Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1091 เข้าใจผิด

ตอนที่ 1091 เข้าใจผิด

   พ้ะ!พ้ะ! 

  ชูฮันปรบมือและยิ้มเยาะเจ้าเล่ห์ราวกับสุนัขจิ้งจอก ขอแสดงความยินดีกับการร่วมภารกิจของเราสามคน 

   เขาจะไปกับเราด้วย? เสียงของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน ทั้งซูเฟิงและราชานักล่าต่างเป็นคนเย่อหยิ่ง ทั้งคู่ต่างเหลือบมองอีกฝ่ายไปมาด้วยความไม่เต็มใจ

   มองอะไรฉันจะไปทำภารกิจกับหัวหน้าของฉัน นายจะตามไปทำไม?  ซูเฟิงพูดขึ้นก่อน

   ฉันเป็นคนที่ชูฮันจ้างมาด้วยราคาสูงเพื่อให้มาช่วยนายควรจะทำดีกับฉันซะนะ อย่าคิดว่านายเป็นระยะ 7 แล้วฉันจะอัดนายไม่ได้  ราชานักล่าเองก็ไม่ยอมแพ้

  ชูฮันยกยิ้มมุมปากขณะมองทั้งสองคนที่พูดข่มกันไปมา  ทันทีที่ซูเฟิงและฟานเจี้ยนเห็นรอยยิ้มแปลกๆจากชูฮันทั้งคู่ก็ปิดปากเงียบสนิทในใจเริ่มสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ทว่าโชคร้ายไม่ทันรอให้พวกเขาได้พูดอะไร ชูฮันก็ส่งเสียงพูดขึ้นมาก่อน

   ในเมื่อพวกนายไม่มีใครเชื่อฟังฉันก็ไปจัดการพวกต้นไม้พวกนี้เพื่อเปิดเส้นทางตัดตรงให้ได้เร็วที่สุด  หลังจากพูดจบ ชูฮันก็สบตาแต่ละคนด้วยรอยยิ้มปีศาจ

  ซูเฟิงมีสีหน้าขมขื่นทันทีตัวเหี่ยวราวกับถูกสูบลมออก

  ขณะที่ฟานเจี้ยนเหมือนต้องการจะแย้งด้วยเหตุผลทว่าเมื่อนึกถึงผลลัพธ์จากการโต้เถียงกับชูฮันแล้วเขาก็ได้แต่ปิดปากเงียบและหยิบดาบเล่มใหญ่ขึ้นมาตัดเถาวัลย์และไม้เลื้อยใหญ่ยักษ์ที่บดบังเส้นทางออกไป

  แม้ว่าทั้งสองถูกชูฮันบังคับใช้งานเพื่อเปิดเส้นทางตัดตรงแต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดหมายในครั้งนี้คือที่ไหนและมันก็ยิ่งไม่ชัดเจนขึ้นไปอีกว่าทำไมพวกเขาต้องทำแบบนี้

  ตลอดทางซูเฟิงและฟานเจี้ยนสลับกันจัดการสิ่งกีดขวางทั้งหลายเพื่อเปิดทาง ครั้งความเร็วในการเดินทางรวดเร็วขึ้นเนื่องจากมีคนช่วยมาเพิ่ม ถนนด้านหลังโล่งตรงยาวราวกับถูกบางอย่างแหวกเปิดออก

  และบนถนนสายนี้ทั้งสามคนได้พบกับคนป่าที่ถูกโลกาวินาศบีบบังคับให้เข้ามาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดาร คนพวกนี้ไม่มีทรัพยากรที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตใดๆทั้งสิ้น ไม่มีเสื้อผ้า จนต้องนำใบไม้มาปิดบังร่างกายแทน ผมเคราขึ้นรกรุงรังจนมองแทบไม่เห็นหน้าตา แถมตอนที่ได้เจอชูฮันคนพวกนี้ก็ยังไม่พูดภาษามนุษย์อีก ราวกับกลายเป็นใบ้ ลืมเลือนวิธีการพูดไปแล้ว

  หลังจากได้เห็นภาพที่ทั้งสามทำตลอดทางเหล่าคนป่าที่เฝ้าดูอยู่นานก็ตกใจอย่างมาก หากสุดท้ายก็เลือกที่จะแสดงตัวออกมาและเดินตามหลังทั้งสามคนไปตลอดทาง

  หลังจากเดินทางติดต่อกันสามวันรวดชูฮันก็พบว่าด้านหลังเขามีคนป่าที่เดินติดตามจำนวนมากพอสมควร คนพวกนี้ดูเหมือนอยู่กันเป็นเผ่าของตัวเอง อาศัยอยู่ในป่ารกร้างอย่างเงียบๆมาตลอด และครั้งนี้การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งสามคนทำให้คนป่าพวกนี้แสดงตัวออกมาแลตัดสินใจเดินติดตามมาเรื่อยๆ ภาพที่ปรากฏในตอนนี้ดูน่าตื่นเต้นและแปลกตาไม่น้อยเลย

  ชูฮันซูเฟิง และฟานเจี้ยนไล่ตัดพืชพันธุ์ไม้เลื้อยที่กีดขวางทางทั้งหลายออกไปพร้อมกับได้ยินเสียงกระซิบพึมพำจากทางด้านหลังอยู่เป็นพักๆ ทว่ากลุ่มคนป่ายังคงรักษาระยะห่างจากกลุ่มของชูฮันเอาไว้เสมอ

  ชูฮันไม่ได้สนใจอะไรกับสถานการณ์ในตอนนี้เพราะอย่างน้อยคนป่าพวกนี้ก็ทำแค่เดินติดตามเท่านั้น ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นอันตรายหรือพยายามเข้าใกล้ แม้กระทั่งตอนนอนหรือตอนกิน มันไม่มีการรบกวนใดๆเลย

  บางครั้งมันก็จะมีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมากลางถนนอย่างกระทันหันและตอนที่ซูเฟิงกับฟานเจี้ยนจัดการฆ่าพวกสัตว์ประหลาดได้ภายในการต่อสู้แค่สองสามที วันนั้นทุกคนรวมถึงเหล่าคนป่าจะได้กินอาหารกันเต็มอิ่ม

  ยิ่งเดินทางต่อไปก็ยิ่งมีคนป่ามากจากไหนไม่รู้โผล่ออกมาเรื่อยๆตลอดทางทั้งผู้ชายและผู้หญิง คนแก่และเด็กๆ ทุกคนออกมาเดินกลางถนนติดตามกลุ่มของชูฮันราวกับว่ามันคือสิ่งที่พวกเขารอคอยมานาน

  และไม่ว่าทั้งสามคนจะเดินเร็วขนาดไหนพอยามค่ำคืนที่กลุ่มของชูฮันหยุดนอนพัก ขบวนคนป่าก็สามารถตามมาได้จนทันในที่สุดอยู่ดี

  เช้าวันนี้หลังจากชูฮันตื่นขึ้นมาจู่ๆเขาก็พบว่าขบวนคนป่าที่ติดตามนั้นขยายเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ชูฮันยิ้มอย่างมีเลศนัยและหันไปพูดกับซูเฟิง  ฉันต้องไปทำภารกิจ แล้วคนพวกนี้จะตามเราไปตลอดทางเลยรึไง? เพื่ออะไรกัน? 

   ปัญหาคือคนพวกนี้ไม่ได้ส่งเสียงเลยไม่ทำอะไรสักอย่างแค่ติดตามเรามาเงียบๆ ไม่รู้ว่าจะไล่พวกเขาไปยังไง!  ซูเฟิงเองก็หมดหนทาง  คงจะตกใจกับความแข็งแกร่งของฉัน เลยอยากติดตามเพราะคิดว่าฉันจะปกป้องได้? 

   เหอะเห็นได้ชัดว่าตกใจความแข็งแกร่งของฉันต่างหาก  ฟานเจี้ยนไม่ยอมรับความคิดของซูเฟิง

   พวกนายไม่คิดบ้างละว่าเป็นเพราะพวกเขาจำคนดังอย่างฉันได้? ชูฮันกลอกตา

  ซูเฟิงและฟานเจี้ยนต่างทำเป็นไม่ได้ยินทันทีเพราะมันมีคนน้อยมากที่เคยได้เห็นหน้าค่าตาชูฮันตัวเป็นๆเดังนั้นไม่ต้องพูดถึงคนป่าพวกนี้เลย เกรงว่าแม้แต่ชื่อชูฮัน คนพวกนี้อาจจะยังไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำไป

  ระหว่างการโตเถียงของทั้งสามคนจู่ๆชายชราคนหนึ่งในกลุ่มคนป่าก็ลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาทางจุดที่ทั้งสามพักอยู่

  เพียงแวบแรกที่เห็นการเคลื่อนไหวทั้งสามคนก็ขมวดคิ้วและลอบสบตากันไปมาทันที  ชายชราเดินเข้ามาใกล้ด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้มจากนั้นก็เอ่ยปากถามซูเฟิงกับฟานเจี้ยน  ขอโทษครับท่านผู้แข็งแกร่งทั้งสอง ขอกระผมถามบางอย่างได้ไหม? 

  ชายชราเรียกซูเฟิงและฟานเจี้ยนว่าผู้แข็งแกร่งอย่างชัดเจนและมองข้ามผู้มีอำนาจที่แท้จริงอย่างชูฮันไปอย่างสิ้นเชิง

  ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ซูเฟิงและฟานเจี้ยนสบตากันไปมาอย่างเข้าใจความหมายได้ทันที ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

  มันเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนพวกเขาเคยชินกับการที่ชูฮันเป็นจุดสนใจของฝูงชนอยู่เสมอ แต่คราวนี้เมื่อได้เห็นชายชราเมินเฉยชูฮันอย่างสิ้นเชิง มันจึงตลกอย่างมาก!

  ชูฮันไม่คิดว่าชายชราจะเดินเข้ามาพูดกับซูเฟิงและฟานเจี้ยนโดยไม่แม้แต่จะชายตามองตัวเองแบบนี้ แล้วหลังจากนั้นสองคนนั่นก็ยังหัวเราะด้วยท่าทางสะใจสุดๆอีก เมื่อเห็นแบบนั้นหน้าของชูฮันก็อึมครึมทันที เขารู้สึกว่ากำลังถูกเหยียดหยามอยู่

   ผู้แข็งแกร่งทั้งสองพวกท่านหัวเราะอะไรกัน?  ชายชรารู้สึกอายเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไรผิดไปรึเปล่า

   มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?ดูเหมือนคุณต้องการจะพูดบางอย่าง  ชูฮันมองหน้าชายชราและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดดัน แต่ทันทีที่ชูฮันพูด ซูเฟิงและฟานเจี้ยนก็ปิดปากเงียบทันที หลุบสายตาลงต่ำด้วยความเกรงกลัว

  ชายชราไม่มีท่าทีหวาดกลัวแน่นอนว่าคนที่กล้าแสดงตัวและเดินเข้ามาคุยกับพวกเขาเป็นคนแรกจากคนป่าทั้งหมดกว่าร้อยคน แสดงให้เห็นว่าชายชราผู้นี้จะต้องเป็นคนที่มีความกล้าและหัวดี ดังนั้นทันทีที่ชายชราได้เห็นปฏิกิริยาของผู้แข็งแกร่งทั้งสองที่เปลี่ยนไปทันทีที่ชายหนุ่มผอมแห้งเปิดปากพูด ทันใดนั้นชายชราก็เข้าใจได้ทันทีว่าเขาทำพลาดไปแล้ว…คนคนนี้ต่างหากที่เป็นหัวหน้าตัวจริง

  เนื่องจากตลอดการเดินทางซูเฟิงและฟานเจี้ยนมีหน้าที่ในการเปิดทางและกำจัดสัตว์ประหลาดที่มักโผล่ออกมาอยู่บ่อยๆโดยที่ชูฮันไม่เคยขยับตัวใดๆเลยเอาแต่หลบอยู่หลังทั้งสองคนตลอดทาง มันจึงทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าชูฮันเป็นแค่ผู้ติดตามที่ไม่ได้มีความสามารถอะไร

  ชายชรารีบปาดเหงื่อที่ซึมตามกรอบหน้าจนทำให้หน้ายิ่งเปื้อนคราบดินขึ้นไปอีกเขาสบตากับชูฮันก่อนจะเอ่ยขอโทษ  ขออภัยครับท่าน กระผมขออภัย กระผมแค่อยากจะถามว่าทำไมวันนี้ท่านผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนถึงออกเดินทางช้ากว่าปกติไปหนึ่งชั่วโมง? 

  มาเพื่อถามคำถามนี้?

  ชูฮันนิ่วหน้าพูดเสียงเข้ม  เราจะไปเมื่อไหร่ เราจะไปไหน ไม่จำเป็นต้องบอกพวกคุณ! 

   ไม่ใช่อย่างนั้นครับท่านผู้แข็งแกร่ง ชายชราตะลึงกับท่าทางโอ่อ่าที่เต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลจากชูฮัน  เรามีคนนับร้อยที่ใจร้อนอยากจะกลับบ้านเกิดของพวกเขา และนี่ก็เดินทางกันมาได้ครึ่งทางแล้วแต่จู่ๆก็เห็นว่าพวกท่านหยุดอยู่ตรงนี้ ดังนั้นทุกคนจึงเสนอให้กระผมเข้ามาถามแทนครับ 

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท