บทที่ 929 ระยะสมบูรณ์ ปฐมยุคประทับนภา
“โลกอริยะไตรวิสุทธิ์อย่างนั้นหรือ”
หานฮวงขมวดคิ้ว เขาเคยได้ยินนักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยถึงโลกนี้ บอกว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่อยู่ใกล้กับมรรคาสวรรค์ แต่เขาไม่ได้สนใจเลย
หานทั่วเอ่ยขึ้นว่า “ถูกต้อง ก็คือโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ ก่อนหน้านี้เหล่าจื่อเดินทางไปยังแดนบรรพกาล ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาปรากฏร่องรอยของมารมรรคาออกมาจากโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ เป็นไปได้สูงว่าเหล่าจื่อจะถูกดวงจิตบรรพกาลยึดร่างแล้ว”
นักพรตเต๋าเสินเผาพยักหน้ารับ ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “พวกเราประเมินแดนบรรพกาลต่ำเกินไป แดนบรรพกาลดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่เกรงว่าจะวางแผนอยู่ คงวางแผนล้อมกรอบปิดตายมรรคาสวรรค์อยู่
“เริ่มจากดวงจิตมหามรรค ตามด้วยโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ รอจนดวงจิตบรรพกาลออกโรง…”
คำพูดในส่วนหลังเขาไม่ได้เอ่ยออกมา แต่ทุกคนล้วนเข้าใจกันดี
หานฮวงพยักหน้ารับ “ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไปแจ้งให้”
พูดจบหานฮวงก็เลือนหายไปจากจุดเดิม
อี๋เทียนส่ายหัวพร้อมเอ่ยว่า “เด็กคนนี้นิสัยใจร้อนเสียจริง ใจร้อนกว่าข้าเสียอีก”
หานทั่วส่ายหน้าหลุดยิ้มออกมา
นักพรตเต๋าเสินเผาเอ่ยยิ้มๆ ว่า “เขาอยู่ระหว่างฝึกฝนไม่จำเป็นต้องเร่งรีบไป”
….
หลังจากเจตจำนงกลับสู่กายเนื้อ หานฮวงก็ตรงไปขอเข้าพบสิงหงเสวียน สิงหงเสวียนสามารถติดต่อกับเหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้นได้โดยไม่ต้องรบกวนหานเจวี๋ย
หลังจากทราบเรื่องนี้ สิงหงเสวียนก็เข้าสู่หมื่นโลกาฉายชัด ไม่นานนักเรื่องนี้ก็แว่วไปถึงหูของจอมอริยะเสวียนตู
การตอบสนองของจอมอริยะเสวียนตูฉับไวยิ่ง เริ่มวางแผนเตรียมป้องกันการรุกรานของโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ทันที
หานเจวี๋ยไม่ทราบถึงเรื่องนี้ ต่อให้ทราบก็ไม่ใส่ใจอยู่ดี
โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย
เขาสัมผัสถึงเค้าลางของการทะลวงขั้นแล้ว ย่อมต้องทุ่มเทกำลังยิ่งกว่าเดิม
หมื่นปีผ่านไปไวราวกับชั่วลมหายใจเดียว หนึ่งแสนปีผ่านไปในชั่วพริบตา
เวลาผ่านพ้นไปสองแสนกว่าปี ในที่สุดหานเจวี๋ยก็ประสบโอกาสทะลวงขั้นแล้ว เขาเริ่มปรับตบะให้มั่นคงเพื่อทะลวงขั้น
สามพันปีต่อมา เขาทะลวงขั้นสำเร็จ
ไม่ว่าจะเป็นปัญหายุ่งยากใดๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพมารปฐมยุคแล้ว ไม่มีการเผชิญเคราะห์ฝ่าระดับใดเลย เพียงสั่งสมตบะไปเรื่อยๆ ก้าวข้ามขีดจำกัดขึ้นไปเรื่อยๆ เท่านั้น
ยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์!
มหามรรคขั้นสมบูรณ์!
พลังปฐมยุคของหานเจวี๋ยเปลี่ยนแปลงไป โลกอนธการขยายตัวขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ปราณอนธการภายในโลกอนธการเพิ่มขึ้นฉับพลัน ทำให้เทพมารฟ้าบุพกาลเหล่านั้นที่ฝึกบำเพ็ญอยู่ต่างตื่นตกใจ
ตอนนี้ พวกเขารับรู้แล้วว่าในอนธการมีพลังที่ลึกลับและแข็งแกร่งประการหนึ่งอยู่ กำลังสั่นคลอนโลกทั้งใบ เป็นเทพที่พวกเขามองไม่เห็นเสมือนไม่มีตัวตนอยู่
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ปรับตบะให้มั่นคงพลางเรียกหน้าต่างค่าสถานะออกมาตรวจสอบ
[ชื่อ: หานเจวี๋ย]
[อายุขัย: 9,273,050/15,099,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999,999]
[เผ่าพันธุ์: เทพมารปฐมยุค (มหาจักรพรรดิไร้ขอบเขต)]
[ตบะ: ยอดมหามรรคระยะสมบูรณ์ (อริยะสมบูรณ์แบบ)]
[วิชายุทธ์: มหามรรควัฏจักรอนธการ, (ระดับมหามรรค), วิชาชุบร่างวัฏจักรดารา]
[มหามรรค: มหามรรคเวียนว่ายตายเกิด, มหามรรคแห่งกรรม, มหามรรคต้นกำเนิด]
[คุณสมบัติกาย: กายเลิศมรรคาปฐมยุค]
….
เมื่อเห็นอายุขัยดั้งเดิมที่ยาวเป็นพรวนเช่นนี้ ในใจหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความรู้สึกพอใจ
นี่ก็คือปณิธานในการฝึกบำเพ็ญของเขา!
หลังจากดูอายุขัยเสร็จ หานเจวี๋ยก็ทุ่มสมาธิกับการตระหนักรู้ตบะ
การทะลวงขั้นครั้งนี้ไม่เหนือไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้ พลังปฐมยุคเพิ่มขึ้นมหาศาลฉับพลัน ทิ้งห่างจากการทะลวงขั้นครั้งก่อนนับสิบเท่า
ตอนที่เขายังเป็นเทพมารอนธการอยู่ ทุกครั้งที่ทะลวงขั้นสำเร็จขอบเขตความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงตอนนี้ที่ยกระดับจากเทพมารอนธการแล้ว
คนอื่นฝ่าทะลวงจะแข็งแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัว แต่เขาทะลวงขั้นแล้วพลังพลันก้าวกระโดด ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าถอดร่างผลัดกระดูกเลยทีเดียว
หานเจวี๋ยใช้เวลาหนึ่งพันปีถึงปรับตบะให้มั่นคงสมบูรณ์
เขาเริ่มฝึกฝนร่างจำลองเสรีสุญญตา
แปดสิบเอ็ดปีต่อมา ในที่สุดเขาก็เรียนรู้ร่างจำลองเทพมารครบสามพันตน แม้แต่เทพมารสรรค์สร้างก็ได้เรียนแล้ว
พลังแห่งมหามรรคสามพันวิถีอยู่ในมือเขาหมดแล้ว
หลังจากเขาถ่ายเทปราณเทพมารที่เหลือเข้าสู่โลกอนธการ โลกอนธการพลันสั่นสะเทือน
การสั่นสะเทือนนี้ด้านในโลกไม่รับรู้ แต่หานเจวี๋ยรับรู้ได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทำให้วิญญาณเขาโยกคลอนตาม
หานเจวี๋ยตื่นเต้นยิ่ง ตั้งใจตระหนักรับรู้ถึงพลังแห่งมหามรรคสามพันวิถี
เวลาไหลผ่านไปเรื่อยๆ
ผ่านพ้นไปห้าพันปีเต็ม ในที่สุดหานเจวี๋ยก็สิ้นสุดการตระหนักรู้
แสงสีแดงส่องสว่างขึ้นภายในอารามเต๋า อาภรณ์ทั่วร่างหานเจวี๋ยไหวกระพือ อำนาจกดดันอันน่าประหลาดแผ่ออกมา
เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยกสองมือขึ้นมา
เขามองสองมือตน ขาวผ่องเกลี้ยงเกลา ฝ่ามือและเนื้อหนังไม่มีความผิดปกติใดๆ เลย แต่ในความเป็นจริงแล้วมีพลังปฐมยุคโอบล้อมพัวพันอยู่
พลังปฐมยุคนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง!
หานเจวี๋ยยิ้มมุมปาก พึมพำว่า “ดวงจิตบรรพกาล เจ้าตายแน่”
‘ข้าอยากรู้ว่าข้าสามารถสังหารดวงจิตบรรพกาลในเสี้ยววินาทีได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยร้อยล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[มีความเป็นไปได้แน่นอน]
ยังไม่ใช่เต็มร้อยหรือ
ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับร่างแยกพวกนั้นด้วย!
‘หากข้าลงมืออย่างเอาจริงเอาจัง ขณะที่ต่อสู้อยู่ ดวงจิตบรรพกาลจะสามารถสังหารข้าได้หรือไม่’
[ไม่ได้]
หานเจวี๋ยยิ้มออกมาอีกครั้ง
เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม
หานเจวี๋ยเริ่มใช้แบบจำลองการทดสอบ ท้าสู้อริยะเทพอวี๋เจี้ยนสามแสนคน
เขาตระหนักรู้พลังวิเศษชนิดใหม่อย่างหนึ่ง เมื่อผสานพลังมหามรรคสามพันวิถีเข้าไปเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ!
พลังวิเศษนี้ตั้งชื่อว่าปฐมยุคประทับนภา!
ปฐมยุคประทับนภาผสานด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของมหามรรคสามพันวิถีอาทิพันธนาการ ทำลาย สรรค์สร้าง ห้วงมิติ กาลเวลาและสังหาร!
ผ่านไปสิบลมหายใจ หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น!
ทันทีที่สำแดงปฐมยุคประทับนภา เขาสามารถสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสามแสนคนได้ในคราเดียว!
“ระยะเวลาเตรียมการนานเล็กน้อย ซ้ำยังต้องลงมือในชั่วพริบตา กินพลังมากโขด้วย ไม่สิ ใช้พลังห้วงมิติตรงๆ ได้ เคลื่อนย้ายศัตรูเข้ามา…”
หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง วิเคราะห์อยู่ในใจ จากนั้นทดลองปฏิบัติต่อ
หลังจากทดลองในแบบจำลองอยู่หลายครั้ง เขาก็สามารถสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนภายในเสี้ยววินาทีได้สบายๆ แล้ว
เขาเริ่มเพิ่มจำนวนอริยะเทพอวี๋เจี้ยน
หลายวันต่อมา
เขาสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งล้านคนในเสี้ยววินาทีได้สบายๆ อาศัยเพียงปฐมยุคประทับนภาก็เลิศล้ำไร้พ่ายแล้ว
น่าเบื่อ
เดิมทีหานเจวี๋ยคิดจะเปลี่ยนคู่ต่อสู้ แต่ต่อสู้กับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนมานาน พัฒนาสัญชาตญาณในการต่อสู้แล้วจึงไม่อยากเปลี่ยน
อีกอย่างอริยะเทพอวี๋เจี้ยนก็ไม่เลวเลย สมกับเป็นยอดมหามรรคโดยแท้!
หานเจวี๋ยไม่ได้เพิ่มจำนวนขึ้นอีก เขาประเมินพลังของตนได้แล้ว อีกอย่างเขาก็เคยวิวัฒนาการดูแล้ว มีความสามารถเพียงพอจะสังหารดวงจิตมหามรรคในเสี้ยววินาทีอย่างแท้จริง
หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน เดินออกจากอารามเต๋า艾琳小說
เขาไปเยี่ยมสิงหงเสวียนและชิงหลวนเอ๋อร์ก่อนครู่หนึ่ง จากนั้นก็มาที่อารามเต๋าของหานฮวง
เวลาผ่านมานานถึงเพียงนี้ หานฮวงเองก็มีตบะระดับเบิกฟ้ามหามรรคระยะปลายแล้ว
ยอดเยี่ยมมาก!
หานเจวี๋ยคิดพลางเอ่ยเรียก “ฮวงเอ๋อร์”
หานฮวงลืมตาขึ้นทันที ดวงตาฉายแววตกตะลึงแวบหนึ่ง
ท่านพ่อเข้ามาในอารามเต๋าของเขาอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง!
เขาสัมผัสถึงไม่ได้เลย!
หรือว่าตอนนี้ระยะห่างระหว่างพวกเขาจะห่างชั้นกันอย่างยิ่ง
ในใจหานฮวงสับสนเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์
เดิมทีเขาคิดว่าต่อให้สู้ท่านพ่อไม่ได้ แต่ก็คงไม่ได้ทิ้งห่างกันมากเหมือนแต่ก่อนแล้ว
ทว่าตอนนี้…
“ท่านพ่อ!”
หานฮวงลุกขึ้นคำนับ
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ระยะนี้ฝึกบำเพ็ญได้ไม่เลว ผ่านไปอีกสักพัก หากเจ้าอยากไปยังฟ้าบุพกาล พ่อจะไม่ขัดขวางอีก เจ้าก็ควรเติบโตแล้วเช่นกัน”
พอเขาเอ่ยเช่นนี้ หานฮวงเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นเต้นยินดี
ตบะของเขาก็นับว่าอยู่ในชั้นแนวหน้าของฟ้าบุพกาลแล้ว ยืนหยัดได้ด้วยตัวเองนานแล้ว ตัวเขาเองก็ปรารถนามากเช่นกัน แต่ก็กลัวว่าจะชักนำปัญหาวุ่นวายมาให้หานเจวี๋ย ถึงอย่างไรก็ยากจะปกปิดความจริงที่ว่าเขาคือบุตรชายของหานเจวี๋ยได้
ขอเพียงมีศัตรูของหานเจวี๋ยอยู่ จะต้องมาสร้างปัญหาให้เขาแน่นอน
“ท่านพ่อ เหตุใดจู่ๆ ท่านก็เอ่ยเช่นนี้ล่ะขอรับ” หานฮวงถามด้วยความฉงน
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “ก่อนหน้านี้เจ้ายังไม่ได้เอ่ยความปรารถนามิใช่หรือ พ่อช่วยคิดแทนเจ้าเรียบร้อยแล้ว จึงมาบอกเจ้าโดยเฉพาะ ดีใจหรือไม่”
“ลูกดีใจมาก! ขอบพระคุณขอรับท่านพ่อ!”
หานฮวงคุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้น เขาคุกเข่าให้เพียงหานเจวี๋ยเท่านั้น แม้แต่สิงหงเสวียนเขาก็ไม่เคยคุกเข่าให้
………………………………………………………………