คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 1977 กดชิงหลง

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

“อัสนีเทวาปัดเป่าภยันตราย! ข้าไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชามารชั่วร้าย เอามาต่อกรกับข้าจะมีอานุภาพอันใด!” อรหันต์ชิงหลงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็เอ่ยพึมพำ ยกมือข้างหนึ่งขึ้น คัมภีร์หยกในมือส่งเสียงร้องอันไพเราะออกมา แล้วกลายเป็นม่านลำแสงห้าสีต้านทานอยู่เบื้องหน้า สองมือพลันพลิกฝ่ามืออีกครั้ง ลำแสงสีทองและเงินเปล่งแสงสว่างวาบ พู่กันยักษ์ความยาวสองสามฉื่อสองด้ามปรากฏออกมา

แม้ว่าเขาจะพูดอย่างผ่อนคลาย แต่ความมจริงแล้วกลับมิกล้าประมาท ใช้สมบัติอาคมประจำกายทันที

หานลี่ได้ฟังอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้ ก็มีสีหน้าไร้ความรู้สึก แต่พลันสะบัดแขนเสื้อทั้งสอง ชั่วขณะนั้นกระบี่สีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มก็แหวกว่ายออกไป และภายใต้การกระตุ้นของอาคมกระบี่ ฉับพลันนั้นก็รวมตัวกันท่ามกลางเสียงร้องไพเราะ กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีเขียวความยาวสิบจั้งเศษเล่มหนึ่ง เป็นสีเขียวเจิดจ้า จนตาพร่ามัว

ยามนี้เขาพลันยกมือขึ้นอีกครั้ง ชี้ไปยังงูเหลือมสายฟ้าสีทองสองตัวกลางอากาศ

หลังจากเสียงอึกทึกดังขึ้น งูเหลือมสายฟ้าสองตัวก็สะบัดหัวสะบัดหางกระโจนไปหากระบี่ยักษ์สีเขียว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไป

เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นขึ้น!

ชั่วพริบตากระบี่ยักษ์สีเขียวพลันขยายใหญ่ขึ้นสิบเท่าจนมีขนาดใหญ่ร้อยจั้งเศษ ในเวลาเดียวกันตัวกระบี่ก็เปล่งแสงสีทองสว่างวาบ ประจุไฟฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา!

แต่หานลี่ไม่ได้ทำแค่นี้ กวาดสายตาไปที่กระบี่ยักษ์แวบหนึ่ง อ้าปากออกพ่นดวงเพลิงสีเงินออกไป

เมื่อดวงแสงนี้ออกจากปาก ก็ส่งเสียงไพเราะออกมา จากนั้นพลันเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นวิหคเพลิงสีเงินตัวหนึ่ง

วิหคเพลิงสยายปีกทั้งสองข้างออก ร่างกายส่งเสียงดัง “ปัง” ขยายใหญ่ขึ้นสองสามจั้ง ในเวลาเดียวกันก็กระโจนเข้าไปในกระบี่ยักษ์ราวกับลูกธนู

ครู่ต่อมาผิวของกระบี่ยักษ์ก็มีเปลวเพลิงสีเงินทะลักออกมา เปลวเพลิงร้อนแรงห่อหุ้มกระบี่ยักษ์ทั้งเล่มเอาไว้

หานลี่พลันเลิกคิ้วปากก็พ่นคำว่า “สับ” ออกมา!

สิ้นเสียงกระบี่ยักษ์ขนาดร้อยจั้งก็สับลงมาที่อรหันต์ชิงหลงจนเกิดเสียงดังสนั่น!

กระบี่ยักษ์ร่อนลงมาไม่เร็วนัก แต่ทุกแห่งที่กวาดผ่านไป กลางอากาศพลันส่งเสียงหวีดร้องไม่หยุด

ยังไม่ทันได้ร่อนลงมา กลิ่นอายร้อนฉ่าก็ห่อหุ้มแท่นหินด้านล่างเอาไว้

ชั่วพริบตาอากาศด้านล่างก็มีเปลวเพลิงสีแดงหมุนวน ราวกับใกล้จะสุกก็ไม่ปาน

อรหันต์ชิงหลงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสี สองมือสั่นเทา ปลายพู่กันคู่สีทองและเงินในมือเปล่งแสงเจิดจ้า อักขระโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ทุกตัวเปล่งแสงสว่างวาบ ราวกับลึกลับเป็นอย่างยิ่ง หลังจากที่ผสานรวมร่างกันกลับกลายเป็นหมอกลำแสงสีทองและเงิน ม้วนวนไปยังที่สูง

เสียงฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พลันดังขึ้น!

กระบี่ยักษ์และหมอกลำแสงสีทองและเงินปะทะเข้าด้วยกัน ประจุไฟฟ้าสีทองและเปลวเพลิงสีเงินตัดสลับกันไปมา และกลายเป็นรัศมีลำแสงยักษ์ แทบจะห่อหุ้มแท่นหินกว่าครึ่งเอาไว้ข้างใน

รัศมีระเบิดรุนแรงเจิดจ้าจนแสบตา ทำให้ผู้คนไม่อาจสบสายตาตรงๆ ได้ ระลอกคลื่นโจมตีออกมาทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน

แท่นหินสั่นเทาอย่างรุนแรง ม่านลำแสงสีเงินเหนือศีรษะเดือดพล่านเป็นชั้นๆ ราวกับว่าอาจจะปริแตกได้ทุกวินาที

ผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ภายนอกเห็นเช่นนี้ก็อดที่จะสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่งไม่ได้

การต่อสู้กันกระบวนท่าแรกของหานลี่และอรหันต์ชิงหลง คาดไม่ถึงว่ายิ่งใหญ่เพียงนี้ ช่างอยู่นอกเหนือที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้จริงๆ

ชายชราแซ่กู้หน้าเปลี่ยนสี นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมไปทางเสาหินรอบด้าน

อาคมเหล่านี้ลกายเป็นลำแสงหลากสีสัน ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในเสา

ชั่วขณะนั้นยอดเสาหินที่พ่นเสาลำแสงออกมาพลันหนาขึ้นกว่าก่อนหน้าหลายเท่า ม่านลำแสงสีเงินเปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลับมามั่นคงดังเดิมอีกครั้ง

ราวกับว่าประสานรับกัน แท่นหินที่เดิมไม่มั่นคงฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติในพริบตา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ในที่สุดรัศมีลำแสงที่ห่อหุ้มแท่นหินพลันสลายออก หานลี่และเงาร่างอรหันต์ชิงหลงปรากฏขึ้นบนที่สูงคนหนึ่งและที่ต่ำคนหนึ่ง

หานลี่เอาสองมือไพล่หลัง ใบหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ยังคงลอยอยู่ที่เดิม ราวกับว่าไม่ได้ขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว

ส่วนอรหันต์ชิงหลงกลับร่อนลงมาอยู่บนแท่นหินตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ ม่านลำแสงห้าสีบนเรือนร่างหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงคัมภีร์หยกที่มีริ้วรอยเต็มไปหมดลอยอยู่ตรงนั้น

พู่กันคู่สีเงินทองหม่นแสงลง ราวกับว่าสูญเสียจิตวิญญาณไปไม่น้อย

ส่วนร่างของอรหันต์ชิงหลง ดูแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด แต่หน้ากลับซีดขาวจางๆ

การโจมตีเมื่อครู่ของหานลี่เห็นได้ชัดว่าเป็นฝ่ายได้เปรียบ

ภิกษุจินเย่ว์และชายชราแซ่กู้เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็อดที่จะมองสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ ล้วนมองเห็นแววตาตกตะลึงจากแววตาของอีกฝ่าย แม้ว่าจะได้ยินมาว่าพละกำลังของหานลี่น่าจะเหนือกว่าอรหันต์ชิงหลง แต่แค่การโจมตีเดียวก็ทำให้อรหันต์ชิงหลงร่วงลงมาจากกลางอากาศ ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาจริงๆ

และไม่รู้ว่าเดิมอรหันต์ชิงหลงก็เป็นผู้ที่มีร่างกายค่อนข้างอ่อนแอ หรือว่าพละกำลังของหานลี่นั้นยากแท้หยั่งถึงเกินไป

แม้ว่าหานลี่จะดูเหมือนจนตรอกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดหนัก ทันใดนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา มือหนึ่งกวักเรียก รอบๆ มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น กระบี่เล่มเล็กสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนแหวกอากาศพุ่งกลับมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วทยอยกันจมหายไปในร่าง

แม้ว่าการโจมตีของเขาเมื่อครู่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่กระบี่ยักษ์สีเขียวก็สั่นสะเทือนแล้วสลายหายไปเช่นกัน การโจมตีที่สองจึงไม่คิดจะใช้กระบี่บินอีก ยามนี้ย่อมต้องเก็บกลับไป

แต่หานลี่พลันใช้มือหนึ่งร่ายอาคม ผิวมีลำแสงสีทองไหลวนโคจร ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ในเวลาเดียวกันขนปุกปุยสีทองก็ห่อหุ้มไปทั่วเรือนร่าง

คาดไม่ถึงว่าเขาจะสำแดงคาถาตื่นจากจำศีล กลายร่างเป็นวานรยักษ์ขนสีทองสูงสองสามจั้ง

ดวงตาทั้งสองของวานรยักษ์มีลำแสงสีฟ้าสว่างวาบ หน้าตาโหดเหี้ยม ชูคอกู่ร้องคำราม กำปั้นทั้งสองทุบไปที่หน้าอกของตนเอง ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันขยายใหญ่ขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะขยายใหญ่ยักษ์ขึ้นอีกครั้ง

ชั่วพริบตามันก็มีขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง กวาดตามองอรหันต์ชิงหลง แววตาเย็นชาจนเข้ากระดูกดำ

อรหันต์ชิงหลงเห็นหานลี่แปลงร่างก็หน้าเปลี่ยนสี ปากก็ร้องตะโกนเบาๆ ด้วยความโกรธแค้น

“หึ เจ้าคิดว่ามีแค่เจ้าที่ใช้เคล็ดวิชาแปลงกายเป็นหรือ? ต้องให้เจ้าลิ้มลองความร้ายกาจของร่างมังกรมรกตเที่ยงแท้ของข้าดูสักหน่อย!”

สิ้นเสียงอรหันต์ชิงหลงก็ใช้มือหนึ่งตบไปที่หน้าผากของตนเอง ชั่วขณะนั้นเสาลำแสงสีเขียวพ่นออกมาจากศีรษะ หลังจากพลิ้วไหวก็กลายเป็นเงาลวงตามังกรมรกตห้ากรงเล็บที่กำลังแยกเขี้ยวตะปบเล็บตัวหนึ่ง

และอรหันต์ชิงหลงในยามนี้ก็สะบัดแขนเสื้อ กระบี่สีดำเจ็ดเล่มบินออกมา

หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น กระบี่เจ็ดเล่มก็ถูกเขาปักเข้าไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แล้วอ้าปากออกกระอักโลหิตเจ็ดกลุ่มออกมาจมหายเข้าไปในสมบัติ

ครู่ต่อมากระบี่เล่มเล็กเจ็ดเล่มก็หายวับไปอย่างเงียบเชียบ และสิ่งที่พ่นออกมาจากส่วนต่างๆ บนเรือนร่างของเขากลับเป็นเส้นไหมโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพัวพันเงาลวงตามังกรมรกตอยู่กลางอากาศ แล้วลากลงมาด้านล่าง

หลังจากเสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าอรหันต์ชิงหลงจะรวมร่างเข้ากับเงาลวงตามังกรวารีมรกต

จากนั้นก็เห็นเขาร้องคำรามต่ำๆ แขนขาทั้งสี่และใบหน้ามีเกล็ดสีเขียวปรากฏขึ้น เหนือหัวเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบ แล้วมีเขาโค้งสีเขียวมรกตงอกออกมาคู่หนึ่ง ด้านหลังมีหางยักษ์สีเขียวหนาๆ งอกออกมา

คาดไม่ถึงว่าอรหันต์ชิงหลงจะแปลงร่างเป็นครึ่งปีศาจในพริบตา กลายเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งมังกรครึ่งมนุษย์ตัวหนึ่ง!

“ข้าก็ได้ยินมาว่าสหายชิงหลงมีร่างครึ่งปีศาจมาเนิ่นนานแล้ว แปลงกายได้เช่นนี้ก็ไม่นับว่าแปลกประหลาดอันใด กลับเป็นสหายหานที่แปลงกลายเป็นวานรยักษ์ ดูแล้วไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าเป็นเคล็ดวิชาแปลงกายประเภทใด” จินเย่ว์เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งขรึมออกมา

“หรือว่าไม่เหมือนกับเคล็ดวิชาแปลงกายธรรมดาๆ หรือว่าร่างเดิมของสหายหานมีโลหิตจิตวิญญาณเที่ยงแท้!” ชายชราแซ่กู้ลูบใต้คางแล้วเอ่ยอย่างคาดเดา

“นั่นเป็นไปไม่ได้! สหายหานเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่บรรลุขึ้นมาจากแดนล่าง และจิตวิญญาณเที่ยงแท้ในแดนล่างก็หายสาบสูญไปตั้งไม่รู้กี่ปีแล้ว ไม่อาจมีสิ่งมีชีวิตที่มีชีพจรโลหิตหลงเหลืออยู่ได้” เซียนหยินกวงกลับสั่นศีรษะขณะเอ่ย

“บางทีหลังจากที่สหายหานมาที่แดนวิญญาณ ก็เพิ่งจะได้โลหิตวิญญาณมา ทว่าไม่ว่าอย่างไร การโจมตีหลังจากนี้จะต้องเหนือกว่าเมื่อครู่ สหายกู้เขตอาคมต้องห้ามจะไม่มีปัญหาสินะ” จินเย่ว์กลับเดาความจริงได้เจ็ดแปดส่วน และเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

“ท่านปรมาจารย์โปรดวางใจ มีข้าควบคุมเขตอาคมด้วยตนเองย่อมไม่มีปัญหาอันใด” ชายชราแซ่กู้กลับตอบกลับอย่างมั่นใจมาก

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นกระมัง” ปรมาจารย์จินเย่ว์กลับไม่ได้มั่นใจนักหลังจากที่หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก

ยามนี้หานลี่พลันกลายเป็นวานรยักษ์แต่กลับลงมือแล้ว

เห็นเพียงมือใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยของเขาตะปบออกไปกลางอากาศ

ลำแสงวิญญาณสีเขียวและดำสองกลุ่มเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏออกมาจากใจกลางฝ่ามือ หลังจากรวมตัวกันก็กลายเป็นภูเขาลูกน้อยความสูงสิบจั้งเศษสองลูก แผ่รัศมีลำแสงออกมาทั่วเรือนร่าง แค่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่สมบัติธรรมดา

หลังจากที่วานรยักษ์ร้องคำรามราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ แขนทั้งสองข้างก็บวมพอง คาดไม่ถึงว่าจะรองภูเขาขนาดย่อมสองลูกเอาไว้ด้านล่าง

เสียงวิหคเพรียกดังสนั่นขึ้น!

ยอดเขาสองลูกกลายเป็นรัศมีลำแสงสีเขียวและดำสองสี ทุกแห่งที่กวาดผ่านไปไม่เพียงทำให้บรรยากาศบิดเบี้ยว ยังระเบิดเสียงแหลมสูงออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วปรากฏขึ้นห่างจากอรหันต์ชิงหลงไปแค่คืบ

อรหันต์ชิงหลงรู้สึกเพียงว่าพลังแรงกดราวกับใบมีดแหลมคมสองกลุ่มตึงรัดอากาศรอบๆ ด้าน คาดไม่ถึงว่าร่างกายจะถูกพลังมหาศาลไร้รูปร่างกักเอาไว้ ชั่วขณะนั้นจึงไม่อาจขยับแขนขาทั้งสี่ด้านได้

ภายใต้ความตกตะลึงของเขาพลันร้องตะโกนอย่างไม่ต้องขบคิด ร่างครึ่งปีศาจเปล่งแสงสีเขียวออกมา ชั่วพริบตาเกล็ดทั่วเรือนร่างพลันลุกชัน พลังมหาศาลทะลักออกมาจากกายเนื้อ คาดไม่ถึงว่าจะหลุดพ้นพันธนาการในครู่ต่อมา

ฝ่ามือทั้งสองกลายเป็นกรงเล็บ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งไปหายอดเขาที่กำลังโจมตีมา

อรหันต์ชิงหลงกล้าทำเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของเขา

เดิมกายเนื้ออันแข็งแกร่งของชิงหลงก็จัดอยู่ในสามอันดับแรกของมังกรเที่ยงแท้อยู่แล้ว ร่างมังกรเที่ยงแท้ที่เขาแปลงกายจึงไม่อาจเทียบกับมังกรมรกตเที่ยงแท้ได้ แต่เพราะว่าชิงหลงมีโลหิตเที่ยงแท้ กายเนื้ออันแข็งแกร่งจึงเหนือกว่าที่คนทั่วไปจะจินตนาการได้

ไม่เพียงเรือนกายจะแข็งแกร่งราวกับสมบัติอาคมระดับสุดยอด หลังจากที่กระตุ้นด้วยโลหิตมังกรเที่ยงแท้ ก็สามารถควบคุมพลังมังกรส่วนหนึ่งที่เพียงพอจะเปิดภูเขาทำลายสมบัติอาคมได้

แต่ชั่วพริบตาที่กรงเล็บทั้งสองของอรหันต์ชิงหลงสัมผัสกับยอดเขาสองลูก กลับรู้สึกเสียใจในภายหลังขึ้นมา!

เพราะว่ากรงเล็บทั้งสองไม่เพียงไม่ได้ตะปบยอดเขาสองลูกให้แหลกอย่างที่คิดเอาไว้ นิ้วทั้งสิบกลับร้อนฉ่า เสียงกังวานพลันดังขึ้น คาดไม่ถึงว่าจะถูกยอดเขาและพลังมหาศาลสั่นสะเทือนจนแตก

อรหันต์ชิงหลงชักมือทั้งสองกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยความตกตะลึง อ้าปากออกพ่นลำแสงสีเขียวออกมาโจมตีไปที่ยอดเขาหนึ่งในนั้น ในเวลาเดียวกันหางยักษ์ที่แผ่นหลังก็รางเลือน กวาดไปยังยอดเขาอีกด้าน

เสียง “ปังๆๆ” ดังสนั่นขึ้น อรหันต์ชิงหลงพลันซวนเซ ร่างกายกระเด็นลอยไปราวกับกระสอบขาด หลังจากถอยร่อนไปสิบกว่าก้าว ถึงได้หยุดชะงักอยู่ที่เดิม

แต่ครานี้อรหันต์ชิงหลงพลันมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ยามที่กำลังคิดจะพูดอันใดนั้น แต่พลันอ้าปากออกพ่นโลหิตสีดำออกมา

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท