เด็กน้อยยืนอยู่กลางถนนยื่นดอกไม้ให้ซางจิ่วตี้ด้วยแววตาใสซื่อรอมยิ้มสดใสของเด็กน้อยเปรียบเสมือนแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิดของโลกาวินาศ
ซางจิ่วตี้ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเธอโน้มตัวลงไปจ้องตากับเด็กน้อยและรับดอกไม้ในมือมา นี่คือของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับเลย
เด็กน้อยส่งยิ้มหวานให้ซางจิ่วตี้ทันทีเวลาเหมือนกับหยุดนิ่งไปชั่วขณะทันที มันสวยงามมากจนไม่สามารถละสายตาไปได้ ทุกคนหยุดนิ่งราวกับกำลังบันทึกช่วงเวลานี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป
ขอโทษค่ะขอโทษค่ะ ทันทีที่ได้สติ แม่ของเด็กน้อยก็รีบวิ่งเข้าไปมาคว้าตัวลูกสาวจากทางด้านหลังและเอ่ยขอโทษขอโพยซางจิ่วตี้ไม่หยุดด้วยความเกรงกลัว
ไม่เป็นไร ซางจิ่วตี้ส่งยิ้มให้อย่างใจดี ขอบคุณมากค่ะ!ขอบคุณที่กรุณาพวกเรา แม่ของเด็กน้อยซางซึ้งอย่างมาก เธอดันตัวลูกน้อยไว้ด้านหลังตัวเอง ส่งแววตาปราบปลื้มและชื่นชมให้ซางจิ่วตี้ ท่านช่างเป็นเจ้าเมืองที่แสนดีจริงๆค่ะ!
ซางจิ่วตี้ไม่ได้ตอบกลับเธอกุมดอกไม้ไว้ในมือและออกเดินกลับไปยังแท่นสูง
ทีมคุ้มกันยกปืนขึ้นด้วยท่าเตรียมพร้อมอีกครั้งขณะเดินประกบซางจิ่วตี้ไปทุกคนกวาดสายตาราวกับเครื่องจับผิดไล่ตรวจทุกตารางนิ้วในบริเวณสายตาด้วยหน้าตาขึงขัง พวกเขายืนกระจายตัวคุ้มกันรอบๆซางจิ่วตี้ที่ตอนนี้ได้หยุดยืนนิ่งอยู่บนแท่นสูงแล้ว
เหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายที่ยืนเรียงแถวหันหน้าเข้าหาแท่นสูงต่างก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าหลังจากที่ซางจิ่วตี้มายืนประจำตำแหน่ง ทุกคนก็นั่งลงที่เก้าอี้ซึ่งจัดวางไว้
หลังจากนั้นไม่นานขบวนเดินทางของผู้รอดชีวิตก็ยืนกระจายตามท้องถนนอย่างเป็นระเบียบภายใต้การกำกับควบคุมของทีมรักษาความปลอดภัยสายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปยังข้างหน้าที่มีซางจิ่วตี้ยืนอยู่ด้วยความศรัทธา
มีเพียงแต่กลุ่มตัวแทนที่ยังคงตะลึงและสมองโล่งจนคิดอะไรไม่ออกพวกเขาได้แต่อ้ำๆอึ้งๆอย่างไม่ได้สติ จนกระทั่งถูกจัดให้นั่งตามเก้าอี้ที่จัดไว้สำหรับตัวแทนซึ่งอยู่ถัดมาจากกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูง เวลานั้นพวกถึงพึ่งจะได้สติและก็ต้องตกใจอย่างมาก ทุกคนหันมามองหน้ากันและกันไปมาอย่างไม่อยากเชื่อ
ตอนที่เด็กน้อยวิ่งเข้ามาหาซางจิ่วตี้และเรียกซางจิ่วตี้ว่า…
เจ้าเมือง?!
มันคือเรื่องอะไร?
มู๋หรงยู่เฉิงและหลูชูซเวที่นั่งข้างกันก็สบตากันอยู่ครู่หนึ่งอย่างพูดอะไรไม่ออกต่างฝ่ายต่างเห็นความตกใจที่ฉายชัดในแววตาของอีกฝ่าย
ซางจิ่วตี้เป็นเจ้าเมืองเมืองอันลู?! และในตอนนั้นเองซางจิ่วตี้ที่ยืนอยู่บนเวทีแท่นสูงก็พูดขึ้นโดยมีลำโพงกระจายเสียงที่ติดตั้งไว้เพื่อให้ทุกคนสามารถได้ยินเธออย่างทั่วถึงเธอยืนอยู่บนเวทีกว้างเพียงลำพัง เผชิญหน้ากับถนนเส้นหลักที่มีผู้รอดชีวิตหลายหมื่นคนยืนออกันแน่น ท่าทางสมเกียรติ สง่างามและเต็มไปด้วยรัศมีอำนาจ
ฉันคือซางจิ่วตี้ ซางจิ่วตี้พูดเปิดแนะนำตัวเองผ่านเสียงที่ถ่ายทอดผ่านลำโพงดังชัด
เฮ~
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วตามขึ้นมาทันทีทุกคนที่นั่งอยู่แถวหน้าสามารถสัมผัสได้ถึงเสียงร้องยินดีและเสียงปรบมือมหาศาลจากกลุ่มผู้รอดชีวิตทางด้านหลัง ความตื่นเต้นยินดีที่ทำให้ทั้งเมืองตกอยู่ในความคลั่ง
ซางจิ่วตี้ยกมือขึ้นและลดมืออย่างเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียง
และแทบจะทันทีทันใดเสียงดังลั่นกึกก้องทั้งหมดก็สลายไปในอากาศทุกคนยืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องมายังผู้หญิงสุดพิเศษที่อยู่ต่อหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา
เป็นอีกครั้งที่กลุ่มตัวแทนอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองด้วยความข้องใจ…พวกเขาไม่อยากจะเชื่อว่าผู้รอดชีวิตทั้งหมดจะเชื่อฟังมากขนาดนี้ความเป็นระเบียบที่ได้เห็นมันใช่ในยุคโลกาวินาศที่พวกเขารู้จักจริงเหรอ?
แม้แต่ค่ายซางจิงที่เวลาจัดประชุมระดับชาติและมีทหารถือปืนยืนคุมอยู่รอบๆก็ยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านเชื่อฟังได้เท่านี้เลย
แต่สำหรับพวกเขี้ยวหมาป่าในเมืองอันลูนี้ ผู้รอดชีวิตพวกนี้กลับอยู่ในระเบียบ?
ขณะเดียวกันตัวแทนหลายคนก็พบจุดที่น่าสงสัยจุดหนึ่ง…เพราะตั้งแต่แรกเริ่มจนจบพวกเขายังไม่เห็นชูฮันเลย
ชูฮันไปไหน?!
แล้วการประชุมนี่คือะไร?
ภายใต้ความสงสัยต่อเนื่องซางจิ่วตี้ก็พูดขึ้นอีกครั้งพร้อมส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจให้ทุกคน พวกคุณหลายคนคงรู้จักฉันแล้วหรืออาจจะไม่ บางคนอาจจะรู้ฉันในฐานะภรรยาของพลเอกชูฮันซึ่งมันอาจจะเป็นป้ายกำกับชื่อที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน
พอพูดถึงชูฮันหลายคนก็หัวเราะออกมาอย่างขำขัน แต่แล้วเสียงก็ค่อยๆจางหายลงจนทุกคนรอให้บรรยากาศเงียบสงบเพื่อให้ซางจิ่วตี้ได้พูดต่อ
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ตัวแทนหลายคนต้องมองหน้ากันอีกครั้งพวกเขาสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่เข้มข้น แต่วันนี้ มันจะมีป้ายกำกับชื่อใหม่ในชีวิตฉัน แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่พลเอกชูฮันมอบให้กับฉันแต่ฉันก็หวังว่าป้ายกำกับนี้จะอยู่คู่ไปกับชีวิตของฉันและทุกคนจะจดจำฉันในฐานะใหม่นี้ ฉันจะนำพาให้เมืองอันโรของเราร่วมไปกับทุกคนทำให้เมืองอันโรที่สว่างไสวที่สุดท่ามกลางความมืดมิดของโลกาวินาศ!
วันนี้คือวันที่เมืองอันโรของเราได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการและมันก็เป็นวันแรกที่ฉันดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอันโรอย่างเป็นทางการเช่นกัน พูดมาถึงตรงนี้ ซางจิ่วตี้ก็หยุดพัก เธอส่งยิ้มให้ทุกคนและพูดต่อ พวกคุณคงจะประหลาดใจกันมากแน่ทำไมพลเอกชูฮันถึงไม่มาร่วมงานในวันสำคัญเช่นนี้กันสินะ?
ผู้รอดชีวิตหลายคนพูดคำว่า‘ทำไม’ ประสานกันจนเป็นเสียงดังก้อง เกือบจะทุกคนต่างมีความสับสน บางคนถึงกับร้องไห้และถามว่า ‘หรือพลเอกชูฮันจะตัดหางปล่อยวัดเราแล้ว?’
หากเหล่าเจ้าหน้าทั้งหลายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวหน้ากลับไม่สนใจพวกเขายิ้มและรอคอยให้ซางจิ่วตี้เป็นคนตอบ มีเพียงแค่ตัวแทนทั้งหลายที่ต้องตกใจไม่หยุดหย่อน
ก่อตั้งเมืองอันโรขึ้นใหม่!
ซางจิ่วตี้เป็นเจ้าเมือง!
เรื่องราวที่พึ่งได้รับรู้มันทำให้พวกเขาสมองตื้อกันไปหมดจนประมวลผลตามไม่ทัน
ซางจิ่วตี้กวาดสายตามองทุกคนตรงหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงค่อยเป็นค่อยไป เพราะเขาพูดทิ้งไว้ประโยคเดียว เขาพูดว่า…
เจ้าเมืองอันโรไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีตำแหน่งพลเอกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอันลูทั้งหมดต่างเป็นบุคคลสำคัญในพิธีก่อตั้งของเมือง เจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องมาสาบานตนต่อหน้าพลเอก แต่ควรจะให้ชาวเมืองทุกคนได้เป็นสักขีพยานต่างหาก!
เสียงประกาศของซางจิ่วตี้ดังก้องเข้าไปในใจของทุกคนมันกระตุ้นอารมณ์ของทุกคนให้ซาบซึ้งและตื้นตันอย่างมาก
ชูฮันใช้การกระทำของเขาพิสูจน์ให้เห็นว่าจริงๆแล้วเมืองนี้เป็นของใครและใครคือผู้ปกครองเมืองตัวจริง!
ขณะเดียวกันซางจิ่วตี้ก็ยืนกลับหลังหันภายใต้สายตาของทุกคน ผ้าม่านสีแดงที่คลุมบางอย่างเอาไว้อยู่ด้านหลังซางจิ่วตี้ก็ค่อยๆถูกเปิดออก
และในตอนนั้นเองรูปปั้นขนาดใหญ่ก็ปรากฏสู่สายตาทุกคน
และนี่คือสัญลักษณ์ประจำเมืองอันโรของเรา! ซางจิ่วตี้ประกาศลั่น ต่อหน้าทุกคนเธอค่อยๆยกมือขึ้นและเริ่มทำการสาบานตน ฉันซางจิ่วตี้ วันนี้ได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองอันโรอย่างเป็นทางการ ฉันสาบานว่าจะมอบทั้งชีวิตของฉันเพื่อทำงานให้กับเมืองอันโรอย่างสุดความสามารถ!
เฮ~
มีเสียงเฮดังสนั่นขึ้นอีกครั้งผู้คนนับไม่ถ้วนส่งเสียงร้องเฉลิมฉลองจนดังกึกก้อง ทั้งเสียงปรบมือ และหยดน้ำตาของความปิติยินดี ดอกไม้นับไม่ถ้วนถูกโยนขึ้นสูงจนกลีบดอกไม้สีสันสดใสกระจายไปทั่วในอากาศจนเป็นภาพบรรยากาศสวยงาม
วันนี้คือวันที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งหลายของเขี้ยวหมาป่ารอคอย มันคือสิ่งที่พวกเขาเฝ้าเตรียมการมาตลอดหลายเดือน เพื่อจะจัดพิธีก่อตั้งเมืองอันโรขึ้นอย่างเป็นทางการ!