บทที่ 1111 ครอบครัวที่ผิดปกติ
บทที่ 1111 ครอบครัวที่ผิดปกติ
สองอาหลานยืนตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
โดยเฉพาะซูหม่านซิ่วที่กำลังสับสน หลานเธอยังเด็กอยู่เลย เพิ่งจะมาที่นี่ด้วย แล้วทำไมถึงมีคนมาคุกเข่าเสียล่ะ?
ถ้าอีกฝ่ายมาคุกเข่าใส่ตนก็พอเข้าใจหรอก
และเพื่อไม่ให้ตกใจจึงหมายจะเอ่ยขึ้น
แต่ซูเสี่ยวเถียนหยุดเอาไว้
เด็กสาวตอบสนองได้อย่างว่องไว ไม่รู้ว่าหญิงชราคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่
แต่การคุกเข่าต่อหน้าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
สถานะของอาใหญ่ในลี่เฉิงไม่ได้ธรรมดา หากให้เธอเอ่ยปากช่วยคนรู้เข้าจะวุ่นวายใหญ่
ชื่อเสียงอาเขยอาจโดนทำลายได้
ซูหม่านซิ่วเข้าใจในทันที จึงทำได้แค่ถอยหลังไปด้วยใจว้าวุ่น
เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองช่วยเหลือใครไม่ได้ ทั้งยังเป็นอุปสรรคอีกต่างหาก
แต่หลานคิดถูก เรายืนสังเกตการณ์ก่อนดีกว่า
“คุณย่า เกิดอะไรขึ้นหรือคะ?” เด็กสาวเอื้อมมือไปรั้งตัวอีกฝ่ายขึ้นยืน
เพราะกลัวจะเผลอทำร้ายเลยไม่กล้าลงแรง
ผลคืออีกฝ่ายไม่ไหวติงสักนิด
ตอนนี้คนรอบข้างเริ่มมองมาทางนี้แล้ว
มีหญิงชราผมหงอกคุกเข่าต่อหน้าเด็กหญิงแบบนี้ ไม่ว่าจะคิดยังไงย่อมเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์
ซูเสี่ยวเถียนรู้เลยว่าพวกเขากำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่
“คุณย่า ทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะคะ คนอื่นเขาจะหัวเราะเอา อีกอย่างเราก็ไม่รู้จักกันแท้ ๆ ทำไมถึงมาคุกเข่าให้หนูแบบนี้ล่ะ?”
ซูเสี่ยวเถียนเริ่มหงุดหงิดแล้ว
อีกฝ่ายมาด้วยเจตนาที่ไม่ดี!
“ยัยหนู ยังเด็กยังเล็กจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้นะ ลูกชายฉันทำงานบากบั่นเพื่อโรงงานเธอมาตั้งนาน แล้วเธอไม่เห็นบอกอะไรสักคำเลย จู่ ๆ มาขับไล่เขาออกไปได้ยังไง?”
หญิงชราพูดไปด้วย ก้มหัวคำนับไปด้วย
ถ้าเดาไม่ผิดคงเป็นแม่ของเซี่ยงอิงสินะ
จากนั้นรอยยิ้มเธอพลันหายไป
การที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน แต่เจอตัวได้แบบนี้ แสดงว่ามีคนช่วย
ทั้งทำท่าทำทางเหมือนไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่เอ่ยถึงการกระทำของลูกชายเลย
คนรอบข้างเริ่มพร่ำบ่น
สถานการณ์ชัดเจนเสียขนาดนี้
ทุกคนเริ่มมองซูเสี่ยวเถียนในทางที่ไม่ดี
นี่คือสิ่งที่ควรเป็นไปอยู่แล้ว
ผู้คนเห็นใจคนอ่อนแอก่อนเสมอ ไม่เคยคิดหรอกว่าเหตุผลจะเป็นมายังไง
คนอ่อนแอเป็นหญิงแก่ ๆ แต่งตัวซอมซ่อ ในขณะที่เธอเป็นลูกสาวครอบครัวนายทุน!
ทุกคนล้วนคิดแบบนั้น
ไม่มีใครคิดหรอกว่าเด็กสาวเป็นนายทุนเสียเอง!
“ขอร้องละ เห็นแกลูกชายฉันที่ตั้งใจทำงานในโรงงานเธอด้วยเถอะ ปล่อยเขาไปได้ไหม ฉันเองก็แก่ปูนนี้แล้ว มีลูกอยู่คนเดียว เฝ้าหวังให้เขาเลี้ยงดูตอนแก่อีกนะ ได้โปรดเถอะ!”
หญิงชราก้มหัว
หน้าแตะพื้นแข็ง ๆ คงเจ็บหัวน่าดู
ซูหม่านซิ่วจับมือลูกชาย หูฟังความคิดเห็นคนรอบด้าน ตอนนี้แทบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่แล้ว อยากจะเข้าไปทวงความยุติธรรมให้หลานสาวนัก
ซูเสี่ยวเถียนขมวดคิ้ว ทนต่อไปไม่ไหวจนต้องอุ้มอีกฝ่ายขึ้นยืนแทน
“เอาแต่พูดให้ฉันปล่อยลูกชายคุณไป แล้วทำไมถึงไม่พูดออกมาล่ะว่า ตลอดเวลาหนึ่งปีลูกชายคุณยักยอกเงินจากโรงงานฉันไปตั้งเท่าไร? แปดพันหยวนเลยนะ คุณย่า เงินตั้งขนาดนั้นชาวบ้านเขาใช้เวลากันตั้งเท่าไรถึงจะได้มันมาน่ะ?”
ค่าแรงในลี่เฉิงค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ได้มาก อย่างน้อยคนทั่วไปก็ต้องใช้เวลาหลายปีถึงจะได้เงินแปดพันมา
หญิงชราตื่นตระหนก
สายตาของคนรอบข้างก็เช่นกัน
ที่แท้ลูกชายหญิงชราคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีแต่แรก คงได้รับค่าจ้างไปทำงานในโรงงานของคนอื่น ถ้ายักยอกเงินจากโรงงาน ก็คงเป็นความผิดของเขา
“คุณกำลังพูดไร้สาระ ลูกของฉัน… ลูกของฉันเป็นคนดี เขาจะยักยอกเงินจากโรงงานของคุณได้อย่างไร”
หญิงชราพูดติดอ่าง ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอขาดความมั่นใจอย่างชัดเจน
ซูเสี่ยวเถียนเดาว่าหญิงชราคนนี้ตระหนักดีถึงการทุจริตของลูกชายเธอ
แต่เด็กสาวแค่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้มากแค่ไหน
“หลังจากที่ลูกชายของคุณถูกตรวจสอบ เขาก็ดื้อรั้นและปฏิเสธที่จะคืนเงิน ฉันจะผ่อนโทษให้เขาได้อย่างไรคะ”
ซูเสี่ยวเถียนกล่าวแก่หญิงชรา แต่เธอไม่เชื่อว่าหญิงชราจะไม่รู้อะไรเลย
สิ่งที่ซูเสี่ยวเถียนพูดก็เป็นจริงเช่นกัน เซี่ยงอิงมักปฏิเสธที่จะบอกว่าเงินที่ยักยอกไปอยู่ที่ไหน
ชายคนนี้ดื้อรั้นจนไม่มีใครทำอะไรเขาได้
ถ้าเราเริ่มจากหญิงชราและหาเบาะแสได้ก็จะเป็นกำไรมหาศาล
ซูเสี่ยวเถียนไม่เคยคิดว่า เซี่ยงอิงจะได้เงินไปโดยเปล่าประโยชน์
ขณะที่หญิงชรากำลังลังเล ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งออกมาจากฝูงชน
หากเสื้อผ้าของหญิงชราถือว่าโทรม เสื้อผ้าของผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ยิ่งกว่าซอมซ่อ
ส่วนด้านข้างทั้งสองมีเด็กน้อยสองคนแต่งตัวซอมซ่อยืนอยู่เช่นกัน
เด็กสาวคนโตดูมีอายุไม่เกินห้าหรือหกขวบ ในขณะที่น้องสาวดูมีอายุไม่เกินสองหรือสามขวบ
ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเร็วมากจนเด็กทั้งสองเซแทบจะล้มลง
“คุณกำลังพูดไร้สาระ คนของฉันไม่ใช่คนที่คุณพูด คุณกำลังทำผิดต่อเขา!”
ผู้หญิงคนนั้นมองซูเสี่ยวเถียนด้วยสายตาเกลียดชัง
จะเห็นได้ว่านี่คือความเกลียดชังจากใจ
ที่จริงเสี่ยวเถียนก็ประหลาดใจเล็กน้อยที่เสื้อผ้าของแม่สามีและลูกสะใภ้สวมนั้นโทรมมาก
เธอมองคนสี่คนตรงหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าพวกเขาจะแก่หรือเด็ก ทุกคนล้วนแต่ดูเศร้าหมอง
ไม่สมเหตุสมผลเลย!
นี่เป็นความคิดเดียวของเสี่ยวเถียน
แม้การบริโภคในลี่เฉิงจะสูง แต่เซี่ยงอิงจะได้รับโบนัสเงินเดือนและค่านายหน้าในการขายสินค้า ดังนั้นรายได้ของเขาจึงถือเป็นเงินเดือนที่สูงสำหรับเมืองลี่เฉิง
นอกจากนี้เขายังยักยอกเงินแปดพันหยวนจากโรงงานในเวลากว่าหนึ่งปี ครอบครัวของเขาไม่ควรอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้!