คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1910 สงครามเมืองอี่เทียน (4)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

มนุษย์ยักษ์ได้ยินเสียงกรีดร้องแหลมสูงในหู ราวกับกรวยแหลมสองสามเล่มทะลวงเข้ามาในหัว ความเจ็บปวดจากการถูกฉีกจิตวิญญาณพลันปรากฏออกมา

ทำให้จอมมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้นผู้นี้เอาสองมือกุมหัวแล้วกรีดร้อง ลำแสงวิญญาณห่อหุ้มร่างแผ่ออกมา แล้วร่อนลงมาจากที่สูงอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง

และในยามนี้ยอดเขายักษ์สองลูกกลับเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จากนั้นก็พาอานุภาพมหึมามาอยู่เหนือศีรษะของมนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิง แล้วทุบลงมาอย่างแรง

เห็นเพียงหมอกสีเทาหมุนวน ไอกระบี่จางๆ จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ตัดสลับกันไปมาเต็มไปหมด คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นตาข่ายเส้นไหมยักษ์ห่อหุ้มมนุษย์ยักษ์เอาไว้

“ไม่! สหายทั้งสองช่วยด้วย!”

ถึงอย่างไรเสียมนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ ถูกหานลี่ใช้การโจมตีจิตสัมผัส แม้ว่าในหัวจะเจ็บปวดยากจะรับไหว แต่ยามนี้ฟื้นฟูสติสัมปชัญญะกลับมา เห็นสถานการณ์ตรงหน้าก็หน้าซีดขาวแล้วร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงอันดัง

เกราะสงครามสีเพลิงของเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมา ไม่ต้องให้เขากระตุ้นลำแสงก็เปล่งแสงเจิดจ้า ในเวลาเดียวกันก็มีงูเหลือมเพลิงสีแดงสดความยาวยี่สิบสามสิบจั้งสามตัวทะลักออกมา หลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง ก็ห่อหุ้มร่างของเขาเอาไว้ข้างใน

สมบัติวิเศษชิ้นนี้เป็นสมบัติปกป้องชีวิตที่เขาไม่เคยจะให้ห่างกายเลย และไม่เคยทำให้มนุษย์ยักษ์ผิดหวัง จึงออกมาปกป้องตนโดยทันทียามที่กำลังอยู่ในสภาวะวิกฤต

หานลี่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ยักษ์ก็ใจเต้นตระหนก แต่การเคลื่อนไหวในมือกลับไม่หยุดพักเลยสักนิด โบกสะบัดแขนเสื้อทั้งสอง กระบี่เล่มเล็กสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มทะลักออกมาพลิ้วไหวแล้วกลายเป็นกระบี่ลำแสงสีเขียวสองสามร้อยสาย จากนั้นก็รวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวยาวสิบกว่าจั้ง

ภายใต้หมอกลำแสงสีเทาที่หมุนวน งูเหลือมเพลิงสามตัวก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปราวกับพบดาวมฤตยู จากนั้นเส้นไหมกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนก็ตัดสลับกันไปมาแล้วกวนเข้ามาอย่างแรง

เกราะยักษ์สีแดงสดส่งเสียงระเบิดจำนวนนับไม่ถ้วนออกมา เปล่งแสงสว่างวาบเผยท่าทีต้านทานไม่ไหวออกมา

“สับ”

หานลี่ชี้ไปที่กระบี่ยักษ์ที่ลอยอยู่ตรงหน้า แล้วร้องตะโกนอย่างเย็นชา

ในเวลาเดียวกันมือหนึ่งก็สะบัดไปด้านล่าง เงาสีเงินจางๆ สายหนึ่งสลายหายจากแขนเสื้อ

กระบี่ยักษ์ส่งเสียงอึกทึกออกมา กลายเป็นลำแสงสีเขียวม้วนวนลงไป ความเร็วแทบจะไปถึงในชั่วพริบตา

ยังไม่ทันได้สับลงมาจริงๆ ไอกระบี่แหลมคมที่สามารถเปิดโลกได้พลันพุ่งเข้ามา

มนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงรู้สึกเพียงว่าร่างกายถูกวารีเย็นเยียบปะทะเข้ามา ร่างทั้งร่างราวกับตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง ทันใดนั้นก็ร้องตะโกนออกมา ผิวมีเปลวเพลิงสีแดงหมุนวน กลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงหลบหลีกไป

แต่ในยามนี้ละแวกใกล้ๆ พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ไม้สีเงินเล่มหนึ่งพุ่งแหวกอากาศออกมาอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นอสรพิษยาวสีเงินตัวหนึ่ง หมุนวนเปล่งแสงสว่างวาบแล้วรัดเอวของมนุษย์ยักษ์เอาไว้

ทำให้ลำแสงหลีกหนีของเขาผนึกรวมตัวกันจนไม่อาจกระดิกกระเดี้ยตัวได้เลยสักนิด!

แม้ว่าเปลวเพลิงสีแดงบนเรือนร่างของมนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงจะขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า แต่อสรพิษสีเงินกลับไม่มีผลเลยสักนิด กลับแลบลิ้นออกมา แล้วพัดรัดร่างแน่นขึ้นสามส่วน

มนุษย์ยักษ์หน้าถอดสี คิดจะสำแดงอิทธิฤทธิ์อื่น แต่กลับสายไปเสียแล้ว

ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ลำแสงกลืนกินร่างของมนุษย์ยักษ์เอาไว้ราวกับวารีบริสุทธิ์

ลำแสงวิญญาณที่ห่อหุ้มร่างของเขาเพียงพอที่จะต้านทานกระบี่ลำแสงที่น่ากลัวเหล่านี้ได้ ชั่วพริบตาพลันถูกฉีกออก

จากนั้นกระบี่ลำแสงพลันกวนเข้าด้วยกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นระลอกคลื่นยักษ์สีเขียว ม้วนวนอยู่กลางอากาศเป็นขนาดสองสามหมู่

มนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงหมุนวนอยู่ตรงใจกลาง ส่งเสียงกรีดร้องน่าเวทนา กายเนื้อและทารกวิญญาณถูกกวนจนแหลกเป็นผุยผงในเวลาเดียวกัน แล้วสลายหายไปจากโลกนี้

แทบจะในเวลาเดียวกัน ระลอกคลื่นที่น่ากลัวสองกลุ่มปรากฏขึ้นกลางทะเลมาร ลำแสงหลีกหนีสีเงินและทองเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วพุ่งออกมาหาหานลี่

หานลี่ไม่สนใจความรู้สึกของจอมมารระดับผสานอินทรีย์ที่ถูกสังหาร เก็บสมบัติอาคม หรี่ตาทั้งสองข้างมองลำแสงหลีกหนีที่กำลังบินเข้ามา

เห็นเพียงลำแสงหลีกหนีสีทองและสีเงินความเร็วหาที่เปรียบ กะพริบวาบๆ มาอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงร้อยจั้ง ลำแสงหม่นแสงลงแล้วปรากฏกายขึ้น

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นบุรุษวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีเงินและหญิงงามวัยกลางคนสวมชุดชาววังสีชมพูพร้อมกับดวงตาที่สดใสราวกับสายธาร

ทั้งสองจ้องหานลี่เขม็ง สีหน้าทั้งเขียวคล้ำและไม่อยากจะเชื่อ

พวกเขาก็คือมือสังหารหยินหยางของกองทัพเผ่ามารที่มารวมตัวกันเมื่อสองสามวันก่อน และไม่รู้ว่าชายร่างใหญ่ชุดเกราะสีดำที่ปกปิดชื่อแซ่ใช้วิธีการอันใด คาดไม่ถึงว่าจะโน้มน้าวให้ทั้งสองเชื่อว่าหานลี่คือฆาตกรที่สังหารจอมมารทั้งสามตน แล้วมาช่วยพวกเขาทำการโจมตีเมืองอี่เทียน

ก่อนหน้านี้จอมมารทั้งสองจงใจซ่อนตัวอยู่ในเมฆมารไม่ยอมออกมา แน่นอนว่าก็เพราะอยากให้จอมมารตนอื่นๆ ดึงดูดความสนใจของหานลี่และพวก ส่วนพวกเขาก็ทำการโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว!

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า พวกเขายังไม่ทันได้ลงมือ หานลี่กลับแค่ประหน้าก็สังหารมนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาท่านจอมมาร แม้กระทั่งทำให้พวกเขาไม่ทันได้ช่วยเหลือ!

ภายใต้ความประหลาดใจของทั้งสองคน ก็รู้สึกตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยว!

หลังจากที่หานลี่กวาดสายตาไปบนเรือนร่างของทั้งสองพลันตกตะลึง แล้วอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้

เป็นจอมมารเผ่ามารอีกสองตน และยังอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง ยุ่งยากจริงๆ!

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้ยินมนุษย์ยักษ์เกราะสีเพลิงร้องขอความช่วยเหลือ และเตรียมตัวอยู่ในใจอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นจอมมารตนอื่นๆ ก็ยังรู้สึกตกตะลึง

“นายท่านมีฝีมือนัก คาดไม่ถึงว่าแค่ประหน้าก็จะสังหารจอมมารเยียนได้ ดูแล้วท่านลี่และพวกทั้งสามคงเพลี่ยงพล้ำอยู่ในมือของเจ้าแปดเก้าส่วน นายท่านมีอิทธิฤทธิ์เช่นนี้ น่าจะไม่ใช่อาวุโสที่ไร้ชื่อเสียงของเผ่ามนุษย์ โปรดบอกชื่อมาเถิด!” บุรุษวัยกลางคนมองลึกเข้าไปในดวงตาของหานลี่สองสามแวบ ฉับพลันนั้นพลันเอ่ยถามอย่างราบเรียบ

“ท่านลี่อันใด? เจ้าสองคนมาหาคนผิดแล้ว? ส่วนชื่อของข้าน้อย รอให้ข้าส่งพวกเจ้าสองคนไป ย่อมจะบอกให้” หานลี่ใจหายวาบ แต่กลับตอบด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“หึๆ บังอาจนัก ผ่านมาหลายปีเช่นนี้ ผู้ที่กล้าพูดเช่นนี้กับเราสองคนมีไม่มากจริงๆ ทว่าจะยอมรับหรือไม่ ก็ไม่เป็นไร รอให้เราสองคนจับเจ้าได้ แล้วใช้ ‘เคล็ดวิชาห้ายมโลกหลอมวิญญาณ’ ย่อมต้องทำให้เจ้าพ่นทุกอย่างออกมาอยู่แล้ว ศิษย์พี่ใช้สมบัติทั้งสองชิ้นที่บรรพชนศักดิ์สิทธิ์มอบให้เถิด” หญิงงามวัยกลางคนมีจิตสังหารฉายแวบผ่าน หันหน้าไปเอ่ยกับสหายร่วมวิถี

จากนั้นนางพลันอ้าปากพ่นหม้อใบเล็กสีม่วงที่มีไอสีดำห่อหุ้มอยู่ออกมา ยามแรกมีขนาดแค่สองสามชุ่น แต่พลันขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ จนมีขนาดสองสามจั้ง

ทำให้ผู้คนมองปราดเดียวก็เห็นอย่างชัดเจน อักขระสีดำสลักอยู่เต็มผิวหม้อยักษ์แล้วเปล่งแสงสว่างวาบ

บุรุษวัยกลางคนเห็นเช่นนี้ ก็พลิกฝ่ามือหนึ่งโดยไม่พูดอันใด ในมือมีหอคอยเล็กๆ โปร่งแสงปรากฏขึ้น แผ่ลำแสงวิญญาณเจ็ดสีออกมา

ข้อมือพลันสะบัด!

หอคอยนี้ส่งเสียงหึ่งๆ แล้วถูกสำแดงออกไป กลายเป็นหอคอยยักษ์เจ็ดชั้นสูงสิบกว่าจั้ง ทุกชั้นล้วนมีอักขระแมลง มัจฉา วิหค อสูรสลักอยู่รางๆ และไหลเวียนโคจรไปมา ราวกับว่าจะพุ่งออกมาได้ตลอดเวลา

แม้ว่าหานลี่จะหวาดกลัวที่ทั้งสองมาซักไซ้เรื่องของจอมมารทั้งสาม แต่ย่อมไม่มีทางหวาดกลัวการร่วมมือกันของจอมมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางสองคน แม้ว่าอีกฝ่ายจะควบคุมสมบัติที่ดูไม่ธรรมดาเลยสักนิด!

เขามีสีหน้าเคร่งขรึม ชูมือทั้งสองขึ้น ภูเขาสีเขียวและดำสองลูกถูกชิงโยนออกไปก่อน

มือหนึ่งร่ายอาคม ชี้ไปที่ยอดเขาทั้งสองลูก

ชั่วขณะนั้นยอดเขาทั้งสองลูกพลันเปล่งแสงเจิดจ้า พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นยอดเขายักษ์สูงพันจั้ง ทุบลงมาหาทั้งสองคนอย่างแรงโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด

หมอกลำแสงสีเทาและไอกระบี่ไร้รูปร่างตัดสลับกันไปมา ย่อมทะลักออกมาจากส่วนล่างของทั้งสอง ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี!

ส่วนหานลี่นั้นดูเหมือนจะรู้จักผู้ที่อยู่ตรงข้ามทั้งสองคน การโจมตีแค่นี้ไม่อาจจัดการได้ จากนั้นมือหนึ่งก็ตะปบออกไปกลางอากาศ!

ลำแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบที่กลางฝ่ามือ แล้วกลายเป็นไม้บรรทัดสั้นสีเงินเล่มหนึ่ง

หานลี่สะบัดข้อมือ เงาไม้บรรทัดสองสายบินออกมาจากไม้สีเงิน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วสลายหายไปจากกลางอากาศ

ครู่ต่อมาแผ่นหลังของบุรุษและสตรีที่อยู่ฝั่งตรงกลางก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น เงาไม้บรรทัดสองสายเปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏออกมา ทุบลงมาท้ายทอยของทั้งสองอย่างแรง

ยามนี้ปีกที่แผ่นหลังของหานลี่พลันส่งเสียงอัสนีฟ้าฟาด ร่างกายบิดเบี้ยวกลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินจมหายไปกลางอากาศ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“หึ ฝีมือนี้ยังคิดจะลอบโจมตีเราสองคน!” หญิงงามแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ไม่กล้าไม่สนใจการลอบโจมตีของเงาไม้บรรทัดด้านหลัง นิ้วขาวเนียนนิ้วหนึ่งชี้ไปที่หม้อใบยักษ์ตรงหน้า!

หม้อใบเล็กเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา ผิวมีอักขระสีดำทะลักออกมา ผนึกตัวรวมกัน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นตัวอักษร “ดูด” ขนาดยักษ์บนปากหม้อ

หม้อใบยักษ์เปล่งเสียงร้องแหลมยาว พลังที่ไร้เทียมทานระเบิดออกมาจากหม้อ และห่อหุ้มลงมาด้านหลัง

เดิมมองเห็นเงาไม้บรรทัดกำลังจะสับลงมาที่ร่างของบุรุษและสตรีผู้นี้ ก็ถูกผลกระทบของพลังกลุ่มนี้ ทำให้แข็งตัวจากนั้นก็ส่งเสียง “สวบ” ออกมา กลายเป็นลำแสงสีเงินสองสายถูกดูดเข้าไปในหม้อใบยักษ์สีม่วง ลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกดูดเข้าไปในหม้อจริงๆ

ส่วนยอดเขายักษ์สองลูกพลันทุบลงมา หญิงงามเปลี่ยนการร่ายอาคม ไปกระตุ้นหม้อยักษ์สีม่วง

อักขระยักษ์บนปากหม้อรางเลือน กลายเป็นตัวอักษรคำว่า “รอง”

ชั่วขณะนั้นอานุภาพที่ระเบิดออกมาจากหม้อพลันเปลี่ยนทิศทาง ม้วนไปกลางอากาศ

ยอดเขายักษ์สองลูกถูกพลังกลุ่มนี้ม้วนก็มีดอกบัวสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ยอดเขาขนาดใหญ่หยุดชะงัก คาดไม่ถึงว่าจะถูกรองรับเอาไว้จนไม่อาจขยับได้เลยสักนิด

และในยามนั้นเองเสียงฟ้าผ่าพลันดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบ เงาร่างของหานลี่ปรากฏขึ้นเหนือยอดเขาสีดำ และใช้เท้าเหยียบลงบนยอดเขาอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

เสียงปริแตกดัง “แคว่กๆ”!

คาดไม่ถึงว่าน้ำหนักของยอดเขาสีดำจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า และกดดอกบัวสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนด้านล่าง ทันใดนั้นก็อยู่ในสภาวะที่ต้านทานไม่ไหว

หานลี่ถูมือทั้งสองอีกครั้ง แล้วส่งไปด้านล่าง

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีทองขนาดเท่าปากชามสิบกว่าสายดีดตัวออกมา แล้วสับลงมาอย่างแรง

และภายใต้การห่อหุ้มด้วยประจุไฟฟ้าสีทอง เงากระบี่สีเขียวยี่สิบสามสิบเล่มที่บางเบาจนแทบมองไม่เห็น ก็สับลงมาอย่างสับสนวุ่นวาย

หญิงงามเห็นสถานการณ์นี้ก็พลันรู้สึกตกตะลึง แต่กลับไม่ได้หวาดกลัวเลยสักนิด กลับหัวเราะอย่างเย็นชา อาคมที่อยู่ในมือเปลี่ยนไป พ่นไอมารบริสุทธิ์สีดำไปทางหม้อใบยักษ์สีม่วง

หลังจากที่หม้อใบยักษ์เก็บไอสีดำเหล่านั้น หม้อใบยักษ์ก็ส่งเสียงอึกทึกออกมาไม่หยุด ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่ามีอักขระโบราณอีกสองสามตัวบินออกมาจากด้านใน

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท