บทที่ 1046 เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ
บทที่ 1046 เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ
จูหลานฮวาตกใจ พยายามโน้มน้าวใจหลานแต่ไม่สำเร็จ ตอนนี้แทบอยากวิ่งกลับไปหออีหมิงแล้ว
อีกใจกลับคิดว่าเด็กมันกล้าตัดสินใจ แสดงว่ามีความสามารถจริง ๆ
หลังจากรับกุญแจมา จูหลานฮวานิ่งงันเหมือนตกอยู่ในภวังค์
เสี่ยวเถียนจับแขนท่านไว้แล้วเอ่ยปลอบ
“ไม่เป็นไรนะคะป้า เราขยายธุรกิจให้ใหญ่กว่าเดิมก็ได้ ไม่ต้องขายแค่หมาล่าทั่งอาจจะทำขนมอย่างอื่นไปเพิ่มอีก”
“ป้าทำคนเดียวนะ คงดูแลไม่ไหวหรอก!”
มีอยู่คนเดียวจึงทำแค่หมาล่าทั่งพอ ถ้าขายดีแล้วอยากจ้างคนค่อยว่ากัน
“อาจจะทำถั่วดำต้มน้ำตาล ข้าวโอ๊ตหมัก เฉาก๊วย ก๋วยเตี๋ยวเย็นอะไรพวกนี้ก็ได้นะคะ ทำไว้ก่อนพอถึงเวลาค่อยเอามาวางขาย ใช้เวลาไม่เยอะหรอกค่ะ”
จูหลานฮวาเห็นด้วย
แต่หลานมันคิดการใหญ่เกินไป ทั้งทำงานทั้งหาเงินอีก
ค่าเช่าสี่ร้อยคุ้มไหมเนี่ย?
เงินที่ยืมยังมาจากเสี่ยวเถียนอีก
ตอนเห็นหลานจ่ายเงินหนึ่งพันหนึ่งร้อยหยวนให้เจ้าของร้าน ตนไม่รู้จะมองหน้าเหลียงซิ่วยังไงดีเลย
“คงเป็นไปไม่ได้หรอก มันเป็นขนมนะ จะได้สักเท่าไรกันเชียว ไปขอยกเลิกเถอะ!”
เกิดมาไม่เคยเห็นเงินขนาดนี้มาก่อนเลย เพิ่งมาเจอวันนี้วันแรกนี่แหละ
แล้วมันก็หายไปในพริบตา
“ไม่ต้องห่วงนะ เราหาคนมาช่วยหารค่าเช่าได้”
จูหลานฮวาไม่เข้าใจ
“แต่เขาไม่ให้แยกร้านนี่?
“หนูคิดไว้แล้วค่ะ วางเตาไว้สองฝั่งเผื่อใครอยากทำขนมขายค่อยมาแชร์เตากันใช้ จะได้เบาค่าเช่าไม่ต้องจ่ายทีเดียวเยอะ ๆ”
ร้านตั้งอยู่หัวมุมหันหน้าเข้าถนน ผนังมีหน้าต่าง
ยุคหลัง ๆ จะมีร้านขนมแบบนี้เยอะ แต่ยุคนี้ยังไม่มีน่ะ
จูหลานฮวาลังเล “จริงหรือ?”
“จริงสิคะ ไม่เชื่อหรือ? เหมือนโรงอาหารที่ตั้งร้านรวมกัน แล้วโต๊ะอยู่ตรงกลางน่ะค่ะ”
คนเป็นป้าแย้มยิ้ม
แบบนี้เองสินะ
“หนูมอง ๆ ร้านไว้แล้ว ผนังกว้างประมาณสิบห้าเมตร ถ้ากั้นฝั่งละห้าเตาไม่น่ามีปัญหาค่ะ”
“มีเตาให้เช่าเป็นสิบเลยหรือ?”
“ไม่มีเยอะขนาดนั้นหรอกค่ะ หนูว่าจะเอาผลิตภัณฑ์จากโรงงานมาขายออกตลาด กะจองเตาหนึ่ง ของป้าอีกเตาเหลืออีกแปดแน่ะ”
เสี่ยวเถียนไม่ได้ปลอบใจนะ เธอคิดแบบนั้นจริง ๆ
อาหารแปรรูปมันต้องบรรจุลงหีบห่อ แต่กับอาหารปรุงสุกรสชาติจะดีกว่า
คากิกับสามชั้นรสเผ็ดใช้เป็นอาหารว่างได้ หรือจะทำเป็นกับแกล้มก็ดี
เธอตั้งใจว่าจะเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจสักหน่อย เหมือนพวกธุรกิจขายเป็ดในยุคหลัง ๆ น่ะ
ส่วนรสเผ็ดนี้ได้ต่งเยี่ยนอันเป็นคนวิจัย
เจ้าตัวบอกว่าจะวิจัยรสเปรี้ยวเผ็ดเป็นลำดับต่อไป
เสี่ยวเถียนคิดว่าไม่ว่าจะรสไหนคนก็ชอบทั้งนั้น
เลยเกิดความคิดนี้ขึ้นมา
ต่งเยี่ยนอันมีพรสวรรค์หายาก ถ้าได้เธอมาทำงานที่โรงงานด้วยคงดีไม่น้อย
แต่โรงงานเล็ก ๆ ของตนคงไม่สามารถรั้งเพื่อนไว้ได้
ต่งเยี่ยนอันเป็นนักศึกษาวิทยาลัยจากมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ และแน่นอนว่าจะต้องเข้าทำงานราชการแน่นอน
เทียบกับทีมวิจัยเดิม เพื่อนคนนี้ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเลย
เราจึงไม่สามารถให้รางวัลตามมาตรฐานเดิมได้อีกแล้ว
หลังจากหารือกับพวกผู้บริหารจึงตั้งใจว่าจะให้กำไรต่งเยี่ยนอันสามเปอร์เซ็นต์ กับรสชาติที่จะเปิดตัวในอนาคต แต่เจ้าตัวปฏิเสธ
ในเมื่อเธอวิจัยที่โรงงาน เธอก็ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมสิ
ได้เงินเดือน ได้โบนัส
เมื่อหารือกันเสร็จ เสี่ยวเถียนก็มอบรางวัลให้เพื่อนสำหรับรสชาติใหม่ที่พัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัยใหม่
ส่วนรสชาติที่พัฒนาโดยรายบุคคลจะให้ตามความขายดี โดยอันดับหนึ่งได้กำไรสามเปอร์เซ็นต์ อันดับสองได้สองเปอร์เซ็นต์ และอันดับสามได้หนึ่งเปอร์เซ็นต์
เราจะคำนวณทุก ๆ เดือน
หลังจากใช้ระบบนี้ ทีมวิจัยจึงได้อุทิศตนในการทำงานอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
เสี่ยวเถียนเริ่มคิดแล้วว่าควรไล่ตามให้ทันและทำอะไรใหม่ ๆ บ้าง
โดยการวางจำหน่ายออกสู่ตลาด
ถ้ายอดขายดีก็ขยายสาขา
เวลาเปิดตัวสินค้าใหม่ ลูกค้าจะได้รับข่าวสารอย่างว่องไว
สินค้ามีชื่อเสียงง่ายขึ้น
และร้านใหญ่ ๆ แบบนี้ เธอไม่ต้องไปเปิดร้านเองตามลำพังเลย
อีกอย่างรูปแบบธุรกิจที่ซับซ้อนแบบนี้จะช่วยร้านอาหารที่ป้าจะเปิดได้เยอะ
เพราะไม่มีใครมานั่งแทะคากิหรือหนังหมูหรอก การห่อกลับบ้านก็ไม่สะดวก ถุงพลาสติกก็ราคาแพงเกินไป
แต่ถ้าสั่งควบคู่กับอาหารแล้วกินไปด้วย ปัญหาก็หมดไป
จูหลานฮวาเห็นด้วย ก่อนตอบตกลง
เธออาศัยอยู่ในชนบทมานานหลายสิบปี เห็นที่ดินหนึ่งไร่สามเฟินมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่มีความรู้มากนัก
ข้อดีสองอย่างคือกล้าคิดกล้าทำน่ะ
อีกอย่างคือยินดีเชื่อฟังในคำแนะนำของผู้อื่น
ภรรยาฉางจิ่วมีดีตามที่ว่าเลย
อีกหลายปีข้างหน้ากระทั่งฐานะบ้านเราดีขึ้น จูหลานฮวาขอบคุณตัวเองจริง ๆ ที่ฟังคำของเสี่ยวเถียนในวันนั้น
ถ้าไม่ทำตามที่หลานบอก ป่านนี้คงกลับบ้านไปทำนาแล้วละ