บทที่ 1107 โดนสบประมาท
บทที่ 1107 โดนสบประมาท
แม้เบื้องหน้าตอบยอมรับแต่ใจคิดต่าง เขาตั้งใจว่ากลับไปจะลองไปหาซูซื่อเลี่ยงและผู้อำนวยการอวี๋ดู
โรงงานใหญ่โตขนาดนี้ปล่อยให้เด็กมาวิ่งเล่นได้ยังไง?
แล้วดูเจ้าต้วนหงหย่วนมันสิ ทำไมถึงได้เลื่อนตำแหน่งโดยไม่ผ่านหัวหน้าอย่างเขาเลย?
“ผู้อำนวยการอวี๋ ตอนนี้โรงงานเราเป็นแค่โรงงานธรรมดา ๆ แห่งหนึ่ง และในอนาคตจะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น หากไม่เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็คงไปจุดนั้นไม่ได้หรอกนะคะ ให้คนใหม่ ๆ ที่เขาเก่งกว่า เรียนมาสูงกว่าทำแทนเอาไหมล่ะ?”
อวี๋กวางฮุยสะท้าน
แม้น้ำเสียงของเธอจะสงบ แต่มันอาจเกิดขึ้นในอนาคตก็ได้
โรงงานที่ลี่เฉิงเป็นโรงงานที่แตกสาขาออกมา หากอนาคตมีเพิ่มอีกหลายแห่งหลู่เซียงเซียงอาจจะมีสาขาใหญ่ก็ได้ ถ้าพวกเราผู้อาวุโสย้ายไปที่นั่นไม่ได้ อาจจะต้องไปเป็นลูกน้องเขานะ
เจ้านายไม่ได้ให้เราเข้าการฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังบอกให้เรียนรู้ด้วย!
เด็กคนนี้เก่งกว่าที่คิดไว้มาก
คนในลี่เฉิงคิดว่าตัวเองอยู่ในเขตพัฒนาแล้วจึงดูถูกคนพื้นที่อื่น ๆ มาวันนี้ได้เห็นแล้วว่ามันต่างไปจากที่เราจินตนาการไว้
อย่างน้อยก็เจ้านายคนนี้คนหนึ่งแล้ว
“ท่านคิดได้รอบคอบมากครับ ผมเข้าใจแล้ว!” อวี๋กวางฮุยมองเธอด้วยสายตาที่เคารพมากขึ้น
ถึงจะไม่ได้แสดงความดูถูกออกมาตรง ๆ ก็เถอะ ก็ตอนนั้นไม่นึกว่าเธอจะเก่งขนาดนี้ไง
ไม่คิดเลยว่าจะทำให้เขาประทับใจได้
คนอื่น ๆ อาจไม่รู้ชัด แต่คงรู้สึกกันบ้างละ
ในเมื่อจัดการเสร็จแล้ว ซูเสี่ยวเถียนย่อมไม่พูดพร่ำทำเพลง
พร้อมจัดประชุมกันทันที
อวี๋กวางฮุยสั่งอาหารด้วยตัวเอง ตอนที่เจ้านายอยู่เมืองหลวงคงหากินอาหารทะเลสด ๆ ยาก เลยสั่งของเฉพาะในท้องถิ่นมาให้
อาหารถูกนำเสิร์ฟทีละจานด้วยความประณีต
อาหารทะเลที่มีเปลือกรสชาติจะอร่อยมาก ถ้าไม่รู้วิธีกินคงน่าอายไม่น้อย
อี้เทียนเลี่ยงและเซี่ยงอิงมองอาหารซึ่งเป็นวัตถุดิบจากทะเลด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินว่าเมืองหลวงหากินสด ๆ ยากมาก
ให้สาวน้อยต่างถิ่นได้ชมเป็นบุญตาหน่อย จะได้เพิ่มพูนความรู้และรู้เรื่องการพัฒนาของเมืองชายฝั่งแบบเราคงจะดีที่สุด
ในฐานะเมืองชายฝั่ง ทำไมต้องมาเรียนรู้ภาษากลางล้าสมัยที่พวกต่างถิ่นมันพูดกันด้วย?
หลังจากซูเสี่ยวเถียนเชิญชวนทุกคน เธอเป็นคนแรกที่ลงมือ
ชายทั้งสองคิดว่าเธอคงขายหน้าแย่เพราะไม่รู้วิธีกิน
แต่กลายเป็นว่าการเคลื่อนไหวของเธอไหลลื่นมาก ราวกับเป็นคนท้องถิ่น
พวกเขามองด้วยสายตาที่แปลกไป
หรือข่าวที่ได้ยินมาเป็นเท็จ?
พวกต่างถิ่นไม่ได้ล้าหลังอย่างที่คนฝั่งนี้พูดกันหรือ?
แต่การขนส่งอาหารทะเลไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ยิ่งขนส่งไปเมืองหลวงด้วยแล้วราคายิ่งสูงลิบลิ่ว ตระกูลซูต้องเป็นตระกูลแบบไหนถึงได้กินบ่อยขนาดนั้น?
เพราะเชื่อว่าถ้าไม่ได้กินบ่อย คงหยิบจับไม่คล่องหรอก
หรือเรียนเพื่อมากินที่ลี่เฉิงเลย?
ทั้งสองมองหน้า ยิ่งรู้สึกว่ามากเดิมว่าสิ่งที่คิดนั้นสมเหตุสมผล
“เจ้านาย ท่านว่าอาหารทะเลของเราเทียบกับอาหารทะเลที่เมืองหลวงได้หรือเปล่าครับ?”
คำถามของเซี่ยงอิงค่อนข้างน่าสนใจ
ถ้าซูเสี่ยวเถียนตอบว่าอาหารทะเลในเมืองหลวงสดกว่า งั้นก็คงโกหกเพื่อรักษาหน้า
แต่ถ้าตอบที่อาหารทะเลในลี่เฉิงดีกว่า มันจะทำให้คนอย่างเซี่ยงอิงภาคภูมิใจและหยิ่งผยองมากขึ้น
อวี๋กวางฮุยได้ยินพลันรู้สึกสับสน เจ้าพวกนี้มันเป็นอะไร ถ้ารู้ก่อนคงไม่พาพวกโง่เง่ามาด้วยหรอก คิดจะสร้างปัญหาให้กันหรือ?
“ผู้จัดการเซี่ยง ถ้าเมาแล้วก็วานคนพากลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ!”
ในน้ำเสียงมีความโมโหแฝงอยู่
การกระทำแบบนั้น กะให้เจ้านายมองเขาเป็นคนยังไง?
เธอจะคิดว่าเขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบไหม?
หรือคิดว่าความสามารถในการดูแลลูกน้องของเขามีปัญหา?
เซี่ยงอิงเห็นดังนั้นก็หยุดพูด
“เจ้านาย พวกเราเป็นแค่คนจากพื้นที่เล็ก ๆ ไม่เคยเห็นโลกกว้าง คงทำให้ขบขันแล้วครับ!”
อวี๋กวางฮุยขอโทษด้วยความอับอาย
ถ้าลูกน้องทำไม่ดีก็ถือเป็นความผิดของเขาเอง
“ฉันไม่ใส่ใจหรอกค่ะ” เธอเอ่ยเบา ๆ แล้วกินต่อ
บรรยากาศเงียบงันขึ้น ทำให้ผู้คนค่อนข้างอึดอัด
โชคดีที่อวี๋กวางฮุยรู้จักพูด เลยชักชวนคนอื่น ๆ ร่วมสนทนาเพื่อทำบรรยากาศให้ดีขึ้น
ส่วนเจ้าสองคนที่พูดจาไม่น่าฟังกลับโดนรังเกียจ
เลยหันไปสนใจซูซื่อเลี่ยง ตั้งใจให้เขารู้ถึงการมีอยู่ของทั้งสองคน
จนถึงจุดนี้ก็ยังเชื่อว่าซูเสี่ยวเถียนไม่ใช่เจ้านายที่แท้จริงอยู่
แต่มีหรือที่ชายหนุ่มจะมองไม่ออก
เขารักน้องมาก แล้วจะยอมให้คนอื่นมาทำแบบนี้ใส่น้องได้ลงคอหรือ?
ตอนนี้เขาทนพุ่งเข้าไปกระชากแทบไม่ไหว จะให้ปั้นยิ้มได้ยังไงกัน?
สุดท้ายเมื่อไม่ได้รับความสนใจจากใคร คนทั้งสองก็ได้แต่รู้สึกหดหู่
พวกเขาเริ่มคิดแล้วว่าวันนี้ทำอะไรผิดไป
ถ้าทำก็คงหาทางชดเชยไม่ได้
เช่นเดียวกับตอนนี้
พอจะพูดอะไรซูเสี่ยวเถียนก็ไม่คิดสนใจฟัง
พอเจ้านายจากไป คนอื่น ๆ จึงทยอยตาม
พวกเขาเห็นการกระทำของคนทั้งสองวันนี้ พลันรู้สึกว่าสมองคงมีปัญหาจึงไม่อยากสนใจ
แถมยังทำลายความประทับใจต่อหน้าเจ้านายอีก