ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 968 สิ้นเคราะห์ ความจริงใจของเทวีตราวินัย

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 968 สิ้นเคราะห์ ความจริงใจของเทวีตราวินัย

“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง”

สิงหงเสวียนขยับเข้ามาถาม วิตกอย่างยิ่ง

นางได้ทราบถึงความน่ากลัวของพลังกวาดล้างสรรพสิ่งจากปรมาจารย์ฟ้าทลายแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในฟ้าบุพกาลดับสูญ หากว่ายังไม่อาจคลี่คลายเรื่องราวได้ นางก็จิตนาการไม่ออกเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนแบบใด

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เจตจำนงฟ้าบุพกาลน่าจะถูกจัดการแล้ว สรรพสิ่งที่ถูกพลังกวาดล้างไปล้วนถูกเจ้าแห่งฟ้าบุพกาลคืนชีพกลับมา เพียงแต่…”

“เพียงแต่อะไรหรือ”

สิงหงเสวียน หลิวเป้ยและปรมาจารย์ฟ้าทลายล้วนประหม่าขึ้นมา

หานเจวี๋ยทอดถอนใจกล่าวไปว่า “เสียดายก็เพียงแต่ระดับตบะของปรมาจารย์ฟ้าทลาย ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้ สูญเสียไปแล้ว”

ทั้งสามยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ปรมาจารย์ฟ้าทลายเอ่ยขึ้นว่า “ไม่เป็นไรขอรับ ฝึกบำเพ็ญใหม่ก็ได้ ว่ากันตามจริงแล้ว บ่วงกรรมมหันต์เช่นนี้ข้าก็ไม่กล้าแบกรับเช่นกัน…”

ทำลายล้างสรรพสิ่งฟ้าบุพกาล…

นี่เป็นเรื่องบ้าคลั่งที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ ข้าเองก็ต้องไปดูทางมรรคาสวรรค์ด้วย”

พูดจบเขาก็เลือนหายไปจากจุดเดิม

ในเวลาเดียวกันนี้เอง

ณ อาณาเขตปฐมภพ เหล่าอริยะมหามรรคนับล้านมองหน้ากันเหลอหลา บรรยากาศแปลกพิกลยิ่ง

ทันใดนั้นตราปฐมยุคประทับนภาก็พลันปรากฏขึ้น ปล่อยตัวพวกหานฮวงออกมา

การปรากฏตัวขึ้นพวกเขาไม่ได้สร้างความประหลาดใจให้เหล่าผู้ทรงพลังเลย นึกว่าเพียงว่าเพิ่งฟื้นคืนชีพมาเช่นเดียวกัน

เทวีตราวินัยเปิดปากเอ่ยว่า “ข้าได้ทราบเรื่องจากเจตจำนงฟ้าบุพกาลที่แท้จริงแล้ว เจตจำนงฟ้าบุพกาลที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้เป็นมารร้ายตนหนึ่งที่มีนามว่าดวงจิตนพชาติ เขาอาศัยอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลปรับเปลี่ยนความทรงจำของสรรพสิ่ง ทำให้สรรพสิ่งแค้นเคืองในตัวอริยะสวรรค์เกรียงไกร รวมถึงพวกเราด้วย ดวงจิตนพชาติถูกอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลจัดการแล้ว พวกเราก็ได้รับการคืนชีพจากอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลเช่นกัน

“เคราะห์นี้สิ้นสุดลงแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องพุ่งเป้าไปที่อริยะสวรรค์เกรียงไกรอีก ความทรงจำของสรรพสิ่งกลับคืนมาแล้ว พวกเราขอขอบคุณทุกท่านที่มาจากอนาคตไว้ ณ ที่นี้”

เทวีตราวินัยค้อมคำนับ อริยะมหามรรคและดวงจิตมหามรรคที่เหลือก็พากันคำนับเช่นกัน

ผู้ทรงพลังนับล้านมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

เวลานี้เอง ตาข่ายนภาอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลพลันปรากฏขึ้นด้านบน ดูดตัวผู้ทรงพลังนับล้านกลับไป

หานฮวงมองหานเหยา คิ้วขมวดแน่น

หานเหยาหันมายิ้มให้พลางเอ่ยว่า “บรรพชนหานฮวง ลืมบอกท่านไปขอรับ ตัวข้านับเป็นกึ่งศิษย์ของท่านด้วย วันหน้าต้องดูแลข้าให้ดีๆ นะขอรับ!”

หานฮวงผงะไป

เจียงเจวี๋ยซื่อเหลียวซ้ายแลขวา สังเกตเห็นว่าตัวเขาจากอนาคตหายไป เมื่อครู่ตอนฟื้นคืนชีพกลับมาก็ไม่เห็นตัวเขาจากอนาคตเช่นกัน

ไม่นานนัก ผู้ทรงพลังนับล้านล้วนถูกอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลส่งตัวกลับไป อาณาเขตปฐมภพกลับสู่ความเงียบสงัด

ดวงจิตมหามรรคและอริยะมหามรรคที่เหลืออยู่ต่างมองหน้ากัน

ถึงแม้จะจบเรื่องแล้ว แต่พวกเราสมควรจะเผชิญหน้ากับอริยะสวรรค์เกรียงไกรอย่างไรเล่า

ความทรงจำในศึกใหญ่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ถูกลบไป อริยะสวรรค์เกรียงไกรสะกดข่มอริยะมหามรรคและยอดมหามรรคนับล้าน…

ทันใดนั้นเทพมหาทัณฑ์พลันปรากฏตัวขึ้นข้างกายเทวีตราวินัย

เทวีตราวินัยค้อมคำนับเล็กน้อย

เทพมหาทัณฑ์โบกมือเล็กน้อย ผู้ทรงพลังทั้งหมดในละแวกนี้พากันแยกย้ายไป พวกหานฮวงเองก็เช่นกัน

ไม่นานนัก ที่นี่ก็เหลือเพียงพวกเขาทั้งสอง

เทพมหาทัณฑ์เอ่ยถาม “เจ้ารู้ความจริงแต่แรกแล้วกระมัง”

เทวีตราวินัยกล่าวว่า “หากข้าไม่สร้างโอกาสเช่นนี้ขึ้น ก็ไม่มีทางพลิกสถานการณ์ของฟ้าบุพกาลกลับมาได้ หากข้าไม่อัญเชิญผู้ทรงพลังมามากมายเช่นนี้ ต่อให้เรื่องสงบลงแล้ว เหล่าดวงจิตมหามรรคก็ไม่ยอมสยบอยู่ดี ตอนนี้อริยะสวรรค์เกรียงไกรได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของตนให้ประจักษ์แล้ว แม้ว่าดวงจิตมหามรรคจะไม่พอใจมากแค่ไหนก็ได้แต่ยอมรับเท่านั้น นี่คือผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

“เช่นนั้นเจ้าเคยใคร่ครวญถึงมุมมองที่อริยะสวรรค์เกียงไกรจะมีต่อเจ้าหรือไม่” เทพมหาทัณฑ์ถามด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “เขาต้องเข้าใจแน่”

“เฮอะๆ”

….

มรรคาสวรรค์ ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ภายในตำหนักเอกภพ เหล่าอริยะมาชุมนุมกัน

“ราวกับฝันไปตื่นหนึ่ง”

“พวกเจ้าก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกันหรือ”

“ใช่จริงๆ สรุปแล้วหลายสิบปีมานี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ข้าฝันว่ามรรคาสวรรค์ถูกทำลายล้าง”

“ตอนนี้ก็ยังอยู่ดีมิใช่หรือ คาดว่าคงมีผู้ทรงพลังบางคนคิดจะทำร้ายพวกเรา โชคดีที่มรรคาสวรรค์มีอริยะสวรรค์เกรียงไกรอยู่”

เหล่าอริยะพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหานเจวี๋ยที่อยู่ข้างกายจอมอริยะเสวียนตู แววตาเปี่ยมด้วยความเคารพยำเกรง

หานเจวี๋ยกำลังมองแจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมา

ล้วนเป็นแจ้งเตือนความประทับใจทั้งสิ้น!

เขามองจนตาลายไปหมดแล้ว

จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่ออริยะสวรรค์บอกว่าไม่เป็นไรแล้ว พวกเราก็มาคุยเรื่องเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลกันเถอะ หลายปีมานี้เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลเสียหายไปไม่น้อยเลย ต้องฟื้นฟูกลับมาให้ดี”

เมื่อเอ่ยถึงเส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาล เหล่าอริยะล้วนขุ่นเคืองขึ้นมา

เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลเสียหายไปกว่าครึ่ง แล้วพวกเขาจะไม่โมโหได้อย่างไร ที่สำคัญคือไม่รู้จะไปคิดบัญชีกับผู้ใดได้

หานเจวี๋ยไม่ได้เอ่ยสอด ร่างแยกที่อยู่ในเขตเซียนร้อยคีรีกำลังหารือกับหลี่เสวียนเอ้าอยู่ กำลังฟื้นฟูพื้นฐานของสำนักซ่อนเร้นให้มั่นคง

กล่าวโดยสรุปคือ เคราะห์ภัยที่เกิดขึ้นจากเจตจำนงฟ้าบุพกาลในครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว

สรรพสิ่งจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหล่าอริยะมหามรรคกลับจำได้ชัดเจน นับเป็นผลพลอยได้เช่นกัน

นับจากนี้ไป น่าจะไม่มีผู้ใดในฟ้าบุพกาลกล้ามาหาเรื่องหานเจวี๋ยอีกแล้ว

ปัญหาเพียงอย่างเดียวที่มีคือการพัฒนาของมรรคาสวรรค์

หานเจวี๋ยคิดจะไว้หน้าเจ้านวฟ้าบุพกาลสักครั้ง

จะปล่อยให้มรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นในระดับอาณาเขตหนึ่งเท่านั้น ไม่อาจให้แข็งแกร่งไปกว่านั้นได้

เจ้านวฟ้าบุพกาลจะไม่คืนชีพให้สรรพสิ่งมรรคาสวรรค์เลยก็ได้ แต่ก็ยังแสดงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ออกมา หานเจวี๋ยย่อมไม่ทำตัววุ่นวายส่งเดช

อีกอย่าง ต่อให้มรรคาสวรรค์พัฒนาไปยอดเยี่ยมแค่ไหน ก็ไม่มีส่วนช่วยเหลือเขาอย่างแท้จริงเลย กลับจะเอื้อประโยชน์ต่อผานกู่และบรรพชนเต๋า

ตอนนี้หานเจวี๋ยสามารถสนใจโลกอนธการของตนได้แล้ว

ผ่านไปหลายชั่วยาม หานเจวี๋ยออกจากตำหนักเอกภพ หลับมาที่อารามเต๋าของตน

เขาตัดสินใจจะฝึกบำเพ็ญหนึ่งแสนปีก่อน รอให้เรื่องนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์

เขาเพิ่งจะนั่งลง แจ้งเตือนแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้า

[เทวีตราวินัยต้องการเข้าฝันท่าน ยอมรับหรือไม่]

นั่งไม่ติดแล้วอย่างนั้นหรือ

หานเจวี๋ยยิ้มหยัน

เดิมทีเขาคิดจะปฏิเสธ แต่พอคิดไปคิดมา ยังคงอยากเห็นก่อนว่าคนผู้นี้จะว่าอย่างไร

เทวีตราวินัยสามารถอัญเชิญอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลได้ จุดนี้นับว่าแข็งแกร่งกว่าเทพมหาทัณฑ์มาก นับว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ดวงจิตมหามรรค

มีความเป็นไปได้สูงว่านางก็คือสุนัขรับใช้ของดวงจิตนพชาติ

แดนความฝันคืออาณาเขตของเทวีตราวินัย ท้องทะเลไร้ขอบเขต

หานเจวี๋ยลอยอยู่ในอากาศ มองไปยังเทวีตราวินัย

เทวีตราวินัยเอ่ยขึ้นว่า “อริยะสวรรค์ ยินดีด้วยที่เจ้าพ้นเคราะห์นี้ไปได้”

หานเจวี๋ยยิ้ม

เทวีตราวินัยเอ่ยถาม “อริยะสวรรค์คงชังข้าอยู่กระมัง เพราะข้าอัญเชิญศัตรูแข็งแกร่งมามากมายปานนั้น

“แต่หากไม่ลากอนาคตของฟ้าบุพกาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ตัวตนที่ไม่อาจกล่าวนามได้ท่านนั้นก็ไม่มีทางออกโรง เจ้าจะสู้เจตจำนงฟ้าบุพกาลไม่ได้ แค่ให้รักษาชีวิตไว้ได้ แต่ศิษย์และทายาทของเจ้ารวมถึงมรรคาสวรรค์ล้วนจะวางวาย หากทำลายล้างเพียงสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลในยุคนี้ ท่านผู้นั้นไม่มีทางเอาโทษเจตจำนงฟ้าบุพกาล หากเจ้าเป็นศัตรูคู่แค้นกับเจตจำนงฟ้าบุพกาล เจ้าจะประสบอันตรายยิ่ง แต่เมื่อเคราะห์เกี่ยวโยงไปถึงอนาคตของฟ้าบุพกาล เจตจำนงฟ้าบุพกาลย่อมไม่รอดแล้ว”

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว กล่าวเช่นนี้ก็มีเหตุผลจริงๆ

เทวีตราวินัยกล่าวว่า “ข้าทราบว่าเทพมหาทัณฑ์เป็นคนของเจ้า หากข้าจะเป็นศัตรูกับเจ้า คงไม่มีทางมาเตือนเจ้าก่อนเปิดศึก เอ่ยเตือนเจ้าไว้ แต่หลังจากเปิดศึกก็ทำตัวเป็นตัวตั้งตัวตีนำทัพ ข้าคงไม่หาเรื่องสร้างความเกลียดชังให้ตัวเองกระมัง”

หานเจวี๋ยเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าก็รู้นี่”

เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “หากว่าทำเช่นนี้ อย่างน้อยเจตจำนงฟ้าบุพกาลก็ตำหนิข้าไม่ได้ ทั้งยังทำให้เขากลายเป็นลูกธนูที่พ้นแล่งออกไปแล้ว จำเป็นต้องยิงออกไป ยกเขาขึ้นสูงจนเขาหาทางลงมาไม่ได้”

หานเจวี๋ยไม่เอ่ยโต้ตอบอีก

พูดจาน่าฟัง แต่หากไม่มีแสดงความจริงใจออกมา แค้นนี้ก็ไม่มีทางจบลง!

………………………………………………………………

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

Status: Ongoing
ชาติก่อนอายุสั้น ไม่ทันได้ใช้ชีวิต ชาตินี้จึงขอพากเพียรบำเพ็ญเซียน ลาภยศสตรีมีหรือจะสู้การเป็นอมตะ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท