Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย – ตอนที่ 1095 หมู่บ้านประมง

ตอนที่ 1095 หมู่บ้านประมง

  ยู่ยงหนานที่ถูกเหวี่ยงจนหน้าทิ่มโคลนดินอีกครั้งครั้งนี้มันแย่ยิ่งกว่าคราวก่อนซะอีก ชูฮันไม่มีความเมตตาใดๆให้ ชูฮันใช้มือข้างเดียวจัดการยู่ยงหนานผู้กล้าจนอับอายขายหน้าทุกคนไปหมด

  แต่ยู่ยงหนานกลับดูเหมือนคนไม่รู้จักจำทั้งๆที่พึ่งถูกเหวี่ยงกระแทกลงพื้นไปจนต้องน่าจะสลบคาที่แต่เขากลับฝืนความเจ็บปวดแถมยังแหกปากต่อว่าชูฮันได้ต่อ

  แน่นอนว่าหลังจากนั้น…

   พ้ะ! 

   เฮ้ย!*&^%[email protected]#$%^&*[email protected]!! 

  กลุ่มคนด้านหลังตะลึงค้างที่ต้องเห็นภาพยู่ยงหนานผู้กล้าหาญถูกอัดครั้งแล้วครั้งเล่าถูกชูฮันจับเหวี่ยงไปมาโดยไม่สามารถต้านทานอะไรได้เลย ยู่ยงหนานแม้จะเนื้อตัวหน้าตาบวมช้ำเพราะถูกอัดเหวี่ยงไปมา  และในตอนนั้นที่ชูฮันเหวี่ยงยู่ยงหนานออกไปอีกครั้งทันใดนั้นซูเฟิงที่เดินนำหน้าอยู่ก็เดินกลับหลังเข้ามาหาชูฮันพร้อมกับหอกด้ามยาวสีทอง

   หัวหน้ามีบางอย่างด้านหน้าครับ  ซูเฟิงที่เห็นภาพยู่ยงหนานถูกซ้อมจนน่วม ทว่าเขากลับไม่แม้แต่จะแยแส เพราะนี้เป็นเรื่องที่มักจะได้เห็นเป็นปกติจากชูฮัน

  ชูฮันพลันเพ่งสายตามองไปยังด้านหน้าและก็ได้เห็นว่าพวกเขาเดินทางมาจนถึงทางเข้าของหมู่บ้านแห่งหนึ่งแล้วมันเป็นหมู่บ้านที่ชายชราบอกว่ามีแต่ซอมบี้อยู่เต็มไปหมด

  ในตอนนั้นเองชูฮันยืนอยู่บนเส้นทางที่มุ่งสู่หมู่บ้านนอกจากกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงจนแสบจมูก เงียบสนิทเหมือนหมู่บ้านร้าง เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้นี้ มันเงียบขนาดที่ชูฮันสามารถได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง

   น่าประหลาด? ชูฮันค้นพบได้ทันทีว่าเขาเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนี้ตั้งแต่เกิดการปะทุของโลกาวินาศ หลังจากนั้นซูเฟิงก็รีบตามหลังชูฮันเข้าไป

  ขณะเดียวกันยูย่งหนานยังคงนอนอยู่บนพื้นถนน ในสภาพคลุกฝุ่น และกว่าเขาจะตะกายตัวลุกขึ้นยืนได้กลุ่มคนของเขาด้านหลังก็ไล่ตามมาถึงตัวยู่ยงหนานได้พอดี ทุกคนต่างเป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของชายหนุ่มคนนี้อย่างมาก

  หลังจากนั้นทุกคนก็รีบมุ่งหน้าเข้าไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเวลาได้ทันเตรียมใจกันก่อนด้วยซ้ำจนกระทั่งพวกเขาเดินเข้ามาถึงใจกลางของหมู่บ้านแล้ว มันก็ยังคงไม่มีร่องรอยของซอมบี้หรือสิ่งมีชีวิตใดๆให้เห็น

  ตลอดทางพวกเขาไม่เจอซอมบี้เลยทุกอย่างเงียบสนิท ถนนทางเดินที่ว่างเปล่ามีแต่ซากปรักหักพังเต็มไปหมด

  ชูฮันยิ่งสัมผัสได้ถึงความผิดปกติและตึงเครียดมากขึ้นไปอีก

   หัวหน้า ฟานเจี้ยนเรียกชูฮันทันที  ผมได้ตรวจสอบดูหมดแล้ว มันไม่มีซอมบี้เลยแม้แต่ตัวเดียวในหมู่บ้านนี้! 

  เสียงของฟานเจี้ยนไม่ได้เบาเลยไม่ใช่แค่ชูฮันและซูเฟิงเท่านั้นที่ได้ยินแต่ยู่ยงหนานและคนอื่นๆด้านหลังก็ได้ยินเหมือนกัน

   มันจะเป็นไปได้ยังไง? ชายชราเอ่ยขึ้นมาคนแรกด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ  ตอนที่เราไปจากที่นี้ หมู่บ้านแห่งนี้มีแต่ซอมบี้เต็มไปหมด มันเกิดอะไรขึ้นกัน? 

   พวกเราไปจากที่นี้ตั้งนานมากแล้วไม่ใช่รึไง?มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่จะมีการเปลี่ยนแปลง? แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะดูน่าตกใจก็เถอะ  ยู่ยงหนานไม่เห็นด้วย

   ไม่นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติ  ชูฮันค้านขึ้นมาทันที ชี้นิ้วไปตรงพื้นดิน  มันยังมีร่องรอยสดใหม่อยู่ตรงนี้อยู่ เห็นได้ชัดว่าซอมบี้พึ่งจะเดินทางผ่านจุดนี้ไปได้ไม่นาน แถมกลิ่นเหม็นเน่าในอากาศก็ยังไม่ทันสลายไปเลย บ่งบอกว่าจู่ๆพวกซอมบี้ในหมู่บ้านก็หายตัวไปกระทันหัน 

  พอได้ยินการวิเคราะห์จากชูฮันทั้งบริเวณก็ตกอยู่ในความเงียบสนิท โดยเฉพาะยู่ยงหนานที่ไม่เคยเห็นการวิเคราะห์ของชูฮันมาก่อน เขามองมาที่ชูฮันด้วยความประหลาดใจสุดๆจนตาไม่กระพริบ

  มันฟังดูสมเหตุสมผลมาก!

  ซูเฟิงและฟานเจี้ยนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยพวกเขาเชื่อในคำพูดของชูฮัน

  ทุกคนเกิดข้อสงสัยขึ้นในใจเต็มไปหมดหากก็ไม่สามารถหาคำตอบได้หลังจากทำการสำรวจหมู่บ้านอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมแล้ว พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของชูฮัน

  และเพื่อจะเดินทางไปยังหมู่บ้านประมงของพวกเขามันเหลืออีกหมู่บ้านเดียวที่พวกเขาต้องผ่าน ซึ่งมันไม่ได้อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านประหลาดนี่เท่าไหร่ ทุกคนรีบเดินทางกันอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้เจอกับอันตรายใดๆระหว่างทางเลย แต่เนื่องจากนี่คือยุคโลกาวินาศที่โลกเต็มไปด้วยซอมบี้และสัตว์ประหลาดบ้าคลั่ง ดังนั้นมันจึงผิดปกติที่ไม่มีอันตรายใดๆเลยโผล่ออกมา

  ยู่ยงหนานพักความสงสัยเกี่ยวกับชูฮันเอาไว้ก่อนเขาเดินข้างชูฮันไม่ยอมห่าง เช่นเดียวกับคนด้านหลังที่ไม่ได้รักษาระยะห่างเอาไว้เหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไป กลุ่มคนเดินเบียดอัดกันแน่นตามติดหลังชูฮันไม่ห่างเพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกปลอดภัย

  ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบที่แสนจะอึดอัดในที่สุดขบวนเดินทางก็เดินมาถึงทางเข้าของหมู่บ้านที่สอง ครั้งนี้ทุกคนยิ่งระวังตัวและมีความกลัวเพิ่มมากขึ้นในใจ เช่นเดียวกับชูฮันที่ระแวงตัวมากขึ้นกว่าเดิม

  แปลกเกินไป!

  มันก็ยังไม่มีซอมบี้ในหมู่บ้านที่สองอยู่ดี!

  ความเงียบสงัดภายในหมู่บ้านทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่าขนลุกเข้าไปอีกเศษซากชิ้นส่วนซอมบี้และของเหลวเหนียวเหนอะกระจายตามพื้น รวมุถึงกลิ่นเหม็นเน่าจนฉุนจมูก ทว่ามันกลับไม่มีร่างศพของซอมบี้ให้เห็น  หลังจากสำรวจทั้งหมู่บ้านอย่างละเอียดทุกคนก็พลันหน้าซีดเผือดเมื่อสังเกตเห็นแล้วว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันผิดปกติอย่างมาก…ทั้งสองหมู่บ้านมีสถานการณ์เหมือนกันแบบนี้ มันต้องมีบางอย่างไม่ถูกต้องแน่ๆ

  ซอมบี้ทั้งหมดหายไปไหน?

  ตายงั้นเหรอ?

  เป็นไปไม่ได้…ถ้าตายจริงๆแล้วทำไมถึงไม่มีศพให้เห็น?

  ความตื่นตระหนกเริ่มค่อยๆแพร่กระจายไปในฝูงชนทุกคนต่างยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออกเพราะความกลัวที่เอ่อล้น แม้แต่ฟานเจี้ยนและซูเฟิงก็ไม่ทะเลาะกันอีก สถานการณ์มันตึงเครียดอย่างมากจนทุกคนสัมผัสกันได้หมด

  ชูฮันถอนหายใจเบนสายตามองออกไปทางที่หมู่บ้านสุดท้ายของชาวประมงเหล่านี้ตั้งอยู่ห่างออกไป

  หากมันอยู่ไกลขนาดที่ตาไม่สามารถมองเห็นได้มีเพียงแค่แสงสีแดงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดินสะท้อนกับทะเลจนภาพตรงหน้าทุกอย่างกลายเป็นสีส้มแดงเต็มไปหมด

   เราต้องไปให้ถึงก่อนมันจะมืด น้ำเสียงของชูฮันจริงจัง  ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากเข้าสู่ความมืด 

  ชายชราหันไปสบตากับทุกคนในหมู่บ้านทุกคนต่างมองมาที่ชูฮันซูเฟิงและฟานเจี้ยนด้วยความกลัว เวลานี้พวกเขายึดผู้แข็งแกร่งทั้งสามคนเป็นที่พึ่งและยินดีทำตามทุกอย่าง

  ดังนั้นเป็นอีกครั้งที่ทีมของชูฮันต้องเปิดเส้นทางถนนเพื่อให้ทุกคนเดินทางได้อย่างคล่องตัวแต่ครั้งนี้ชูฮันไม่ได้ทำตัวสบายๆอีกต่อไป เขาชักขวานซิ่วโหลวที่มีผ้าห่ออยู่เหมือนเดิมขึ้นมาฟาดฟันสิ่งกีดขวางทั้งหลายเพื่อเปิดทางให้เร็วที่สุดโดยไม่เอาผ้าที่คลุมขวานซิ่วโหลวไว้ออก

  ความผิดปกติของทั้งสองหมู่บ้านทำให้เขาคาดว่ามันต้องมีความเชื่อมโยงกับหมู่บ้านสุดท้ายแน่และมันอาจจะเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุด  ซุปเปอร์ซอมบี้หรือ ลูกผสม?

  นอกเหนือจากสองประเด็นนี้แล้วชูฮันก็นึกถึงความเป็นไปได้อื่นไม่ออก…

  กลุ่มคนเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆไม่มีใครปริปากบ่นว่าตามความเร็วไม่ทัน เพราะถ้าพวกเขาไปไม่ถึงก่อนฟ้ามืด ก็ไม่อยากจะนึกเลยว่าชีวิตตัวเองจะเป็นอย่างไร ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะคิด

  ในที่สุดหลังจากการเดินทางอย่างรวดเร็วภายในเวลาครึ่งชั่วโมงทุกคนก็เดินทางมาถึงทางเข้าของหมู่บ้านประมงของตัวเอง ตรงถนนด้านหน้ามีหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่และมีตัวอักษรสลักคำว่าหมู่บ้านประมงเอาไว้ ลายเขียนสลักที่ปรากฏทำให้ชูฮันค่อนข้างประหลาดใจไม่น้อย

  เพราะสิ่งที่ใช้สลักมันจะต้องคมกริบและแข็งแกร่งทนทานอย่างมาก…ไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนแกะสลักมัน

 

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

Status: Ongoing

มันเป็นโลกที่ซอมบี้และมนุษย์อาศัยอยู่ด้วยความสิ้นหวัง

สนามแม่เหล็กของโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงและทุกอย่างได้ย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น

วันหนึ่ง วีรบุรุษของพวกเรา…ชูฮัน ได้เดินทางย้อนเวลากลับมาสิบปีก่อนโดยไม่รู้ตัว เขาได้ย้อนกลับมาก่อนจุดจบของโลกจะเริ่มต้นขึ้น (โลกาวินาศ) เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงดังในหอพักในมหาวิทยาลัยหมิงชิว ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชูฮันต่อสู้กับเหล่าซอมบี้นับสิบๆตัวก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเพื่อขโมยรถยนต์เมอร์ซิเดซ-เบนซ์G55ออกมา เขาตัดสินใจที่จะตามหาพ่อแม่และพี่น้องของเขาด้วยG55คันนี้ ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเสียใจที่ไม่ได้ทำในชาติที่แล้ว

ระหว่างทางชูฮันได้พบปะกับคนกลุ่มหนึ่งที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนที่ติดอันดับ 20 ของโลกาวินาศรวมอยู่ด้วย…เฉินช่าวเย่ พวกเขาพบกับซอมบี้จำนวนมากระหว่างทางบนทางหลวง ซึ่งชูฮันได้ใช้รถ G55 พุ่งชนเหล่าซอมบี้จนเละ

และในตอนนั้นเอง ชูฮันถึงตระหนักได้ว่าทั้งหมดนี้คือระบบล่มสลาย และเขาสามารถได้คะแนนจากการฆ่าซอมบี้ทั้งหลาย ซึ่งเขาสามารถเอาคะแนนพวกนี้ไปแลกเปลี่ยนเป็นความสามารถพิเศษอะไรก็ได้

และในตอนนั้นเอง การเดินทางของชูฮันก็ได้เริ่มต้นขึ้นไปพร้อมๆกับระบบล่มสลาย

นี่เป็นเรื่องราวของระบบล่มสลาย โดยมีเขา…ชูฮัน เป็นคนดำเนินเรื่องราว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท