นิ้วชี้ชี้ออกไป ม้วนภาพวาดคลี่ออกอย่างช้าๆ
จิตสังหารที่น่าตกตะลึงพวยพุ่งออกมา ในม้วนภาพวาดเปล่งแสงสีทองเรืองรอง มองอันใดไม่ออก
แววตาของหานลี่เปล่งประกายวาวโรจน์ ภายใต้อิทธิฤทธิ์ของเนตรวิญญาณ ชั่วขณะนั้นพลันมองเห็นภาพวาดอย่างชัดเจน
สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือภาพวาดนี้กว้างยาวแค่ไม่กี่ฉื่อ แต่กลับให้ความรู้สึกว่ามีกระบี่บินอยู่ในนั้นมากมายนับไม่ถ้วน
และยิ่งไปกว่านั้นลักษณะกระบี่บินเหล่านี้ก็แตกต่างกัน มีเล็กมีใหญ่ ใหญ่หน่อยก็ราวกับกระบี่ยักษ์ค้ำฟ้า ยาวยี่สิบสามสิบจั้งให้ความรู้สึกน่ากลัว เล็กน้อยกลับมีขนาดแค่สองสามชุ่น แค่มองปราดเดียว แม้แต่ลวดลายบนกระบี่ก็มองเห็นอย่างชัดเจน ราวกับใกล้แค่คืบก็ไม่ปาน
ภาพวาดนี้คือ ‘ภาพหมื่นกระบี่’ ที่เขาได้มาจากซากปรักหักพังในแดนกว้างเย็น
เป็นเพราะในภาพมีวิธีการฝึกฝนที่ร้ายกาจแฝงอยู่ สองสามปีที่ผ่านมา นอกจากหานลี่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตสัมผัสแล้ว ก็ยังเสียเวลาไปกับสิ่งนี้ไม่น้อย และเรียนรู้อันใดมาจากมันได้เล็กน้อย
จากสิ่งที่ได้เรียนรู้จากภาพหมื่นกระบี่ แน่นอนว่าย่อมเกี่ยวข้องกับคาถากระบี่ และเกี่ยวข้องกับการใช้จิตสัมผัสควบคุมมัน
จากพลังยุทธ์ของเขาในยามนี้ สามารถฝึกฝน ‘เขตอาคมกระบี่ขดมรกต’ ซึ่งเป็นเขตอาคมขั้นสุดท้ายของคาถากระบี่มรกตดั้งเดิมได้ตั้งนานแล้ว
เขตอาคมกระบี่นี้เทียบกับเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์แล้ว ย่อมมีอานุภาพมากยิ่งกว่า แต่หลังจากที่หานลี่เคยลงมือกับสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์สองสามครั้ง กลับรู้สึกว่าไม่เพียงพอ
ดังนั้นความคิดเฉียบแหลมของเขาพลันเคลื่อนไหว คาดไม่ถึงว่าผสมความรู้จากภาพวาดหมื่นกระบี่เข้ากับเขตอาคมกระบี่ขดมรกต
ผลคือเขตอาคมกระบี่ใหม่นั้นมีอานุภาพเพิ่มขึ้น และยิ่งไปกว่านั้นยังเปลี่ยนแปลงไปได้ตามใจมากยิ่งขึ้น วางเขตอาคมกระบี่ออกมาได้ภายในพริบตา
หานลี่จ้องเขม็งไปที่ภาพหมื่นกระบี่กลางอากาศนิ่ง
สิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากภาพวาด เรียกตัวเองว่า ‘คาถาร่ายกระบี่’ และยิ่งไปกว่านั้นย่อมรู้ดีว่า ‘คาถาร่ายกระบี่’ เป็นสิ่งที่อยู่ในภาพวาดแค่หนึ่งสองส่วนเท่านั้น
ส่วนที่เหลือมันลึกล้ำเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่ระดับหลอมสุญตาอย่างเขาจะเรียนรู้ได้
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หานลี่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วสะบัดแขนเสื้อไปด้านหน้า
ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ภาพหมื่นกระบี่ม้วนวนแล้วกลายเป็นม้วนภาพอีกครั้ง พลางเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป
หานลี่กลับเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา
เขาได้รับประโยชน์มาจากแดนกว้างเย็นมากมายนัก!
นอกจากเคล็ดวิชาหลอมจิตสัมผัสและภาพวาดหมื่นกระบี่แล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือยาลูกกลอนวิญญาณสูญเม็ดนั้น
ยาลูกกลอนวิญญาณสูญนี้ แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์สองคนอย่างไฉ่หลิวอิงก็ยังให้ความสำคัญ ยอมเสียเวลาหลายหมื่นปีเพื่อยาลูกกลอนชนิดนี้
มูลค่าของมันมากมายแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ เขาเพิ่งได้ยินยาลูกกลอนนี้เป็นครั้งแรก และยิ่งไปกว่านั้นคิดดูแล้วน่าจะมีประโยชน์กับสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์
ดังนั้นยามที่ยังไม่บรรลุระดับผสานอินทรีย์ ก็ยังไม่มีประโยชน์สำหรับเขา
นอกจากยาลูกกลอนวิญญาณสูญแล้ว เขายังได้สมุนไพรจำนวนมากมาจากสวนสมุนไพรในซากปรักหักพัง
แต่กลับต้องขายสมุนไพรส่วนใหญ่ให้กับเทียนจีจื่อและพวก ในมือจึงเหลือเอาไว้เร่งการเจริญเติบโตแค่ต้นสองต้นเท่านั้น
สมุนไพรหรือผลวิญญาณที่มีเพียงอันเดียว แม้ว่าจะไม่อาจแยกแยะได้ แต่ทุกต้นจะต้องเป็นสิ่งที่หายากในแดนวิญญาณแน่
สิ่งที่ทำให้เขาสนใจที่สุดย่อมเป็นโคนของดอกบัวสีเงินที่ได้มาต้นสุดท้าย
สมุนไพรวิญญาณนี้น่าจะเป็นต้นที่ล้ำค่าที่สุดในสวนสมุนไพร แต่เขาก็ไม่รู้ที่มาของมัน ทำได้เพียงมองตาปริบๆ เท่านั้น
หานลี่ทำได้เพียงหวังว่าจากนี้จะมีโอกาสรู้ประวัติความเป็นมาของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้
ต่อให้เป็นเช่นนั้น ผลตาข่ายแดงเหล่านั้นกลับนำมาหมักสุราตาข่ายแดงสวรรค์ได้
สุราชนิดนี้สามารถเพิ่มอายุขัย ทำให้คุณสมบัติของร่างกายดีขึ้น คิดดูแล้วหากดื่มเข้าไปก่อน ก็คงไม่มีข้อเสียอันใด
และยิ่งไปกว่านั้นผลตาข่ายแดงในมือของเขาก็เป็นสิ่งที่มีอายุมาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว สุราที่หมักออกมาจะต้องมีผลอย่างอื่นด้วยแน่
ส่วนหญ้ากร่อนพิษนั้นก็เป็นวัตถุดิบหลักในการหลอมยาลูกกลอนที่สามารถเพิ่มพลังยุทธ์ของระดับผสานอินทรีย์ได้ และเป็นยาที่ต้องใช้ในการพัฒนาระดับผสานอินทรีย์
นอกจากนี้ยันต์วิเศษสองสามแผ่นและแผนภาพดวงดาราที่ได้มาจากฉากกั้นห้องเขาพระสุเมรุก็เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา
เชื่อว่าคงได้ความรู้ด้านยันต์วิเศษและด้านเขตอาคมอย่างคุ้มค่าแน่
ทว่าร้อยกว่าปีก่อน เขาใช้ฝึกฝนเคล็ดวิชาหลอมจิตสัมผัสและเคล็ดวิชาลับอื่นๆ จึงไม่อาจแบ่งใจไปได้
จึงทำได้เพียงเก็บทั้งสองสิ่งไว้ในกำไลเก็บของก่อนเท่านั้น
หานลี่ขบคิดทุกอย่างเงียบๆ แววตาเปล่งประกายเล็กน้อย
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาพลันพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเก็บความคิดซับซ้อน เริ่มคิดหาวิธีการทะลวงจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์
ครานี้พลังจิตสัมผัสของเขาเพิ่มขึ้น ประกอบกับได้ยาลูกกลอนจำนวนมากมาจากแผ่นดินใหญ่เสียงเพรียกอัสนี อัตราการทะลวงจุดคอขวดสำเร็จย่อมมากกว่าผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา
ทว่าก่อนหน้านี้ยังต้องปรุงยาลูกกลอนและหลอมอาวุธเพิ่ม
ถึงอย่างไรเสียจุดคอขวดระดับผสานอินทรีย์ก็ไม่เหมือนกันจุดคอขวดที่ผ่านมา
ไม่เพียงต้องการยาลูกกลอนช่วยเสริมจำนวนมาก และยังวางเขตอาคมอื่นอีก อาศัยพลังปราณฟ้าดินทำให้อัตราการทะลวงจุดคอขวดสำเร็จเพิ่มขึ้น
เขตอาคมนี้เป็นเขตอาคมที่หานลี่ได้มาระหว่างทางกลับจากชนต่างเผ่าเผ่าหนึ่ง
ว่ากันว่าเขตอาคมนี้เป็นความลับที่ไม่อาจเผยแพร่ในชนต่างเผ่าหากไม่ใช่เพราะความบังเอิญเขาก็คงไม่อาจได้วิธีการวางเขตอาคมนี้มา
เขตอาคมนี้ไม่นับว่าซับซ้อนนัก แต่ก็มีโครงสร้างที่มหัศจรรย์ยิ่ง และยิ่งไปกว่านั้นยังต้องใช้อาวุธสองสามชนิดมาทำเป็นตาข่ายอาคม
อาวุธเหล่านี้หานลี่ย่อมทำได้เพียงหลอมเองเท่านั้น
นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่เขาซื้อวัตถุดิบจำนวนมากในเมืองเทวะสวรรค์
หานลี่สะบัดข้อมือ กำไลเก็บของกลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งบินออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น
มือหนึ่งกวักเรียกวงแหวนทรงกลม
ลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ หม้อสีแดงสดปรากฏขึ้นด้านล่าง
จากนั้นกำไลเก็บของก็มีหมอกสีเขียวหมุนวนออกมาพื้นดินเปล่งแสงสว่างวาบกล่องหยกและขวดต่างๆ ปรากฏขึ้นเต็มไปหมด
มือหนึ่งร่ายอาคมหม้อที่อยู่กลางอากาศหมุนคว้าง แล้วขยายใหญ่ขึ้นจนมีความสูงสองสามฉื่อ
หานลี่ฉีกยิ้มน้อยๆ นิ้วชี้ชี้ไปที่หม้ออีกครั้ง
เสียง “ฟู่” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเขียวพ่นออกมาจากปลายนิ้ว
หลังจากที่เปลวเพลิงนี้วนล้อมรอบหม้ออย่างแผ่วเบาก็ม้วนวนเพลิงสีเขียวขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า
ในเวลาเดียวกันนั้นความร้อนในห้องลับก็แผ่ออกมา อุณหภูมิสูงขึ้นไม่น้อย
ส่วนหานลี่กลับตะปบมือไปทางกล่องหยกด้วยสีหน้าราบเรียบ
กล่องเปิดออกโดยทันที ของนิรนามธาตุทองก้อนหนึ่งบินออกมาจากด้านใน
ผิวสีทองเปล่งแสงสีดำออกมา ด้านในมีไอวิญญาณแผ่ออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปที่เคยหลอมมาแล้ว
เสียง “สวบ” ดังขึ้นวัตถุธาตุทองสีดำจมหายเข้าไปในหม้อ
หานลี่ปัดแขนเสื้อไปที่สิ่งนั้น เปลวเพลิงสีเขียวขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้งห่อหุ้มหม้อทั้งใบเอาไว้ข้างใน
วัตถุดิบอื่นๆ ถูกดูดเข้าไปในหม้ออย่างต่อเนื่อง…
เช่นนั้นหานลี่ใช้เวลาสองเดือนเต็มๆ ถึงจะหลอมอาวุธและยาลูกกลอนที่ต้องการทั้งหมดได้
จากนั้นก็ใช้เวลาอีกครึ่งเดือนวางเขตอาคมขนาดใหญ่ลงตรงใจกลางของยอดเขา
สุดท้ายหานลี่ก็กักตนบำเพ็ญเพียรอีกครึ่งปี ตั้งใจฝึกฝนรอบหนึ่ง หลังจากทำให้ร่างกายและจิตใจอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้วก็เริ่มทะลวงจุดคอขวดของระดับผสานอินทรีย์ในห้องลับ
……
วันนี้ชายชราผมขาวที่เป็นสาขาย่อยของตระกูลกู่กำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำพำนัก ฉับพลันนั้นก็สัมผัสได้ว่าพื้นดินสั่นสะเทือน ทั้งห้องลับสั่นคลอนไปมา
ชายชราพลันตกตะลึงตาเบิกโพลง ยามที่หมายจะตะโกนซักถามคนอื่นๆ ในตระกูลนั้นก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที
กลายเป็นลำแสงหลีกหนีพุ่งออกไปจากห้องลับ
หลังจากกะพริบวาบสองสามครั้ง ชายชราผมขาวก็มาปรากฏตัวเหนือก้อนหินยักษ์บนยอดเขาแล้วมองไปที่ทะเลหมอกที่อยู่ไกลออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ลำแสงหลีกหนีอีกสองสามสายก็พุ่งลงมาจากภูเขาเช่นกันแล้วร่อนลงมาอยู่ด้านหลังชายชราอย่างซื่อสัตย์
ฉากที่เหมือนกันปรากฏขึ้นรอบๆ ทะเลหมอก
“ปรากฏการณ์สวรรค์! คาดไม่ถึงว่าจะมีปรากฏการณ์สวรรค์อีกครั้ง!”
ความคิดเช่นนี้แทบจะผุดขึ้นมาในจิตใจของทุกคนพร้อมกัน
เห็นเพียงท่ามกลางทะเลหมอกที่อยู่ไกลออกไป มีเสาลำแสงขนาดยักษ์สีเงินสิบกว่าต้นปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้
เสาทุกต้นมีความสูงร้อยจั้งเศษ ผิวของมันมีอักขระสีทองอ่อนเปล่งแสงระยิบระยับ
และม่านหมอกในทะเลหมอกก็หมุนวน เมื่อมองไปล้วนเป็นจุดลำแสงหลากสีสันลอยอยู่เต็มไปหมดกำลังทะลักมาที่ใจกลางของทะเลหมอกจากทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
มีคนสัมผัสได้เล็กน้อย ชั่วขณะนั้นพลันหน้าซีดเผือด
ในอาณาเขตที่จิตสัมผัสของเขาสัมผัสได้ พลังปราณฟ้าดินทั้งหมดล้วนมารวมตัวกันที่ทะเลหมอกอย่างบ้าคลั่ง ชีพจรวิญญาณสองสามสายที่อยู่ในบริเวณรอบยิ่งพ่นไอวิญญาณฟ้าดินจำนวนมากกว่าปกติออกมา ดูเหมือนว่าจะถูกอันใดสักอย่างดึงดูดเอาไว้แล้ว ท่าทางเหมือนกำลังก่อการร้าย
ชั่วพริบตากลางทะเลหมอกก็มีเมฆวิญญาณห้าสีรวมตัวกันปกคลุมท้องฟ้ากว่าครึ่งเอาไว้
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระลอกๆ ประจุไฟฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นกลางเมฆหมอกเป็นสายๆ ตัดสลับกันไปมาราวกับอสรพิษไฟฟ้าสีม่วงปรากฏตัวขึ้นกลางเมฆหมอกตัวแล้วตัวเล่า
เสียงหวีดร้องยาวๆ ดังออกมาจากทะเลหมอกจากนั้นก็ระเบิดพลังแรงกดมหาศาลออกมา
พลังแรงกดนี้แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อแม้ว่าจะอยู่ห่างไปสองสามร้อยลี้ ผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์รอบด้านก็รู้สึกว่าร่างกายหนักอึ้ง ผู้ที่มีพลังยุทธ์อ่อนแอหน่อยก็ล้มพับเป็นลมหมดสติลงไปกับพื้น ทวารทั้งเจ็ดมีโลหิตไหลออกมา
ผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงหน่อยเหมือนกับชายชราผมขาวก็รู้สึกเพียงว่าสองตามืดมัวแล้วทยอยกันคุกเข่าลงไปกับพื้น
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ย่อมทั้งตกตะลึงทั้งโกรธขึ้ง
แต่ไม่รอให้พวกเขาได้สำแดงอันใดก็มีเสียงสวดมนต์ภาษาสันสกฤตดังออกมาจากเมฆห้าสีเป็นระลอกๆ อักขระยันต์หลากสีปรากฏขึ้นท่ามกลางเมฆหมอกรางๆ
ในยามนั้นใจกลางของทะเลหมอกก็มีเสียงคำรามต่ำๆ ที่ดูไม่เหมือนมนุษย์ดังออกมาจากยอดเขา จากนั้นลำแสงสีทองสายหนึ่งก็พ่นออกมา เมื่อลำแสงหม่นแสงลงคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเงาลวงตาสีทองสายหนึ่ง
เงาสีทองนี้มีความสูงถึงร้อยจั้งเศษ ดวงตาทั้งสองเหมือนระฆังเผยเขี้ยวแหลมคมออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวานรยักษ์สีทองหน้าตาโหดเหี้ยมตัวหนึ่ง
เมื่อวานรตัวนี้ปรากฏตัวชั่วขณะนั้นเมฆห้าสีกลางอากาศก็มีปฏิกิริยาเปล่งเสียงฟ้าร้องออกมา อสรพิษสายฟ้าสีม่วงทั้งหมดดีดตัวออกมาจากใจกลางของเมฆหมอกพร้อมกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นมังกรวารียักษ์สีม่วงขนาดไม่ได้ด้อยไปกว่าวานรยักษ์
เสียงฟ้าผ่าดังสะเทือนเลื่อนลั่น ผิวของมังกรวารีสีม่วงเปล่งสายฟ้าออกมา ขยับร่างกายกระโจนลงมาอย่างดุดัน
วานรยักษ์สีทองเห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็โกรธเกรี้ยว หลังจากที่ฝ่ามือยักษ์ทั้งสองทุบไปที่ทรวงอกของตัวเอง ก่อนจะกระโจนเข้าไปหามังกรวารีสีม่วง