บทที่ 1094 เดินทางไปอำเภอ
บทที่ 1094 เดินทางไปอำเภอ
เสี่ยวเถียนยอมถอยให้หนึ่งก้าว
เพราะตัวเรากับคนในหมู่บ้านไม่สนิทกันเลย
ตอนนี้สองสามีภรรยาจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ คงไม่มีเวลาดูแลเธอหรอก
ซูเสี่ยวเถียนมองจูหลานฮวา “ป้า ย่าหนูให้มาชวนอาจารย์เซี่ยไปกินข้าวที่บ้านค่ะ ป้าไม่ต้องทำกับข้าวให้อาจารย์แล้วนะคะ”
จูหลานฮวาหันมายิ้ม แล้วเดินตามสามีไป
เมื่อเห็นทุกคนจากไป ชาวบ้านที่มายืนชมความบันเทิงจึงแยกย้ายกันไปบ้าง
ทิ้งไว้เพียงเถียนเสี่ยวเหอและซูผิงอันเท่านั้น
จางไฉ่อวิ๋นมองคู่รักที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความโง่เขลา ในใจรู้สึกดีขึ้น
“มันควรจะเป็นแบบนี้แหละ ถ้าพ่อแม่ทำแบบนี้แต่แรกป่านนี้พวกเราก็อยู่กันอย่างสงบสุขแล้ว”
ซูฉางอันตบไหล่ภรรยา “ตอนเย็นเราไปหาพวกเขากัน น่าจะอารมณ์ไม่ดีแน่”
จางไฉ่อวิ๋นขบคิด “คุณพาลูกไปแล้วกัน แต่ฉันคงไม่ได้ไปด้วยนะ ไม่งั้นจะโดนเถียนเสี่ยวเหอกระแนะกระแหนเอา ฝากบอกพ่อแม่ด้วยว่าอีกสองวันเดี๋ยวฉันไป”
สองสะใภ้แข่งกันมาหลายปี แล้วเราก็กลัวเถียนเสี่ยวเหอคนนี้จริง ๆ
คนไร้ยางอายมันเป็นพวกอยู่ยงคงกระพันน่ะ
ฝ่ายภรรยาว่าต่อ “เดี๋ยวฉันกลับบ้านไปทำอาหารให้ ตอนเย็นคุณจะได้เอาไปให้พ่อแม่ ตอนนี้พวกท่านคงไม่มีกะจิตกะใจทำอาหารหรอก”
ทีแรกฝ่ายสามีไม่พอใจที่ภรรยาไม่ไป แต่พอได้ยินเช่นนั้นความไม่พอใจพลันหายไปทันที
“ทำเกี๊ยวไว้หน่อยนะ พ่อชอบเกี๊ยวไส้หมูต้นหอมที่สุดเลย!”
จางไฉ่อวิ๋นพยักหน้า “ที่บ้านยังมีเนื้ออยู่ เดี๋ยวกลับไปทำเลย ฝากด้วยนะ!”
ทั้งสองเดินกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศกลมเกลียวกันมาก
ตรงกันข้ามกับอีกคู่อย่างชัดเจน
“ผิงอัน พ่อหมายความว่าอะไร? คิดจะหลอกให้เรากลัวหรือ?”
ความตั้งใจเดิมของเถียนเสี่ยวเหอคือต้องการทำให้พ่อแม่สามียอมจำนน แต่กลายเป็นว่าแผนการล้มเหลวไม่พอ ยังโดนตัดขาดความสัมพันธ์จนล้มหายตายจากอีก
เรื่องราวกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไง?
เธอหวังจะเกาะพ่อแม่สามีไปนาน ๆ ถ้าถูกตัดทิ้งแบบนี้ก็จะเป็นประโยชน์กับจางไฉ่อวิ๋นหรือเปล่า?
“ฉันว่าเขาเอาจริง!” ซูผิงอันเอ่ยอย่างเศร้าใจ
ตอนนี้เขากำลังสับสน พ่อตัวเองจะไม่รู้ได้ยังไง ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย
การที่เขาพูดตัดความสัมพันธ์ต่อหน้าสาธารณะได้ ต้องไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ ๆ
ถึงอยากยืนอยู่ฝั่งภรรยา แต่ก็ไม่มีใจอยากจะตัดขาดกับพ่อแม่นะ
ที่ไม่กลัวเพราะรู้ไงว่าพ่อแม่ไม่คิดสนใจ
ถึงซูผิงอันจะไม่ค่อยคิดเองเป็นหลัก แต่ยังมีความคิดเป็นของตัวเองอยู่นะ
แล้วหลายปีที่ผ่านมาเราไม่ได้หาเงินหาอะไรไว้เลย
เงินพวกนั้นที่สูญเสียไปก็เป็นเงินที่พ่อแม่ให้มาด้วย
อนาคตเราลำบากแน่
ซูผิงอันไม่อยากมีชีวิตแบบนี้
แต่ตอนนี้จะไปทำอะไรได้?
เถียนเสี่ยวเหอได้ยินก็เริ่มตื่นตระหนก
หรือคราวนี้พวกเขาจะไม่เอาเราแล้วจริง ๆ?
ไม่ได้การ อนาคตพวกเขาต้องอยู่สุขสบายแน่
“ไม่งั้นเราไปก้มหัวให้พ่อแม่ดีไหม?” ซูผิงอันถาม
เถียนเสี่ยวเหอลังเล
ต่อให้ทำ พวกเขาคงไม่ให้อภัยด้วยซ้ำ
“กลับบ้านก่อนแล้วกัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาไม่ต้องการให้ลูกชายเลี้ยงดูตอนแก่น่ะ” เถียนเสี่ยวเหอเอ่ยด้วยความมั่นใจ
แม้แต่สามีก็ฟังไม่ออกว่า แท้จริงแล้วในใจลึก ๆ ของเธอมีความหวาดกลัวอยู่
รู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างค่อย ๆ ห่างออกไปจากตัวเอง
ประเดี๋ยวเดียวก็วันที่หก เป็นวันที่ตระกูลซูเดินทางกลับเมืองหลวง
ต่างคนต่างทำหน้าที่
ซูเสี่ยวเถียนและซูซื่อเลี่ยงเดินทางลงใต้ไปลี่เฉิงพร้อมกับครอบครัวของเฉินจื่ออัน
ส่วนคนอื่น ๆ ก็กลับไปเตรียมเปิดร้านที่เมืองหลวง
ก่อนออกเดินทาง หลี่จู้จื่อและภรรยาเตรียมของขวัญไว้ให้ผู้อาวุโสทั้งสองด้วย และบอกว่าเป็นการแสดงความกตัญญูน่ะ
ตั้งแต่ได้รับความช่วยเหลือ เราสองคนจึงปฏิบัติต่อพวกเขาราวกับเป็นพ่อแม่ในสายเลือด
และความสัมพันธ์ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ
รถไฟไปเมืองหลวงออกเร็วกว่า พวกเฉินจื่ออันส่งคนอื่น ๆ เสร็จ แต่ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง
พวกเขาเดินวนเวียนกันแถว ๆ นั้นพลางสนทนาเรื่องเก่า ๆ กัน
ซูซื่อเลี่ยงบังเอิญเจอเพื่อนเรียนสมัยก่อนเลยอยู่คุยที่ประตูสถานี ส่วนคนอื่น ๆ เดินเข้ามาก่อน
บ้านเราและบ้านของเฉินจื่ออันอยู่ที่นั่น แต่ตอนนี้ไม่มีใครอาศัยแล้ว ส่วนกุญแจก็ทิ้งไว้ให้สองสามีภรรยาหลี่คอยไปดูเป็นระยะ ๆ
“ไว้เกษียณเมื่อไร เรากลับอำเภอมาใช้ชีวิตที่นี่ด้วยกันนะ!” เฉินจื่ออันยิ้ม
นี่เป็นบ้านที่เราแต่งงานกัน มันจึงมีความหมายต่อพวกเรามาก
“ได้ค่ะ ไว้ค่อยกลับมาอยู่กัน!”
ซูเสี่ยวเถียนมองความรักหวานฉ่ำ จึงดึงน้องชายออกมา
“ซิ่วหย่วนมากับพี่ดีกว่า อย่าเพิ่งไปกวนพ่อแม่เขาเลย!”
เหอะ แต่งงานมาตั้งหลายปีแล้วนะ มาแสดงความรักต่อหน้าลูกหลานน่าอายจริง ๆ!
ถึงจะแสดงสีหน้าไม่ชอบใจ แต่จริง ๆ เธอยินดีกับอาใหญ่มาก
ช่วงนี้ถนนหนทางคนไม่ค่อยเยอะ ช่วงปีใหม่คนไปเยี่ยมญาติกันหมดจึงไม่ได้คึกคักเท่าไร
สองพี่น้องดูแตกต่างจากผู้อื่นมาก
เด็กสาวหน้าตาสะสวยกับเด็กชายหน้าตางดงาม ไร้ผู้ใหญ่เคียงข้าง
จึงทำให้ตกเป็นเป้าหมายอย่างรวดเร็ว