บทที่ 1075 ทำไมต้องลาออก
บทที่ 1075 ทำไมต้องลาออก
“คุยอะไรกันอยู่หรือ?” ซูเหล่าซานถาม
“ได้ยินว่าจะมีเลือกตั้งก่อนปีใหม่นี่ แต่ทำไมไม่ได้ยินข่าวคราวเลยล่ะ?”
ซูฉางจิ่วบอกเอาไว้
เพราะเจ้าตัวจะตามไปอยู่กับภรรยาที่เมืองหลวง
อยู่คนเดียวในหมู่บ้านน่าเบื่อจะตาย หากินลำบากด้วย
แถมธุรกิจหมาล่าทั่งยังขายดิบขายดี เขากลัวภรรยาเหนื่อยที่ต้องทำงานเพียงลำพัง
“ฉันว่ามันไม่น่าจะทำกันง่าย ๆ นะ” คุณปู่ซูลูบเครา
ชายชรายังรู้อีกว่าซูฉางจิ่วกำลังจะมอบตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านให้ชายหนุ่มคนหนึ่ง
“หมู่บ้านเพิ่งเริ่มพัฒนาปีนี้และก็เกิดจากซูฉางจิ่วด้วย เบื้องบนคงไม่ปล่อยให้เขาเกษียณง่าย ๆ หรอก” ซูเหล่าซานเห็นด้วยกับคำพูดของพ่อ
ตลกแล้ว หมู่บ้านเพิ่งพัฒนาเราจะเสียผู้นำไปเลยเรอะ?
แล้วถ้าเบื้องบนตั้งใจพัฒนาต่อคงไม่ปล่อยให้ทำแบบนั้นแน่ ๆ
อีกอย่างชาวบ้านจะยอมหรือ?
เพราะคนได้เป็นจะต้องมาจากการเลือกของพวกเขาด้วยนี่
เบื้องบนไม่เท่าไร แต่เราไม่สามารถมองข้ามเสียงของพวกเขาได้
ที่จริงก็อย่างที่ตระกูลซูคาดเดา ซูฉางจิ่วแจ้งเรื่องไปแล้วและต้องการให้ซูเสี่ยวถงมารับช่วงต่อ
แต่ผู้นำตำบลไม่เห็นด้วย
ด้วยเหตุนี้เขาเลยชักชวนซูฉางจิ่วให้ทำต่อ
ผู้ใหญ่บ้านซูอายุยังไม่มาก เพิ่งจะห้าสิบเอง ถือว่าเป็นช่วงวัยรุ่งโรจน์ของชีวิตเลยนะ ถ้าไม่ทำงานแล้วจะลาออกไปทำอะไรล่ะ?
ด้วยนิสัยกล้าคิดกล้าทำ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าหนานหลิ่งจะต้องพัฒนาแน่นอน
พวกเรายังคงคาดหวังว่ามันจะมีมาตรฐานความรุ่งโรจน์ของตำบลนะ แล้วจะให้เกษียณได้ยังไงล่ะ?
แล้ววันนี้ผู้นำตำบลก็เรียกมาพบอีกครั้ง
ซูฉางจิ่วทำได้แค่หารือกับเขา
“นายกหลิว ซูเสี่ยวถงเก่งมากนะครับ ผมไม่ทำแล้วละ ให้พวกหนุ่มสาวเขารับช่วงต่อเถอะ”
อีกฝ่ายเหลือบมอง
แวบเดียวพลันรู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีเท่าไร
ไม่รู้ทำไม แต่ดันเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ
“ฉันไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนานหลิ่ง ทำไมมีแต่คนลาออกเนี่ย!”
ถ้าเป็นหมู่บ้านอื่น ๆ ได้ตำแหน่งนะ แทบจะตีกันตายแล้ว
บางคนเสนอตัวถึงที่ แนะนำตัวเองโดยการบอกว่าตนเหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าคนปัจจุบัน
แปลกเหลือเกิน ซูฉางจิ่วลาออกพอว่า แต่เลขาก็ด้วยเนี่ยสิ
หมู่บ้านที่เจริญรุ่งเรือง มีผู้ใหญ่บ้านกับเลขาหมู่บ้านลาออกเนี่ยนะ?
ซูฉางจิ่วขบคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
“เลขาว่าไงบ้างครับ?”
“ว่าอะไรน่ะหรือ? ก็บอกว่าเขาแก่แล้ว เอาตำแหน่งให้หนุ่มสาวทำไปเถอะ เลยให้คุณมาเป็นเลขาหมู่บ้านแทนนี่ไง”
นายกอบต.หลิวเอ่ยด้วยความโมโห
ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉางจิ่วลาออก เรื่องอื่น ๆ จะเป็นยังไงล่ะ?
เลขาก็คงไม่ลาออกเหมือนกัน!
อะไรนะ?
ซูฉางจิ่วพลันเวียนหัวขึ้นมา
“แล้วแกคิดแบบนั้นได้ยังไงครับ?”
“เขาอายุมากกว่าคุณอีกนะ แต่คุณมาบอกว่าให้ยกตำแหน่งให้คนหนุ่มสาวเถอะ อะไรล่ะนั่น? ด้วยอายุเขามันลาออกไม่ได้หรือไง?”
ฝ่ายนายกยิ่งมองคนตรงหน้ายิ่งโมโห!
ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย
ซูฉางจิ่วยิ้มอย่างขมขื่นใจ
“ท่านนายก บอกตามตรงนะครับ ภรรยาผมเปิดร้านค้าอยู่ในเมืองหลวง ธุรกิจค่อนข้างดีเลย แล้วแบบนี้จะไม่ให้ผมเป็นห่วงเธอที่ต้องอยู่ตัวคนเดียวได้ยังไงล่ะ?”
เขาไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใครมาก่อน คิดว่าลาออกเสร็จจะเดินทางไปเงียบ ๆ
แต่จากสถานการณ์ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้
นายกอบต.หลิวไม่รู้เรื่องนี้ เขาจึงตกใจมากจนอ้าปากค้างอยู่นาน
ถ้าแบบนี้คงอยากจะโน้มน้าวใจแล้วละ
ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านมันก็ดี แต่จะเทียบกับการหาลู่ทางจากข้างนอกได้ยังไงล่ะ?
ถึงตนจะเป็นผู้นำในเมืองเล็ก ๆ แต่มีความเข้าใจสถานการณ์ภายนอกนะ
หลายปีมานี้มีคนทยอยออกไปเยอะแยะ ทั้งยังได้เงินเป็นกอบเป็นกำ
แม้จะเป็นผู้นำของตำบล แต่คงขวางทางซูฉางจิ่วกับภรรยาก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
แต่ปัญหาตอนนี้คือเราเพิ่งจะเริ่มดำเนินงาน กลัวว่าถ้าไปตอนนี้แล้วจะพังในภายหลังน่ะ
“ผู้ใหญ่บ้านซู ฉันเข้าใจที่คุณจะสื่อนะ แต่คุณก็เห็นว่าหนานหลิ่งเพิ่งเริ่มต้นเอง ถ้าผู้นำออกไปมันจะเกิดความเสียหายน่ะสิ”
“ตอนเลขามาหาผู้นำตำบล เขายังบอกเลยว่าความคิดตัวเองตามไม่ทันกับการพัฒนาของยุคสมัย แล้วคุณเป็นคนแรกที่กล้าคิดกล้าทำ ซูเสี่ยวถงก็เป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจด้วย พวกคุณสองคนร่วมแรงกับพัฒนาหมู่บ้านไง”
“ซูเสี่ยวถงถือว่าใช้ได้ แค่อายุน้อยไปหน่อย ถ้าไม่มีคุณถือหางให้ เรารู้สึกไม่ไว้ใจน่ะ”
นายกอบต.หลิวไม่พิธีรีตองใด ๆ แล้วเอ่ยตรง ๆ ทันที
หายากที่จะเจอคนมีวิสัยทัศน์ หากปล่อยไปพวกเราลำบากแน่
ซูฉางจิ่วเงียบลง
ทำไมถึงไม่เคยคิดแบบนี้มาก่อนนะ?
ถ้าตอบตกลงแล้วปล่อยภรรยาทำงานตัวคนเดียวเพียงลำพังก็ไม่ได้ด้วย
แต่ไปเฉย ๆ โดยไม่ถามความเห็นผู้นำกับชาวบ้านก็ไม่ได้อีก
“ไว้ผมปรึกษากับที่บ้านก่อนนะครับ”
ที่ลาออกเพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเถียนเสี่ยวเหอด้วยน่ะ
หากยังเป็นผู้ใหญ่บ้านเจ้าสองคนนั้นได้ทำตัวเชิดหน้าชูตาแน่ ๆ
แล้วก็จะสรรหาเหตุผลสารพัดสารพันมาบงการชาวบ้านเพื่อผลประโยชน์อีก
แต่ก็คิดอีกว่าถ้าจัดการบ้านตัวเองไม่ได้ แล้วจะจัดการเรื่องหมู่บ้านได้ยังไง
ซูฉางจิ่วรู้จักลูกชายและสะใภ้ดี
เถียนเสี่ยวเหอต้องอาละวาดแน่
ณ บ้านซูฉางจิ่ว เดือนนี้ไม่สงบเท่าไรนัก
แม่สามีหายไปหลายเดือน ปีใหม่เพิ่งจะกลับ
แถมยังเอาข่าวมาฝากว่าเสี่ยวเฉ่าไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ แล้วก็มีเรื่องเธอกับซูซานกงจะแต่งงานกันในวันที่ 28 นี้ด้วย
เรื่องนี้ทำสะใภ้ทั้งสองตกใจไม่น้อย
แต่จางไฉ่อวิ๋นไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
น้องสะใภ้เป็นคนดี ตั้งแต่เริ่มทำงานก็เอาของมาฝากลูก ๆ ที่บ้านเยอะเลย
ในฐานะพี่สะใภ้แค่นี้ก็พอแล้ว
จางไฉ่อวิ๋นเลยวานให้คนช่วยซื้อผ้าฝ้ายกับผ้าห่มผ้านวมที่ดีที่สุดจากอำเภอเพื่อมาทำเป็นผ้าปูที่นอนไว้เป็นสินสอดของซูเสี่ยวเฉ่าด้วย
แต่เถียนเสี่ยวเหอไม่คิดเช่นนั้น
เจ้าตัวรู้สึกเสียเปรียบมาก
ถ้าซูเสี่ยวเฉ่าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ สิ่งที่มันกินมันใช้ไม่ถือเป็นการสูญเปล่าหรอกหรือ?
ในเมื่อเจอแม่แท้ ๆ หลังจากนี้เวลาจะไปคุยด้วยคงไม่มั่นใจได้เท่าที่ควรแล้วละ
ฉวยโอกาสไม่ได้เลย
แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?
เถียนเสี่ยวเหอคิดหนัก ถึงเวลาหาผลประโยชน์แล้ว
ถ้าไม่ขอเสียตอนนี้ อนาคตคงไม่ได้อีกแน่
—————————————————————–