คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์) – ตอนที่ 2034 ช่วงชิง

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้น

ฝ่ามือสีทองที่คว้าก้อนอิฐเอาไว้ข้างนั้น ทันใดนั้นก็ขยายตัวใหญ่มหึมาหลายจั้ง ใต้นิ้วมือทั้งห้าที่กุมไว้ แสงวิญญาณสว่างจ้าตาดวงหนึ่งก็ปะทุขึ้น คลื่นลมหมุนหลายต่อหลายลูกหมุนกระจายไปทั่วทุกทิศ

ไม่ว่าจะศีรษะมารหรือจะกระบี่แสงที่รุนแรงหนักหน่วงเหล่านั้น เมื่อถูกกระแสคลื่นสีทองพัดม้วน ก็กระจัดกระจายไปอย่างไม่อาจต้านทาน

หยางรองและจอมมารน้ำเต้าทองที่ควบคุมสมบัติวิเศษเหล่านั้น ต่างหน้าถอดสีขึ้นมาโดยพลัน รีบร้อนร่ายอาคมหมายจะเรียกสมบัติวิเศษออกมาอีก

แต่แรงกดวิญญาณที่แฝงอยู่ในกระแสคลื่นสีทองสายนั้นทรงอานุภาพเหนือความคาดหมายของทั้งสอง ตัดขาดการเชื่อมต่อระหว่างพวกเขากับสมบัติวิเศษทั้งสองขาดโดยพลัน ได้เพียงแต่มองมือขนาดยักษ์สีทองนั้นค่อยๆ เคลื่อนไหว เงาหมัดสีทองสลัวสิบกว่าสายส่งเสียงระเบิดแล้วยิงพุ่งออกไป พริบตาเดียวก็โจมตีไปยังศีรษะมารและแสงสีทองนั้น

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

หยางรองและจอมมารน้ำเต้าทองใจเต้นตุบ ก้าวถอยพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ต่างกระอักเอาเลือดสดๆ ออกมา

ศีรษะมารและแสงสีทองถูกเพียงเงาหมัดธรรมดาโจมตีจนเสียหาย สร้างความกระทบกระเทือนต่อมารที่จิตใจเชื่อมต่อกันทั้งสองอย่างหนัก

ยังดีที่ไม่ว่าจะศีรษะมารหรือแสงสีทองล้วนไม่ใช่สมบัติวิเศษประจำกายของทั้งสอง จึงทำให้พลังยุทธ์ถูกกระทบไปบ้างเพียงเล็กน้อย

แต่ถึงแม้เช่นนั้น หยางรองและจอมมารน้ำเต้าทองต่างตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด ต่างก้าวถอย มองไปยังฝ่ามือทอง ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีก

สำหรับเจ้าเมืองเซวี่ยยาถึงแม้จะตกใจกับเหตุประหลาดที่อยู่ต่อหน้าเช่นกัน แต่พื้นที่แห่งนี้ถูกจิตสังหารเจ็ดพิฆาตและแมลงมารกระดูกดำล้อมไว้แต่แรกแล้ว จึงไม่ได้แสดงสีหน้าร้อนรนออกมา เพียงแต่จดจ้องไปยังทุกสิ่งที่อยู่ท่ามกลางแสงโลหิตอย่างเย็นชา

เวลานั้นเอง ฝ่ามือสีทองก็ดับแสงลงแล้วหายวับไปในความว่างเปล่า และชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวผู้หนึ่งก็ปรากฏตัว ณ ที่นั่น

ชายหนุ่มใบหน้าดูธรรมดา มือข้างหนึ่งถืออิฐผลึกก้อนนั้นเอาไว้ สีหน้าดูสงบนิ่งอย่างมาก

“เจ้าคือผู้ใดกัน ไยจึงมาช่วงชิงของจากพวกข้า” หยางรองจ้องไปยังชายหนุ่ม แล้วถามขึ้นช้าๆ สีหน้าเคร่งขรึม

ตั้งแต่การประมือเมื่อครู่ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นน่ากลัวอย่างมาก จึงได้พยายามสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ

“ในเมื่อสหายคิดที่จะส่งมอบของสิ่งนี้อยู่แล้ว ข้าเอาไปจะเป็นอะไรด้วยเล่า ใช่แล้ว ในมือสหายปิ่งดูเหมือนยังมีตั้งสามก้อน เอาออกมาด้วยสิ” หานลี่กวาดสายตามองหยางรองปราดหนึ่ง แล้วพูดขึ้นเสียงเรียบ เลื่อนสายตาไปยังผู้เฒ่าดวงตาสีเงิน

“เจ้าช่างอาจหาญนัก คิดจะชิงอิฐศักดิ์สิทธิ์ไปต่อหน้าต่อตาข้า ซ้ำยังกล้าเหิมเกริมเอาความคิดนี้มาใช้กับข้าอีก ดูท่าคำพูดก่อนหน้านี้ เจ้าคงได้ยินหมดแล้วสินะ อิฐศักดิ์สิทธิ์ก้อนอื่นอยู่กับข้านี่แหละ เจ้าหากอยากใช้ชีวิตมาแลกเอาไป ก็เข้ามาเลย” เจ้าเมืองเซวี่ยยามองคะเนหานลี่อย่างถี่ถ้วน เมื่อพบว่าตัวเองไม่สามารถมองระดับพลังยุทธ์ของหานลี่ออกก็ใจเต้นตุบ แต่สีหน้าไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย

สำหรับเจ้าเมืองเซวี่ยยาผู้นี้ หากมีจิตสังหารเจ็ดพิฆาตและแมลงกระดูกดำคอยช่วย ต่อให้จอมมารขั้นปลายมาอยู่ต่อหน้าเขายังต้องขยาดถอย จึงไม่ได้เกรงกลัวคนแปลกหน้าที่อยู่ต่อหน้ามากนัก

“ดี ในเมื่อสหายพูดเช่นนี้ ผู้น้อยก็ขอเสียมารยาทแล้ว” หานลี่เมื่อได้ฟังเช่นนั้น ก็หาวหวอด ขยับตัวหนึ่งที แล้วสาวเท้าก้าวใหญ่เดินตรงไปหาเจ้าเมืองเซวี่ยยา

ดูไปแล้วเหมือนกับย่างก้าวตามปกติ แต่เงาร่างของหานลี่วูบไหว แล้วก้าวข้ามระยะทางนับสิบกว่าจั้งไปได้อย่างน่าประหลาด ทันใดนั้นก็ไปปรากฏยังที่ซึ่งไกลจากเจ้าเมืองเซวี่ยยาไปเพียงไม่กี่จั้ง

ผู้เฒ่าดวงตาสีเงินตกตะลึง แล้วสะบัดแขนเสื้ออย่างแรงโดยไม่มีเวลาให้คิด พริบตาเดียวแสงโลหิตก็แผ่กระเพื่อมไปทั่วทุกทิศสูงนับจั้งปกคลุมพื้นที่ข้างหน้าไว้ภายใน ท่วมหานลี่จนจมมิดไปในพริบตา

แต่ตัวเขาเองกลับพุ่งลอยถอยหลังไกลออกไปสามสิบกว่าจั้ง

พร้อมกันนั้นเอง ร่างจำแลงที่สวมชุดสีดำร่างนั้นก็เลือนรางอยู่ท่ามกลางแสงโลหิต แล้วหายรับไร้ร่องรอยอย่างเงียบกริบ

“เพียงแค่อานุภาพอันน้อยนิด คิดจะทำร้ายข้าหรือ” หานลี่หัวเราะหนึ่งที แสงสีทองที่อยู่ด้านหลังส่องสว่างขึ้นจ้า เทวรูปสามเศียรหกกรองค์หนึ่งกะพริบวาบปรากฏออกมา

เทวรูปนี้มีความสูงเต็มๆ ถึงสิบกว่าจั้ง มีใบหน้าที่เหมือนกับหานลี่สามดวง ดวงตาทั้งหกลืมขึ้น แขนทั้งหมดขยับพร้อมกัน ชั่วพริบตาเดียวแสงสีทองหกลูกก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ จากนั้นก็ลอยออกไป หลอมรวมกันเป็นหนึ่งด้านหน้าองค์พระ ควบแน่นเป็นวังวนสีทองใหญ่หลายจั้งลูกหนึ่ง

เสียงดังกึกก้อง!

กลางวังวนมีอักษรยันต์สีทองเงินจำนวนนับไม่ถ้วนลอยว่อนออกมา พละกำลังมาหาศาลอันยากจะต้านทานขุมหนึ่งพวยพุ่งออกมา แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ

และฉากที่น่าตกตระลึงก็ปรากฏ

แสงโลหิตกลิ่นคาวคละคลุ้งที่ฟุ้งกระจายอยู่นั้น ทันทีที่เข้าใกล้ตัวหานลี่ก็ต่างสั่นไหวพุ่งโถมลงไปกลางวังวนสีทอง เพียงชั่วอึดใจเดียว ปราณจิตสังหารโลหิตที่ตอนแรกดูหนักหน่วงรุนแรง ก็หายไปในความว่างเปล่าจำนวนไม่หน่อย

“เป็นไปไม่ได้”

เจ้าเมืองเซวี่ยยาผู้นั้นร้องเสียงหลงใบหน้าถอดสี แต่ก็ตั้งสติกลับได้อย่างรวดเร็ว ใช้มือทั้งสองข้างร่ายอาคมอย่างว่องไว

แสงโลหิตที่โถมพุ่งลงกลางวังวนสีทองในตอนแรก ทันใดนั้นก็เขย่าไหว ส่งเสียงระเบิดด้วยพลังรุนแรง พยายามที่จะฝืนดิ้นให้หลุดพ้นออกจากแรงดึงดูด

หานลี่เห็นเช่นนั้น ก็สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พลังปราณในกายพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที

วังวนสีทองส่งเสียงดัง ‘พรึ่บ’ เสียงหนึ่งขึ้นมาในทันที แล้วทันใดนั้นก็ขยายตัวใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว ใหญ่มโหฬารขึ้นถึงห้าหกจั้ง แรงดูดที่ออกมาจากด้านในเองก็รุนแรงขึ้นมาสิบเท่า

เสียงคำรามร้องดังขึ้นมาในฉับพลัน

แสงโลหิตทั้งหมดถูกทำให้บิดเบี้ยว ในที่สุดก็ถูกพลังมหาศาลฉีกกระชาก แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษแสงโลหิตจุดเล็กจุดน้อย โถมเข้าไปกลางวังวน

เจ้าเมืองเซวี่ยยาเหงื่อผุดพรายไปทั่วหน้าผาก นิ้วทั้งสิบร่ายอาคมสลับไปมาหมุนวนราวกับล้อเกวียน พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดึงเอาจิตสังหารโลหิตกลับ แต่ก็ไม่อาจแก้ไขสถานการณ์ได้

แสงโลหิตที่ปกลคุมไปทั่วฟ้าหายลับไปราวกับกระแสน้ำที่แตกออกจากเขื่อน ไม่เหลือแม้เพียงเศษเสี้ยวท่ามกลางความว่างเปล่า

“เจ้ากล้าจัดการกับจิตสังหารเจ็ดพิฆาตของข้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้า” ผู้เฒ่าดวงตาสีเงินไม่อาจจะรักษาท่าทีสงบนิ่งได้อีกต่อไป ตะคอกขึ้นด้วยความโกรธจัด ถูมือทั้งสองแล้วยื่นออกไปด้านนนอก

เพลิงอสุนีบาตสีน้ำเงินนับไม่ถ้วนถาโถมมาปกคลุมไปทั่วทุกสารทิศ

เมฆแมลงสีดำที่ล้อมอยู่นิ่งในตอนแรกเมื่อถูกกระตุ้นโดยผู้เฒ่า ก็ไม่ได้สนใจพวกหยางรองอีกต่อไป ส่งเสียงหวีดร้องแล้วบินโถมไปยังหานลี่

แมลงกระดูกดำแต่ละตัวล้วนแต่แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ร่างกายอันกระจิริดนั่นมีกำลังมหาศาลอย่างน่าอัศจรรย์ พูดถึงความน่าสะพรึงกลัวยังเหนือกว่าจิตสังหารเจ็ดพิฆาตไปอีกขั้น

ผู้เฒ่าดวงตาสีเงินไม่เชื่อว่าวังวนอันประหลาดนั่นจะยังสามารถดูดแมลงมารเข้าไปได้อีก

พร้อมกันนั้นเอง บนศีรษะของหานลี่เกิดคลื่นกระเพื่อม ไอดำจางๆ สายหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วพุ่งมาหาหานลี่

ท่ามกลางไอมารสีดำ มีเงาร่างเลือนรางร่างหนึ่ง นั่นก็คือร่างอวตารของเจ้าเมืองเซวี่ยยา

หานลี่สีหน้านิ่งเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่อาศัยจิตสัมผัสอันแก่กล้าจะถูกผู้อื่นลอบโจมตีสำเร็จได้อย่างไร เทวรูปหลังกายเพียงขยับหัตถ์ทั้งหก ลูกแก้วอัสนีบาตสีทองหกลูกก็ยิงพุ่งออกไป ปะทะเข้ากับไอดำที่กำลังพุ่งเข้ามา

เสียงกึกก้องน่าหวาดกลัวเสียงหนึ่งดังขึ้น แสงสีทองทั้งหกลูกทันใดนั้นก็แตกออก กลายเป็นสายฟ้าฟาดสีทองส่องสว่างอย่างน่าอัศจรรย์ กลบเงาร่างที่อยู่ในไอดำจนมิด

กลางเขตอาคม ประจุไฟฟ้าสีทองจำนวนไม่นับถ้วนปรากฏขึ้น ดูราวกับอสรพิษสีทองจำนวนไม่ถ้วนกำลังเลื้อยขด นั่นก็คืออัสนีเทวาปัดเป่าภยันตรายของหานลี่!

ด้วยระดับพลังยุทธ์ของหานลี่ในเวลานี้ ต่อให้ไม่ได้ใช้อาคมเรียกมาโดยเฉพาะ อานุภาพของอัสนีเทวาก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนหลายต่อหลายเท่า

เพียงแค่ร่างจำแลงระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้น ด้วยอำนาจแห่งการพิชิตของอัสนีเทวา แทบจะไม่อาจต้านทานอะไรได้เลย

ในวินาทีที่ประจุสายฟ้าสีทองแตะสัมผัส ไอดำก็สลายหายไปราวกับน้ำเจอไฟ ชั่วครู่เดียวก็ปรากฏให้เห็นร่างจำแลงผู้เฒ่าดวงตาสีเงินที่กำลังมีสีหน้าตื่นตระหนก

เขาถึงแม้จะปล่อยอาวุธมารจำนวนมากออกมาต้านทานสายฟ้า แต่ก็รับมือกับอานุภาพประจุสายฟ้าสีทองจำนวนนับร้อยได้เพียงชั่วครู่ แล้วส่งเสียงโหยหวนแหลกสลายปลิวว่อนไปท่ามกลางแสงสีทอง

ตอนที่ร่างอวตารของเจ้าเมืองเซวี่ยยาถูกทำลาย หานลี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเพลิงอัสนีสีน้ำเงินอันรุนแรงและเมฆแมลงสีดำ เขายื่นนิ้วข้างหนึ่งไปแตะเบาๆ ที่วังวนสีทอง พร้อมกันนั้นก็สะบัดแขนเสื้อไปทางมัน ลมคลุ้มคลั่งสายหนึ่งทันใดนั้นก็พัดขึ้น

วังวนขนาดยักษ์ยืดหด จากนั้นก็กะพริบอย่างรุนแรงแล้วปะทุแยกออก ถูกแรงลมพัดผลัก กลายเป็นแสงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศ ราวกับพายุฝน

เพลิงอสุนีบาตสีน้ำเงินถูกแสงสีทองเหล่านี้ทะลุผ่าน ก็เปล่งแสงกะพริบแล้วสลายไป แต่แมลงมารสีดำขนาดเท่าหัวแม่โป้งเหล่านั้นเมื่อถูกแสงสีทองแทงทะลุ ทำเพียงแค่กลิ้งเกลือกวุ่นวายไปมา แล้วก็บินโถมเข้ามาหาหานลี่ต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

สมกับที่เป็นหนึ่งในแมลงมารที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ในแดนมาร แมลงวิญญาณทั่วไปในแดนวิญญาณเทียบไม่ติดจริงๆ

หานลี่เห็นเช่นนั้น กลับหัวเราะขึ้นมา ใช้มือข้างหนึ่งคว้าไปในความว่างเปล่า แล้วเหวี่ยงลง วงแหวนสีดำวงหนึ่งก็ปรากฏออกมา

วงแหวนอันนี้เพียงแค่หมุนวนอยู่กลางอากาศ พริบตาเดียวจุดเล็กๆ สีทองก็พวยพุ่งออกมา ตามด้วยแสงสว่างส่องกะพริบ แล้วกลายร่างเป็นแมลงปีกแข็งขนาดยักษ์หลายตัว แต่ละตัวส่องประกายสีทอง ความยาวราวครึ่งฉื่อ จำนวนมากนับพันตัว

นั่นก็คือแมลงกลืนทองโตเต็มวัย

“ไป” หานลี่ชี้ไปยังเมฆแมลงสีดำที่กำลังโถมเข้ามา แล้วออกคำสั่งเสียงเรียบ

เสียงแมลงตีปีกดังขึ้นกระหึ่ม!

ปีกทั้งคู่ของแมลงกลืนทองกระพือ

เสียงกัดแทะอันน่าขนพองสยองเกล้าดังขึ้น ซากของแมลงมารสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนโปรยปรายร่วงลงมาจากท้องฟ้าราวกับสายฝน

แมลงมารกระดูกดำเหล่านี้ถึงแม้จะเก่งกาจ แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับแมลงกลืนทองโตเต็มวัย ทันทีที่ปะทะกันก็ตกอยู่ในสภาพต้านทานไม่อยู่ในทันที

เวลาเพียงครู่เดียว เมฆแมลงก็เบาบางลงไป เหลือเพียงจำนวนไม่กี่ร้อยตัว

และพื้นดินด้านล่าง มีซากแมลงกระจายเกลื่อนกลาดกองเป็นชั้น

หานลี่ไม่รู้สึกแปลกใจกับผลที่เกิดขึ้น เขามองไปยังผู้เฒ่าดวงตาสีเงินที่กำลังทำสีหน้าไม่อยากเชื่อปราดหนึ่งด้วยใบหน้าเรียบเฉย แล้วสะบัดแขนเสื้อเงียบๆ หนึ่งที พร้อมกับแค่นเสียงออกจมูก

ทันใดนั้นเมฆแมลงสีทองก็เกิดการเปลี่ยนทิศทาง เลิกสนใจแมลงมารกระดูกดำที่เหลือ แล้วพุ่งตรงไปยังผู้เฒ่า

ในตอนที่ร่างจำแลงของเจ้าเมืองเซวี่ยยาผู้นี้ถูกทำลายลงอย่างน่าเวทนา ดวงจิตถูกกระทบอย่างรุนแรง และแมลงมารที่ใช้โจมตีกลับถูกทำลายลงราบคาบอย่างง่ายดายเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีจิตใจหาญเหี้ยมมาโดยตลอด ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที แต่เมื่อเห็นแมลงสีทองน่าหวาดกลัวที่ไม่รู้จักพุ่งเข้ามา ก็ถึงกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบหันตัวกลับ แล้วหนีเอาตัวรอดโดยพลัน

และในเวลานั้นเอง เสียงเหยียดเยาะเย็นชาก็แว่วเข้ามากลางสองหู ฟังดูธรรมดาอย่างมาก แต่ทันใดนั้นก็ดังกระหึ่มขึ้นราวกับฟ้าผ่า ความเจ็บปวดเสียดแทงราวกับเหล็กหมาดทิ่มพลันปะทุขึ้นในดวงวิญญาณของเขา

เจ้าเมืองเซวี่ยยาได้เพียงแต่ร้องออกมาเพียงคำเดียวว่า “แย่แล้ว” จากนั้นร่างกายก็เขย่าไหวร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ

เมฆแมลงสีทองเคลื่อนไหวเพียงชั่วครู่ ก็บินร่อนลงไปยังที่ซึ่งเจ้าเมืองเซวี่ยยาตกลงไป เบียดเสียดกันทับร่างเขาไว้จนมิด

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

คัมภีร์วิถีเซียน (จบบริบูรณ์)

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท