บทที่ 933 ผสานรวมกฎเกณฑ์สูงสุด
เสียงของหานเจวี๋ยดังก้องสะท้อนอยู่ในห้วงอวกาศที่พังทลาย สั่นสะเทือนทุกสรรพสิ่ง
เมื่อเห็นดวงจิตบรรพกาลที่ยังคงดิ้นรนทุรนทุรายอยู่ในปฐมยุคประทับนภา ความตกตะลึงในใจพวกเขายากจะบรรยายออกมาได้ ถึงขั้นที่รู้สึกว่าฝันอยู่
ฉากที่ปรากฏในหินผลึกทำให้เหล่าอริยะภายในตำหนักเอกภพ ณ มรรคาสวรรค์ต้องฮึกเหิมเลือดร้อนระอุขึ้นมา
นี่คืออริยะสวรรค์เกรียงไกรของพวกเขา!
ไร้พ่ายตลอดกาล!
ผู้ชนะสิบทิศตลอดไป!
หานเจวี๋ยเหลือบมองดวงจิตบรรพกาลที่อยู่ด้านหลัง พลันหรี่ตาลง
ปฐมยุคประทับนภาปลอดปล่อยพลังกดดันแรงกล้า ทำให้ดวงจิตบรรพกาลสั่นไปทั้งตัว
“เป็นไปไม่ได้! คิดจะเอาชนะข้าเช่นนี้อย่างนั้นหรือ อริยะสวรรค์เกรียงไกร เจ้าประเมินตัวสูงส่งเกินไปแล้ว!”
ดวงจิตบรรพกาลตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นเอง วิญญาณของเขาระเบิดออก กลายเป็นแสงเทพสายหนึ่งเลือนหายไป
หานเจวี๋ยคล้ายจะรับรู้อะไรได้ ตวัดสายตามองออกไป ท่ามกลางบรรดาบุตรแห่งสวรรค์นับล้าน มีร่างบุตรแห่งสวรรค์คนหนึ่งทอแสงเทพพร่างพราวขึ้นมา กลิ่นอายของดวงจิตบรรพกาลปรากฏขึ้นบนร่างเขา ระเบิดพลังออกมาอย่างบ้าคลั่ง
มิน่าเล่าที่คนผู้นี้ยึดร่างบุตรแห่งสวรรค์ไปมากมายเช่นนี้ ที่แท้ก็เป็นกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ!
หลังจากผสานร่างสำเร็จ ดวงจิตบรรพกาลเหาะขึ้นมาจากกลุ่มบุตรแห่งสวรรค์นับล้าน มองหมิ่นหานเจวี๋ยพลางกล่าวว่า “พลังวิเศษชนิดนี้ของเจ้าเลิศล้ำยิ่ง แต่หากคิดจะสังหารข้า เจ้ากล้าลงมือปลิดชีพบุตรแห่งสวรรค์นับล้านที่อยู่ด้านหลังด้วยหรือไม่เล่า”
ชั่วร้าย!
หากหานเจวี๋ยทำแบบนี้จริงๆ จะไม่เป็นการล่วงเกินทั่วทั้งฟ้าบุพกาลหรอกหรือ
เช่นนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่จบไม่สิ้น!
บุตรแห่งสวรรค์นับล้านมาจากกองกำลังต่างๆ ทั่วฟ้าบุพกาล!
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นจึงใช้จุดนี้เป็นที่พึ่งของเจ้าหรือ เจ้าจะใช้วิธีนี้ล้างแค้นมรรคาสวรรค์และรวมฟ้าบุพกาลให้เป็นหนึ่งกระมัง หากว่าเจ้าได้ปกครองฟ้าบุพกาล แล้วมีผู้แข็งแกร่งมาท้าชิงตำแหน่งจากเจ้า เจ้าจะนำสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลมาข่มขู่อีกฝ่าย บอกว่าหากกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย เจ้าจะทำลายล้างสรรพสิ่งฟ้าบุพกาล ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้ครอบครองฟ้าบุพกาลเช่นนั้นหรือ”
วาจาของเขาเปี่ยมการประชดเสียดสี เหล่าผู้สังเกตการณ์ฟังแล้วอยากหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าหัวเราะออกมา
ในสายตาของสองคนนี้ สรรพสิ่งฟ้าบุพกาลเสมือนสิ่งที่ทำลายทิ้งได้ง่ายๆ พวกเขาจะไม่รู้สึกหดหู่ใจได้อย่างไรเล่า
ดวงจิตบรรพกาลเอ่ยอย่างเย็นชา “อริยะสวรรค์เกรียงไกรช่างยอดเยี่ยมนัก แต่ฝีปากเจ้ากลับคมกล้ายิ่งกว่า เจ้าเอาชนะข้าให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูดเถอะ!”
เขายกสองมือขึ้น ทั่วแดนบรรพกาลสั่นสะเทือนรุนแรง เขาดูดซับพลังมาจากทั่วทั้งแดนบรรพกาล
เขาซัดฝ่ามือทั้งสองข้างออกไปทันที พลังเวทพลุ่งพล่านรวมตัวเป็นแสงเจิดจ้าบาดตา ทำให้อาณาเขตฟ้าบุพกาลในเขตนี้สูญสิ้นสีสันไป
ปฐมยุคประทับนภาพลันเคลื่อนมาขวางอยู่ตรงหน้าหานเจวี๋ย ดูดซับพลังเวทของดวงจิตบรรพกาล
ทันใดนั้น ดวงจิตบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นด้านหลังหานเจวี๋ย พลองยาวสีม่วงปรากฏขึ้นในมือขวา ตวัดฟาดใส่หานเจวี๋ย
ประกายแสงบนพลองยาวสีม่วงคล้ายจะร้อนแรงยิ่ง ขณะที่กำลังจะกระทบร่างหานเจวี๋ยนั้นเอง ปฐมยุคประทับนภาสายหนึ่งพลันเข้ามาขวางไว้
สีหน้าดวงจิตบรรพกาลแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ ไม่คิดเลยว่าปฐมยุคประทับนภาจะไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว
ปฐมยุคประทับนภาที่ปรากฏขึ้นด้านหลังหานเจวี๋ยเล็กกว่าที่อยู่ด้านหน้า ทว่าแกร่งกล้ายิ่ง ต้านรับพลองยาวสีม่วงได้สบายๆ
แววตาดวงจิตบรรพกาลเย็นชา พลองยาวสีม่วงตวัดวนจนมิติรอบข้างบิดเบี้ยว ภาพมายานับไม่ถ้วนเข้าครอบงำพวกเขาราวกับตกอยู่ในหุบเหวภาพลวงตาอันไร้ที่สิ้นสุด ฉากชีวิตสารพัดหลากหลายรวมถึงนรกโลกันต์สิบแปดขุมปรากฏสู่สายตา ลอยอยู่รอบตัวทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
“ลูกไม้อ่อนด้อย!”
หานเจวี๋ยเอ่ยหยาม ปฐมยุคประทับนภาที่อยู่ด้านหลังพลันแผ่แรงดึงดูดรุนแรงน่าหวาดหวั่น ดูดดึงดวงจิตบรรพกาลเข้าไปตรงๆ ทำลายทิ้งในชั่วพริบตา
ภาพมายารอบตัวพังทลาย หานเจวี๋ยปรายตามองออกไป กลิ่นอายของดวงจิตบรรพกาลแผ่ออกมาจากร่างบุตรแห่งสวรรค์อีกคนหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเหล่าบุตรแห่งสวรรค์นับล้าน!
ไม่จบไม่สิ้น
หานเจวี๋ยพุ่งเข้าไปหาทันที
ดวงจิตบรรพกาลย่อตัวกระโจนขึ้นไป ซัดฝ่ามือทั้งสองโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทุกฝ่ามือเป็นพลังวิเศษที่แตกต่างกันไป ภาพติดตานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นด้านหลัง เมื่อซัดฝ่ามืออกไป พลังวิเศษก็เปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไป อัศจรรย์ไร้สิ้นสุด
บรรดาผู้สังเกตการณ์ถอยหลังออกไปเรื่อยๆ แม้แต่หานฮวงเองก็เช่นกัน
‘นี่น่ะหรือยอดมหามรรค ไม่ถูกสิ เหนือกว่ายอดมหามรรคแล้ว!’
หานฮวงเงยหน้ามองดวงจิตบรรพกาลที่อยู่สูงส่งมีฝีมือเลิศล้ำ สองมือกำเข้าหากันแน่น
สักวันหนึ่งเขาก็จะแข็งแกร่งแบบนี้เช่นกัน!
ไม่สิ!
เขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้!
ปฐมยุคประทับนภาสกัดกั้นพลังวิเศษของดวงจิตบรรพกาลอย่างเต็มกำลัง หานเจวี๋ยยังคงเดินเข้าไปเรื่อยๆ ทุกก้าวที่เขาย่างเท้าออกไป ปฐมยุคประทับนภาจะเคลื่อนตัวไปด้านหน้าปานคลื่นสมุทร ไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้
ทันใดนั้นเงาดำร่างหนึ่งพลันก่อตัวขึ้นด้านหลังหานเจวี๋ย!
ร่างจำลองเทพมาร!
ดวงจิตบรรพกาลขมวดคิ้ว หวาดระแวงอยู่ในใจ แต่ยังคงซัดพลังวิเศษต่อไป
แรงกดดันมหาศาลแผ่ทะลักไปทั่วฟ้าบุพกาล ทุกสายตาที่อยู่ห่างไกลออกไปล้วนจับตามองฉากการต่อสู้นี้
หานเจวี๋ยถึงขั้นที่รับรู้ได้ถึงสายตาของเทพมหาทัณฑ์ด้วย แต่เขาไม่สนใจ
วันนี้ต่อให้เทพมหาทัณฑ์มาก็ต้องแพ้เช่นกัน!
จู่ๆ เงาดำด้านหลังหานเจวี๋ยก็หายวับไป
วินาทีต่อมาได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเหล่าบุตรแห่งสวรรค์นับล้าน คว้าจับร่างบุตรแห่งสวรรค์เข้ามาคนแล้วคนเล่า บุตรแห่งสวรรค์เหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์ ในบรรดานั้นมีพวกเต้าจื้อจุนรวมอยู่ด้วย
ชั่วพริบตาเดียวร่างจำลองเทพมารก็พาตัวบุตรแห่งสวรรค์จากมรรคาสวรรค์ไปจนหมด รวดเร็วอย่างยิ่ง
ดวงจิตบรรพกาลยกมือขวาขึ้นอีกครั้ง แสงสีม่วงแผ่ออกมาจากฝ่ามือ สายฟ้านับไม่ถ้วนแลบแปลบปลาบวุ่นวาย ดูราวกับท้องนภากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
มีเงาร่างเหาะออกมาจากสายฟ้าโกลาหลวุ่นวายร่างแล้วร่างเล่า ทำให้เหล่าผู้สังเกตการณ์หน้าเปลี่ยนสี
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์!
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนเหาะพุ่งลงไปหาหานเจวี๋ย
เรือนผมสีดำของหานเจวี๋ยปลิวสะบัด ดวงเนตรแดงฉานดูเย็นชาอย่างยิ่ง
ปฐมยุคประทับนภาที่อยู่ตรงหน้าเขาแผ่แสงเจิดจ้าแยงตา เคลื่อนย้ายขุนพลศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่ปฐมยุคประทับนภาอย่างต่อเนื่อง
หานเจวี๋ยซัดมือซ้ายส่งฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกรออกไป ล่องหนไร้รูปลักษณ์ ถล่มทำลายแดนบรรพกาลทั้งสองส่วน
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป ขุนพลศักดิ์สิทธิ์เพิ่งปรากฏตัวขึ้น แดนบรรพกาลก็พังพินาศแล้ว
ดวงจิตบรรพกาลเบิกตากว้าง แววตาฉายแววโกรธเกรี้ยว
ถึงแม้แดนบรรพกาลจะส่งผลกระทบถึงเขา แต่แดนบรรพกาลหล่อเลี้ยงให้กำเนิดเขา เปรียบเสมียนกายเนื้อของเขา แล้วเขาจะไม่โกรธเกรี้ยวได้อย่างไร
“อริยะสวรรค์เกรียงไกร เจ้ารนหาที่ตายโดยแท้!”
ดวงจิตบรรพกาลย่อตัวกระโจนขึ้นมา บุตรแห่งสวรรค์นับล้านลอยตามเขาขึ้นมา ดูราวกับห่าธนูที่พุ่งทะลุห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่า พุ่งขึ้นสู่เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดที่อยู่เบื้องบน
หานเจวี๋ยก็เข้าสู่อุโมงค์ปฐมยุค ไปปรากฏตัวเหนือศีรษะของดวงจิตบรรพกาลอย่างรวดเร็ว ปฐมยุคประทับนภากดทับลงไปดั่งบรรพตสูงใหญ่ สกัดดวงจิตบรรพกาลเอาไว้
ดวงจิตบรรพกาลระเบิดตัวอีกครั้ง เข้าไปผสานร่างกับบุตรแห่งสวรรค์คนใหม่ พุ่งขึ้นสู่เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดต่อไป
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ปฐมยุคประทับนภาเคลื่อนย้ายบุตรแห่งสวรรค์นับล้านเข้าไป เมื่อเหล่าบุตรแห่งสวรรค์ตกอยู่ในปฐมยุคประทับนภาก็ดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมาน
แม้ว่าหานเจวี๋ยจะไม่ได้ทำร้ายร่างต้นกำเนิดของพวกเขา แต่พลังปฐมยุคก็ทำให้พวกเขาได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน
“เฮอะ เจ้ายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง”
เสียงหนึ่งแว่วมาจากด้านบน หานเจวี๋ยหันไปมอง
เงาร่างสองสายปรากฏตัวขึ้นด้านล่างเจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุด ร่างหนึ่งคือดวงจิตบรรพกาล อีกร่างคือเทพมหาทัณฑ์
สองตัวตนสูงสุดล้วนยกแขนขวาขึ้น สัมผัสกับกฎเกณฑ์สูงสุดสายหนึ่ง
หานเจวี๋ยมองไปที่เทพมหาทัณฑ์ด้วยสายตาเย็นชา
เทพมหาทัณฑ์ไม่กล้าสบตาเขา ถอนหายใจเล็กน้อย
ดวงจิตบรรพกาลหลุบตามองหานเจวี๋ยอย่างเหยียดหยามพลางกล่าวว่า “เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเลย แต่หากเพิ่มกฎเกณฑ์สูงสุดเข้าไปด้วยเล่า”
เขามุดเข้าสู่กฎเกณฑ์สูงสุดสายหนึ่งโดยตรง
เทพมหาทัณฑ์ถ่ายเทพลังเข้าสู่กฎเกณฑ์สายนี้ กายเริ่มพร่าเลือน ราวกับจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดสั่นไหวรุนแรงอย่างไร้สุ้มเสียง ทว่ากลับดูบ้าคลั่งอย่างยิ่ง ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมา
ต้องการจะทำอะไรกันแน่
หานเจวี๋ยทุ่มสมาธิจดจ่อ ไม่กล้าผลีผลาม
หากเขาลงมือกับกฎเกณฑ์สูงสุด จะล่วงเกินผู้สร้างมรรคาหรือไม่
ไม่สนแล้ว!
ถึงอย่างไรก็ทิ้งเสี้ยวเจตจำนงไว้ในอารามแล้ว ตายก็ไปยังคืนชีพได้!
หานเจวี๋ยรอจนดวงจิตบรรพกาลลงมือกับกฎเกณฑ์สูงสุด เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้สร้างมรรคาก็กล่าวโทษได้เพียงดวงจิตบรรพกาลเท่านั้น จะมาโทษเขาไม่ได้!
………………………………………………………………