเต็มให้ข้า ชิงเอ๋อร์คงไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม ข้ารับรู้ได้ว่าคุณสมบัติของข้าสร้างแรงกดดันให้นางมากยิ่ง หากท่านให้ความเอ็นดูข้าอีก นางจะยิ่งไม่พอใจ ไม่เช่นนั้นท่านก็เติมเต็มความปรารถนาให้นางด้วยเถอะขอรับ ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องอายุครบล้านปี มอบให้พวกเรามาตรงๆ จากนั้นก็ปล่อยให้นางนึกขึ้นได้เองตามธรรมชาติเถิดว่าข้าอายุครบล้านปีแล้ว” 艾琳小說
หานฮวงกล่าวอย่างจริงจัง หานเจวี๋ยฟังแล้วชื่นชมนัก
ไม่ว่าหานฮวงจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ใส่ใจหานชิงเอ๋อร์เสมอ สายสัมพันธ์ระหว่างสองพี่น้องดีถึงเพียงนี้ หานเจวี๋ยย่อมชื่นชม
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เรียกชิงเอ๋อร์เข้ามาเถอะ”
“ขอรับ!”
หานฮวงหันหลังเดินออกไปทันที
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าตนละเลยบุตรสาวไปจริงๆ ในอดีตยามบุตรสาวถือกำเนิด นางเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าของเขา ต่อมาหลังจากหานฮวงถือกำเนิด ความสนใจของเขาก็หันเหไปจนหมด
ตนไม่ใช่พ่อที่ดีคนหนึ่งเลยจริงๆ
ไม่ถูกสิ!
ผู้เฒ่าใช้เวลายี่สิบปีคอยดูแลบุตรสาวจนเติบใหญ่ มีบุตรสาวคนไหนที่หลังจากเติบใหญ่แล้ว พ่อแม่ยังต้องคอยให้ความสนใจอยู่ทุกวันอีกเล่า
หานเจวี๋ยปลอบใจตัวเอง
ต่อให้เขาไม่ใช่ยอดบิดาแสนดีที่หนึ่ง แต่ก็ไม่นับว่าเป็นบิดาที่เลวทรามแน่นอน
เขาใส่ใจดูแลหานชิงเอ๋อร์มากกว่าสรรพสิ่งแล้ว!
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย รอให้บุตรธิดามาหา
ไม่นานนัก หานชิงเอ๋อร์และหานฮวงก็มาถึง
“ท่านพ่อ!”
ทั้งสองคารวะพร้อมกัน หานชิงเอ๋อร์มีสีหน้าตื่นเต้นและคาดหวัง
ท่านพ่อเรียกหานางน้อยยิ่ง หรือว่าจะมีเรื่องดีจริงๆ
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ตบะของพ่อก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย อารมณ์ดียิ่ง ตัดสินใจว่าจะเติมเต็มความปรารถนาให้พวกเจ้าคนละหนึ่งข้อ พวกเจ้าต้องการสิ่งใด”
พอหานชิงเอ๋อร์ได้ฟังก็ตื่นเต้นยินดี อดมองไปทางหานฮวงไม่ได้
หานฮวงเอ่ยยิ้มๆ “ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดได้เลย ส่วนของพี่รองยกให้เจ้า”
“เช่นนั้นท่านอย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน!”
หานชิงเอ๋อร์หัวเราะคิกคัก ไม่เกรงใจเช่นกัน
หานฮวงพยักหน้าพลางยิ้มให้
หานชิงเอ๋อร์หันไปหาหานเจวี๋ย เอ่ยว่า “ท่านพ่อ ข้าอยากออกไปท่องฟ้าบุพกาลเจ้าค่ะ ท่านไปกับข้าได้หรือไม่”
หานฮวงกล่าวว่า “ข้าก็เป็นไปเพื่อนเจ้าได้!”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
เขาถามในใจ ‘หากว่าให้หานชิงเอ๋อร์และหานฮวงออกไป พวกเขาจะถูกผู้สร้างมรรคาจับตัวไปหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยพันล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่]
หานเจวี๋ยโล่งใจ
ขอเพียงไม่ถูกผู้สร้างมรรคาหมายหัวก็พอ
จุ๊ๆ แม้แต่คุณสมบัติของหานฮวงก็ยังดึงดูดผู้สร้างมรรคาไม่ได้อย่างนั้นหรือ
ที่แท้ผู้สร้างมรรคาเป็นตัวตนเช่นใดกันแน่ มีโลกทัศน์แบบไหน
หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ระยะนี้แดนบรรพกาลมีปัญหากับฟ้าบุพกาล ต่อให้พวกเจ้าออกไป ก็ห้ามไปที่แดนบรรพกาล อย่าสร้างปัญหาให้พ่อ หากว่าพวกเจ้าถูกดวงจิตบรรพกาลจับตัวไป ใช้เรื่องนี้มาบีบคั้นข้า เช่นนั้นข้าก็คงได้แต่ปล่อยให้พวกเจ้าตายไปเสีย อย่างมากก็แค่ให้กำเนิดบุตรธิดาอีกคู่”
ก่อนหน้านี้หานชิงเอ๋อร์ได้ฟังเรื่องราวของแดนบรรพกาลมาจากหานฮวงแล้ว นางรีบเอ่ยรับประกันว่า “พวกเราจะไม่ไปเด็ดขาดเจ้าค่ะ ข้าเพียงอยากออกไปยลฟ้าบุพกาล หากไม่ได้จริงๆ ท่านก็ให้พวกเราออกจากอาณาเขตเต๋า ให้พวกเราอยู่ในห้วงจักรวาลดาราคงได้กระมังเจ้าคะ”
หานเจวี๋ยใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า “แบบนี้ก็ได้”
เขามองไปที่หานฮวง กล่าวว่า “เจ้าอย่าได้ไปก่อกวนเจียงเจวี๋ยซื่อเล่า ตอนนี้ตบะของเจ้าเหนือกว่าเขาแล้ว ห้ามรังแกศิษย์พี่”
”ข้าเข้าใจแล้ว ท่านเห็นข้าเป็นคนอย่างไรขอรับ”
หานฮวงเอ่ยด้วยความขุ่นเคือง ท่านพ่อมักจะคิดว่าเขาดื้อรั้นไม่มีเหตุผลอยู่เสมอ
หานเจวี๋ยยิ้มออกมา
สองพี่น้องร่ำร้องจะออกไปวันนี้เลย หานเจวี๋ยจึงโบกมือส่งพวกเขาออกไป
หลังจากบุตรธิดาออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ทิ้งเสี้ยวเจตจำนงไว้คอยจับตามองพวกเขา จากนั้นก็หลับตาเริ่มฝึกบำเพ็ญ
การฝึกบำเพ็ญสำคัญที่สุด!
…..
ภายในถ้ำภูเขามืดสลัว จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ จ้านฝัวอยู่ด้านหน้าเขา เตรียมพร้อมออกศึกอย่างเต็มที่
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเอ่ยโดยไม่ลืมตาขึ้น “พักผ่อนก่อนเถอะ ปรมาจารย์ฟ้าทลายผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงจิตบรรพกาลก็ถูกผู้ช่วยของเราพัวพัน ตอนนี้พวกเราต้องพยายามฟื้นฟูพลังเวทเป็นการด่วน”
จ้านฝัวนั่งลง โคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บพร้อมเอ่ยถาม “ฝ่าบาท ผู้ที่ลงมือก่อนหน้านี้เป็นใครพ่ะย่ะค่ะ อริยะมหามรรคหรือ ดูเหมือนจะมิใช่แค่คนเดียวด้วย”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายยิ้มมุมปาก เอ่ยว่า “อริยะมหามรรคหนึ่งคน ตัวตนที่อยู่เหนือกว่ามหามรรคแล้วอีกหนึ่งคน มิเช่นนั้นเราจะกล้านำกำลังบุตรแห่งสวรรค์มากมายขนาดนี้มายังแดนบรรพกาลหรือ บุตรแห่งสวรรค์เป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น ทำลายล้างปรมาจารย์ฟ้าทลายและดวงจิตบรรพกาลสิถึงจะเป็นเป้าหมายหลัก หากทำลายพวกเขาได้ บุตรแห่งสวรรค์ที่ถูกกักขังเหล่านั้นย่อมจะปลอดภัย”
จ้านฝัวพลันกระจ่างขึ้นมา
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายลืมตาขึ้น เอ่ยว่า “ในแดนบรรพกาลนี้จะต้องมีโอกาสวาสนาอันยิ่งใหญ่อยู่แน่ มิเช่นนั้นดวงจิตบรรพกาลไม่มีทางสร้างมารมรรคาได้เรื่อยๆ หากว่าวังสวรรค์ได้โอกาสวาสนานี้มาครอง มารมรรคาที่ถูกสร้างขึ้นมานับไม่ถ้วนจะกลายเป็นทหารสวรรค์ วังสวรรค์ต้องยิ่งใหญ่ขึ้นมาแน่”
น้ำเสียงของเขาฮึกเหิม จ้านฝัวฟังแล้วดวงตาเปล่งประกาย
ที่แท้ฝ่าบาททรงหมายตามารมรรคา!
“มารมรรคาเหล่านั้นยอดเยี่ยมจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” จ้านฝัวกล่าวด้วยความสะท้อนใจ
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหลับตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “เตรียมตัวให้ดีเถอะ อีกไม่นานแดนบรรพกาลจะล่มสลายแล้ว ตัวตนที่ไม่อาจเอ่ยนามได้กำลังจะลงมือ ดูสิว่าดวงจิตบรรพกาลจะยืนหยัดได้อย่างไร!”
………………………………………………………………