ตอนที่ 518 ท่ากระบี่แยกจาก
‘แก่นสารวิชากระบี่’ ที่ได้จากรางวัลภารกิจก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นชื่อหรือข้อมูลแนะนำ ก็ไม่ได้แตกต่างกับตำราลับตระหนักรู้พวกนั้นที่เยี่ยเว่ยหมิงได้จากการเก็บศพมากนัก
อิงตามวิธีคิดของเขา หลังจากอ่านตำราเล่มนี้หมดแล้ว ก็คงจะมอบค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ให้เขาได้เพียงสี่แสนห้าหมื่นแต้ม
แต่เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว!
เมื่อมีค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่สี่แสนห้าหมื่นแต้มแล้ว บวกกับค่าตบะจำนวนมากที่เขาสะสมมาจากการโบกกระบี่ช่วงหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเพิ่ม ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับกลางให้ถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์ หรือฝึก ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ให้ถึงเลเวลหก ก็เพิ่มศักภาพของเขาให้สูงขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด
เพียงแต่ด้วยจำนวนที่เขาสะสมอยู่ในปัจจุบัน กลับเลือกได้เพียงหนึ่งเดียวจากสองทางเลือกที่สุดแสนจะล่อใจ ไม่อาจเพิ่มเลเวลสองเคล็ดกระบี่พร้อมกันได้ ในความสมบูรณ์แบบก็มีข้อเสียอยู่นิดหน่อยเช่นกัน
ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงเลยก็คือ หลังจากอ่านเนื้อหาที่บันทึกใน ‘แก่นสารวิชากระบี่’ แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาเลือกระหว่างปลาหรืออุ้งตีนหมี[1]อีก
จะว่าไปแล้ว ความเข้าใจต่อเคล็ดกระบี่ที่บันทึกอยู่ในตำราลับเล่มนี้ ที่จริงแล้วก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเปิดหูเปิดตามาก!
จะบอกว่าเคล็ดกระบี่ของ ‘จอมกระบี่ขาวดำ’ ล้ำเลิศสูงส่งก็ไม่ใช่ ถึงอย่างไรก็เห็นๆ กันอยู่ว่าเลเวลของพวกเขาสองคนเป็นอย่างไร ยังไม่ถึงขั้นแสดงสิ่งที่ตระหนักรู้เล็กน้อยออกมาแล้วจะทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกเหมือนค้นพบทางสว่างได้
แต่ความเข้าใจต่อเคล็ดกระบี่ที่ไม่เหมือนใครของทั้งสอง กลับเปิดประตูบานใหญ่ให้เยี่ยเว่ยหมิงเดินไปสู่เคล็ดกระบี่ที่ระดับสูงขึ้น ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ตามบันทึกใน ‘แก่นสารวิชากระบี่’ เดิมทีจอมกระบี่ขาวดำเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนัก เคล็ดกระบี่และวิชากำลังภายในที่เรียนเหมือนกันทุกอย่าง เป็นเคล็ดกระบี่ระดับกลางที่ชื่อว่า ‘เคล็ดกระบี่ซ่างชิง’ เท่านั้นเอง
ซึ่งการที่พวกเขาสองคนทำได้ถึงขั้นนี้ ก็ย่อมเป็นเพราะฝึกเคล็ดกระบี่นี้จนถึงเลเวลสิบที่เป็นระดับสมบูรณ์
แต่ ‘เคล็ดกระบี่ซ่างชิง’ ที่เลเวลสิบเหมือนกัน เมื่ออยู่ในบันทึกของสองสามีภรรยา กลับเป็นความรู้ความเข้าใจที่แตกต่างกัน
เคล็ดกระบี่ของสือชิงมีลักษณะค่อนไปทางสำนักซ่างชิงที่สืบทอดต่อเนื่องกันมามากกว่า แต่ในนั้นเจือปณิธานอันแน่วแน่ที่สุขุมดุดันอยู่หลายส่วน ราวกับใส่ความทรนงองอาจของตัวเองเข้าไปในเคล็ดกระบี่ ตอนที่แสดงมันออกมาอย่างสง่าผ่าเผยกลับดูมีพลานุภาพน่าเกรงขาม
ส่วนความเข้าใจที่หมิ่นโหรวมีต่อเคล็ดกระบี่แตกต่างกับสือชิง กระบี่ของนางขาดความดุดันไปหลายส่วน แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือการเกาะติดพัวพัน นางหลอมรวมด้านที่อ่อนโยนของตัวเองเข้ากับเคล็ดกระบี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยามใช้ท่ากระบี่ก็ราวกับเปลี่ยนกระบี่เป็นริ้วผ้า ใช้ความอ่อนพลิ้วพิชิตความกระด้างเช่นกัน
ความตระหนักรู้ที่ทั้งสองมีต่อเคล็ดกระบี่ ถ้าให้เลือกมาอย่างใดอย่างหนึ่ง ในสายตาเยี่ยเว่ยหมิงอย่างมากก็ประเมินได้เพียงว่า ‘มีจุดที่เป็นเอกลักษณ์’
แต่เมื่อวางตำราตระหนักรู้สองเล่มนี้ไว้ด้วยกันแล้วอ่านประกอบกัน กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเข้าใจความเชื่อมโยงของวิทยายุทธ์กับตัวเองในรูปแบบใหม่มากขึ้น
หลังจากอ่านตำราลับทั้งเล่มจบแล้ว ในหัวก็ยิ่งคิดอะไรเพ้อเจ้อเพิ่มขึ้นอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความคิดต่างๆ ที่ผุดขึ้นตอนที่เขากำลังจัดระเบียบว่าท่ากระบี่ไหนที่เหมาะจะใช้กับ ‘วิชาควบคุมกระบี่’ ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันเขาก็เชื่อมโยงความคิดเหล่านี้กับ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ที่ตัวเองยังเรียนไม่ครบ เมื่อพิสูจน์กันและกัน สมองก็เริ่มตกอยู่ในสภาวะตระหนักรู้ที่แปลกประหลาดบางอย่างโดยไม่รู้ตัว
แต่สภาวะตระหนักรู้แบบนี้ไม่ได้คงอยู่นานนัก ไม่นานก็กลายเป็นแสงแห่งปัญญาและหายไปท่ามกลางเสียงแจ้งเตือนของระบบ ทำให้ภาพตรงหน้าของเขาสว่างโดยฉับพลัน
[ติ๊ง! คุณตระหนักรู้เป็นพิเศษจากการอ่าน ‘แก่นสารวิชากระบี่’ พบความเชื่อมโยงระหว่าง ‘วิชาควบคุมกระบี่’ กับ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ แต่เนื่องจากถูกจำกัดด้วยระดับของตัวเองและเลเวลวิทยายุทธ์ของสองวิชานี้ ตอนนี้ยังไม่อาจรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้]
[แต่คุณค้นพบหนทางแล้ว สามารถรับแสงแห่งปัญญาเล็กๆ นี้ได้โดยตรง เมื่อใช้แล้วจะเพิ่มความตระหนักรู้ต่อ ‘แก่นสารวิชากระบี่’ รวมทั้งแต้มค่าตบะหนึ่งล้าน หลอมรวม ‘วิชาควบคุมกระบี่’ ไปที่ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’]
[แสงแห่งปัญญาที่ไขว่คว้าแต่มิอาจเอื้อมปรากฏขึ้นชั่วพริบตาเดียว โอกาสมาอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว]
[จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่?]
ใช่/ปฏิเสธ
ยังต้องถามอีกเหรอ
ก็ต้องรวมอยู่แล้ว!
หลังจากรวมแล้ว ไม่เพียงแค่ทำให้ ‘วิชาควบคุมกระบี่’ ได้รับโบนัสค่าสเตตัสของเคล็ดกระบี่ระดับสุดยอดวิชา ถึงขั้นทำให้เขาประหยัดช่องในคอลัมน์สกิลด้วย ได้กำไรเหนือความคาดหมายไม่ใช่หรอกหรือ
แน่นอน เยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้ไม่มีอารมณ์มาพิจารณาถึงส่วนได้ส่วนเสียแล้ว
เนื่องจากก่อนได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ เขาจดจ่ออยู่กับการคิดเรื่องนี้ แต่กลับมีข้อจำกัดเรื่องประสบการณ์ของตัวเอง จึงไม่มีทางบรรลุเป้าหมายได้เลย
ก็เหมือนนักหมากรุกคนหนึ่งที่เข้าใจวิธีการรุกฆาตพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังมีกุญแจสำคัญบางจุดที่ยังไม่กระจ่าง ขณะเดียวกันเขาก็รู้ชัดว่าถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากคนนอก เกรงว่าจนกว่าฝีมือหมากรุกของเขาจะก้าวหน้าแบบพุ่งทะยาน เขาก็คงไม่เข้าใจกุญแจสำคัญที่อยู่ในนั้นแน่นอน
ในตอนนี้ เพื่อจะหาแรงบันดาลใจในการแก้ไขสถานการณ์ อย่าว่าแต่การซื้อขายที่ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเลย ต่อให้ขาดทุนนิดหน่อย เกรงว่าเขาก็คงเลือกทำอย่างไม่ลังเลแน่นอน!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็เหมือนนักหมากรุกที่หมกหมุ่นอยู่ในวิธีการรุกฆาตคนนั้น เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยคิดถึงผลได้ผลเสียมาก่อน เขาต้องเลือกหลอมรวมสองวิชานี้เข้าด้วยกันแน่นอน
เมื่อเลือกได้แล้ว ชุดความคิดที่เดิมทีคลุมเครืออยู่ในหัวเยี่ยเว่ยหมิง ก็กลายเป็นกระจ่างชัดเจนขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นอีกครู่หนึ่ง เคล็ดกระบี่ที่ยอดเยี่ยมไร้เทียมทานหนึ่งกระบวนท่าก็ตัวเป็นรูปเป็นร่างอยู่ในหัวของเขาแล้ว
[ติ๊ง! ‘วิชาควบคุมกระบี่’ ของคุณหลอมรวมเข้ากับ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ สำเร็จ กลายเป็นหนึ่งในกระบวนท่าของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’]
[กรุณาตั้งชื่อให้กับกระบวนท่ากระบี่นี้!]
เมื่อได้ยินว่าต้องตั้งชื่อ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่มีความลังเลใดๆ เพราะเขาคิดชื่อที่เหมาะสมมากไว้แล้วชื่อหนึ่ง
ในเมื่อหลอมรวมเข้ากับ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ เช่นนั้นก็จะต้องตั้งชื่อตามรูปแบบของ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ อีกทั้งหลังจากปรับปรุงเคล็ดกระบี่ท่านี้แล้ว วิธีการใช้พลังควบคุมกระบี่บินก็แตกต่างจากแบบเดิมโดยสิ้นเชิง ถ้าดันทุรังเรียกมันว่า ‘ควบคุมกระบี่’ ก็ไม่เหมาะสมอีกแล้ว
สำหรับท่ากระบี่ที่แยกจากร่างกายแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็คิดชื่อที่ตรงไปตรงมาและเข้าใจง่ายเช่นกัน…ท่ากระบี่แยกจาก!
เมื่อได้รับ ‘ท่ากระบี่แยกจาก’ แล้ว ก็พบว่าน่ายินดีเหนือความคาดหมายจริงๆ
แต่หลังจากใช้ค่าตบะไปหนึ่งล้านแต้ม ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเหลือค่าตบะอยู่สามแสนสองหมื่นแต้มเท่านั้น ถ้าใส่ไปในสกิลใดก็ตามที่เลเวลยังไม่ถึงสิบ ก็ไม่พอให้เพิ่มเลเวลทั้งนั้น
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ก่อนจะเปิดพิกัดและเส้นทางที่ขุนเขาลำธารย่อมพานพบส่งให้เขา หลังจากคำนวณความเร็วในการเดินเรือและตำแหน่งปัจจุบันของอีกฝ่าย ก็ใช้เก้าอี้บินเฉพาะของตัวเองทันที จากนั้นเอนกายบนเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย แล้วเรียกเจ้าแดงสัตว์เลี้ยงออกมาอีก
เจ้าแดงง้างกรงเล็บแล้วหิ้วเก้าอี้บินของเขาขึ้นมา หิ้วเยี่ยเว่ยหมิงบินไปยังจุดที่นัดหมายกับขุนเขาลำธารย่อมพานพบ
……
ไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงตามมาถึงเรือเล็กที่นัดไว้ ก็เห็นขุนเขาลำธารย่อมพานพบกับเซียนสาวน้อยนักกินกำลังชะเง้อมอง เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงลงจากฟ้า ก็ย่อมประหลาดใจอยู่แล้ว
ตอนได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามถึงเนื้อหาภารกิจโดยละเอียด ขุนเขาลำธารย่อมพานพบก็อธิบายว่า “NPC คนสำคัญสองคนในภารกิจสำนักของพวกเราฝึกวิชาพลาด ตอนนี้มีศัตรูคนหนึ่งใกล้จะตามมาถึงแล้ว ดังนั้น…”
ฟิ้ว! ตอนที่ขุนเขาลำธารย่อมพานพบเพิ่งพูดได้ครึ่งเดียว ทันใดนั้นตรงที่ไกลๆ ก็มีวัตถุประหลาดรูปทรงกระบอกลอยมา เยี่ยเว่ยหมิงรีบโคจรพลังไปที่ดวงตาทั้งคู่แล้วจ้องไปตรงนั้น ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด กลับยืนยันได้เพียงว่านั่นคือคนที่ถูกมัดตัวไว้เหมือนบ๊ะจ่างชิ้นใหญ่
ยังไม่ทันรอให้ทั้งสามตอบสนองอะไร คนคนนั้นก็ทะลุหน้าต่างเรือตกเข้ามาข้างในแล้ว
[1] ปลากับอุ้งตีนหมีมิอาจได้พร้อมกัน 鱼与熊掌不可兼得 หมายถึงได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง